นโยบายใต้ร่มเย็น

จาก ฐานข้อมูลการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า
รุ่นแก้ไขเมื่อ 15:30, 5 ตุลาคม 2554 โดย Apirom (คุย | ส่วนร่วม)
(ต่าง) ←รุ่นแก้ไขก่อนหน้า | รุ่นแก้ไขล่าสุด (ต่าง) | รุ่นแก้ไขถัดไป→ (ต่าง)

ผู้เรียบเรียง รองศาสตราจารย์ ดร.นครินทร์ เมฆไตรรัตน์


ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ รองศาสตราจารย์นรนิติ เศรษฐบุตร และ รองศาสตราจารย์ ดร.นิยม รัฐอมฤต


นโยบายใต้ร่มเย็น

นโยบาย “ใต้ร่มเย็น” เป็นมาตรการที่รัฐบาลและกองทัพภาคที่ 4 นำมาใช้สำหรับแก้ปัญหาความไม่สงบและปราบปรามกลุ่มที่เป็นปฏิปักษ์กับอำนาจรัฐและเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของประเทศในนามผู้ก่อการร้ายกลุ่มต่างๆ ได้แก่ กลุ่มผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ ขบวนการโจรก่อการร้าย โจรคอมมิวนิสต์มาลายา และกลุ่มโจรต่างๆ ในเขตพื้นที่ภาคใต้ ช่วง พ.ศ. 2524 - 2527

เงื่อนไขและปัจจัยที่นำไปสู่การประกาศใช้นโยบาย “ใต้ร่มเย็น”

สถานการณ์ปัญหาความไม่สงบและความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในพื้นที่ภาคใต้ในอดีตอันเป็นผลพวงเนื่องมาจากการกระทำอันเป็นปฏิปักษ์ต่อความมั่นคงของชาติที่เกิดจากกลุ่มต่างๆ ทั้งพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยสาขาภาคใต้ (พคท. สาขาภาคใต้) ขบวนการโจรก่อการร้ายแบ่งแยกดินแดน (ขจก.) โจรจีนคอมมิวนิสต์มลายา (จคม.) ตลอดจนอิทธิพล อำนาจมืดและกลุ่มโจรอื่นๆ เป็นปัญหาที่สะสมมายาวนานและค่อนข้างจะสลับซับซ้อนและมีผลกระทบเกี่ยวเนื่องกันเป็นลูกโซ่ นำไปสู่สถานการณ์ที่รุนแรงมากยิ่งขึ้นอยู่ตลอดเวลา

โดยเฉพาะการการถือกำเนิดขึ้นของกองกำลังติดอาวุธของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยในนาม “กองทัพปลดแอกประชาชนแห่งประเทศไทย – ทปท” (People’s Liberation Army of Thailand -PLAT) เมื่อ พ.ศ. 2512[1] และได้ขยายพื้นที่รวมถึงขยายแนวรวมออกไปครอบคลุมจังหวัดต่างๆ ของประเทศจนนำไปสู่การปราบปรามอย่างรุนแรงตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ พ.ศ. 2495 และการดำเนินมาตรการปราบปรามที่รุนแรงในลักษณะ “การเหวี่ยงแห” ของรัฐบาลสมัยจอมพลถนอม กิตติขจร และจอมพลประภาพ จารุเสถียร ซึ่งเป็น

  1. if:
{{#if:|
border: 1px solid #AAAAAA;

}}" class="cquote"

