ปัญหาไฟป่าและหมอกควันอาเซียน
บทนำ
แต่เดิมนั้น ปัญหาไฟป่า และหมอกควัน เป็นปัญหาภายในของแต่ละประเทศ ที่แต่ละประเทศจะต้องดำเนินการจัดการ และป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาด้านมลพิษและสิ่งแวดล้อม รวมถึงการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ของแต่ละประเทศด้วย แต่ในปัจจุบัน ปัญหาดังกล่าวได้ถูกพัฒนากลายเป็นปัญหาข้ามพรมแดน โดยเฉพาะสถานการณ์ในภูมิภาคอาเซียน ยกตัวอย่างเช่น กรณีของประเทศอินโดนีเซีย ที่เกษตรกรได้ทำการเผา และถางพื้นที่เพื่อทำเกษตรกรรม จนนำไปสู่การลุกลามเป็นไฟป่า ซึ่งก่อให้เกิดหมอกควันกระจายข้ามพรมแดน ไปยังประเทศมาเลเซียและประเทศสิงคโปร์[1] หรือกรณีไฟป่าในพม่าที่เจ้าหน้าที่พม่าไม่สามารถดำเนินการจัดการปัญหาดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพจนหมอกควันพัดเข้ามาปกคลุมพื้นที่ภาคเหนือของประเทศไทย[2] เป็นต้น ซึ่งปัญหาหมอกควันนี้ได้ส่งผลกระทบอย่างมากมาย ทั้งต่อมนุษย์ สัตว์ป่า และรวมถึงทรัพยากรทางธรรมชาติของประเทศด้วย โดยต้นเหตุของปัญหานั้นเกิดได้จากหลายประการ ทั้งจากเหตุการณ์ทางธรรมชาติ เช่น การเกิดฟ้าผ่า การเสียดสีกันของต้นไม้ รวมถึงเกิดจากการกระทำของมนุษย์ด้วย เช่น การเผาไร่ การเก็บหาของป่า การล่าสัตว์ เป็นต้น [3] เป็นที่น่าสังเกตว่าการเกิดไฟป่าที่เกิดจากการกระทำของมนุษยนั้น ส่วนมากจะเชื่อมโยงกับผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ ยกตัวอย่างเช่น กรณีการเกิดไฟป่าในประเทศอินโดนีเซียนั้น ต้นเหตุที่แท้จริงนั้น ก็มีผลมาจากการตัดไม้ทำลายป่า ทั้งเพื่อส่งออก เพื่อการเพิ่มพื้นที่ในการทำปาล์มน้ำมัน การถลุงแร่ [4] หรือ การทำไร่เลื่อนลอย หรือการเกิดไฟผ่าในประเทศพม่า ไทยและลาวจะเป็นการเผาทำลายป่าในเพื่อปลูกต้นยาง[5] เป็นต้น
ทั้งนี้ อาเซียนได้มีความพยายามในการดำเนินการกับปัญหาดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง โดยมีจุดเริ่มมาตั้งแต่ในปี ค.ศ.1980[6] จนปัจจุบันได้มีการพัฒนามาอยู่ในรูปแบบของความตกลงระหว่างประเทศต่างๆ เช่น ข้อตกลงอาเซียนเรื่องมลภาวะหมอกควันข้ามพรมแดน (ASEAN Agreement on Trans-boundary Haze Pollution) หรือ แผนปฏิบัติการอาเซียนว่าด้วยปัญหาหมอกควัน (Regional Haze Action Plan) เป็นต้น
ความหมายของไฟป่า และหมอกควัน
ในข้อตกลงอาเซียน เรื่อง มลพิษจากหมอกควันข้ามแดนได้ให้ความหมายของคำว่า ไฟป่า หมอกควันพิษ และมลพิษจากหมอกควันข้ามแดนไว้ว่า
ไฟป่า (Forest fire) คือ ไฟไหม้ต่างๆ เช่น ไฟไหม้ร่องถ่านหิน ไฟไหม้พรุ และไฟไหม้ไร่นาสวน [7]
หมอกควันพิษ (Haze Pollution) คือ ควันที่เกิดจากไฟป่า ซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพของมนุษย์ และสร้างความเสียหายต่อระบบนิเวศน์กับสิ่งมีชีวิต ตลอดจนสร้างความเสียหายให้แก่วัสดุต่างๆ รบกวนสิ่งอำนวยความสะดวกและการใช้ประโยชน์จากสิ่งแวดล้อมที่ชอบด้วยกฎหมาย [8]
