นางสนองพระโอษฐ์และนางพระกำนัลในสมัยรัชกาลที่ 7
ผู้เรียบเรียง : ฉัตรบงกช ศรีวัฒนสาร
ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ : ศาสตราจารย์พิเศษ ธงทอง จันทรางศุ
นางสนองพระโอษฐ์และนางพระกำนัลในสมัยรัชกาลที่ 7
ก่อนรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 การสนองพระยุคลบาทรับใช้พระมหากษัตริย์ พระมเหสี พระราชธิดาและพระราชโอรสที่ยังมิได้โสกันต์ตลอดจนการดูแลรักษาพระที่นั่ง พระตำหนักที่ประทับในเขตพระราชฐานชั้นใน รวมทั้งการประกอบเครื่องต้นและเครื่องเสวย ล้วนเป็นหน้าที่ของเจ้าพนักงานฝ่ายในซึ่งถูกกำหนดไว้ใน “พระไอยการนาตำแหน่งนาพลเรือน”[1] กำหนดบรรดาศักดิ์และ
ศักดินาของคุณพนักงานเอาไว้ ซึ่งราชการทั้งฝ่ายหน้าฝ่ายในพระราชสำนักคงอยู่มาถึงสมัยการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 จึงได้เลิกบรรดาศักดิ์และศักดินาของข้าราชการฝ่ายหน้าฝ่ายในทั้งหลายทั้งปวง
เมื่อรัชกาลที่ 7 ทรงบรมราชาภิเษกและโปรดเกล้าฯ สถาปนาหม่อมเจ้าหญิงรำไพพรรณี ราชสกุลเดิมสวัสดิวัตน์ พระวรชายาเป็นสมเด็จพระบรมราชินีในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2468 แล้ว ประมาณสามสัปดาห์ต่อมา วันที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2468 (พ.ศ. 2469) นับตามปัจจุบันนับเดือนมกราคมเป็นปีใหม่ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ตั้ง นางสนองพระโอษฐ์และนางพระกำนัลรับราชการสนองพระเดชพระคุณพร้อมกันนั้น ยังโปรดเกล้าฯ ประกาศในราชกิจจานุเบกษากำหนดให้มีประกาศวางระเบียบตำแหน่งหน้าที่นางสนองพระโอษฐ์และนางพระกำนัล[2] โดยมีใจความสำคัญว่า ให้นางสนองพระโอษฐ์และนางพระกำนัลอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของท้าวนางผู้หนึ่ง ให้ผู้ซึ่งทรงพระกรุณาเลือกสรรให้รับราชการในตำแหน่งนางสนองพระโอษฐ์และนางพระกำนัลนั้นตระหนักว่า ตนเป็นผู้ซึ่งทรงไว้วางพระราชหฤทัยในความจงรักภักดีเป็นพิเศษให้ฟังบังคับบัญชาของท้าวนางผู้นั้น ตามระเบียบการในเรื่องเข้าเวรประจำการมีกำหนดเพียง 2 ปี และจะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้รับราชการต่อไปอีกก็ได้ตามความเหมาะสม การที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นางสนองพระโอษฐ์และนางพระกำนัลอยู่ใต้บังคับบัญชาของท้าวนาง นับเป็นพระราชกุศโลบายให้มีความเชื่อมต่อระหว่างประเพณีเดิมกับประเพณีใหม่ในราชสำนัก
นางสนองพระโอษฐ์นั้นเป็นสตรีผู้มีศักดิ์ซึ่งสมรสแล้ว ส่วนนางพระกำนัลเป็นสตรีผู้มีศักดิ์ที่ยังเป็นโสด และเมื่อทำการสมรสก็จะกราบถวายบังคมทูลลาออก โดยไม่ได้ทรงเลื่อนขึ้นเป็นนางสนองพระโอษฐ์ ส่วนที่ปรากฏมีอดีตนางพระกำนัลบางท่านเข้าเฝ้าฯ อยู่บ่อย ๆ นั้น เป็นไปตามความใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาทของแต่ละบุคคล สตรีผู้มีศักดิ์ที่ทรงเลือกนั้นเป็นราชนิกุล (คือมีกำเนิดในราชสกุล) แต่ไม่ได้เป็นเจ้านาย หรือไม่ก็เป็นภรรยาและบุตรีของข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ และโดยมากเป็นผู้ที่รู้ภาษาและวัฒนธรรมตะวันตก อีกทั้งพึงทราบว่าท่านเหล่านี้ไม่ได้พำนักอยู่ในพระราชวังหรือวังที่ประทับ แต่เข้าไปปฏิบัติหน้าที่ราชการตามหมายเรียก ซึ่งโดยปกติก็เพื่อตามเสด็จพระราชดำเนินสมเด็จพระบรมราชินีไปในงานพระราชพิธี งานที่มีความเป็นทางการนอกเขตพระราชฐาน รวมทั้งในการเสด็จเลียบมณฑลหรือประพาสหัวเมือง และการเสด็จเยือนต่างประเทศ ในการตามเสด็จนั้น จะมีนางสนองพระโอษฐ์คนหนึ่งกับนางพระกำนัลหนึ่งหรือสองคนคู่กันไป
นางสนองพระโอษฐ์ (lady-in -waiting ) หมายถึง สตรีผู้ช่วยงานในราชสำนักที่แต่งงานแล้วซึ่งมีหน้าที่รับพระราชเสาวนีย์ไปปฏิบัติหรือเชิญพระราชเสาวนีย์ไปติดต่อข้อราชการตามพระราชประสงค์ของสมเด็จพระราชินี[3] มีคุณสมบัติเป็นสตรีผู้มีศักดิ์ในสมัยรัชกาลที่ 7 โดยทรงเลือกจากราชนิกุลสตรีผู้มีกำเนิดในราชสกุล แต่ไม่ได้เป็นเจ้านายหรือไม่ก็เป็นภรรยาหรือบุตรีของข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ และโดยมากเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถในภาษาและวัฒนธรรมตะวันตก[4]
ปรากฎรายนามนางสนองพระโอษฐ์สมัยรัชกาลที่ 7 ได้แก่
หม่อมพร้อย (บุนนาค) กฤดากร ณ อยุธยา หม่อมในหม่อมเจ้าอมรทัต กฤดากร สมุหราชองครักษ์ โปรดเกล้าฯ ให้เป็นนางสนองพระโอษฐ์ ภายหลังหย่าขาดจากกันแล้ว หม่อมพร้อยสมรสใหม่ใน พ.ศ. 2473 กับหม่อมเจ้าวรรณไวทยากร วรวรรณ (พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์ในภายหลัง) และเป็นที่รู้จักกันต่อมาในนามหม่อมพร้อยสุพิณ วรวรรณ ณ อยุธยา
หม่อมหลวงคลอง ไชยันต์ ราชสกุลเดิม สนิทวงศ์ คู่สมรสในหม่อมเจ้าถาวรมงคลวงศ์ ไชยันต์ แพทย์ประจำพระองค์รัชกาลที่ 7
คุณหญิงเนื่อง บุรีนวราษฐ์ (เนื่อง สิงหเสนี) ราชสกุลเดิม สนิทวงศ์ ภรรยาพระยาบุรีนวราษฐ์ (ชวน สิงหเสนี) อดีตราชทูตประจำประเทศอังกฤษและสหรัฐอเมริกา คุณหญิงเนื่องเป็นมารดาของหม่อมเสมอ สวัสดิวัตน์ ในหม่อมเจ้าศุภสวัสดิ์วงศ์สนิท สวัสดิวัตน์
คุณหญิงมโนปกรณ์นิติธาดา (นิตย์ หุตะสิงห์) ภรรยามโนปกรณ์นิติธาดา ธิดาพระยาวิสูตรโกษา (ฟัก สาณะเสน) ถึงแก่อนิจกรรมด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ระหว่างการตามเสด็จเยือนอินโดจีนแห่งฝรั่งเศส พ.ศ. 2473
นางพระกำนัล (maid-of-honour) หมายถึง กุลสตรีที่ยังมิได้แต่งงานเป็นนางกำนัล นางข้าหลวง และนางในทำหน้าที่รับใช้สมเด็จพระราชินี รวมทั้งตามเสด็จไปในที่ต่างๆ[5] ภายหลังจากการแต่งงานก็พ้นจากตำแหน่งนางพระกำนัล รายนามนางพระกำนัลสมัยรัชกาลที่ 7 ได้แก่