width="20" valign="top" style="color:#B2B7F2;font-size:{{#switch: 10px=20px 30px=60px 40px=80px 50px=100px 60px=120px “...การดำเนินการปราบปรามในลักษณะของการ “คุกคาม”…” และ “...ดำเนินไปอย่างต่อเนื่องและรุนแรงมากยิ่งขึ้นใน พ.ศ. 2514 ภัยจากการดำเนินนโยบาย 3 เรียบ (จับเรียบ ฆ่าเรียบ และเผาเรียบ) ส่งผลที่โหดร้ายต่อประชาชนในพื้นที่จังหวัดภาคใต้เป็นอย่างมาก มีการจับผู้ต้องสงสัยอย่างเหวี่ยงแห และถูกใส่ร้ายโดยไม่ผ่านกระบวนการยุติธรรมที่เป็นแบบแผนของอารยชน แต่อยู่ภายใต้อำเภอใจของผู้ปราบปรามที่ไม่ได้ผ่านการศึกษาในสถาบันที่สอนและยกระดับจิตใจให้เห็นคุณค่าของศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และสิทธิในทางการเมืองของพลเมืองอย่างเพียงพอ ผู้ต้องสงสัยจำนวนมากถูกจับใส่กระสอบป่านเอาขึ้นเครื่องบินแล้วไปถีบลงเขาที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช จับกุมผู้คนและเผาบ้านทั้งหมู่บ้านที่ควนหินกอง อำเภอทุ่งสง จับกุมผู้คนและเผาในถังแดง (ถังน้ำมัน 200 ลิตร) จำนวนมาก ปรากฏตามเอกสารหลายแห่งระบุว่ามีจำนวนถึง 3,008 ศพ ... หลายๆ คนถูกจับไปยิงทิ้ง ญาติพี่น้องที่อยู่ข้างหลังต่างพากันหวาดกลัวต่อการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐบาลมาก ต้องหลบหนีอตัวรอด บางคนทิ้งถิ่นฐาน หลายคนขอเข้าร่วมกับ พคท. ทำให้กำลังของ พคท. เติบใหญ่อย่างรวดเร็ว... [2] width="20" valign="bottom" style="color:#B2B7F2;font-size:{{#switch: 10px=20px 30px=60px 40px=80px 50px=100px 60px=120px
{{#if:|

—{{{4}}}{{#if:|, {{{5}}}}}

}}

}}

จนกระทั่ง พ.ศ. 2515 กระทรวงมหาดไทยได้ออกประกาศกำหนดเขตพื้นที่แทรกซึมของคอมมิวนิสต์ในพื้นที่ต่างๆ สำหรับภาคใต้ ประกอบด้วย สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ตรัง พัทลุง สงขลา ปัตตานี นราธิวาส ยะลา และสตูล[3]

การขยายตัวอย่างรวดเร็วของสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยช่วงระหว่าง พ.ศ. 2505 – 2519 ในแง่หนึ่งเป็นผลมาจากนโยบายต่อต้านลัทธิคอมมิวนิสต์และการปราบปรามอย่างรุนแรงโดยอาศัยกรอบของพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ พ.ศ. 2495 โดยการก่อตั้งกองอำนวยการปราบปรามคอมมิวนิสต์ (กอ.ปค.) ขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2508 ภายใต้นโยบาย “ปรามให้สิ้นซาก แล้วพัฒนาตามหลัง” และมาตรการทางการทหารในรูปแบบของการทำสงครามโดยการประกาศกฎอัยการศึก และให้อำนาจศาลทหารเป็นผู้พิจารณาคดีความผิดต่อ พ.ร.บ. คอมมิวนิสต์ตามประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 12 ทำให้ พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยเป็นพรรคการเมืองที่ผิดกฎหมายนำไปสู่การต่อสูด้วยอาวุธที่เกิดขึ้นใน พ.ศ. 2512[4] และได้ขยายพื้นที่ตามลำดับ

ด้วยเหตุนี้ ในสมัยพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจึงได้ออกคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 66/2523 เรื่องนโยบายการต่อสู้เพื่อเอาชนะคอมมิวนิสต์ “...ด้วยการรุกทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง...งานการทหารจะต้องสนับสนุนและส่งเสริมให้บรรลุภารกิจงานการเมืองเป็นสำคัญ...”[5] ซึ่งเป็นการอาศัยแนวทางของคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 110/2512 เรื่องการป้องกันและปราบปรามผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ ลงวันที่ 30 พฤษภาคม 2512 ที่สรุปสาระสำคัญไว้ว่า “... การปราบปรามผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์นั้น ให้ใช้มาตรการทางการเมืองเป็นหลัก ให้หลีกเลี่ยงมาตรการทางการทหารและปฏิบัติการด้วยวิธีการรุนแรงใดๆ มาตรการทางกฎหมายหรือการใช้กำลังให้ปฏิบัติเมื่อจำเป็นเท่านั้น...” [6]

ผลจากการดำเนินการปราบปรามโดยอาศัยแนวทางดังกล่าวทำให้ปัญหาภัยคุกคามความมั่นคงตลอดจนสถานการณ์ความไม่สงบได้เริ่มคลี่คลายลง โดยเฉพาะปัญหาพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย มีสมาชิกจำนวนหนึ่งได้เข้ามอบตัวในฐานะผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยเพิ่มมากขึ้นตามลำดับ

