จรูญ สืบแสง
ผู้เรียบเรียง : ศาสตราจารย์พิเศษ นรนิติ เศรษฐบุตร
ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ : รองศาสตราจารย์ ดร.นิยม รัฐอมฤต
จรูญ สืบแสง : ผู้ก่อการฯปากกล้า
ผู้ก่อการเปลี่ยนแปลงการปกครองแผ่นดิน ปี 2475 สายพลเรือนคนเดียวซึ่งไปนอนรอที่จะออกไปปฏิบัติการอยู่ที่บ้านหัวหน้าสายทหารเรือล่วงหน้าก่อนถึง 2 วัน ทั้งๆ ที่ตนไม่ได้เป็นทหารเรือ คือ นาย จรูญ สืบแสง นักวิชาการเกษตรที่เป็นเพื่อนกับนาย ทวี บุณยเกตุ ผู้ก่อการฯสายพลเรือน จึงถูกนาย ทวี ชวนให้มาร่วมงานเปลี่ยนแปลงการปกครองฯด้วย ส่วนสาเหตุที่ต้องมานอนค้างรออยู่ที่บ้านหลวงสินธุสงครามชัยนั้นคุณ จรูญ เล่าว่าเป็นเพราะพวกผู้ก่อการฯสายทหารเลื่อนวันเวลาลงมือปฏิบัติการกันหลายครั้ง ท่านรู้สึกไม่ทันใจถึงขนาดชวน บรรจง ศรีจรูญ กับประเสริฐ ศรีจรูญ รวมกัน 3 คน จะยอมเสี่ยงทำการทันทีไปจับ
“..เจ้านายพระองค์หนึ่งเอาไว้เป็นตัวประกัน แล้วปล่อยให้พวกเรา (หมายถึงผู้ก่อการฯที่เหลือ/ผู้เขียน) ที่ยังรีรออยู่นั้นตัดสินใจเอาว่า จะตกกระไดพลอยโจนหรือไม่.. ”
ทางหลวงประดิษฐ์มนูธรรมและหลวงสินธุฯได้ทราบเรื่องจึงคุยและปรับความคิดให้คุณ จรูญ ใจเย็น หลวงประดิษฐ์ฯแนะนำว่าให้คุณ จรูญไปนอนรอปฏิบัติการที่บ้านหลวงสินธุสงครามชัยในคลองบางกอกใหญ่ จรูญจึงได้ไปนอนรออยู่ที่บ้านหลวงสินธุฯตั้งแต่เย็นวันที่ 22 มิถุนายน ปี 2475 คุณ จรูญ สืบแสง เป็นคนใจร้อนและวาจาก็น่าจะร้อนด้วยเพราะท่านได้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรชุดแรกคนหนึ่งที่เคยอภิปรายเล่นงานรัฐบาลของพระยามโนกรณ์นิติธาดา อย่างรุนแรงตอนเดือนมีนาคม ปี 2475 ก่อนที่นายกรัฐมนตรีพระยามโนปกรณ์นิติธาดา จะขอออกพระราชกฤษฎีกาปิดสภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 1 เมษายน ปี 2476 ดังนั้นเรามาดูชีวิต และงานการเมืองของท่านดูบ้าง
นาย จรูญ สืบแสง เป็นคนใต้มาจากเมืองปัตตานี เกิดเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม ปี 2447 ที่ตำบลอาเนาะรู อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี บิดาเป็นนายแพทย์ชื่อดังของเมืองปัตตานี ชื่อขุนวรเวชวิชกิจ (ซุ้ย สืบแสง) และมีมารดาชื่อ อุ่น ด้านการศึกษานั้นได้เรียนที่โรงเรียนเบญจมราชูทิศ จังหวัดปัตตานีจนจบชั้นมัธยมปีที่ 2 ต่อมาเดินทางเข้ามาเรียนต่อในพระนครที่โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย จนจบชั้นมัธยมปีที่ 6 แล้วจึงย้ายไปเรียนต่อให้จบชั้นมัธยมปีที่ 8 ที่โรงเรียนเทพศิรินทร์ ในปี 2466 ตอนนั้นอายุได้ 19 ปี แล้วจึงได้เดินทางไปเรียนวิชาเกษตรศาสตร์ที่มหาวิทยาลัย ฟิลลิปปินส์ แห่ง ลอส บานอส จบปริญญาได้ในปี 2470 กลับมาเมืองไทยจึงได้เข้ารับราชการที่กรมเพาะปลูก กระทรวงเกษตราธิการ ในปี 2471 ได้ตำแหน่งเป็นผู้ช่วยผู้อำนวยการเพาะปลูก ดังนั้นตอนที่เข้าร่วมงานเปลี่ยนแปลงการปกครองฯท่านจึงเป็นข้าราชการอยู่ที่กระทรวงเกษตราธิการสำหรับชีวิตครอบครัว ท่านได้แต่งานกับ นางเกล็ดมณี บุนนาค
ในคืนวันที่ 23 มิถุนายน ปี 2475 คุณ จรูญ สืบแสง ได้เขียนเล่าถึงการออกไปร่วมทำงานในการยึดอำนาจ ไว้ตอนหนึ่งว่า
“...คุณ ทวี บุณยเกตุ ขับรถพาคุณ ยง เยอร์เกน (นามสกุลขณะนี้ พลบุล /จรูญ สืบแสง) และข้าพเจ้าไปรับคุณหลวงพิบูลสงคราม และคุณหลวงอดุลเดชจรัสที่บ้านในตรอกศาลเจ้าครุธแล้วไปรวมกำลังกันที่บางซื่อ..”
