ที่มาของคำว่า constitutional monarchy

จาก ฐานข้อมูลการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า
รุ่นแก้ไขเมื่อ 13:16, 27 ธันวาคม 2568 โดย Adminkpi (คุย | ส่วนร่วม) (สร้างหน้าด้วย "'''ที่มาของคำว่า constitutional monarchy''' '''เรียบเรียง : ศาสตราจารย์ ไชยันต์ ไชยพร''' '''ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ : ศาสตราจารย์พิเศษ นรนิติ เศรษฐบุตร''' เมื่อพูดถึงคำว่า constitutional monarchy และระบ...")
(ต่าง) ←รุ่นแก้ไขก่อนหน้า | รุ่นแก้ไขล่าสุด (ต่าง) | รุ่นแก้ไขถัดไป→ (ต่าง)

ที่มาของคำว่า constitutional monarchy

เรียบเรียง : ศาสตราจารย์ ไชยันต์ ไชยพร

ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ : ศาสตราจารย์พิเศษ นรนิติ เศรษฐบุตร

เมื่อพูดถึงคำว่า constitutional monarchy และระบอบพระมหากษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ คนส่วนใหญ่หรือเกือบทั้งหมดมักจะคิดและเข้าใจว่า อังกฤษเป็นต้นแบบของระบอบการปกครองดังกล่าว และด้วยเหตุนี้ คำว่า constitutional monarchy ก็น่าจะเกิดขึ้นที่อังกฤษด้วย  แต่เมื่อสืบค้นเรื่องนี้ พบว่า อังกฤษเริ่มใช้คำว่า constitutional monarchy เรียกการปกครองของตนในศตวรรษที่สิบเก้า โดยในงานของ Vernon Bogdanor ได้กล่าวว่า    

“Macaulay was one of the first, perhaps the very first, to notice this modern meaning of ‘constitutional monarchy’ when he wrote in 1855 in his History of England: ‘According to the pure idea of constitutional royalty, the prince reigns, and does not govern; and constitutional royalty, as it now exists in England, comes nearer than in any other country to the pure idea.’” [1]                                                                                                           

หลังจากที่ผู้เขียนค้นคว้างานดังกล่าวของ Macaulay แล้ว พบว่า Macaulay ได้เขียนหนังสือ “ประวัติศาสตร์อังกฤษ” (History of England) ในปี ค.ศ. 1855 และเรียกการปกครองของอังกฤษว่า constitutional monarchy [2]   โดยก่อนหน้านี้ อังกฤษยังไม่ได้ใช้คำนี้เรียกรูปแบบการปกครองของตน แต่จะใช้คำว่า King and Parliament หรือ King in Parliament ซึ่งเริ่มใช้กันมาตั้งแต่ศตวรรษที่สิบห้า และแม้ว่าหลังสงครามกลางเมืองอังกฤษในปี ค.ศ. 1642 และสถาบันพระมหากษัตริย์อังกฤษได้ถูกยกเลิกไปในปี ค.ศ. 1649 แต่ต่อมาได้มีการฟื้นฟูและสถาปนาสถาบันพระมหากษัตริย์อังกฤษกลับคืนมาในปี ค.ศ. 1660 อังกฤษก็ยังเรียกการปกครองของตนเองว่า King and Parliament หรือ King in Parliament อยู่ต่อไป [3]      

การที่ยังใช้คำว่า King and/in Parliament (พระมหากษัตริย์และรัฐสภา หรือ พระมหากษัตริย์ในรัฐสภา) เพราะต้องการบ่งชี้ว่า นับตั้งแต่ ค.ศ. 1660 เป็นต้นไป พระมหากษัตริย์จะทรงใช้พระราชอำนาจของพระองค์ได้ก็ต่อเมื่อต้องมีรัฐสภากำกับควบคู่กันไป หรือจะใช้ได้ก็ต่อเมื่อการใช้พระราชอำนาจนั้นเกิดขึ้นในหรือผ่านรัฐสภาเท่านั้น [4] และเมื่ออังกฤษได้ผ่านช่วงที่เรียกว่า “การปฏิวัติอันรุ่งโรจน์” (the Glorious Revolution) ในปี ค.ศ. 1688  Macaulay ได้เรียกการปกครองของอังกฤษในช่วงนั้นว่า ‘parliamentary government’ การปกครองโดยรัฐสภา [5]  และต่อมาในปี ค.ศ. 1866  Macaulay ได้เรียกการปกครองของอังกฤษในสมัยของเขาว่า constitutional monarchy                                                               