มลพิษจากหมอกควันข้ามแดน (Transboundary Haze Pollution) คือ มลพิษจากหมอกควันที่ต้นกำเนิดไม่ว่าจะทั้งหมดหรือบางส่วนจากประเทศสมาชิก และเคลื่อนตัวเข้าสู่พื้นที่ของประเทศสมาชิกอื่น[9] ปัจจัยที่ทำให้เกิดหมอกควันมีหลายอย่าง เป็นต้นว่าขี้เถ้าจากการเผาสิ่งต่างๆ ควันจากรถยนต์ อุตสาหกรรมที่ปล่อยควันพิษและไฟป่า [10]
ผลกระทบจากปัญหาไฟป่าและหมอกควัน
ดังที่ได้กล่าวมาแล้วนั้นว่าปัญหาไฟป่าและหมอกควันนั้น ได้เกิดขึ้นจากหลายสาเหตุ ซึ่งปัญหาไฟป่าและหมอกควันนั้นได้ส่งผลกระทบมากมายต่อทั้ง3เสาหลักของอาเซียน ซึ่งแบ่งได้ดังนี้
เสาประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน : ในส่วนนี้จะเกี่ยวข้องกับเรื่องคุณภาพชีวิตของพลเมืองอาเซียนเป็นหลักและรวมถึงประเด็นเรื่องความหลากหลายทางชีวภาพ โดยเฉพาะในเรื่องเกี่ยวกับสุขภาพและอันตรายต่างๆต่อชีวิต ยกตัวอย่างเช่น ปัญหาสุขภาพเกี่ยวกับทางเดินหายใจ ปัญหาด้านการมองเห็นอันเนื่องจากผลกระทบทางด้านหมอกควัน อีกทั้งปัญหาดังกล่าวนั้น ยังก่อให้เกิด การสูญเสียในด้านความหลากหลายทางชีวภาพอย่างมากมาย โดยเฉพาะในส่วนของสัตว์ป่า ที่อาจได้รับบาดเจ็บหรือล้มตาย จากการหนีไฟป่าไม่ทัน รวมถึงในเรื่องของการขาดที่อยู่อาศัยด้วย[11] หรือในกรณีที่ต้นไม้และพืชชนิดต่างๆในป่าได้ถูกทำลายลง และอาจทำให้ไม่สามารถขยายพันธุ์ได้อีกต่อไป อันเนื่องมาจากการขาดความชุ่มชื้นและแร่ธาตุต่างๆที่มีอยู่ในดิน [12] เป็นต้น นอกจากนี้แล้วยังก่อให้เกิดปรากฏการณ์เรือนกระจกอีกด้วย
เสาประชาคมเศรษฐกิจ : ผลกระทบจากปัญหาไฟป่านั้น ได้ส่งผลกระทบต่อด้านเศรษฐกิจแก่บริเวณพื้นที่ที่ประสบปัญหา โดยเฉพาะในด้านการท่องเที่ยว ยกตัวอย่างเช่น กรณีไฟป่าในประเทศอินโดนีเซียและประเทศมาเลเซีย ที่ก่อให้เกิดหมอกควันปกคลุม ทั่วหมู่เกาะอินโดนีเซีย หมู่เกาะบอร์เนียว ประเทศสิงคโปร์ และคาบสมุทรมลายู[13] ทำให้รายได้จากการท่องเที่ยวนั้นลดลง
เสาประชาคมการเมืองและความมั่นคง : ปัญหาไฟป่าและหมอกควัน อาจนำมาซึ่งความขัดแย้งระหว่างรัฐสมาชิกในอาเซียนได้ ยกตัวอย่างเช่นกรณี กรณีการเกิดไฟป่าในพม่า แต่เจ้าหน้าที่ของรัฐไม่เร่งดำเนินการปัญหาดังกล่าว จนหมอกควันได้พัดเข้ามายังประเทศไทยหรือกรณี การเกิดการโจมตีทางสื่อออนไลน์เกี่ยวกับปัญหาด้านหมอกควัน ระหว่าง อดีตรัฐมนตรีสิงคโปร์ นาย โก๊ะ จ๊ก ตง กับตัวแทนกลุ่มประสานงานด้านปัญหาหมอกควันของประเทศอินโดนีเซีย[14] ดังนั้นหากรัฐสมาชิกไม่ช่วยกันดำเนินการจัดการแก้ไขปัญหาหมอกควันในภูมิภาคก็อาจจะนำมาซึ่งปัญหาทางการเมืองระหว่างประเทศในอนาคตได้
ความร่วมมือในภูมิภาคอาเซียนเพื่อการแก้ปัญหาไฟป่าและหมอกควัน
