ประธานรัฐสภา

จาก ฐานข้อมูลการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า
รุ่นแก้ไขเมื่อ 11:52, 4 สิงหาคม 2552 โดย Panu (คุย | ส่วนร่วม) (!)
(ต่าง) ←รุ่นแก้ไขก่อนหน้า | รุ่นแก้ไขล่าสุด (ต่าง) | รุ่นแก้ไขถัดไป→ (ต่าง)

ผู้เรียบเรียง ตวงรัตน์ เลาหัตถพงษ์ภูริ

ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร จเร พันธุ์เปรื่อง


ประธานรัฐสภา ถือเป็นตำแหน่งสูงสุดของฝ่ายนิติบัญญัติมีฐานะและศักดิ์ศรีเทียบได้กับนายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นหัวหน้าฝ่ายบริหาร และประธานศาลฎีกาซึ่งเป็นหัวหน้าฝ่ายตุลาการ ประธานรัฐสภามีอำนาจหน้าที่ตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ และดำเนินกิจการของรัฐสภาในกรณีประชุมร่วมกันให้เป็นไปตามข้อบังคับการประชุมรัฐสภา นอกจากนี้ยังมีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายอื่น ทั้งยังเป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการฝ่ายรัฐสภาทั้งข้าราชการรัฐสภาสามัญและข้าราชการรัฐสภาฝ่ายการเมือง

ที่มาของประธานรัฐสภา

ในประเทศที่ใช้ระบบรัฐสภาคู่อย่างประเทศไทยนั้นประธานรัฐสภาอาจจะมาจากประธานสภาผู้แทนราษฎรหรือประธานวุฒิสภาก็ได้ ขึ้นอยู่กับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ในอดีตที่ผ่านมารัฐธรรมนูญหลายฉบับที่บัญญัติให้ประธานวุฒิสภาเป็นประธานรัฐสภา และประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นรองประธานรัฐสภา เช่น รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๒๑ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๓๔ ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๕ ได้มีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๓๔ (ฉบับที่ ๑) ให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นประธานรัฐสภา ประธานวุฒิสภา เป็นรองประธานรัฐสภา และ หลังจากนั้นเป็นต้นมาก็มีการบัญญัติให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นประธานรัฐสภาและประธานวุฒิสภาเป็นรองประธานรัฐสภาในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๔๐ และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ ฉบับปัจจุบัน

การดำรงตำแหน่งของประธานรัฐสภา

การดำรงตำแหน่งประธานรัฐสภา จะเป็นโดยตำแหน่งไม่ได้เป็นโดยวิธีการเลือกในที่ประชุมสภา คือ ถ้ารัฐธรรมนูญบัญญัติว่า ประธานสภาผุ้แทนราษฎรเป็นประธานรัฐสภา ประธานวุฒิสภาเป็นรองประธานรัฐสภา ผู้ที่ดำรงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรก็จะมีฐานะเป็นประธานรัฐสภา และผู้ดำรงตำแหน่งประธานวุฒิสภาก็จะมีฐานะเป็นรองประธานรัฐสภาด้วย แต่ถ้ารัฐธรรมนูญบัญญัติว่าประธานวุฒิเป็นประธานรัฐสภา ผู้ที่ดำรงตำแหน่งประธานวุฒิสภาก็จะมีฐานะเป็นประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎรก็จะมีฐานะเป็นรองประธานรัฐสภา

การพ้นจากตำแหน่งของประธานรัฐสภา

ในกรณีที่รัฐธรรมนูญบัญญัติให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นประธานรัฐสภา และประธานวุฒิสภาเป็นรองประธานรัฐสภา เมื่อบุคคลผู้ดำรงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรต้องพ้นจากตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร ก็เท่ากับพ้นจากตำแหน่งประธานรัฐสภาด้วย หรือเมื่อบุคคลผู้ดำรงตำแหน่งประธานวุฒิสภาต้องพ้นจากตำแหน่งประธานวุฒิสภา ก็เท่ากับพ้นจากตำแหน่งรองประธานรัฐสภาด้วยเช่นกัน

