บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (บัตรคนจน)
ผู้เรียบเรียง ศุทธิกานต์ มีจั่น
ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ รองศาสตราจารย์ ดร.นิยม รัฐอมฤต
บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
บัตรสวัสดิการแห่งรัฐหรือที่มักถูกเรียกว่า บัตรคนจนนั้น เริ่มประกาศใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2560 เป็นต้นมา [1] โดยเป็นหนึ่งในโครงการ National e-Payment ของรัฐบาลพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จุดเริ่มต้นของโครงการนี้เริ่มจากการกำหนดให้มีโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐตั้งแต่ พ.ศ.2559 เพื่อเป็นฐานข้อมูลในการออกแบบนโยบายหรือมาตรการในการยกระดับการจัดสวัสดิการต่าง ๆของหน่วยงานภาครัฐให้แก่ผู้มีรายได้น้อยที่ต้องการความช่วยเหลือจากภาครัฐ ซึ่งผู้มีสิทธิ์ลงทะเบียนเพื่อรับสวัสดิการแห่งรัฐ ต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้
- มีสัญชาติไทย
- มีอายุตั้งแต่ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป โดยต้องเกิดก่อนวันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ.2542
- ว่างงานหรือมีรายได้ที่เกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2559 ทั้งสิ้นไม่เกิน 100,000 บาท
- ไม่มีหรือมีทรัพย์สินทางการเงิน ได้แก่ เงินฝากธนาคาร สลากออมสิน สลากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร พันธบัตร ตราสารหนี้ รวมทั้งสิ้นไม่เกิน 100,000 บาท ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง
- ไม่เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ตามกฎหมายหรือถ้าเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ดังกล่าว จะต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไข ดังนี้
5.1) ที่อยู่อาศัยที่เป็นที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง (บ้านพร้อมที่ดิน)
(1) กรณีอยู่อาศัยอย่างเดียว ต้องเป็นบ้านหรือทาวเฮ้าส์ต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 25 ตารางวา หรือเป็นห้องชุดต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 35 ตารางเมตร
(2) กรณีเป็นที่อยู่อาศัย และใช้ประโยชน์จากที่ดินเพื่อการเกษตรต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 10 ไร่ หรือในกรณีที่ใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อการอื่นที่ไม่ใช่เพื่อการเกษตรจะต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 1 ไร่
5.2) ที่ดินแยกจากที่อยู่อาศัย
อยู่ภายใต้หลักเกณฑ์เดียวกับกรณีเป็นที่อยู่อาศัย กล่าวคือ หากมีการใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อการอื่นที่ไม่ใช่เพื่อการเกษตรต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 1 ไร่ หรือในกรณีที่ใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อการเกษตรต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 10 ไร่
ในแต่ละเดือนผู้ที่ได้สิทธิจากบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จะได้รับเงินจากภาครัฐในการใช้จ่ายซื้อสินค้าอุปโภค บริโภค และใช้จ่ายสำหรับการเดินทางในชีวิตประจำวัน เพื่อชำระค่าสินค้าและบริการผ่านเครื่องรับชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ของหน่วยงานหรือร้านค้าที่กำหนด เมื่อชำระค่าสินค้าและบริการแล้ววงเงินในบัตรฯจะลดลงตามยอดที่ใช้จ่าย และเมื่อถึงวันที่ 1 ของทุกเดือน วงเงินจะถูกปรับเป็นค่าเริ่มต้นของวงเงินแต่ละสวัสดิการเสมอ โดยวงเงินคงเหลือของเดือนที่ผ่านมาจะไม่มีการสะสมในเดือนถัดไป และไม่สามารถถอนวงเงินสวัสดิการออกจากบัตรเป็นเงินสดได้[2] โดยผู้ที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ สามารถนำบัตรไปใช้จ่ายสำหรับค่าซื้อสินค้าอุปโภค-บริโภคที่จำเป็น สินค้าเพื่อการศึกษา และวัตถุดิบเพื่อเกษตรกรรม 200-300 บาทต่อเดือน วงเงินค่าโดยสารรถเมล์และรถไฟฟ้า 500 บาทต่อเดือน วงเงินส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้ม 45 บาทต่อ 3 เดือน เป็นต้น[3] รวมถึงเงินจากมาตรการช่วยเหลืออื่นๆ จากรัฐบาลที่มีมาเพิ่มเติม
ทั้งนี้ร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ ได้แก่
(1) ร้านธงฟ้าประชารัฐ
(2) ร้านค้าอื่นๆ ที่กระทรวงพาณิชย์กำหนด จำนวน 46 สินค้า แยกเป็นสินค้าอุปโภคบริโภค 38 สินค้า ทั้งหมวดอาหารสด หมวดอาหารและเครื่องดื่ม หมวดของใช้ประจำวัน หมวดยารักษาโรค, สินค้าเพื่อการศึกษา 5 สินค้า และวัตถุดิบเพื่อเกษตรกรรม 3 สินค้า[4]
(3) ร้านค้าอื่นๆ ที่กระทรวงพลังงานกำหนด