ในขณะเดียวกันพื้นที่ภาคใต้ยังประสบกับปัญหาที่เป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงและก่อความไม่สงบในพื้นที่ เป็นต้นว่า โจรจีนคอมมิวนิสต์มลายา ขบวนการโจรก่อการร้าย และความขัดแย้งระหว่างไทยพุทธและไทยมุสลิม ตลอดจนอิทธิพลมืด ซึ่งปัญหาต่างๆ เหล่านี้ได้ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างไทยและมาเลเซีย และสร้างปัญหาความขัดแย้งระหว่างชายแดนไทยและมาเลเซียด้วย จากปัจจัยและเงื่อนไขดังกล่าว เมื่อพลโทหาญ ลีนานนท์ ดำรงตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 4 และในฐานะผู้อำนวยการป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ภาค 4 ซึ่งเป็นผู้มีส่วนสำคัญในการผลักดันการประกาศใช้นโยบายการเมืองนำการทหาร ที่ 66/2523 จึงได้ออกคำสั่งกองทัพภาคที่ 4 ที่ 751 / 2524 คำสั่งกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ที่ 448/2524 เรื่อง นโยบายใต้ร่มเย็น เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2524 เพื่อใช้เป็น “แนวความคิด” และ “ยุทธศาสตร์ในการเอาชนะศัตรูของชาติทางภาคใต้” โดยอาศัยพื้นฐานของนโยบาย 66/2523

สาระสำคัญของนโยบาย “ใต้ร่มเย็น”

เนื้อหาสาระของคำสั่งกองทัพภาคที่ 4 ที่ 751 / 2524 คำสั่งกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ที่ 448/2524 เรื่อง นโยบายใต้ร่มเย็น เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2524 ซึ่ง “...แท้จริงแล้วก็เป็นส่วนหนึ่งของนโยบาย 66/2523...” ที่แม่ทัพภาคที่ 4 ได้รับนโยบายไปปฏิบัติ ดังคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 66/2523 เรื่อง นโยบายการต่อสู่เพื่อเอาชนะคอมมิวนิสต์ ข้อ 3 นโยบาย ที่ว่า

  1. if:
{{#if:|
border: 1px solid #AAAAAA;

}}" class="cquote"

width="20" valign="top" style="color:#B2B7F2;font-size:{{#switch: 10px=20px 30px=60px 40px=80px 50px=100px 60px=120px ...ต่อสู้เพื่อเอาชนะคอมมิวนิสต์ให้เสร็จสินอย่างรวดเร็วด้วยการรุกทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง เน้นหนักในการปฏิบัติการทั้งปวง เพื่อลิดรอนทำลายขบวนการแนวร่วมและกองกำลังติดอาวุธเพื่อยุติสถานการณ์ปฏิบัติเพื่อสร้างสถานการณ์สงครามประชาชาติด้วยนโยบายเป็นกลาง และขยายผลจากโอกาสที่เปิดให้เพื่อเปลี่ยนแนวทางการต่อสู้ด้วยอาวุธมาเป็นการต่อสู้ในแนวทางสันติ... width="20" valign="bottom" style="color:#B2B7F2;font-size:{{#switch: 10px=20px 30px=60px 40px=80px 50px=100px 60px=120px
{{#if:|

—{{{4}}}{{#if:|, {{{5}}}}}

}}

}}

และในคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ 5/2524 เรื่องชี้แจงนโยบายตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 66/ 2523 ลงวันที่ 23 เมษายน 2523 ได้กล่าวว่า

  1. if:
{{#if:|
border: 1px solid #AAAAAA;

}}" class="cquote"

width="20" valign="top" style="color:#B2B7F2;font-size:{{#switch: 10px=20px 30px=60px 40px=80px 50px=100px 60px=120px “...การรุกทางการเมืองนี้ หมายถึง การชิงทำลายหรือขจัดเงื่อนไขทางการเมืองหรือเงื่อนไขสงคราม ก่อนที่พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยจำนำเงื่อนไขไปใช้ประโยชน์ เพื่อสร้างมวลชนพื้นฐานให้เข้าร่วมในขบวนการปฏิบัติ การรุกทางการเมืองจึงเป็นการทำลายแนวร่วมสลายพรรคและยุติการต่อสู้ด้วยกำลังอาวุธ ซึ่งมีผลให้ยุติสงครามปฏิวัติของพรรคคอมมิวนิสต์ไทยได้ในที่สุด...” width="20" valign="bottom" style="color:#B2B7F2;font-size:{{#switch: 10px=20px 30px=60px 40px=80px 50px=100px 60px=120px
{{#if:|