ภูมิภาคอาเซียนได้เริ่มตื่นตัวเรื่องการจัดการไฟป่าและหมอกควันมาตั้งแต่ช่วงปี ค.ศ. 1980 แต่เพิ่งได้มีการจัดตั้งหน่วยงานที่ชื่อว่า Haze Technical Task Force (HTTF) เพื่อกำกับดูแลเฉพาะเรื่องนี้เป็นการเฉพาะ ในช่วงปี ค.ศ. 1995 โดย HTTF ได้จัดทำแผนปฏิบัติการ Regional Haze Action Plan (RHAP) ขึ้นเพื่อเป็นกรอบการจัดการไฟป่าและหมอกคัวนอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น จุดมุ่งหมายหลักของแผนปฏิบัติการดังกล่าวคือ พัฒนานโยบายด้านไฟป่าและหมอกควันให้ดีขึ้น สภาพบังคับของนโยบายต้องมากขึ้น มีการสอดส่องดูแลและการพัฒนาความสามารถในการรับมือ และการเยียวยาหลังประสบภัยจากไฟป่าและหมอกควันนี้
จนกระทั่งในช่วงปีค.ศ. 1990 นั้น ได้เกิดไฟป่าครั้งร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ภูมิภาค ที่ดินอย่างน้อย 56 ล้านไร่ได้รับความเสียหาย และกว่า 40 ล้านไร่นั้นเป็นพื้นที่ป่า มีการประเมินว่ามูลค่าความเสียหายในครั้งนั้นสูงถึงเก้าพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ มีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ราวๆสองพันล้านตันเกิดขึ้นจากเหตุการณ์ในครั้งนั้น[15] ด้วยเหตุนี้จึงมีการเจรจาอย่างจริงจังเพื่อให้มีการสร้างความตกลงที่ผูกพันกับประเทศสมาชิกจนได้มาเป็น “ความตกลงอาเซียนว่าด้วยมลพิษจากหมอกควันข้ามแดน (ASEAN Agreement on Transboundary Haze Pollution : AATHP)
วัตถุประสงค์ของความตกลงดังกล่าวก็คือ เพื่อป้องกันและติดตามตรวจสอบมลพิษจากหมอกควันข้ามแดนที่เป็นผลมาจากไฟป่า และสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิกและนานาชาติในการลดปัญหาดังกล่าว[16]
สำหรับหลักการของความตกลงดังกล่าวนี้คือ มุ่งให้สมาชิกนำกฎบัตรสหประชาชาติและหลักการตามกฎหมายระหว่างประเทศมาปรับใช้กับนโยบายสิ่งแวดล้อมในประเทศของตนเพื่อไม่ให้สร้างความเดือดร้อนแก่รัฐอื่น ร่วมมือกันประสานงานเพื่อป้องกันและติดตามปัญหามลพิษจากหมอกควันข้ามแดนตามกำลังและความสามารถของตน จัดการและใช้ทรัพยากรธรรมชาติภายในประเทศให้คุ้มค่ายั่งยืน การดำเนินงานนั้นต้องเป็นไปด้วยความระมัดระวัง และส่งเสริมให้มีความร่วมมือกันในทุกภาคส่วน [17]
หน้าที่ของประเทศสมาชิกภายใต้ความตกลงอาเซียนว่าด้วยมลพิษจากหมอกควันข้ามแดนมีอยู่ 6 หน้าที่หลักด้วยกัน ได้แก่
1. การติดตามตรวจสอบ ซึ่งประเทศสมาชิกจะต้องตั้งหน่วยงานอย่างน้อย 1 หน่วยงานภายในประเทศของตนเพื่อทำหน้าติดตามเรื่องของไฟป่าทั้งหมด พื้นที่เสี่ยงที่จะเกิดไฟป่า สภาพแวดล้อมที่จะนำไปสู่ภัยดังกล่าว และมลพิษที่เกิดจากไฟป่าเหล่านั้น และเมื่อใดก็ตามที่เกิดไฟป่าขึ้นในพื้นที่ของตน ก็ต้องรีบทำการควบคุมและดับไฟนั้น [18]
