เสรีประชาไท (พ.ศ. 2549)
ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ รองศาสตราจารย์นรนิติ เศรษฐบุตร และ รองศาสตราจารย์ ดร.นิยม รัฐอมฤต
พรรคเสรีประชาไท
พรรคเสรีประชาไทได้รับการจดทะเบียนพรรคการเมืองเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2549[1] โดยมีนายพิศาล ยวงประสิทธิ์[2] ดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าพรรค (ในเรื่องของชื่อหัวหน้าพรรคนั้นได้มีความแตกต่างกันอยู่ระหว่างราชกิจจานุเบกษาเล่ม 123 ตอนที่ 74ง กับราชกิจจานุเบกษาเล่ม 125 ตอนที่ 23ง เป็นต้นไปที่ได้เปลี่ยนจากนายพิศาล ยวงประสิทธิ์เป็นนายยศวัจน์ ยวงประสิทธิ์ ซึ่งในราชกิจจานุเบกษามิได้แจ้งถึงการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวแต่อย่างใด)
ในการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองของพรรคเสรีประชาไทยอย่างเป็นทางการนั้น ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2550 นั้นพรรคเสรีประชาไทมิได้ส่งผู้สมัครรับการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบสัดส่วนและแบบแบ่งเขตเลยแม้แต่คนเดียว
รายละเอียดเกี่ยวกับนโยบายและการดำเนินการที่สำคัญมีดังต่อไปนี้คือ [3]
นโยบายทางการเมืองภายในประเทศ
1.ส่งเสริมเสรีภาพของสื่อมวลชน
2.สร้างความสมานฉันท์ของผู้คนในสังคม
3.ประกันความเป็นอิสระของฝ่ายตุลาการ
4.ส่งเสริมสิทธิเสรีภาพของประชาชน
5.แก้ไขกฎหมายบางอย่างที่ล้าหลังและยังไม่เป็นประชาธิปไตย
6.กระจายอำนาจจากส่วนกลางไปสู่ภูมิภาคและท้องถิ่น
7.ป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ
8.ส่งเสริมการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน
9.ปรับปรุงการกำหนดขอบเขตอำนาจหน้าที่ และวิธีการดำเนินงาน ให้มีความชัดเจน
10.ลดความซับซ้อนของโครงสร้างการจัดการของส่วนราชการ โดยการยุบรวมเป็นหน่วยงานเดียวกัน
นโยบายทางการเมืองระหว่างประเทศ
1.ใช้เอกลักษณ์ของชาติเป็นแนวทางการดำเนินนโยบายการต่างประเทศ โดยแสดงออกซึ่งความเป็นนโยบายอิสระ
2.ดำเนินนโยบายเป็นมิตร ไม่แทรกแซงความขัดแย้งระหว่างคู่พิพาท แต่จะสนับสนุนวิธีการระงับความขัดแย้งด้วยหลักสันติวิธี
3.ส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีทางด้านเศรษฐกิจ
4.ป้องกันพฤติกรรมจากต่างชาติที่จะมีผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
5.ทบทวนปรับปรุงแก้ไขสนธิสัญญาที่เสียเปรียบต่างชาติ
6.ยึดมั่นในกฎบัตรสหประชาชาติ
นโยบายด้านเศรษฐกิจ
1.ปรับปรุงแผนพัฒนาเศรษฐกิจให้สอดคล้องและส่งเสริมซึ่งกันและกัน
2.ปรับระบบการถือทุนในลักษณะผูกขาด เพื่อให้มีการกระจายทุนอันจะทำให้ระบบเศรษฐกิจของชาติมีเสถียรภาพ
3.สร้างความสัมพันธ์ระหว่างความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจและการขยายตัวของประชากรให้สมดุลกัน
นโยบายด้านเกษตรกรรมและอุตสาหกรรม
1.ประกันการผลิตและราคาผลิตผลของเกษตรกร
2.ปลดเปลื้องภาระหนี้สินของเกษตรกร
3.สนับสนุนสถาบันเกษตรให้มีประสิทธิภาพ
4.ส่งเสริมอุตสาหกรรมท่องเที่ยว อุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อม