หลังจากที่มีการเรียกการปกครองของอังกฤษว่า Constitutional Monarchy เป็นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1855  ต่อมาอีก 12 ปี ได้มีการตีพิมพ์เผยแพร่หนังสือ The English Constitution ของ Walter Bagehot    ที่ตีพิมพ์ในปี ค.ศ. 1867  The English Constitution เป็นหนังสือเล่มแรกที่ถือเป็นตำราสำคัญที่ว่าด้วยสถานะ บทบาทและพระราชอำนาจของสถาบันพระมหากษัตริย์และประเพณีการปกครองของสหราชอาณาจักรที่ใช้ศึกษาอ้างอิงมาจนถึงปัจจุบัน และในหนังสือของ Bagehot มีการใช้คำว่า constitutional monarchy เรียกการปกครองของอังกฤษ [6] Bagehot ได้อ้างอิง  Macaulay และกล่าวชื่นชมการอธิบายการทำงานของรัฐสภาของ Macaulay ที่เขียนไว้ใน History of England [7]  ดังนั้น จึงพอจะกล่าวได้ว่า งานของ Macaulay มีอิทธิพลต่อการเขียน the English Constitution ของ Bagehot และกล่าวได้ว่า แม้ว่าอังกฤษจะได้ชื่อว่าเป็นต้นแบบการปกครองแบบ constitutional monarchy แต่คนอังกฤษเพิ่งเริ่มใช้คำว่า constitutional monarchy เรียกรูปแบบการปกครองของตนเมื่อ ค.ศ. 1855    คำถามคือ คำว่า constitutional monarchy เริ่มขึ้นเมื่อไรและมาจากไหน ?

ต้นแบบจากอังกฤษ แต่ชื่อมาจากฝรั่งเศส

ในงานวิชาการส่วนใหญ่หรือเกือบทั้งหมดเมื่อกล่าวถึงที่มาของคำ constitutional monarchy มักจะกล่าวอ้างจากงาน The Monarchy and the Constitution ของ Vernon Bogdanor อีกเช่นกัน โดยในงานของ Bogdanor กล่าวว่า คำว่า constitutional monarchy มาจาก ภาษาฝรั่งเศส La monarchie constitutionalle’ ถูกใช้ครั้งแรกโดยนักเขียนชาวฝรั่งเศสชื่อ William Dupré ในปี ค.ศ. 1801 แต่ Bogdanor ไม่ได้ใส่เชิงอรรถอ้างอิงว่าเขาทราบได้อย่างไรว่า constitutional monarchy ที่มาจากภาษาฝรั่งเศส ‘La monarchie constitutionalle’ มาจาก  Dupré อีกทั้งยังไม่ปรากฏรายการหนังสือหรืองานของ Dupré ในบรรณานุกรมของ Bogdanor ด้วย  

ข้อความในหนังสือของ Vernon Bogdanor ในประเด็นนี้คือ       

“The term ‘constitutional monarchy’ seems first to have been used by a French writer, W. Dupré, who wrote in 1801 of “La monarchie constitutionnelle’ and ‘Un roi constitutionnelle’. [8]   (the constitutional monarchy and the first constitution/ผู้เขียน)

ในการค้นคว้าเอกสารต้นฉบับของ Dupré ทำให้ผู้เขียนทราบว่า [9] คำว่า  constitutional monarchy อยู่ในหนังสือของ W. Dupre ชื่อ The Neological French Dictionary, containing Words of New Creation, Not to found in any French and English Vocabulary Hitherto Published; including Those added to the Language by the Revolution and the Republic (1801) [10]  ซึ่งแปลความได้ว่า “พจนานุกรมภาษาฝรั่งเศสแบบนีโอโลจิคัล ซึ่งประกอบด้วยคำศัพท์เกี่ยวกับการสร้างสรรค์ใหม่ ซึ่งไม่พบในคำศัพท์ภาษาฝรั่งเศสและภาษาอังกฤษใด ๆ ที่เคยตีพิมพ์มาก่อน รวมถึงคำศัพท์ที่เพิ่มเข้ามาในภาษาอังกฤษจากการปฏิวัติและการเกิดสาธารณรัฐ”  คำว่า neology หมายถึง “การใช้คำหรือสำนวนใหม่หรือคำที่กำหนดไว้ในความหมายใหม่หรือแตกต่างออกไป” (the use of a new word or expression or of an established word in a new or different sense) [11] นอกจากหนังสือเล่มนี้จะเป็นพจนานุกรมเล่มแล้ว ยังได้นำเสนอระบบชั่งตวงวัดแบบใหม่ในระบบเมตริก รวมทั้งระบบเหรียญเงินใหม่ด้วย และในภาพรวมของหนังสือเล่มนี้จะเป็นการก่อตัวของความทรงจำเกี่ยวกับการปฏิวัติฝรั่งเศส และประวัติศาสตร์การปฏิวัติโดยสั่งเขป รวมทั้งทรรศนะของสาธารณรัฐและเกร็ดเรื่องราวต่าง  หนังสือเล่มนี้เกิดจากการที่ที่ประชุมสภาแห่งชาติ (สภาปฏิวัติของประชาชน/ by a Decree of the National Convention in 1795) ได้ตราเป็นกฎหมายในปี ค.ศ. 1795 ให้มีการจัดทำพจนานุกรมต่อยอดจากพจนานุกรมแห่งสถาบันวิชาการแห่งฝรั่งเศสที่ตีพิมพ์ในปารีสในปี ค.ศ. 1798 [12] และหนังสือพจนานุกรมของ Dupré จัดทำเสร็จและตีพิมพ์ในปี ค.ศ. 1801   