อำนาจหน้าที่ของประธานรัฐสภา

รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับปัจจุบันบัญญัติให้ ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานรัฐสภา ประธานวุฒิสภาเป็นรองประธานรัฐสภา[๑] โดยประธานรัฐสภามีอำนาจหน้าที่สรุปได้ดังนี้[๒]

๑. อำนาจหน้าที่ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ

๑.๑ เป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ ดังต่อไปนี้

(๑)ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการแต่งตั้งประธานองคมนตรีหรือให้ประธานองคมนตรีพ้นจากตำแหน่ง

(๒)ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการแต่งตั้งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ (มาตรา ๑๘)

(๓)ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการและแจ้งให้รัฐสภาทราบกรณีมีการแก้ไขเพิ่มเติมกฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ พุทธศักราช ๒๔๖๗

(๔)เป็นผู้นำความกราบบังคมทูลและลงนามรับสนองพระบรมราชโองการประกาศเรียกประชุมสมัยวิสามัญ กรณีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาทั้งสองสภารวมกัน หรือสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร มีจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสามของสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภาเข้าชื่อร้องขอ

๑.๒ เป็นผู้ส่งเรื่อง ส่งความเห็น เสนอเรื่องพร้อมความเห็น และส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัย ดังนี้

(๑)ส่งร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญที่รัฐสภาให้ความเห็นชอบแล้วไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ

(๒)ส่งความเห็นในกรณีที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา หรือสมาชิกของทั้งสองสภารวมกันมีจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภาเห็นว่าร่างพระราชบัญญัติที่รัฐสภาให้ความเห็นชอบแล้ว แต่นายกรัฐมนตรียังไม่ได้นำขึ้นทูลเกล้าเพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย มีข้อความขัดหรือแย้งหรือตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ

(๓) ส่งความเห็นในกรณีที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภาหรือสมาชิกของทั้งสองสภารวมกันมีจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภาเห็นว่าร่างข้อบังคับการประชุมรัฐสภาที่รัฐสภาให้ความเห็นชอบแล้ว แต่ยังมิได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษามีข้อความขัดหรือแย้ง หรือตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ

(๔) ส่งความเห็นในกรณีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาทั้งสองสภารวมกันมีจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภาเห็นว่าหนังสือสัญญาใดมีปัญหาตามมาตรา ๑๙๐ วรรคสอง (๕) เสนอเรื่องพร้อมความเห็นในกรณีมีความขัดแย้งในอำนาจหน้าที่ระหว่างรัฐสภา คณะรัฐมนตรี หรือองค์กรตามรัฐธรรมนูญที่มิใช่ศาลตั้งแต่สององค์กรขึ้นไป

(๖) ส่งคำร้องในกรณีที่มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา หรือสมาชิกของทั้งสองสภารวมกันมีจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา ร้องขอต่อประธานรัฐสภาว่ากรรมการการเลือกตั้งคนใดคนหนึ่งขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามหรือกระทำการอันต้องห้ามตามมาตรา ๒๓๐ ภายใน ๓ วัน นับแต่วันที่ได้รับคำร้อง

๑.๓ อำนาจหน้าที่อื่น

(๑) เป็นผู้ประกาศในพระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย์ แต่งตั้งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ตามความเห็นชอบของรัฐสภา ในกรณีที่พระมหากษัตริย์มิได้ทรงแต่งตั้งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ตามมาตรา ๑๘ หรือในกรณีที่พระมหากษัตริย์ไม่สามารถทรงแต่งตั้งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ เพราะยังไม่ทรงบรรลุนิติภาวะหรือเพราะเหตุอื่น