2. การวิเคราะห์และประเมินผล เพื่อให้แน่ใจว่าหน่วยงานจัดการไฟป่าที่ได้ก่อตั้งขึ้นมานั้นประสานงานกับศูนย์อาเซียนเป็นระยะๆตามที่ได้มีการตกลงกันไว้ และมีการให้ข้อมูลที่หน่วยงานได้ติดตามตรวจสอบนั้นแก่ศูนย์อาเซียน เพื่อที่ศูนย์อาเซียนจะได้นำข้อมูลดังกล่าวไปวิเคราะห์เกี่ยวกับความเสี่ยงต่อสุขภาพ สิ่งแวดล้อม หรือความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดปัญหาหมอกควันข้ามชาติกลับมาให้ประเทศภาคี [19]
3. การป้องกัน ต้องมีมาตรการต่างๆอออกมาเพื่อป้องกันและควบคุมกิจกรรมที่เสี่ยงต่อการก่อให้เกิดไฟป่า ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนากฎหมายภายในและการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง การออกนโยบายที่เหมาะสม อาจมีการติดตามตรวจสอบพื้นที่เสี่ยงภัยเป็นพิเศษ เสริมสร้างความสามารถในการจัดการไฟป่าให้แก่ชุมชน ให้ความรู้และปลูกจิตสำนึกให้แก่ประชาชนในประเทศเพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการจัดการไฟป่า [20]
4. การเตรียมความพร้อม แต่ละรัฐภาคีต้องพัฒนากลยุทธ์และแผนปฏิบัติการเพื่อระบุ จัดการ และควบคุมผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนที่เกิดจากไฟป่าและหมอกควัน ซึ่งแผนการดังกล่าวต้องเป็นไปอย่างเหมาะสมกับประเทศของตน [21]
5. แผนปฏิบัติการฉุกเฉินแห่งชาติ รัฐภาคีต้องดำเนินการให้มั่นใจว่ามาตรการจ่างๆไม่ว่าจะเป็นด้านกฎหมาย การบริหาร หรือการเงิน ต้องพร้อมรับมือและบรรเทาสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันที่อาจเกิดขึ้น โดยสิ่งที่ต้องเตรียมก็เช่น อุปกรณ์เครื่องมือ วัสดุ และบุคลากร [22]
6. การปฏิบัติการฉุกเฉินร่วมกันภายใต้บทบัญญัติเรื่องความช่วยเหลือ หมายถึงหน้าที่ในการเข้าช่วยเหลือประเทศสมาชิกที่เกิดไฟป่าขึ้นภายในประเทศ โดยการที่จะให้ความช่วยเหลือกันได้นั้น จะต้องรอให้ประเทศผู้ประสบภัยไฟป่านั้นร้องขอหรือให้ความยินยอมเสียก่อน โดยการร้องขอนั้นให้แจ้งแก่ประเทศภาคีอื่นโดยตรงหรือจะกระทำผ่านศูนย์อาเซียนก็ได้ พร้อมกันนั้นให้ระบุขอบเขตความช่วยเหลือที่ต้องการและให้ข้อมูลข่าวสารที่จำเป็นเพื่อประกอบการตัดสินใจของรัฐภาคีอื่น จากนั้นประเทศสมาชิกอื่นจะต้องแจ้งกลับมาว่าตนมีความสามารถให้ความช่วยเหลือได้มากน้อยเพียงใด และการให้ความช่วยเหลือนั้นมีเงื่อนไขใดหรือไม่ [23]
การควบคุมดูแลและทิศทางของการให้ความช่วยเหลือภายใต้ความตกลงฉบับนี้มีใจความสำคัญคือ รัฐที่ร้องขอหรือได้รับความช่วยเหลือจะต้องดำเนินการในภาพรวม ควบคุมดูแลประสานงาน และดูแลความช่วยเหลือนั้นในพื้นที่รับผิดชอบของตน พร้อมกันนี้ต้องอำนวยความสะดวกเท่าที่จะสามารถทำได้เพื่อให้การช่วยเหลือนั้นดำเนินไปได้อย่างเหมาะ เช่นการให้หลักประกันในการคุ้มครองบุคลากร เครื่องมืออุปกรณ์ และวัสดุของรัฐภาคีที่ให้เข้าการช่วยเหลือ [24]