นั่นก็คือไปสมทบกันที่บริเวณถนนประดิพัทธ์ตัดกับทางรถไฟสายเหนืออันเป็นจุดนัดพบที่นายพันเอกพระยาทรงสุรเดชนัดหมายหัวหน้าคณะผู้ก่อการฯคือ พระยาพหลพลพยุหเสนาและแกนนำพวกทหารบกมาพบกันก่อนที่จะพากันไปยึดเอาอาวุธและรถถังเล็กออกมาใช้แสดงว่ากลุ่มนี้มิใช่ทหารล้วนๆ หากแต่มีผู้ก่อการฯพลเรือนร่วมทำงานงัดคลังแสงอยู่ด้วย
หลังเปลี่ยนแปลงการปกครองฯสำเร็จมีการตั้งสภาผู้แทนราษฎรชุดแรกขึ้นมา จรูญ สืบแสง ได้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรชั่วคราวคนหนึ่งในจำนวน 70 คนด้วย ดังนั้นจึงถือว่าเป็นผู้ก่อการฯสายพลเรือนที่มีความสำคัญและท่านก็ได้ทำหน้าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอย่างเข้มแข็ง ได้อภิปรายซักถามรัฐบาลอย่างจริงจัง ดังปรากฎว่าเมื่อรัฐบาลรับเอา “ เค้าโครงเศรษฐกิจ ” ที่นายปรีดี พนมยงค์ ร่างเสนอไปเก็บไว้ไม่เสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรจึงถูกนาย จรูญ สืบแสง ลุกขึ้นอภิปรายซักถามและขู่เอาในเดือนมีนาคม ปี 2475 ว่า
“ รัฐบาลจะรับรองได้ไหมว่า จะทำเรื่องนี้ให้ทันเวลาท่าจะดำเนินการในปีหน้า และถ้าไม่รับรองแล้วจะได้ขอให้มี Vote of Confidence เรียงตัวบุคคล ”
สำหรับตำแหน่งทางการเมืองอื่นนั้นในสมัยของนายกรัฐมนตรี พระยาพหลฯ จรูญ สืบแสง ได้รับแต่งตั้งเป็นเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตราธิการ ในวันที่ 21 ธันวาคม ปี 2480 อีกสองปีต่อมาในสมัยรัฐบาลของหลวงพิบูลสงคราม จรูญ สืบแสง ได้ย้ายข้ามกระทรวงมาเป็นสารวัตรใหญ่ของกรมศุลกากร กระทรวงการคลัง ในวันที่ 1 สิงหาคม ปี 2482 และขึ้นเป็นอธิบดีกรมศุลกากร ในวันที่ 25 มีนาคม ปี 2485 อันเป็นช่วงเวลาที่รัฐบาลของหลวงพิบูลสงครามได้นำประเทศเข้าสู่ภาวะสงครามกับฝ่ายสัมพันธมิตร แต่ในปีต่อมาในวันที่18 กันยายน ปี 2486 จรูญ สืบแสง ก็ย้ายกลับกระทรวงเกษตร ไปเป็นอธิบดีกรมชลประทาน ย้ายคราวนี้มาอยู่เพียงเดือนเดียวก็ย้ายไปเป็นอธิบดีกรมรถไฟ ในวันที่ 23 ตุลาคม ปี 2486
หลังสงครามแล้ว จรูญ สืบแสง จึงได้เป็นรัฐมนตรีกระทรวงคมนาคม ในรัฐบาลของ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช ในปี 2488 จนสิ้นสุดวาระรัฐบาลและกลับมาเป็นรัฐมนตรีกระทรวงเกษตร ในรัฐบาลของหลวงธำรงนาวาสวัสดิ์ในเดือนสิงหาคม ปี 2489 จนถึงวันที่ 30 พฤษภาคม ปี 2490 หลังการรัฐประหาร 8 พฤศจิกายน ปี 2490 คนของคณะราษฎรหลายคนต้องหลบลี้หนีภัยกันไป
จรูญ สืบแสง ได้มีชีวิตอยู่ดูการเมืองไทยต่อมาหลายปีท่านถึงแก่อนิจกรรมในวันที่ 23 มีนาคม ปี 2528