—{{{4}}}{{#if:|, {{{5}}}}}

}}

}}

ซึ่งเมื่อพลโท หาญ ลีลานนท์ เข้ารับตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 4 ได้กล่าวต่อหน้าสื่อมวลชนว่า

  1. if:
{{#if:|
border: 1px solid #AAAAAA;

}}" class="cquote"

width="20" valign="top" style="color:#B2B7F2;font-size:{{#switch: 10px=20px 30px=60px 40px=80px 50px=100px 60px=120px ... ผมจะไปแก้ปัญหาภาคใต้ และขอให้มั่นใจกับทุกๆ คนว่า เมื่อผมมารับตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 4 ผมจะให้ความเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการ ทหาร ตำรวจ เราต้องรวมกันได้ ราษฎรที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจะต้องหาทางแก้ไข ปัญหาผู้มีอิทธิพลต้องหาข้อมูลว่า อะไรเป็นเงื่อนไขการแตกแยกของคนไทยมุสลิมและไทยพุทธเราต้องขจัดออกไป ความสัมพันธ์ระหว่างคนไทยและมาเลเซียจะต้องยกระดับอันดีต่อกัน... width="20" valign="bottom" style="color:#B2B7F2;font-size:{{#switch: 10px=20px 30px=60px 40px=80px 50px=100px 60px=120px
{{#if:|

—{{{4}}}{{#if:|, {{{5}}}}}

}}

}}

คำสั่งดังกล่าวมีเป้าหมายที่สำคัญกล่าวว่า

  1. if:
{{#if:|
border: 1px solid #AAAAAA;

}}" class="cquote"

width="20" valign="top" style="color:#B2B7F2;font-size:{{#switch: 10px=20px 30px=60px 40px=80px 50px=100px 60px=120px ...นโยบายใต้ร่มเย็น คือ แนวความคิดที่จะนำความสงบสุขมาสู่พี่น้องชาวใต้ ความสงบสุข ร่มเย็นของพี่น้องประชาชนในภาคใต้จะเกิดขึ้นได้ต้องอาศัยความร่วมมือและความเข้าใจอย่างแน่นเฟ้น ระหว่างเจ้าหน้าที่กลไกรัฐซึ่งเป็นฝ่ายปกครองกับราษฎรซึ่งเป็นฝ่ายถูกปกครอง และหากกระทำได้ก็จะสามารถแก้ปัญหาการก่อการร้ายจากผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ ขบวนการโจรก่อการร้าย โจรคอมมิวนิสต์มาลายา และกลุ่มโจรต่างๆ ได้สำเร็จ ปัญหาการก่อการร้ายที่กัดกร่อนบ่อนทำลายความมั่นคงของชาติทางภาคใต้ก็จะหมดสิ้นไป... width="20" valign="bottom" style="color:#B2B7F2;font-size:{{#switch: 10px=20px 30px=60px 40px=80px 50px=100px 60px=120px
{{#if:|

—{{{4}}}{{#if:|, {{{5}}}}}

}}

}}

และเพื่อให้บรรลุเป้าหมายตาม “แนวความคิด” และ “ยุทธศาสตร์ในการเอาชนะศัตรูของชาติทางภาคใต้” คำสั่งดังกล่าวจึงกำหนดให้

“...ทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ทั้งข้าราชการฝ่ายพลเรือน ตำรวจ และทหาร ยึดถือปฏิบัติตามนโยบายดังต่อไปนี้โดยเคร่งครัด

1. สร้างความปลอดภัยให้เกิดแก่ชีวิต และทรัพย์สินของประชาชนทุกหมู่เหล่า โดนไม่คำนึงถึงเชื้อชาติและศาสนา ไม่ว่าพี่น้องไทยพุทธหรือมุสลิมจะต้องได้รับการคุ้มครองจากกำลังของรัฐบาลให้ปลอดภัยจากการคุกคามของผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ ขบวนการโจรก่อการร้าย โจรจีนคอมมิวนิสต์มาลายาและกลุ่มโจรต่างๆ

