2 มีนาคม พ.ศ. 2477

จาก ฐานข้อมูลการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า
รุ่นแก้ไขเมื่อ 11:10, 17 ธันวาคม 2555 โดย Apirom (คุย | ส่วนร่วม) (หน้าที่ถูกสร้างด้วย ''''ผู้เรียบเรียง''' ศ.นรนิต เศรษฐบุตร ---- '''ผู้ทรงคุณวุ...')
(ต่าง) ←รุ่นแก้ไขก่อนหน้า | รุ่นแก้ไขล่าสุด (ต่าง) | รุ่นแก้ไขถัดไป→ (ต่าง)

ผู้เรียบเรียง ศ.นรนิต เศรษฐบุตร


ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ รองศาสตราจารย์ ดร.นิยม รัฐอมฤต


วันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2477 เป็นวันที่มีความสำคัญทางการเมืองของประเทศไทยมาก เพราะเป็นวันที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวได้สละราชสมบัติ ขณะนั้นพระองค์ได้ประทับอยู่ที่ประเทศอังกฤษพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวเป็นพระมหากษัตริย์อยู่ในวันที่เกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครองแผ่นดิน เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 ที่กรุงเทพ ตอนนั้นพระองค์ท่านได้เสด็จแปรพระราชฐานประทับอยู่ที่วังไกลกังวล อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ การเปลี่ยนแปลงการปกครองแผ่นดินของ “คณะราษฎร” ที่นำกำลังทหารมาชุมนุมและกุมตัวบุคคลสำคัญในรัฐบาลไว้ สามารถดำเนินการลุล่วงไปโดยไม่มีการรบพุ่งฆ่าฟันกันเองเกิดขึ้นนั้น ก็เพราะพระองค์ได้ตกลงรับเป็นกษัตริย์ตามรัฐธรรมนูญ อันเป็นการเสียสละเพื่อประเทศชาติ และทรงพระราชทานกติกาการปกครองชั่วคราวตามที่คณะราษฎรได้ขอ คือ พระราชบัญญัติธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยามชั่วคราว วันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2475

ครั้นถึงวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2475 เมื่อทางสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญฉบับถาวรเสร็จ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวก็ได้พระราชทานรัฐธรรมนูญ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2475 แต่การเมืองในประเทศหลังเปลี่ยนแปลงการปกครองยังมีความขัดแย้งกันอยู่ทั้งจากภายในคณะผู้เปลี่ยนแปลงการปกครองและนอกคณะผู้เปลี่ยนแปลงการปกครองจนทำให้มีการยึดอำนาจในวันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2476 ของพันเอกพระยาพหลพลพยุหเสนา กับพันตรีหลวงพิบูลสงคราม และมีกบฏบวรเดชในช่วงกลางเดือนตุลาคม พ.ศ. 2476

ในวันที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2476 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวพร้อมกับพระราชินีได้เสด็จพระราชดำเนินไปต่างประเทศเพื่อรักษาพระองค์ และต่อมาเมื่อวันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2477 พระองค์ก็ได้มีพระราชหัตถเลขาถึงเจ้าพระยาศรีธรรมาธิเบศ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นผู้แทนรัฐบาลที่ลอนดอน ทรงสละราชสมบัติ ดังมีความตอนหนึ่งในพระราชหัตถเลขาที่ขอยกมาดังนี้

“ข้าพเจ้ามีความเต็มใจที่จะสละอำนาจอันเป็นของข้าพเจ้าอยู่แต่เดิมให้แก่ราษฎรโดยทั่วไป แต่ข้าพเจ้าไม่ยินยอมยกอำนาจทั้งหลายของข้าพเจ้าให้แก่ผู้ใด คณะใดโดยเฉพาะ เพื่อใช้อำนาจนั้นโดยสิทธิขาด และไม่ฟังเสียอันแท้จริงของราษฎร”