(4) จุดจำหน่ายบัตรรถโดยสารสาธารณะ
(5) จุดจำหน่ายบัตรโดยสารรถไฟ (รฟท.) ทุกสถานี รวมถึงรถไฟฟ้า
ด้านรูปแบบของบัตรสวัสดิการแห่งรัฐนั้น จะถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภทตามเขตพื้นที่ ได้แก่
บัตรประเภท Hybrid 2 Chips จะมีแถบแม่เหล็ก Contactless Chip ที่จะมีสัญลักษณ์แมงมุมอยู่ด้านหลังบัตร ที่ออกให้กับผู้ที่มีสิทธิที่ลงทะเบียนในเขตกรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรสาคร นครปฐม และอยุธยา ซึ่งในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรูปแบบนี้จะมีวงเงินสำหรับลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางรวม 1,500 บาทต่อเดือน แบ่งเป็นวงเงินสำหรับรถไฟฟ้า-รถโดยสายรององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เป็นจำนวนเงิน 500 บาทต่อเดือน วงเงินสำหรับรถของบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) เป็นจำนวนเงิน 500 บาทต่อเดือน และวงเงินสำหรับรถไฟอีก เป็นจำนวนเงิน 500 บาทต่อเดือน โดยไม่จำกัดจำนวนครั้งในการใช้สิทธิ์[5] ส่วนบัตรอีกประเภทหนึ่งคือ บัตร EMV เป็น Contact Chip และแถบแม่เหล็ก ผู้ที่ได้รับบัตรประเภทนี้ ได้แก่ ผู้มีสิทธิที่ลงทะเบียนในจังหวัดอื่นๆ
ภาพ แสดงตัวอย่างบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ[6]
อย่างไรก็ดี กล่าวได้ว่าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ยังเป็นหนึ่งในนโยบายที่พรรคพลังประชารัฐใช้ในการหาเสียงในช่วงการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไปเมื่อปี พ.ศ.2562 อีกด้วย โดยในช่วงเวลานั้นรัฐบาลได้อนุมัติงบประมาณกว่า 37,900 ล้านบาท เพื่ออุดหนุนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐใน 4 มาตราการ ได้แก่ ค่าน้ำประปา การสนับสนุนค่าใช้จ่ายปลายปี การช่วยเหลือค่าเดินทางผู้สูงอายุ และการช่วยเหลือค่าเช่าบ้านผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อย ซึ่งเป็นการอุดหนุนระยะสั้นจนถึงเดือนกันยายน พ.ศ.2562 เท่านั้น[7] ในเวลาต่อมาผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ยังได้รับมาตรการที่ภาครัฐออกมาช่วยเหลือประชาชน เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 (COVID-19) ในช่วง พ.ศ.2563 ด้วย[8]
ทั้งนี้ การใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐเป็นสิทธิเฉพาะตัวของบุคคลที่ระบุบนหน้าบัตรเท่านั้น เว้นแต่ผู้พิการ ผู้สูงอายุ และผู้ป่วยติดเตียง ที่ไม่สามารถเดินทางได้ สามารถให้ผู้ดูแลเป็นผู้ใช้สิทธิแทนได้ตามเงื่อนไข และหากมีการตรวจสอบแล้วพบว่ามีการให้ผู้อื่นนำบัตรไปใช้โดยไม่เข้าเกณฑ์ข้างต้น เจ้าของบัตรจะถูกตัดสิทธิในบัตรและผู้ที่นำบัตรผู้อื่นไปใช้ต้องชดใช้เงินคืนแก่ทางราชการ
[1] “คู่มือการดำเนินโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐปี 2560”. สืบค้นจาก http://www.oic.go.th/FILEWEB/CABINF OCENTER18/DRAWER063/ GENERAL/DATA0000/00000196.PDF (1 สิงหาคม 2563).
[2] “บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ”. สืบค้นจาก https://krungthai.com/th/personal/cards/cash-card-top-up-card/309?fbclid=IwAR2jeeObBoTj6R D3XnYl_sYG-h2GL_e4emQd1Etb0fYV8ssNJoe8pgYOXuw (1 สิงหาคม 2563).
[3] “'บัตรคนจน' บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ สูญหาย-ชำรุด ต้องทำอย่างไร? ”. สืบค้นจาก https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/885459 (1 สิงหาคม 2563).
[4] “'บัตรคนจน' เปิดวิธีตรวจสอบ 'ห้าง-ร้านค้า' ที่รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ”. สืบค้นจาก https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/892162 (1 สิงหาคม 2563).
[5] “เริ่มแล้วใช้บัตรคนจน-บัตรแมงมุม นั่งรถไฟฟ้า 2 สาย รัฐจ่ายให้ 7 จังหวัด 1,500 บาท/คน/เดือน”. สืบค้นจาก https://www.prachachat.net/property/ news-193298 (1 สิงหาคม 2563).
[6] “บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ” สืบค้นจาก https://krungthai.com/th/personal/cards/cash-card-top-up-card/309?fbclid= IwAR2jeeObBo Tj6RD3XnY l_sYG-h2GL_e4emQd1Etb0fYV8ssNJoe8pgYOXuw (1 สิงหาคม 2563).
[7] “ว่าด้วยเรื่องใช้ภาษีหาเสียง”.สืบค้นจาก https://www.thebangkokinsight.com/119832/ (1 สิงหาคม 2563).
[8] “เช็ค ‘บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ’ รวมสิทธิ์ 'บัตรคนจน' สิงหาคม 2563 ได้รับอะไรบ้าง?”. สืบค้นจาก https://www.bangkokbiznews.com/news/ detail/890813 (1 สิงหาคม 2563).