(๒) เป็นผู้อัญเชิญองค์พระรัชทายาทขึ้นทรงราชย์เป็นพระมหากษัตริย์ในกรณีที่ราชบัลลังก์ว่างลง แต่หากเป็นกรณีที่พระมหากษัตริย์มิได้ทรงแต่งตั้งพระรัชทายาท ประธานรัฐสภาจะเป็นผู้อัญเชิญองค์ผู้สืบราชสันตติวงศ์ขึ้นทรงราชย์เป็นพระมหากษัตริย์สืบไปตามที่รัฐสภาให้ความเห็นชอบตามที่องคมนตรีเสนอผ่านคณะรัฐมนตรีแล้ว ประธานรัฐสภาต้องประกาศให้ประชาชนทราบ

(๓) เป็นผู้บรรจุญัตติเปิดอภิปรายทั่วไปในที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาเมื่อคณะรัฐมนตรีเห็นสมควรจะรับฟังความคิดเห็นของสมาชิกรัฐสภา ซึ่งรัฐสภาจะลงมติในปัญหาที่อภิปรายไม่ได้

(๔) จัดให้มีการบันทึกการออกเสียงลงคะแนนของสมาชิกแต่ละคนและเปิดเผยบันทึกดังกล่าวไว้ในที่ประชาชนอาจเข้าไปตรวจสอบได้

(๕) รับเรื่องราวร้องทุกข์และแจ้งผลการพิจารณาภายในเวลาอันรวดเร็ว

๒. อำนาจหน้าที่ตามข้อบังคับการประชุมรัฐสภา[๓]

๒.๑ เป็นประธานของที่ประชุมรัฐสภา

๒.๒ กำหนดการประชุมรัฐสภา

๒.๓ ควบคุมและดำเนินกิจการของรัฐสภา

๒.๔ รักษาความสงบเรียบร้อยในที่ประชุมรัฐสภา ตลอดถึงบริเวณของรัฐสภา

๒.๕ เป็นผู้แทนรัฐสภาในกิจการภายนอก

๒.๖ แต่งตั้งกรรมการเพื่อดำเนินการใด ๆ

๒.๗ อำนาจและหน้าที่อื่นตามที่มีกฎหมายบัญญัติไว้หรือตามที่กำหนดไว้ในข้อบังคับการประชุมรัฐสภา

๓. อำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายรัฐสภา พ.ศ. ๒๕๑๘

๓.๑ เป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของส่วนราชการสังกัดรัฐสภา

๓.๒ เป็นประธานคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายรัฐสภา (ก.ร.) ซึ่งเป็นองค์กรกลางการบริหารงานบุคคลของข้าราชการฝ่ายรัฐสภา ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ในการกำหนดกฎเกณฑ์เกี่ยวกับการบรรจุ แต่งตั้ง การรับเงินเดือน การเลื่อนขั้น การเลื่อนตำแหน่ง ตลอดถึงเรื่องวินัยของข้าราชการฝ่ายรัฐสภา

ในระหว่างที่รัฐสภาสิ้นอายุหรือถูกยุบ ประธานรัฐสภาและรองประธานรัฐสภาจะยังคงดำรงตำแหน่งประธาน ก.ร. และรองประธาน ก.ร.อยู่ต่อไปจนกว่าจะได้ทรงแต่งตั้งประธานรัฐสภาและรองประธานรัฐสภาคนใหม่แล้ว จึงให้พ้นจากตำแหน่ง เนื่องจากตำแหน่งประธาน ก.ร. และรองประธาน ก.ร. เป็นตำแหน่งเกี่ยวกับงานด้านบริหารบุคคลของราชการประจำ ซึ่งจำเป็นต้องปฏิบัติต่อเนื่องจะหยุดชะงักขาดตอนไม่ได้[๔]

๓.๓ เป็นผู้มีอำนาจสั่งบรรจุและแต่งตั้งข้าราชการฝ่ายรัฐสภาให้ดำรงตำแหน่ง ดังนี้

(๑) สั่งบรรจุข้าราชการรัฐสภาสามัญ ระดับ ๑๐ และระดับ ๑๑ ด้วยความเห็นชอบของ ก.ร. และนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง

(๒) แต่งตั้งข้าราชการรัฐสภาฝ่ายการเมือง เช่นที่ปรึกษาประธานรัฐสภา ๑ ตำแหน่ง เลขานุการประธานรัฐสภา ๑ ตำแหน่ง

๓.๔ เป็นผู้มีอำนาจอนุญาตหรือสั่งให้ข้าราชการสามัญรัฐสภาพ้นจากตำแหน่ง และเป็นผู้มีอำนาจสั่งให้ข้าราชการฝ่ายการเมืองพ้นจากตำแหน่ง

๓.๕ เป็นผู้นำความกราบบังคมทูลเพื่อขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้แก่ข้าราชการฝ่ายรัฐสภา ตามที่ ก.ร.พิจารณาตามระเบียบว่าด้วยการขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์

๔. อำนาจหน้าที่ตามกฎหมายอื่นกำหนด

๔.๑ อำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเข้าชื่อเสนอกฎหมาย พ.ศ. ๒๕๔๒[๕]

(๑) เมื่อได้รับเรื่องการเข้าชื่อเสนอกฎหมายแล้วให้มีการตรวจสอบความถูกต้องของเอกสาร ถ้าเห็นว่าถูกต้องก็จัดให้มีการปิดประกาศรายชื่อผู้เข้าชื่อเสนอกฎหมายไว้ในเขตท้องที่ที่ผู้เข้าชื่อเสนอกฎหมายผู้นั้นมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน

(๒) รับคำร้องคัดค้านจากผู้เข้าชื่อเสนอกฎหมายว่ามิได้ร่วมเข้าชื่อเสนอกฎหมายด้วย

(๓) ถ้ามีจำนวนรายชื่อของผู้เข้าชื่อเสนอกฎหมายไม่ครบหนึ่งหมื่นคนให้แจ้งให้ผู้แทนเสนอกฎหมายทราบเพื่อดำเนินการจัดให้มีการเข้าชื่อเสนอกฎหมายเพิ่มเติมให้ครบภายในสามสิบวันหากพ้นกำหนดระยะเวลาดังกล่าวให้สั่งจำหน่ายเรื่อง

๔.๒ อำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติสถาบันพระปกเกล้า พ.ศ.๒๕๔๑[๖]

๑. กำกับดูแลสถาบันพระปกเกล้า

๒. เป็นประธานสภาสถาบันพระปกเกล้า

๓. เป็นประธานในที่ประชุมสภาสถาบัน

๔. มีอำนาจออกเสียงชี้ขาดในกรณีการประชุมสภาสถาบัน ถ้าคณะกรรมการสถภาสถาบันลงคะแนนเสียงเท่ากัน ให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกเสียงหนึ่งเป็นเสียงชี้ขาด

๕. มีอำนาจลงนามในข้อบังคับของสถาบัน หลักเกณฑ์และวิธีการเลือกกรรมการสภาสถาบันและคุณสมบัติของกรรมการสภาสถาบัน

๖. มีอำนาจลงนามในข้อบังคับของสถาบันเกี่ยวกับการประชุมสภาสถาบันและข้อบังคับอื่นซึ่งออกตามมติที่ประชุมสภาสถาบัน

๗. มีอำนาจลงนามแต่งตั้งและถอดถอนเลขาธิการและรองเลขาธิการ แต่งตั้งคณะกรรมการหรือคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณาหรือปฏิบัติการอย่างใดอย่างหนึ่งตามที่สภาสถาบันมอบหมาย และมีอำนาจแต่งตั้งคณะกรรมการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงานของสถาบัน

๔.๓ อำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติสภาพัฒนาการเมือง พ.ศ. ๒๕๕๑[๗]

(๑) ประกาศรายชื่อผู้ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาพัฒนาการเมืองและบัญชีรายชื่อสำรองในราชกิจจานุเบกษา

