ระบบกษัตริย์ในระบอบรัฐธรรมนูญ

จาก ฐานข้อมูลการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า

ความเป็นมา

          เมื่อเสด็จพระราชดำเนินกลับจากประเทศสหรัฐอเมริกาและคานาดาได้ไม่นาน (เสด็จฯ ไประหว่างวันที่ ๖ เมษายนและวันที่ ๒๘ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๔<a href="#_ftn1">[1]</a> พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าไตรทศประพันธ์ กรมหมื่นเทววงศ์วโรทัย อภิรัฐมนตรีและเสนาบดีกระทรวงการต่างประเทศดำเนินการเรื่องร่างรัฐธรรมนูญขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายอีกฉบับหนึ่ง หลังจากฉบับที่พระยากัลยาณไมตรีเคยร่างเมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๙

          ร่างรัฐธรรมนูญฉบับที่สองนี้ภายใต้ชื่อว่า “An Outline of Changes in the Form of Government”หรือ “เค้าโครงความเปลี่ยนแปลงในรูปแบบของการปกครอง” มีนายเรมอนด์ บี.สตีเวนส์ (Raymond B. Stevens) ที่ปรึกษาการต่างประเทศในขณะนั้นและพระยาศรีวิสารวาจา (เทียนเลี้ยง ฮุนตระกูล) ปลัดทูลฉลองกระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้ร่าง นายสตีเวนส์นั้นเป็นนักกฎหมายและอดีตสมาชิกสภาผู้แทนของสหรัฐอเมริกา ส่วนพระยาศรีวิสารวาจาสำเร็จเนติบัณฑิตจากประเทศอังกฤษ

ร่างรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นภาษาอังกฤษนี้ทูลเกล้าฯ ถวายเมื่อวันที่ ๙ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๔ (ซึ่งก็คือต้น พ.ศ. ๒๔๗๕ ตามปฏิทินปัจจุบัน) ในช่วงเวลาซึ่งระลอกสุดท้ายของความขัดแย้งในเรื่องนโยบายเศรษฐกิจกำลังเริ่มขึ้น และนายสตีเวนส์เป็นบุคคลหนึ่งที่ทรงปรึกษาเกี่ยวกับเรื่องนั้น

          เมื่อนำสภาพการณ์ดังกล่าวซึ่งกำลังบั่นทอนความน่าเชื่อถือของรัฐบาลของพระองค์อยู่ ดังปรากฎเป็นบทวิจารณ์ในหน้าหนังสือพิมพ์ และการที่เมื่อเสด็จฯ ถึงสหรัฐอเมริกา พระองค์ได้พระราชทานสัมภาษณ์นักหนังสือพิมพ์อเมริกันว่ากำลังจะมีกฎหมายให้สิทธิเลือกตั้งในระดับเทศบาลแก่ราษฎรมาพิจารณาด้วยแล้ว เห็นได้ว่าต้องพระราชประสงค์ที่จะเร่งกระบวนการของการที่จะทรงจัดให้มีการปกครองโดยตัวแทน (representative government) เกิดขึ้น ก่อนที่อาจมีการก่อการเปลี่ยนแปลงจากเบื้องล่างซึ่งก็ได้รับสั่งเล่าทำนองนี้พระราชทานพระยามโนปกรณ์นิติธาดา ประธานคณะกรรมการราษฎรและผู้แทนคณะราษฎรที่เข้าเฝ้าฯ เมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๕ (๖ วันหลังการยึดอำนาจของคณะราษฎร) ดังข้อความใน'“บันทึกลับ”การเข้าเฝ้าฯ ครั้งนั้นของเจ้าพระยามหิธร (ลออ ไกรฤกษ์) ราชเลขาธิการ ที่ว่า “ทรงเห็นว่าควรจะต้องให้'Constitution มาตั้งแต่รัชกาลที่ ๖ แล้ว และเมื่อได้ทรงรับราชสมบัติ ก็มั่นพระราชหฤทัยว่า เป็นหน้าที่ของพระองค์ที่จะให้ Constitution แก่สยามประเทศ” และ “เมื่อเสด็จกลับมา (จากสหรัฐอเมริกา –ผู้เขียน) ยิ่งรู้สึกแน่ใจว่าจะกักไว้อีกไม่สมควรเป็นแท้...<a href="#_ftn1">[1]</a>

 

สาระของร่าง

          เอกสารของนายสตีเวนส์และพระยาศรีวิสารวาจา<a href="#_ftn2">[2]</a> เกริ่นนำว่าเป็น เค้าโครงของรัฐธรรมนูญใหม่ “ซึ่งทูลเกล้าฯ ถวาย “ตามพระราชประสงค์”  เพื่อเป็น “จุดเริ่มต้นของรูปแบบการปกครองในระบบรัฐสภา” แม้ว่า “ในทางทฤษฎีพระมหากษัตริย์จะยังคงทรงเป็นหัวหน้าฝ่ายบริหารและผู้ทรงนิติบัญญัติ” แต่พระองค์จักได้ทรงเลือกและแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีผู้ซึ่งต้องรับผิดชอบต่อพระองค์ และพระองค์ทรงถอดออกจากตำแหน่งได้ นายกรัฐมนตรีจักเลือกรัฐมนตรีของเขาเองเป็นคณะรัฐมนตรีใช้อำนาจบริหาร แต่ก็โดยมีสภานิติบัญญัติใช้อำนาจบางประการกำกับอยู่ ในทำนองระบบรัฐสภา

          สภาใหม่นี้ ในระยะเริ่มแรก ควรมีสมาชิกประเภทแต่งตั้งและประเภทเลือกตั้งจำนวนเท่ากัน ที่น่าสนใจคือ ในประเภทแต่งตั้ง จะมีข้าราชการประจำเกินกึ่งหนึ่งไม่ได้ เท่ากับว่าร่างนี้ แม้ว่าจะเห็นว่าสมาชิกประเภทเลือกตั้งจะยังต้องมี “พี่เลี้ยง” แต่ก็ต้องการจะป้องกันมิให้ข้าราชการครอบงำ ลักษณะเช่นนี้แตกต่างอย่างมีนัยสำคัญจากพระราชบัญญัติธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยามชั่วคราว พ.ศ. ๒๔๗๕ (๒๗ มิถุนายน)

 

<a href="#_ftnref1">[1]</a>สนธิ เตชานันท์ (รวบรวม) ๒๕๔๕. แผนพัฒนาการเมืองไปสู่การปกครองระบอบ ประชาธิปไตย ตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว. พิมพ์ครั้งที่ ๔. กรุงเทพฯ: สถาบันพระปกเกล้า, หน้า ๓๑๔-๓๑๕.

<a href="#_ftnref2">[2]</a>เรื่องเดียวกัน, หน้า ๑๙๘-๒๐๕.


<a href="#_ftnref1">[1]</a> ดูรายละเอียดเพิ่มเติมจาก เรื่อง การเสด็จประพาสสหรัฐอเมริกาและแคนาดา และ เรื่อง สู่การปกครองตนเองในระดับท้องถิ่น

 

หมวดหมู่:พระปกเกล้าศึกษา