ในหนังสือ Lexicographia-Neologica Gallica; The Neological French Dictionary ที่ตีพิมพ์เผยแพร่ตามคำสั่งของรัฐสภาในปี ค.ศ. 1801  คำว่า constitutional monarchy ปรากฏอยู่ในหน้า 250 ภายใต้การอธิบายคำศัพท์ La Révolution Françoise  (the French Revolution/ การปฏิวัติฝรั่งเศส)  โดย Dupré ได้เขียนถึงคำ constitutional monarchy ไว้ในย่อหน้าที่สี่และย่อหน้าที่ห้าของคำอธิบายศัพท์ La Révolution Françoise  Dupré ได้อธิบายคำว่า La Révolution Françoise  (the French Revolution) ไว้ดังนี้   

“การปฏิวัติครั้งแรกในปี ค.ศ. 1789 [13] ที่เกิดขึ้นจากพระมหากษัตริย์ที่สวรรคตไปแล้ว (พระเจ้าหลุยส์ที่สิบหก/ผู้เขียน) [14] การปฏิวัตินี้ได้เปลี่ยนแปลงจากรูปแบบการปกครองโดยพระมหากษัตริย์ (kingly government) ไปสู่ constitutional monarchy กล่าวคือ เป็นการปกครองของพระมหากษัตริย์ ตามรัฐธรรมนูญ (the government of a king, according to a constitution) ประชาชนฝรั่งเศสเห็นว่า การปฏิวัตินี้เป็นผลของยุคสมัย (a work of ages) และเป็นผลงานแห่งพลังภูมิปัญญาเท่าที่มีอยู่ ในขั้นตอนนี้ พระเจ้าหลุยส์ฯได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้ฟื้นฟูเสรีภาพของประชาชนกลับคืนมา  ที่ประชุมสภาแห่งชาติ (the national assembly) – หลังจากที่ได้จัดองค์กรการบริหารงานราชการแผ่นดินในทุกสาขาขึ้นใหม่ ที่ส่งผลอยู่เป็นเวลาสองปี สี่เดือน ยี่สิบห้าวัน—ได้ตรากฎหมายให้การปฏิวัติครั้งแรกสมบูรณ์และสิ้นสุดลง (นั่นคือ การประกาศใช้รัฐธรรมนูญ ค.ศ. 1791 เมื่อวันที่  14 กันยายน, ร่างเสร็จวันที่ 3 กันยายน ค.ศ. 1791/ผู้เขียน)

ในการปฏิวัติครั้งที่สอง พระมหากษัตริย์พระองค์สุดท้ายของสถาบันพระมหากษัตริย์ฝรั่งเศส พระเจ้าหลุยส์ฯได้ทรงตกเป็นเหยื่อการบูชายัญ (a sacrifice) และ constitutional monarchy ก็เปลี่ยนไปเป็นสาธารณรัฐ (a republic) และมีผู้ตกเป็นเหยื่อบูชายัญตามพระมหากษัตริย์ผู้โชคร้ายอีกเป็นจำนวนมาก ยากที่จะประเมิน ไม่มากก็น้อย คนเหล่านั้นสมควรได้รับชะตากรรมของพวกเขา การตายของพวกเขาได้รับการชดใช้ด้วยเลือดของผู้ประหารพวกเขา พวกเขาได้ไปสู่กิโยตินพิฆาตอันเดียวกัน” [15]               

อ้างอิง


[1] Macaulay, History of England (1849-61), IV. Xvii. 10 cited in Vernon Bogdanor, The Monarchy and the Constitution, (Oxford: Clarendon Press, 1995), p. 1.

