สยามสันติ (พ.ศ. 2550)

จาก ฐานข้อมูลการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า

ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ รองศาสตราจารย์นรนิติ เศรษฐบุตร และ รองศาสตราจารย์ ดร.นิยม รัฐอมฤต



พรรคสยามสันติ

พรรคสยามสันติ มีชื่อย่อ สส. ชื่อภาษาอังกฤษ Siam Santi Party ชื่อย่อ ST. วันที่จดทะเบียนตั้งพรรค 3 ตุลาคม 2550 นายทะเบียนพรรคการเมืองที่ลงชื่อรับรองพรรค อภิชาต สุขัคคานนท์ ทะเบียนพรรคการเมือง เลขที่ 28/2550 (ตามมาตรา 14 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2541) ที่ตั้งพรรค สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ 333 หมู่ที่ 5 ซอย 28 (โอ.พี.เฮาส์.) ถนนโชตนา ตำบลดอนแก้ว อำเภอ แม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ รหัสไปรษณีย์ 50180 โทร. 0817160475

พรรคสยามสันติใช้เครื่องหมายเป็นภาพรูปโลก อยู่ภายในวงกลมมีคำว่า “พรรคสยามสันติ” คำว่าสยามสันติ หมายถึงสัญลักษณ์แห่งบารมีธรรม อันมีความบริสุทธิ์ ตลอดจนความสงบสุขและสันติภาพของปวงชนทุกหมู่เหล่า โดยภาพลูกโลก หมายถึง ความมั่นคงของสังคมและประเทศชาติ

นายชัช สุขประชา หัวหน้าพรรคกล่าวว่าพรรคสยามสันติเน้นฐานเสียงในภาคเหนือ-อีสาน ชู 4 นโยบายประกอบไปด้วย แนวทางการพัฒนาเมืองน่าอยู่ แนวทางประชาชนอยู่เย็นเป็นสุข แนวทางในการส่งเสริมให้คนดีมีความสามารถได้มีบทบาทในการปกครองและบริหารบ้านเมือง และแนวทางในการพัฒนาพื้นที่เป็นสำคัญ ภายใต้วิสัยทัศน์ บ้านเมืองน่าอยู่ เชิดชูคุณธรรม นำประชาชนอยู่เย็นเป็นสุข

สำหรับกลยุทธ์ในการขับเคลื่อนการดำเนินงานของพรรคนั้นจะมีการขับเคลื่อนโดยกำหนดเป็นนโยบายแห่งรัฐ 4 ส่วนด้วยกันคือกลยุทธ์ในการขับเคลื่อนโดยผ่านการดำเนินการของส่วนราชการส่วนกลาง กระทรวง ทบวง กรม กลยุทธ์ในการขับเคลื่อนโดยผ่านการดำเนินการของส่วนราชการภูมิภาค จังหวัด อำเภอ กลยุทธ์ในการขับเคลื่อนโดยผ่านการดำเนินการของส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และ กลยุทธ์ในการขับเคลื่อนโดยผ่านองค์กรชุมชนระดับตำบล หมู่บ้าน องค์กรเครือข่ายภาคประชาชน องค์กรประชาชนในพื้นที่ดำเนินการโดยประชาชน

นายชัชกล่าวเสริมว่าในส่วนของเป้าหมายในการพัฒนาประเทศนั้น จะเน้นการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มีเศรษฐกิจภายในประเทศที่เข้มแข็ง ประชาชนต้องมีรายได้ดีไม่ยากจนและมีคุณภาพชีวิตที่ดี รวมทั้งประเทศจะต้องมีทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน ภายใต้ยุทธศาสตร์ในการพัฒนาที่เน้นการพัฒนาชี้ความสามารถในการแข่งขันของประเทศ การแก้ไขปัญหาความยากจนและการกระจายรายได้ การพัฒนาทุนทางสังคมและการพัฒนาประเทศที่ยั่งยืน โดยเน้นเปิดฐานเสียงในพื้นที่ภาคเหนือกับภาคอีสานเป็นสำคัญ เนื่องจากมองว่าเป็นพื้นที่ซึ่งจะสามารถแย่งชิงส่วนแบ่งเก้าอี้ ส.ส.จากผู้สมัครของพรรคการเมืองอื่นได้