หม่อมราชวงศ์พันธ์ทิพย์ เทวกุล ธิดาพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าไตรทศประพันธ์ (กรมหมื่นเทววงศ์วโรทัยในภายหลัง) เสนาบดีกระทรวงการต่างประเทศ ต่อมา ม.ร.ว.พันธุ์ทิพย์ เสกสมรสกับพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุมภฎพงษ์บริพัตร (กรมหมื่นนครสวรรค์ศักดิพินิต ในภายหลัง) เป็นที่รู้จักกันในนามหม่อมราชวงศ์พันธุ์ทิพย์ บริพัตร
หม่อมหลวงบัว สนิทวงศ์ บุตรีเจ้าพระยาวงษานุประพัทธ์กับท้าววนิดาพิจาริณี ต่อมาเสกสมรส
กับหม่อมเจ้านักขัตมงคล กิติยากร (พระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นจันทบุรีสุรนาถ ในภายหลัง) มีพระธิดา คือ หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากร ต่อมาในรัชกาลที่ 9 ทรงสถาปนาขึ้นเป็นสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ หม่อมหลวงบัวเป็นที่รู้จักในนาม ท่านผู้หญิงบัว กิติยากร
คุณประยงค์ สุขุม บุตรีเจ้าพระยายมราช (ปั้น สุขุม) อดีตเสนาบดีชั้นผู้ใหญ่ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 จนถึงสมัยรัชกาลที่ 7 และคุณดุษฎี ไกรฤกษ์ บุตรีเจ้าพระยามหิธร (ลออ ไกรฤกษ์) ราชเลขาธิการ ต่อมาสมรสกับหม่อมหลวงปิ่น มาลากุล และเป็นที่รู้จักในนามท่านผู้หญิงดุษฎีมาลา มาลากุล ณ อยุธยา นอกจากนี้ยังมี คุณโพยม ณ นคร บุตรี พลเอกเจ้าพระยาบดินทร์ คุณสดับ บุนนาค บุตรีหลวงเมธีพฤปกร (สะดวก บุนนาค) คุณวรันดับ บุนนาค บุตรีพระยาสุริยวงศ์วิวัฒน์ (เตี้ยม บุนนาค) กรมวังประจำพระองค์ และคุณกอบแก้ว วิเศษกุล บุตรีพระยาสุรินทราชา (นกยูง วิเศษกุล) อธิบดีกรมนคราทร ภายหลังคุณกอบแก้วลาออกเพื่อเสกสมรสกับ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาทิตย์ทิพอาภา รู้จักกันในนามหม่อมกอบแก้ว อาภากร ณ อยุธยา
หลักฐานดังกล่าวปรากฎชัดเจนว่า พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระกรุณาโปรดฯ ให้มีการวางระเบียบแบบแผนเกี่ยวกับนางสนองพระโอษฐ์และนางพระกำนัลสำหรับถวายงานสมเด็จพระบรมราชินีโดยให้มีลักษณะเป็นไปตามแบบสากลในราชสำนักของประเทศในตะวันตก
บรรณานุกรม
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542.
พฤทธิสาณ ชุมพล (ม.ร.ว.). กุลสตรีศรีสยามสง่างามทุกกาลสถาน. กรุงเทพฯ : สถาบันพระปกเกล้า, 2560.
ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม 43 หน้า 421 วันที่ 12 มิถุนายน 2470.
ศิบดี นพประเสริฐ. สัตตมรัช พัสตราภรณ์ : สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 7 กับแบบแผนการแต่งกายของสตรีสยาม. กรุงเทพฯ : สถาบันพระปกเกล้า, 2563.
[1] พระไอยการนาตำแหน่งนาพลเรือน
[2] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 43 หน้า 421 วันที่ 12 มิถุนายน 2470.
[3] จากความหมายของพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542.
[4] พฤทธิสาณ ชุมพล (ม.ร.ว.). กุลสตรีศรีสยามสง่างามทุกกาลสถาน. กรุงเทพฯ : สถาบันพระปกเกล้า, 2560. หน้า 65.
[5] พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542.