เอกราช (พ.ศ. 2542)
พรรคเอกราช
พรรคเอกราชจดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมืองเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2542[1] โดยมีนายกิตติ์ เปรมกมล [2] ดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าพรรคพรรคเอกราชได้มีการเปลี่ยนแปลงเป็นการภายในเรื่อยมาดังจะเห็นได้จากการเปลี่ยนแปลงกรรมการบริหารพรรค เปลี่ยนแปลงข้อบังคับและนโยบายของพรรครวมเป็นจำนวน 4 ครั้ง [3] จนท้ายที่สุดพรรคเอกราชก็ได้ทำการเปลี่ยนชื่อพรรคไปเป็นพรรควิถีไทย [4] เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2543
ในส่วนของการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองอย่างเป็นทางการของพรรคนั้นในช่วงเวลาตั้งแต่เริ่มดำเนินการไปจนถึงช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงชื่อพรรคนั้น ไม่ปรากฏว่าพรรคเอกราชได้ดำเนินกิจกรรมทางการเมืองอย่างเป็นทางการแต่อย่างใด
รายละเอียดเกี่ยวกับนโยบายและการดำเนินการที่สำคัญมีดังต่อไปนี้คือ [5]
นโยบายด้านการเมือง
1.รักษาสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์และการปกครองตามระบอบประชาธิปไตย
2.พัฒนาโครงสร้างทางการเมืองให้มีประสิทธิภาพและนำเสนอมาตรการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในวงราชการ
นโยบายด้านการบริหาร
1.พัฒนาระบบราชการและการกระจายอำนาจการบริหารโดยปรับบทบาทภาครัฐจากผู้บริหารมาเป็นผู้ควบคุม
2.ส่งเสริมการกระจายอำนาจการบริหารและการคลังจากส่วนกลางไปสู่ท้องถิ่น
นโยบายด้านกฎหมาย
แก้ไขกฎหมายที่ล้าสมัยให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงในปัจจุบัน พร้อมทั้งยืดหยุ่นต่อสถานการณ์ในอนาคต
นโยบายด้านกระบวนการยุติธรรม
1.พัฒนากรับวนการยุติธรรมให้ทันสมัยและมีประสิทธิภาพ
2.ส่งเสริมบทบาทในการป้องกันและยับยั้งข้อพิพาทขั้นพื้นฐานพร้อมทั้งส่งเสริมการตรวจสอบสิทธิในการควบคุมตัว
3.พัฒนาศักยภาพขององค์กรและบุคคลากรของกระบวนการยุติธรรมให้สามารถแก้ไขปัญหาความไม่เป็นธรรมและข้อพิพาทในระดับสากลได้
นโยบายด้านเศรษฐกิจ พรรคมีนโยบายกอบกู้เอกราชทางเศรษฐกิจของชาติ โดยการพึ่งตนเองทางเศรษฐกิจตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง
นโยบายด้านการเกษตร
1.พัฒนาการเกษตรกรรมให้เป็นภาคการเกษตรที่สำคัญตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง
2.แก้ไขปัญหาหนี้สินของเกษตรกร
3.สนับสนุนให้มีการรวมกลุ่มของเกษตรกรเพื่อลดต้นทุนการผลิต
นโยบายด้านสังคม
1.ส่งเสริมให้ชุมชนสร้างความเข้มแข็งด้วยตนเอง
2.ให้ความคุ้มครองเด็ก สตรี และคนพิการมิให้ถูกเอารัดเอาเปรียบหรือถูกกดขี่ข่มเหง
นโยบายด้านศาสนา
1.ส่งเสริมศาสนาทุกศาสนาในสังคมไทย
2.สนับสนุนด้านงบประมาณอย่างเพียงพอ
3.สนับสนุนให้องค์กรทางศาสนาเป็นแกนนำในการพัฒนาจิตใจของประชาชน
นโยบายด้านสาธารณสุข
1.ให้บริการทางทางแพทย์และสาธารณสุขที่มีคุณภาพได้มาตรฐานทั้งภาครัฐและเอกชน
2.ส่งเสริมการผลิตและพัฒนาบุคคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขให้มีคุณภาพและปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการของสังคม
3.สนับสนุนงานวิจัยที่ใช้สมุนไพร
นโยบายด้านการศึกษาและวัฒนธรรม
1.ปรับปรุงหลักสูตรการเรียนการสอนทุกระดับ
2.ปรับปรุงบุคลากรที่เกี่ยวกับการศึกษาทุกระดับ
นโยบายด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม
1.พัฒนาบุคลากรด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีให้มีความเพียงพอทั้งปริมาณและคุณภาพ
2.ส่งเสริมงานวิจัยด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
นโยบายด้านความมั่นคง ส่งเสริมความเชื่อมั่นด้านความมั่นคงระหว่างประเทศ เพื่อลดความหวาดระแวงภายในภูมิภาค ด้วยการเข้าร่วมเวทีเจรจาด้านความมั่นคงของอาเซียน
นโยบายด้านการต่างประเทศ
1.มุ่งมั่นร่วมมือกับประเทศในกลุ่มอาเซียนและองค์กรสำคัญในระดับภูมิภาคและระดับโลก
2.ส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีกับประเทศเพื่อนบ้านและนานาชาติทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจและสังคม
3.ปรับปรุงระบบข่างสารให้ทันสมัย
อ้างอิง
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 116 ตอนพิเศษ 46ง หน้า 7
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 116 ตอนพิเศษ 46ง หน้า 58
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 116 ตอนพิเศษ 70ง หน้า 108, ราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 117 ตอนพิเศษ 82ง หน้า 45,ราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 116 ตอนพิเศษ 25ง หน้า 110,ราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 117 ตอนพิเศษ 92ง หน้า 15
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 117 ตอนพิเศษ 126ง หน้า 11
- ↑ สรุปความจากราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 116 ตอนพิเศษ 46ง หน้า 7-14