2. ทำพื้นที่ชายแดนไทย - มาเลเซียให้เป็นพื้นที่ปลอดภัยเพื่อสถาปนาและฟื้นฟูเศรษฐกิจของจังหวัดตามแนวชายแดนให้ดีขึ้น และยกระดับความสัมพันธ์อันดีต่อกันระหว่างไทย – มาเลเซียให้สูงขึ้น

3. กำจัดอำนาจเผด็จการ อิทธิพล และอำนาจมืดที่ครอบงำบรรยากาศอยู่ทั่วไปหมดสิ้น โดยสันติวิธี เพื่อให้ประชาชนทุกหมู่เหล่ามีสิทธิเสรีภาพ และความเสมอภาคในด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมภายใต้การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข

4. สร้างความสัมพันธ์อันดีให้เกิดขึ้นระหว่างเจ้าหน้าที่ปกครองกับราษฎรผู้ถูกปกครอง และขจัดความแตกแยกระหว่างเจ้าหน้าที่กับราษฎรให้หมดสิ้นไป ขณะเดียวกัน การปฏิบัติหน้าที่เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของนโยบายใต้ร่มเย็น กองทัพภาคที่ 4 และ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภาคใน ภาค 4 (กอ.รมน. ภาค 4) ได้ดำเนินการต่างๆ เป็นต้นว่า การสร้างสภาพความชอบธรรม การสร้างความกดดันทางสังคม การอบรมกล่อมเกลาทางการเมือง การระดมพลังประชาชน และการขยายพิสัยแห่งอำนาจ [7]

การดำเนินนโยบายและผลของการประกาศใช้นโยบายใต้ร่มเย็น

การดำเนินนโยบาย “ใต้ร่มเย็น” ที่นำมาใช้เป็นยุทธศาสตร์ – ยุทธวิธีในการดำเนินการ “ให้ความสำคัญแก่การดำเนินการรุกทางการเมืองในแง่ยุทธศาสตร์ ส่วนการดำเนินการทหารเป็นเพียงแค่ยุทธวิธีที่ใช้สนับสนุนงานทางการเมืองเท่านั้น

การประกาศใช้นโยบายใต้ร่มเย็นที่เกิดขึ้นในระยะแรกๆ ได้ดำเนินการโดยการให้น้ำหนักกับ “...การกำจัดอำนาจเผด็จการ อิทธิพล และอำนาจมืด...” [8] ตลอดจนการลงโทษและย้ายข้าราชการที่ประพฤติมิชอบออกจากพื้นที่[9] สำหรับการปฏิบัติการทางการเมืองเพื่อแก้ไข้ปัญหาความไม่สงบที่เกิดขึ้นและปราบปรามกลุ่มขบวนการที่เป็นปฏิปักษ์และเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของรัฐนั้น การปฏิบัติการตามนโยบายใต้ร่มเย็นที่เกิดขึ้นจะเป็นการดึงมวลชนให้ต่อต้านกลุ่มก่อการร้ายโดยการจัดตั้งโครงการต่างๆ เป็นต้นว่า การจัดตั้งหน่วยขจัดเงื่อนไขสงคราม[10] โครงการอบรมทางการเมือง การประชาสัมพันธ์ การปฏิบัติการจิตวิทยา การตั้งหน่วยสันตินิมิต การตั้งไทยอาสาป้องกันชาติ การตั้งหมู่บ้านอาสาพัฒนาป้องกันตนเอง เป็นต้น[11] นอกจากนี้ การปฏิบัติการทางทหาร ได้ดำเนินมาตรการรุกด้วยการกดดัน ทำลายฐานที่มั่นและกองกำลังติดอาวุธของผู้ก่อการร้ายในพื้นที่ต่างๆ เป็นต้นว่า

แผนยุทธการใต้ร่มเย็น 9 หรือที่เรียกกันว่า “ยุทธการช่องช้าง” หรือ “แผนยุทธการค่าย 508” เพื่อดำเนินงานปราบปรามและทำลายฐานที่มั่นของพรรคคอมมิวนิสต์สาขาภาคใต้ ในเขต 508 หรือ เขตงานช่องช้าง[12]

แผนยุทธการใต้ร่มเย็น 11 การดำเนินการปราบปรามเพื่อทำลายฐานที่มั่นและกองกำลังของกองทัพปลดแอกประชาชนแห่งประเทศไทยในเขตงานตรัง พัทลุง สตุล ชุมพร ระนอง นครศรีธรรมราช กองกำลังโจรจีนคอมมิวนิสตมลายาและขบวนการโจรแบ่งแยกดินแดนซึ่งปฏิบัติการและเคลื่อนไหวตามแนวชายแดนไทย – มาเลเซีย[13]