(๒) แต่งตั้งบุคคลเป็นประธานสภาพัฒนาการเมือง ผู้แทนองค์กรชุมชนตามกฎหมายว่าด้วยสภาองค์กรชุมชน จำนวนสามคน ผู้แทนองค์กรภาคประชาสังคม จำนวนสามคน และผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวนห้าคน เป็นกรรมการ ในวาระเริ่มแรก

๔.๔ อำนาจหน้าที่ตามระเบียบว่าด้วยกองทุนสงเคราะห์ผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภา พ.ศ. ๒๕๔๓

(๑) เป็นประธานกรรมการของคณะกรรมการกองทุนสงเคราะห์ผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภา มีรองประธานรัฐสภาเป็นรองประธานกรรมการส่วนกรรมการประกอบด้วย ประธานคณะกรรมาธิการกิจการสภาผู้แทนราษฎร ประธานคณะกรรมาธิการกิจการวุฒิสภา และมีอำนาจแต่งตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนสี่คน สมาชิกวุฒิสภา จำนวนสามคน ผู้เคยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนหนึ่งคน และผู้เคยเป็นสมาชิกวุฒิสภา จำนวนหนึ่งคน โดยให้เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เป็นกรรมการและเลขานุการ และเลขาธิการวุฒิสภาเป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ (กรรมการที่ประธานรัฐสภาแต่งตั้งมีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละสี่ปี)

คณะกรรมการดังกล่าว มีอำนาจกำหนดนโยบาย กำกับดูแลจัดหาผลประโยชน์ของเงินกองทุนฯ ออกระเบียบต่าง ๆ อนุมัติการจ่ายเงินสงเคราะห์ อนุมัติประมาณการค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของกองทุน และพิจารณาวินิจฉัยชี้ขาดปัญหาในการปฏิบัติงานโดยมีรายได้จากงบประมาณรายจ่ายประจำปี เงินหรือทรัพย์สินที่ได้รับบริจาค เงินที่ได้รับจากการหักเงินประจำตำแหน่งของสมาชิกรัฐสภารายละห้าร้อยบาทต่อเดือน เงินดอกผลของกองทุน โดยเงินกองทุนกำหนดให้ใช้จ่ายให้แก่ผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภาในด้านการรักษาพยาบาล การศึกษาของบุตร การสงเคราะห์ครอบครัว กรณีผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภาถึงแก่กรรม และด้านอื่นๆ ตามที่คณะกรรมการอนุมัติ

๔.๕ เป็นประธานมูลนิธิพระบรมราชานุสรณ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี โดยมติของคณะกรรมการมูลนิธิฯ (ตราสารมูลนิธิพระบรมราชานุสรณ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี) ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนการศึกษา และให้ความช่วยเหลือแก่นักศึกษาที่ขัดสน สนับสนุนสถาบันการแพทย์ เผยแพร่พระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ร่วมมือส่งเสริมและประสานงานกับสถาบันการศึกษาอื่น ปัจจุบันมูลนิธิฯ มีโครงการให้ทุนแก่นิสิตนักศึกษามหาวิทยาลัยของรัฐ นักศึกษาวิทยาลัยพยาบาล นิสิตนักศึกษาปริญญาโท-เอกเพื่อการค้นคว้า วิจัย และโครงการให้ทุนแก่บุตรข้าราชการและลูกจ้างของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรและสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา

๕. ภารกิจด้านต่างประเทศ เป็นประธานหน่วยประจำชาติไทยในสหภาพรัฐสภา สหภาพสมาชิกรัฐสภาเอเชียและแปซิฟิก และสมัชชารัฐสภาอาเซียนโดยตำแหน่ง มีอำนาจดำเนินการให้เป็นไปตามธรรมนูญแห่งสหภาพรัฐสภา กฎบัตรสหภาพสมาชิกรัฐสภาเอเซียและแปซิฟิก และธรรมนูญรัฐสภาอาเซียน รวมทั้งตามข้อบังคับหน่วยประจำชาติดังกล่าว