5.เร่งรัดการสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกและจำเป็นพื้นฐานให้เพียงพอ เพื่อให้สอดคล้องกับการพัฒนาอุตสาหกรรม
6.ควบคุมมลภาวะที่เกิดจากโรงงานอุตสาหกรรมอย่างเข้มงวด
นโยบายด้านสังคม
1.แก้ไขปัญหาสังคมบนพื้นฐานของการแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจ
2.ส่งเสริมให้มีการประกันสังคมแก่ประชาชนทุกคน
3.ปฏิรูปหน่วยงานราชการที่มีหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อย
4.ส่งเสริมให้หญิงและชายมีสิทธิเท่าเทียมกัน
5.กระจายความเจริญทุกด้านสู่ชนบท
6.สนับสนุนให้ประชาชนหันมาออกกำลังกาย
7.ฟื้นฟู ส่งเสริมและเชิดชูวัฒนธรรมไทยและป้องกันวัฒนธรรมต่ำทรามจากในและนอกประเทศ
8.ปลูกฝังความเป็นชาตินิยม
9.ส่งเสริมและรักษาพุทธศาสนา
นโยบายด้านการศึกษา
1.ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา ส่งเสริมการศึกษานอกโรงเรียน ขยายการศึกษาภาคบังคับ
2.สนับสนุนให้มีการผลิตบุคคลากรในสาขาวิชาชีพที่ขาดแคลนและสำคัญต่อการพัฒนาประเทศในอนาคต
3.ปรับปรุงและพัฒนาหลักสูตรการศึกษา
4.ขยายโอกาสทางการศึกษาแก่ผู้ด้อยโอกาสและผู้พิการ
นโยบายด้านแรงงานและสวัสดิการสังคม
1.แก้ไขปรับปรุงกฎหมายและประกาศคำสั่งต่างๆ ที่ไม่เป็นธรรมเกี่ยวกับแรงงาน
2.ขยายการจ้างงานทั้งภาครัฐและเอกชนให้มากขึ้น
3.เพิ่มความมั่นคงและหลักประกันในการทำงานแก่ผู้ใช้แรงงาน
4.สนับสนุนการจัดตั้งสหภาพแรงงาน
5.ส่งเสริมการฝึกอาชีพ
นโยบายด้านสาธารณสุข
1. ส่งเสริมภาคเอกชนให้มีส่วนร่วมบริการสาธารณสุข
2.เร่งขยายโรงพยาบาลในชนบทให้เพียงพอ
3.จัดตั้งโรงเรียนแพทย์ขึ้นในภูมิภาคต่าง ๆ
4.จัดระบบการสงเคราะห์รักษาพยาบาลแก่ผู้มีรายได้น้อยด้วยประกันสังคม
นโยบายด้านความปลอดภัยและกระบวนการยุติธรรม
1. ปรับปรุงกฎหมายและกฎระเบียบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยต่อชีวิต ทรัพย์สินและกระบวนการยุติธรรมให้เหมาะสม
2.เผยแพร่การศึกษากฎหมายและกฎระเบียบที่จำเป็นและเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน
3.ปรับปรุงอัตราการครองชีพของตำรวจให้เหมาะสม
4.สนับสนุนการจัดตั้งศาลจราจร
5.จัดตั้งศาลปกครอง
6.กำหนดมาตรการควบคุมการครอบครองอาวุธ
7.ปรับปรุงเรือนจำและสถานที่คุมขัง
นโยบายด้านทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม
1.พิทักษ์ทรัพยากรที่มีคุณค่าของชาติ
2.ป้องกันการปัญหามลภาวะและสิ่งแวดล้อมเป็นพิษ
3.พัฒนาการใช้พลังงานจากธรรมชาติให้เกิดประโยชน์สูงสุด
นโยบายด้านการป้องกันประเทศและความมั่นคง
1.ส่งเสริมให้กองทัพช่วยพัฒนาของประเทศ
2.ปรับปรุงสวัสดิการของกองทัพ
3.ให้มีการปรับปรุงยุทธศาสตร์ในการป้องกันประเทศ
4.ผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์ขึ้นใช้เอง
นโยบายด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
1.สนับสนุนให้มีการแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีที่เป็นประโยชน์ต่อชาติและนานาชาติ
2.พัฒนาบุคลากรด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
3.สนับสนุนและส่งเสริมบทบาทของเอกชนให้มีส่วนช่วยในโครงการพัฒนาและใช้เทคโนโลยีในวิสาหกิจต่างๆ