นอกจากนี้ ความตกลงอาเซียน เรื่อง มลพิษจากหมอกควันข้ามแดนนี้ยังได้กำหนดให้มีการจัดตั้งศูนย์ประสานงานเพื่อควบคุมหมอกควันข้ามชาติขึ้น โดยหน้าที่การทำงานของศูนย์ก็ได้แก่การประสานงานทั้งในด้านข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับไฟป่าและระดับหมอกควันในภูมิภาค เป็นตัวกลางในการประสานงานความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิกด้วยกันหรือกับรัฐอื่นๆ จัดผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินผลกระทบจากไฟป่าและ/หรือหมอกควัน ประสานงานด้านการรับและการให้ความช่วยเหลือในกรณีที่เกิดไฟป่าและหมอกควันขึ้น พร้อมทั้งมีส่วนช่วยประเทศสมาชิกในการจัดทำคู่มือปฏิบัติงาน [25]
บรรณานุกรม
กรมป่าไม้. 2014. “ปรากฏการณ์หมอกควัน.” http://www.forest.go.th/wildfire/images/stories/air%20pollution.pdf (accessed April 23, 2015)
กรมป่าไม้. 2014. “ผลกระทบของไฟป่า.” http://www.forest.go.th/wildfire/index.php?option=com_content&view=article&id=722%3A2014-06-23-03-m-s&catid=34%3Ageneralknowledge&lang=th (accessed April 23 2015)
กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช.2015.“สาเหตุของการเกิดไฟป่า.” http://www.dnp.go.th/forestfire/FIRESCIENCE/lesson%201/lesson1_6.htm (accessed May 14, 2015)
ผู้จัดการออนไลน์.2015. “ผลักดัน ‘ไฟป่า’ สู่ ‘วาระแห่งชาติ’ ยกระดับปัญหาหมอกควันตรงเป้าหรือไม่?.” http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9550000035286 (accessed May 15, 2015)
ผู้จัดการออนไลน์.2015.”ไฟป่าพม่าทำหมอกควันคลุ้งเหนือฟ้าแม่สอด.” http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9550000024589 (accessed May 14, 2015)
สรินณา อารียธรรมศิริกุล. 2013. “ปัญหาหมอกควันในอาเซียน...ทำไมถึงแก้ยาก.” http://www.siamintelligence.com/haze-hits-asean/ (accessed May 15, 2015)
Acharawadee. 2012. “ควันข้ามโขง ฆาตรกรเงียบไร้พรมแดน....เมื่อเกษตรพันธสัญญาและยางพาราเบ่งบาน (1).” http://www.citizenthaipbs.net/node/792 (accessed May 15, 2015)
Adelina Kamal. 2014. “ASEAN’s Response Strategy In Addressing Transboundary Haze Pollution.” http://www.mekonginfo.org/assets/midocs/0003301-environment-asean-s-response-strategy-in-addressing-transboundary-haze-pollution.pdf (accessed April 22, 2015)
Haze Action Online. 2015. “Combating Haze in ASEAN : Frequently Asked Questions.” http://haze.asean.org/?page_id=113 (accessed April 23, 2015)
อ้างอิง
- ↑ สรินณา อารียธรรมศิริกุล. 2013. “ปัญหาหมอกควันในอาเซียน...ทำไมถึงแก้ยาก.” http://www.siamintelligence.com/haze-hits-asean/ (accessed May 15, 2015)