นอกจากนี้พรรคยังเสนอแนวทางรูปแบบการพัฒนาเมืองน่าอยู่แบ่งเป็นด้านต่างๆ ดังนี้ ด้านกายภาพ พรรคจะจัดสังคมไทยให้เป็นเมืองที่มีการวางผังและการจัดการสาธารณูปโภค สาธารณูปการ มีระบบคมนาคมขนส่ง การจัดการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การใช้ประโยชน์ในที่ดินที่ไม่ก่อให้เกิดมลพิษ และความเดือดร้อนปลอดจากอุทกภัยและภัยพิบัติต่าง ๆ มีศูนย์บริการต่าง ๆให้ประชาชนที่เพียงพอ

ในทางเศรษฐกิจ เป็นเมือง/ชุมชน ที่มีกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ประชาชนมีงานทำที่หลากหลายประเภทตามความถนัดของชุมชน มีรายได้พอเพียง มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มีการค้าขายแลกเปลี่ยนโดยการหักบัญชี (Account trade) และโครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ ด้านสังคมเป็นเมืองที่มีพลเมืองมีระเบียบวินัย ประพฤติตนตามกฎหมายมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน มีสุขภาพอนามัยที่ดี ทั้งกายและใจ มีโอกาสรับการศึกษาและพัฒนาศักยภาพของตนเองอย่างกว้างขวาง และเท่าเทียมกัน มีคุณธรรม ศีลธรรมและจริยธรรม เป็นสังคมแห่งการเรียนรู้อย่างทันสมัยและพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงและเยาวชนให้ห่างไกลสิ่งเสพติด

ด้านสิ่งแวดล้อม เป็นเมืองที่มีมรดกทางวัฒนธรรม ที่หลากหลายมีเอกลักษณ์เฉพาะมีปราชญ์ชาวบ้านเป็นความภูมิใจของชุมชน รักษาสิ่งแวดล้อมและดึงนักท่องเที่ยวจากต่างถิ่นสร้างรายได้อย่างยั่งยืน ด้านบริหารจัดการ เป็นเมืองที่มีผู้บริหารจัดการที่มีความสามารถปฏิบัติงานเพื่อประชาชนและสังคมอย่างถูกต้องยุติธรรมรับรู้ข่าวสารได้อย่างกว้างขวาง รวดเร็ว ถูกต้อง โปร่งใส ตรวจสอบได้ระดับประเทศ พัฒนาเมืองและชนบทให้สอดคล้อง สนับสนุน และเกื้อกูลกัน จัดระเบียบและกำหนดเขตการใช้ประโยชน์ที่ดิน (Zoning) ให้ชัดเจน กระจายโอกาสทางเศรษฐกิจ การศึกษา และบริการพื้นฐานอย่างเท่าเทียม สร้างขีดความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจและเป็นหุ้นส่วนกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างสมประโยชน์

แม้พรรคสยามสันติยังดำเนินกิจกรรมทางการเมืองอย่างเต็มที่ ทว่าในวันที่ 4 มีนาคม 2552 ที่ประชุมคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้เห็นชอบให้นายทะเบียนพรรคการเมืองนายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต. ประกาศในราชกิจจานุเบกษาให้พรรคการเมืองสิ้นสภาพความเป็นพรรคการเมือง จำนวน 26 พรรค เนื่องจากมีสมาชิกไม่ถึง 5,000 คน หรือไม่ได้ดำเนินการให้มีสาขาพรรคอย่างน้อยภาคละหนึ่งสาขา ซึ่งมีชื่อพรรคพลังแผ่นดินอยู่ในลำดับที่ 13


ที่มา

ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 125 ตอนที่ 4ง (7 มากราคม 2551), น. 65 - 94.

กกต. สั่ง 26 พรรคการเมืองสิ้นสภาพ. http://www.bangkokbiznews.com/home/news/politics