[2] Thomas Babington Macaulay, The History of England, edited by Hugh Trevor-Roper and Hugh Trevor-Roper, (Harmondsworth, Middlesex: Penguin Classics, 1979), pp. 211, 373; Thomas Babington Macaulay, The History of England from the Accession of James II, pp. 211, 273, Available from http://www.blackmask.com

[3] ผู้สนใจโปรดดู ไชยันต์ ไชยพร, จากยุคฟื้นฟูสถาบันพระมหากษัตริย์ ถึง การปฏิวัติอันรุ่งโรจน์ (from the English Restoration to the Glorious Revolution): ปัญหาลำดับความสำคัญระหว่าง King and Parliament และการลงเอยที่ Parliamentary Sovereignty (อำนาจสูงสุดอยู่ที่รัฐสภา), เอกสารคำสอนวิชาสถาบันพระมหากษัตริย์กับการเมืองไทยสมัยใหม่ 2567; Thomas Babington Macaulay, The History of England from the Accession of James II, p. 290.

[4] ผู้สนใจพัฒนาการและข้อถกเถียงเกี่ยวกับกรอบแนวคิดเรื่อง “King and Parliament หรือ King in Parliament” สามารถดูเพิ่มเติมได้จาก Jeffrey Goldsworthy, “The Development of Parliamentary Sovereignty” in  The Challenge to Westminster: Sovereignty, Devolution and Independence, edited by H.T. Dickinson and Michael Lynch, (East Lothian, Scotland: Tuckwell Press, 2000),  pp. 12-21.

[5] Thomas Babington Macaulay, The History of England from the Accession of James II, pp. 108, 1027, 1047, 1260.

[6] Walter Bagehot, The English Constitution, edited by Paul Smith, (Cambridge: Cambridge University Press, 2001, 2004), pp. 37, 41, 59, 60, 64, 218.

[7] Ibid., pp. 130, 177, 179.

[8] Vernon Bogdanor, The Monarchy and the Constitution, (Oxford: Clarendon Press, 1995), p. 1.

[9] จากความช่วยเหลือของคุณ ณุทยา ณุตตรกุล นักศึกษาปริญญาเอกที่ Sciences Po Paris (จบปริญญาตรี รัฐศาสตร์ที่ Paris 1 Sorbonne และปริญญาโท ประวัติศาสตร์ สังคมศาสตร์ที่ Inalco, เกียรตินิยมอันดับ 1)

[10] W. Dupré, Lexicographia-Neologica Gallica; The Neological French Dictionary, (London: Printed by Thomas Baylis, Greville Street, Hatton Garden, 1801).

[11] “Neology.” Merriam-Webster.com Dictionary, Merriam-Webster, Available from https://www.merriam-webster.com/dictionary/neology.

[12]  W. Dupré, Lexicographia-Neologica Gallica; The Neological French Dictionary, opcit.

[13] Dupré อธิบายว่า การปฏิวัติฝรั่งเศส “เริ่มจากช่วงสี่ปีแรกที่ได้ก่อให้เกิดสองการปฏิวัติใหญ่ (two principal revolutions)” W. Dupré, Lexicographia-Neologica Gallica; The Neological French Dictionary, cited, p. 250.

[14] หนังสือเล่มนี้เริ่มจัดทำในปี ค.ศ. 1795 และเสร็จสมบูรณ์ในปี ค.ศ. 1801  หลังจากที่พระเจ้าหลุยส์ฯถูกพิพากษาตัดสินสำเร็จโทษบั่นพระเศียรในวันที่ 21 มกราคม ค.ศ. 1793.

[15] ย่อหน้าต่อไป Dupré ได้กล่าวว่า “การปฏิวัติครั้งสุดท้ายนี้เปรียบเสมือนการระเบิดของภูเขาไฟ และไม่เพียงแต่สั่นสะเทือนฝรั่งเศสเท่านั้น แต่ยังสั่นคลอนทั่วทั้งยุโรป ไฟที่ลุกไหม้นั้นไม่ได้ดับลงจนกว่าจะเกิดกระแสแห่งการประนีประนอมพอประมาณ (moderantism) และจิตวิญญาณแห่งการปฏิวัติและต่อต้านการปฏิวัติก็ถูกเผาผลาญสิ้นไป” W. Dupré,   Lexicographia-Neologica Gallica; The Neological French Dictionary, cited, pp. 250-251.