- ↑ ผู้จัดการออนไลน์.2015.”ไฟป่าพม่าทำหมอกควันคลุ้งเหนือฟ้าแม่สอด.” http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9550000024589 (accessed May 14, 2015)
- ↑ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช.2015.“สาเหตุของการเกิดไฟป่า.” http://www.dnp.go.th/forestfire/FIRESCIENCE/lesson%201/lesson1_6.htm (accessed May 14, 2015)
- ↑ สรินณา อารียธรรมศิริกุล. 2013.อ้างแล้ว.
- ↑ Acharawadee. 2012. “ควันข้ามโขง ฆาตรกรเงียบไร้พรมแดน....เมื่อเกษตรพันธสัญญาและยางพาราเบ่งบาน (1).” http://www.citizenthaipbs.net/node/792 (accessed May 15, 2015)
- ↑ http://www.mekonginfo.org/assets/midocs/0003301-environment-asean-s-response-strategy-in-addressing-transboundary-haze-pollution.pdf (accessed April 22, 2015)
- ↑ ASEAN Agreement on transboundary haze pollution (2002): Article 1.7
- ↑ ASEAN Agreement on transboundary haze pollution (2002): Article 1.6
- ↑ ASEAN Agreement on transboundary haze pollution (2002): Article 1.13
- ↑ กรมป่าไม้. 2014. “ปรากฏการณ์หมอกควัน.” http://www.forest.go.th/wildfire/images/stories/air%20pollution.pdf (accessed April 23, 2015)
- ↑ กรมป่าไม้. 2014. “ผลกระทบของไฟป่า.” http://www.forest.go.th/wildfire/index.php?option=com_content&view=article&id=722%3A2014-06-23-03-m-s&catid=34%3Ageneralknowledge&lang=th (accessed April 23 2015)
- ↑ เพิ่งอ้าง.
- ↑ ผู้จัดการออนไลน์.2015. “ผลักดัน ‘ไฟป่า’ สู่ ‘วาระแห่งชาติ’ ยกระดับปัญหาหมอกควันตรงเป้าหรือไม่?.” http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9550000035286 (accessed May 15, 2015)
- ↑ สรินณา อารียธรรมศิริกุล. 2013.อ้างแล้ว.
- ↑ Haze Action Online. 2015. “Combating Haze in ASEAN : Frequently Asked Questions.” http://haze.asean.org/?page_id=113 (accessed April 23, 2015)
- ↑ ASEAN Agreement on Transboundary Haze Pollution (2002) : Article 2.
- ↑ ASEAN Agreement on Transboundary Haze Pollution (2002): Article 3.
- ↑ ASEAN Agreement on Transboundary Haze Pollution (2002): Article 7.
- ↑ ASEAN Agreement on Transboundary Haze Pollution (2002): Article 8.
- ↑ ASEAN Agreement on Transboundary Haze Pollution: Article 9.
- ↑ ASEAN Agreement on Transboundary Haze Pollution: Article 10.
- ↑ ASEAN Agreement on Transboundary Haze Pollution : Article 11.
- ↑ ASEAN Agreement on Transboundary Haze Pollution : Article 12.
- ↑ ASEAN Agreement on Transboundary Haze Pollution: Article 13.
- ↑ Terms of Reference of the ASEAN Co-ordinating Centre for Transboundary Haze Pollution Control (2002).