แผนยุทธการใต้ร่มเย็น 13 ซึ่งเป็นยุทธการต่อเนื่องจากยุทธการใต้ร่มเย็น 9 เพื่อการดำเนินการปราบปรามและทำลายฐานที่มั่นของพรรคคอมมิวนิสต์ที่หลบหนีการปราบปรามของเจ้าหน้าที่ไปเขตรอยต่อของจังหวัดสุราษฎร์ธานีและและจังหวัดนครศรีธรรมราช[14]

แผนยุทธการใต้ร่มเย็น 15 เป็นยุทธการเพื่อการดำเนินการปราบปรามและทำลายฐานที่มั่นของผู้ที่เป็นปฏิปักษ์กับอำนาจรัฐและเป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศในเขตพื้นที่ภาคใต้ทั้งตอนบน ตอนกลาง และตอนล่าง ทั้งกลุ่มผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ ขบวนการโจรก่อการร้ายและโจรจีนคอมมิวนิสต์มาลายา ตลอดจนกลุ่มโจรต่างๆ[15]

การดำเนินการของกองทัพภาคที่ 4 ตามนโยบายใต้ร่มเย็นทั้งทางการเมืองและการรุกทางการทหารตามแผนยุทธการต่างๆ สามารถปราบปรามยึดฐานที่มั่นของ พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยสาขาภาคใต้ ขจัดอิทธิพลของโจรจีนคอมมิวนิสต์มลายาและกลุ่มโจรก่อการร้ายต่างๆ ในพื้นที่ภาคใต้ส่งผลให้ผู้หลงผิดจำนวนมากเข้ามอบตัวในฐานะผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย[16] ประกอบกับปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นลดจำนวนลงเกือบหมดสิ้น[17] และเงื่อนไขของสถานการณ์ในภาคใต้ได้เปลี่ยนเป็นเงื่อนไขทางสังคมแทน ด้วยเหตุนี้ กองทัพภาคที่ 4 และ กอ.รมน. ภาค 4 จึงได้มีประกาศคำสั่งกองทัพภาคที่ 4 ที่ 202/2527 เรื่อง นโยบายในการดำเนินงานเพื่อความมั่นคง แทนการประกาศใช้ “นโยบายใต้ร่มเย็น”[18] ในที่สุด

ที่มา

กองอำนวยการกลางรักษาความปลอดภัยแห่งชาติ. (2523). ครบรอบ 18 ปี กรป. กลาง. กรุงเทพฯ: อักษรไทย.

กองอำนวยการกลางรักษาความปลอดภัยแห่งชาติ. (2535). ครบรอบ 20 ปี กรป. กลาง. กรุงเทพฯ: อักษรไทย.

โครงการเฉพาะกิจกลุ่มภูบรรทัด. (2544). บนเส้นทางภูบรรทัด : ตำนานการต่อสู้ด้วยกำลังอาวุธของประชาชน พัทลุง – ตรัง – พัทลุง. พิมพ์ในเนื่องโอกาสครบรอบ 25 ปี เหตุการณ์ 6 ตุลา. กรุงเทพฯ: โครงการฯ.

กองบรรณาธิการ ไฟลามทุ่ง. (2548, ตุลาคม - ธันวาคม). “’งานระลึกวีรชนเขตงานนครศรีธรรมราช,” ใน ไฟลามทุ่ง. ฉบับที่ 5/ 2548, หน้า 10 – 13.

กองบรรณาธิการ ไฟลามทุ่ง. (2551,มกราคม - เมษายน). “บันทึกนักปฏิวัติ: นักรบ 514 บนเส้นทางปฏิวัติ,” ใน ไฟลามทุ่ง. ฉบับที่ 1/ 2551, หน้า 56 – 75.