๖. ภารกิจด้านพระราชพิธี รัฐพิธี และพิธีการต่างๆ ของประธานรัฐสภาในฐานะที่ดำรงตำแหน่งประมุขของฝ่ายนิติบัญญัติ มีภารกิจที่สำคัญ ดังนี้

๖.๑ ด้านพระราชพิธี

(๑) ร่วมงานพระราชพิธีต่างๆ ตามหมายรับสั่งในฐานะประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ

(๒) เป็นผู้กล่าวถวายพระพรชัยมงคลในวโรกาสต่างๆ อาทิ พระราชพิธีวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หรือพระราชพิธีต่างๆ

๖.๒ ด้านรัฐพิธี เช่น

(๑) พิธีวางพวงมาลาถวายราชสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และพิธีบำเพ็ญกุศลทักษิณานุปทานอุทิศถวายแด่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี เนื่องในวันที่ระลึกพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (๓๐ พฤษภาคม)

(๒) วันคล้ายวันสถาปนารัฐสภา ณ พระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว หน้าตึกรัฐสภา (๒๘ มิ.ย.)

(๓) รัฐพิธีฉลองวันพระราชทานรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ณ พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว หน้าตึกรัฐสภา (๑๐ ธ.ค.)

๖.๓ ด้านพิธีการต่างๆ

ได้รับเชิญจากหน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน เอกชน และบุคคลทั่วไป ในฐานะประมุขของฝ่ายนิติบัญญัติ เช่น เป็นประธานในงานต่างๆ เป็นองค์ปาฐกหรือวิทยากรบรรยาย เป็นต้น

รายนามประธานสภา
คนที่ ลำดับที่ รายชื่อ ตำแหน่ง ระยะเวลาการดำรงตำแหน่ง
1 1 เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี ประธานสภาผู้แทนราษฎร ๒๘ มิ.ย. ๒๔๗๕ - ๑ ก.ย. ๒๔๗๕
2 2 เจ้าพระยาพิชัยญาติ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ๒ ก.ย. ๒๔๗๕ - ๑๐ ธ.ค. ๒๔๗๖
1/2 3 เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี ประธานสภาผู้แทนราษฎร ๑๕ ธ.ค. ๒๔๗๖ - ๒๖ ก.พ. ๒๔๗๖**
3 4 พลเรือตรี พระยาศรยุทธเสนี ประธานสภาผู้แทนราษฎร ๒๖ ก.พ. ๒๔๗๖ - ๒๒ ก.ย. ๒๔๗๗
4 5 เจ้าพระยาศรีธรรมาธิเบศ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ๒๒ ก.ย. ๒๔๗๗ - ๑๕ ธ.ค. ๒๔๗๗
๑๗ ธ.ค. ๒๔๗๗ - ๓๑ ก.ค. ๒๔๗๘
๒ ส.ค. ๒๔๗๘ - ๓๑ ก.ค. ๒๔๗๙
5 6 พระยามานวราชเสวี ประธานสภาผู้แทนราษฎร ๓ ส.ค. ๒๔๗๙ - ๑๐ ธ.ค. ๒๔๘๐
๑๐ ธ.ค. ๒๔๘๐ - ๒๔ มิ.ย. ๒๔๘๑
๒๘ มิ.ย. ๒๔๘๑ - ๑๐ ธ.ค. ๒๔๘๑
๑๒ ธ.ค. ๒๔๘๑ - ๒๔ มิ.ย. ๒๔๘๒
๒๘ มิ.ย. ๒๔๘๒ - ๒๔ มิ.ย. ๒๔๘๓
๑ ก.ค. ๒๔๘๓ - ๒๔ มิ.ย. ๒๔๘๔
๑ ก.ค.๒๔๘๔ - ๒๔ มิ.ย. ๒๔๘๕
๓๐ มิ.ย. ๒๔๘๕ - ๒๔ มิ.ย. ๒๔๘๖