"แม้กลีบใบจะร่วงโรยแต่ลำต้นตระหง่านมั่นคง" อัฮหมัด สมบูรณ์ บัวหลวง นศ.สสสส.๑

จาก ฐานข้อมูลการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า
รุ่นแก้ไขเมื่อ 14:39, 15 มีนาคม 2552 โดย Ekkachais (คุย | ส่วนร่วม) (สร้างหน้าใหม่: '''แม้กลีบใบจะร่วงโรยแต่ลำต้นตระหง่านมั่นคง''' อัฮหมัด สม...)
(ต่าง) ←รุ่นแก้ไขก่อนหน้า | รุ่นแก้ไขล่าสุด (ต่าง) | รุ่นแก้ไขถัดไป→ (ต่าง)

แม้กลีบใบจะร่วงโรยแต่ลำต้นตระหง่านมั่นคง

อัฮหมัด สมบูรณ์ บัวหลวง

Thailand Centre for Muslim and Democratic Development (TCMD) ahmadsomboon@hotmail.com

ความนึกคิดแบบง่ายๆและหาข้อสรุปเพื่อจะให้จบงานบางอย่างโดยปราศจากการไตร่ตรองอย่างรอบคอบและรอบด้านบางทีอาจจะทำให้หลายฝ่ายขาดโอกาสหรืออาจจะเสียโอกาสทองของอนาคตได้ ประไทยกำลังอยู่ในสภาวะจะฟื้นคืนไข้ทางการเมือง แต่ต้องมาประสบเคราะห์ซัดกรรมซ้ำกรณีเศรษฐกิจถดถอย ปัญหาเรื้อรังของจังหวัดชายแดนภาคใต้และอีกสารพันอุปสรรคที่ทุกคนต้องใช้ปัญญาในการทำงานมากขึ้น ในบางครั้งกระบวนการการมีส่วนร่วมถูกละเลยมองผ่านกระบวนการที่ถูกต้อง แต่พยายามจะชูบางประเด็นเพื่อสร้างความชอบธรรมในการเดินหน้าในแต่ละโครงการหรือแผนงานที่ตนเองต้องการให้มันไปถึงเป้าหมายเท่านั้น ไม่คำนึงถึงมวลประชาชนคนที่มีสิทธิอย่างแท้จริง จึงทำให้ความยุ่งยากของปัญหาเพิ่มความกังวลสับสนและสลับซับซ้อนเป็นทวีคูณ

มุมมองของสถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ในสายตาของผู้มีอำนาจบางคนบางพวกเขาเห็นว่าแนวความคิดและอุดมการณ์ทางการเมืองในการแบ่งแยกดินแดน สามารถจับต้องและสัมผัสได้ เพราะเจ้าหน้าที่สามารถสืบสวน สอบสวน อบรม จับกุมคุมขังหรือปะทะต้องล้มตายไปหลายร้อยคนไปแล้ว เปรียบเสมือนไม้ต้นหนึ่งที่มีลำต้น กิ่งก้านใบเต็มไปหมด ความเสียหายที่รัฐสามารถทำได้โดยการขจัดไปแล้วบางส่วน ถ้าเป็นต้นไม้น่าจะเทียบเสมือนหนึ่งว่าที่ล้มหายตายจากหรือการจับกุมคุมขังคือกิ่งก้านสาขาและใบมันคงมีเหลืออยู่ไม่กี่ใบ(จะหมดลำต้นอยู่แล้ว)ต้นไม้คงเหลือแต่กิ่งสาแหรกที่ตายพร้อมที่จะหักโค่นลงมาเอง ดังนั้นคนเหล่านั้น(กลไกรัฐ)จึงพยายามจะตัดลำต้นเพื่อโค่นให้หายไปอย่าได้เหลือต้นตอบนหน้าแผ่นดินนี้อีกเลย จนลืมไปว่าต้นไม้นั้นมันมีชีวิตและมีวิญญาณในตัวของมันเอง

นี่คือการคิดแบบง่ายๆ คิดแบบเก่าๆสมัยประเทศไทยกำลังทำสงครามกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย คนไทยที่เป็นทหาร ตำรวจพลเรือนและประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นในชุมชนของเขา เขาเหล่านั้นต้องล้มตายไปหรือหลีกลี้หนีภัยตามป่าเขามากมายอยู่หลายปี แต่ในที่สุดกระบวนการแสวงหาความเข้าใจกันและกันระหว่างผู้นำทางความคิดของแต่ละฝ่าย โดยไม่ต้องอาศัยคนอื่นมายุ่มย่าม(มากนัก)ประเทศสามารถกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้ในที่สุด ดังนั้นหากเรา(รัฐ)อยากจะรักษาต้นไม้ให้งอกงามผลิดอกออกผลที่อาจจะมีรสจืดชืด เปรี้ยวปี๊ด ขมปี๋หรือหวานหอม ต้นไม้แตะละต้นแต่ละชนิดมีระยะเวลาในการเติบโตที่ยาวนานสมควรที่จะให้คงมีคงอยู่ได้ตามวาระอายุไขเพื่อให้ร่มเงาให้ความร่มรื่นในสังคมอย่างที่ควรจะเป็น เราจำเป็นต้องคิดใหม่ทั้งระบบ เพราะต้นไม้ทุกต้นคือทรัพยากรธรรมชาติที่มีชีวิตประกอบด้วยคุณค่าแก่สังคมประเทศมากมาย หากคิดจะทำลายโค่นมันเสียคงไม่ต้องลงทุนจ้างคนที่มีดีกรีความรู้มาบริหารบ้านเมืองหรือสนับสนุนเงินลงทุนมหาศาลอย่างที่เป็นอยู่ในขณะนี้หรอก ให้คนบ้าปัญญาไม่มีพร้อมกับมีดขวานสักเล่มเขาก็สามารถโค่นมันลงได้ไม่ยากเย็นมิใช่หรือ ?

การทำสงครามประชาชนที่มีอุดมการณ์ทางความคิด จะไม่สามารถเอาชนะแบบเบ็จเสร็จและยั่งยืนด้วยอาวุธหรอก เพราะนักรบทางความคิดเป็นนักรบที่ไม่ตาย ถึงแม้ตัวหนึ่งจะล้มไปการบ่มเพาะหน่อพันธุ์ความคิดจะงอกเงยมาเป็นเรือนแสน โดยไม่ต้องรอรดน้ำพรวนดิน ทุกอย่างทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในทุกวันนี้เขาสามารถพลิกแร่แปรธาตุเป็นปุ๋ยได้มากพอแล้ว เพียงแต่สิ่งที่คนส่วนใหญ่อยากจะเห็นคือการเติบโตของลำต้นภายใต้ความสุกสกายแห่งแสงตะวันภายใต้ฟ้าสีครามที่สดชื่นบนแผ่นดินมาตุภูมิแห่งนี้อย่างมีศักดิ์ศรีที่เท่าเทียมและเป็นธรรมกันอย่างถาวรตลอดกาล ก็น่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่เป็นหนทางที่ต้องใคร่ครวญ ไม่ใช่มาล้ำเลิกทวงบุญคุณจากพลเมืองในสิ่งที่ไม่ใช่สิทธิใดๆของผู้ใดในประเทศนี้เลย เพราะประชาชนคือเจ้าของประเทศแห่งนี้อย่างแท้จริงไม่ใช่เป็นของเจ้าหน้าที่รัฐบางคนบางกลุ่มอย่างที่เป็นอยุ่ทุกวันนี้

คมชัดลึกบทที่ 113 2/03/52