ธงชัย พึ่งกันไทย . (2521). ลัทธิคอมมิวนิสต์ และนโยบายต่อต้านของรัฐบาลไทย พ.ศ. 2468 – 2500. วิทยานิพนธ์ (อักษรศาสตร์มหาบัณฑิต (ประวัติศาสตร์)). กรุงเทพฯ: บัณฑิตวิทยาลัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

บัญชา สุมา, (2528). การเคลื่อนไหวของพวกคอมมิวนิสต์กับนโยบายป้องกันและปราบปราม ของรัฐบาล (พ.ศ. 2500 - 2523). วิทยานิพนธ์ (อักษรศาสตร์มหาบัณฑิต (ประวัติศาสตร์)). กรุงเทพฯ: บัณฑิตวิทยาลัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

บัญชร ชวาลศิลป์. (2537). ดับไปใต้. (กรุงเทพฯ: แดงดาว)

บัญชร ชวาลศิลป์. (2540). กระดูกเข้าบัว. กรุงเทพฯ : บ้านหนังสือ.

วิศิษย์ อาจคุ้มวงษ์, พลโท . (2530). ปัญหา 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้. เอกสารวิจัยส่วนบุคคล. กรุงเทพฯ: วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร. อัดสำเนา.

วีระ ชัยพิมลผลิน. (2519). จุดอ่อนของการดำเนินการป้องกันและปราบปรามคอมมิวนิสต์ในประเทศไทย. วิทยานิพนธ์ (รัฐศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการปกครอง). กรุงเทพฯ: บัณฑิตวิทยาลัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

สมเชื้อ ทัพวงศ์ศรี. (2516). การก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ (ศึกษากรณีอำเภอนาสาร จังหวัดสุราษฎร์ธานี). วิทยานิพนธ์ (รัฐศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการปกครอง). กรุงเทพฯ: บัณฑิตวิทยาลัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

หาญ ลีลานนท์. (2526). แม่ทัพหาญพูด. กรุงเทพฯ : เกษมการพิมพ์.

หาญ ลีลานนท์. (2527). อุดมการณ์ทางการเมือง. กรุงเทพฯ: สื่อสาร.

หนังสือแนะนำให้อ่านต่อ

นิสิต จันทร์สมวงศ์. (2530). บทบาทของกองทัพบกไทยในการต่อสู้เพื่อเอาชนะคอมมิวนิสต์ตามนโยบายใต้ร่มเย็นของกองทัพภาคที่ 4. วิทยานิพนธ์ (รัฐศาสตร์มหาบัณฑิต แผนกวิชาการปกครอง). กรุงเทพฯ: บัณฑิตวิทยาลัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

หาญ ลีลานนท์. (2527). แม่ทัพหาญพูด. กรุงเทพฯ: เกสรการพิมพ์.

หาญ ลีลานนท์. (2527). อุดมการณ์ทางการเมือง. กรุงเทพฯ: สื่อสาร.

อ้างอิง

  1. กรณี กองทัพปลดแอกประชาชนแห่งประเทศไทย (ทปท) ในเขตงาน พัทลุง – ตรัง – สตูล, อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้จาก โครงการเฉพาะกิจกลุ่มภูบรรทัด. (2544). บนเส้นทางภูบรรทัด : ตำนานการต่อสู้ด้วยกำลังอาวุธของประชาชน พัทลุง – ตรัง – พัทลุง. พิมพ์ในเนื่องโอกาสครบรอบ 25 ปี เหตุการณ์ 6 ตุลา. กรุงเทพฯ: โครงการฯ. หน้า 117 – 129. หรือ กำเนิดและพัฒนากองทัพปลดแอกประชาชนแห่งประเทศไทย (ทปท) สามารถอ่านเพิ่มเติมใน ธงชัย พึ่งกันไทย . (2521). ลัทธิคอมมิวนิสต์ และนโยบายต่อต้านของรัฐบาลไทย พ.ศ. 2468 – 2500. วิทยานิพนธ์ (อักษรศาสตร์มหาบัณฑิต (ประวัติศาสตร์)). กรุงเทพฯ: บัณฑิตวิทยาลัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. และ บัญชา สุมา, (2528). การเคลื่อนไหวของพวกคอมมิวนิสต์กับนโยบายป้องกันและปราบปราม ของรัฐบาล (พ.ศ. 2500 - 2523). วิทยานิพนธ์ (อักษรศาสตร์มหาบัณฑิต (ประวัติศาสตร์)). กรุงเทพฯ: บัณฑิตวิทยาลัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
  2. โครงการเฉพาะกิจกลุ่มภูบรรทัด. (2544). บนเส้นทางภูบรรทัด : ตำนานการต่อสู้ด้วยกำลังอาวุธของประชาชน พัทลุง – ตรัง – พัทลุง. พิมพ์ในเนื่องโอกาสครบรอบ 25 ปี เหตุการณ์ 6 ตุลา. หน้า 131 – 132.
  3. “ประกาศกำหนดเขตแทรกซึมของคอมมิวนิสต์” ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 89 ตอน 59 ประจำเดือนเมษายน 2515. อ้างใน สมเชื้อ ทัพวงศ์ศรี. (2516). การก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ (ศึกษากรณีอำเภอนาสาร จังหวัดสุราษฎร์ธานี). หน้า 25 – 26.
  4. โครงการเฉพาะกิจกลุ่มภูบรรทัด. (2544). เล่มเดิม. หน้า 183 – 184.
  5. คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี 66 / 2523 ศึกษารายละเอียดได้ใน คำบรรยายเรื่องนโยบายการต่อสู้เพื่อเอาชนะคอมมิวนิสต์ ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 66/23 และ65/25
  6. อ้างใน นิสิต จันทร์สมวงศ์. (2530). บทบาทของกองทัพบกไทยในการต่อสู้เพื่อเอาชนะคอมมิวนิสต์ตามนโยบายใต้ร่มเย็นของกองทัพภาคที่ 4. (วิทยานิพนธ์ (รัฐศาสตร์มหาบัณฑิต แผนกวิชาการปกครอง). กรุงเทพฯ: บัณฑิตวิทยาลัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย). หน้า 251.
  7. สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมใน นิสิต จันทร์สมวงศ์. (2530). บทบาทของกองทัพบกไทยในการต่อสู้เพื่อเอาชนะคอมมิวนิสต์ตามนโยบายใต้ร่มเย็นของกองทัพภาคที่ 4. หน้า 289 – 329.
  8. หาญ ลีลานนท์. (2526). แม่ทัพหาญพูด. หน้า 13, 101.
  9. ดูรายละเอียดเพิ่มเติมใน หาญ ลีลานนท์. (2527). อุดมการณ์ทางการเมือง. (กรุงเทพฯ : สื่อสาร).
  10. ซึ่งภายหลังได้เปลี่ยนชื่อเป็น “หน่วยพิทักษ์ธรรม” อ่านเพิ่มเติมใน บัญชร ชวาลศิลป์. (2537). ดับไปใต้. (กรุงเทพฯ: แดงดาว).
  11. สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมใน นิสิต จันทร์สมวงศ์. (2530). บทบาทของกองทัพบกไทยในการต่อสู้เพื่อเอาชนะคอมมิวนิสต์ตามนโยบายใต้ร่มเย็นของกองทัพภาคที่ 4. หน้า 289 – 329.
  12. สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมใน สมเชื้อ ทัพวงศ์ศรี. (2516). การก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ (ศึกษากรณีอำเภอนาสาร จังหวัดสุราษฎร์ธานี) วิทยานิพนธ์ (รัฐศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการปกครอง). กรุงเทพฯ: บัณฑิตวิทยาลัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. และ นิสิต จันทร์สมวงศ์. (2530). เล่มเดิม. หน้า 380 – 396. หรือ หาญ ลีลานนท์. (2526). “เผด็จศึกภาคใต้” ใน แม่ทัพหาญพูด. หน้า 55 – 83.
  13. หาญ ลีลานนท์. (2526). เล่มเดิม. หน้า 22 , 129 – 130.
  14. สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมใน สมเชื้อ ทัพวงศ์ศรี. (2516). การก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ (ศึกษากรณีอำเภอนาสาร จังหวัดสุราษฎร์ธานี). และ หาญ ลีลานนท์. (2526). “เผด็จศึกภาคใต้” ใน แม่ทัพหาญพูด. หน้า 55 – 83.
  15. สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมใน นิสิต จันทร์สมวงศ์. (2530). เล่มเดิม. หน้า 338 – 380.
  16. หาญ ลีลานนท์. (2527). อุดมการณ์ทางการเมือง. หน้า 46 – 47.
  17. วิศิษย์ อาจคุ้มวงษ์, พลโท . (2530). ปัญหา 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้. หน้า 65.
  18. คำสั่งแม่ทัพภาคที่ 4 และ กอ.รมน. ภาค 4 ที่ 202/ 2527 เรื่อง นโยบายในการดำเนินงานเพื่อความมั่นคง อ้างใน นิสิต จันทร์สมวงศ์. (2530). เล่มเดิม. หน้า 399.