บรรหาร ศิลปอาชา (ปลาไหลใส่สเก็ต)
ผู้เรียบเรียง นิพัทธ์ สระฉันทพงษ์
ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร จเร พันธุ์เปรื่อง
ชาตะ
นายบรรหาร ศิลปอาชา เกิดเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2475 ปัจจุบันอายุ 77 ปี เกิดที่จังหวัดสุพรรณบุรี ชื่อเดิมคือ “เต็กเซียง แซ่เบ๊” (马德祥) เป็นบุตรคนที่ 4 ของนายเซ่งกิมและนางสายเอ็ง ศิลปอาชา แซ่เดิมคือ “แซ่เบ๊”[1] มีพี่น้องทั้งหมด 6 คน เป็นชาย 4 คน หญิง 2 คน คือ
1. นายสมบูรณ์ ศิลปอาชา
2. นายอุดม เกิดสินชัย (ถึงแก่กรรม)
3. นางสายใจ ศิลปอาชา
4. นายบรรหาร ศิลปอาชา
5. นางดรุณี วายากูล
6. นายชุมพล ศิลปอาชา[2]
การสมรส
นายบรรหาร ศิลปอาชา สมรสกับคุณหญิงแจ่มใส ศิลปอาชา (เลขวัต) เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2505 มีบุตรธิดารวม 3 คน เป็นชาย 1 หญิง 2 คือ
2. นางสาวปาริชาต ศิลปอาชา (ปัจจุบันสมรสแล้ว)
3. นายวราวุธ ศิลปอาชา (ปัจจุบันสมรสกับคุณสุวรรณา ไรวินท์ (เก๋) ทายาทตระกูลไรวินท์ เจ้าของธุรกิจซุปไก่ก้อนรีวอง)[3]
ปัจจุบันนางสาวกัญจนา ศิลปอาชา และนายวราวุธ ศิลปอาชาต่างดำเนินรอยตามผู้เป็นบิดาโดยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดสุพรรณบุรี[4]
การศึกษา
นายบรรหาร ศิลปอาชา เรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 จากโรงเรียนประทีปวิทยาลัย จังหวัดสุพรรณบุรี เนื่องจากเป็นช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 จึงพักการเรียนไปชั่วขณะหนึ่ง โดยหันไปทำกิจการของตนเอง และได้เรียนภาษาจีนไปด้วย จากนั้นได้ไปศึกษาต่อที่กรุงเทพการบัญชีวิทยาลัย และฝึกงานด้านส่งสินค้าและการก่อสร้างกับ นายสมบูรณ์ ศิลปอาชา ผู้เป็นพี่ชาย[5] และเปิดบริษัทรับเหมาก่อสร้างเป็นของตัวเอง อีกทั้งเป็นตัวแทนจำหน่ายคลอรีนให้กับการประปาส่วนภูมิภาค จนมีฐานะร่ำรวย[6] ภายหลังเมื่อเป็นนักการเมืองได้เข้าศึกษาต่อคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ในปี พ.ศ. 2529 ต่อมาได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง เมื่อปี พ.ศ. 2531 และศึกษาต่อจนสำเร็จนิติศาสตร์มหาบัณฑิต (กฎหมายมหาชน) จากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง[7] รวมทั้งได้รับปริญญาครุศาสตร์ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาการบริหารการศึกษา สถาบันราชภัฏสวนสุนันทา[8]
ประวัติการทำงาน
• พ.ศ. 2517 นายบรรหาร ศิลปอาชา เข้าสู่วงการเมืองจากการชักชวนของนายบุญเอื้อ ประเสริฐสุวรรณ ตั้งแต่มีการก่อตั้งพรรคชาติไทย เมื่อ ปีพ.ศ. 2517 และต่อมาได้รับการแต่งตั้งเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ[9]
• พ.ศ. 2518 เป็นสมาชิกวุฒิสภา
• พ.ศ. 2519 ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดสุพรรณบุรีครั้งแรก
• พ.ศ. 2519 เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม สมัยรัฐบาล หม่อมราชวงศ์ เสนีย์ ปราโมช เป็นนายกรัฐมนตรี (ระยะเวลาการดำรงตำแหน่ง 21 เมษายน 2519 – 25 กันยายน 2519 และ 5 ตุลาคม 2519 – 6 ตุลาคม 2519)[10]
• พ.ศ. 2521 เป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
• พ.ศ. 2523 เป็นเลขาธิการพรรคชาติไทย[11]
• พ.ศ. 2523 – 2524 เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สมัยรัฐบาล พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี (ระยะเวลาการดำรงตำแหน่ง 12 มีนาคม 2521 – 11 มีนาคม 2524)[12]
• พ.ศ. 2526 ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสุพรรณบุรี
• พ.ศ. 2529 ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสุพรรณบุรี[13]
• พ.ศ. 2529 – 2531 เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม สมัยรัฐบาล พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี (ระยะเวลาการดำรงตำแหน่ง 11 สิงหาคม 2529 – 4 สิงหาคม 2531)[14]
• พ.ศ. 2531 ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสุพรรณบุรี[15]
• พ.ศ. 2531 – 2533 เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม สมัยรัฐบาล พลตรี ชาติชาย ชุณหะวัณ เป็นนายกรัฐมนตรี (ระยะเวลาการดำรงตำแหน่ง 9 สิงหาคม 2531 – 9 มกราคม 2533)
• พ.ศ. 2533 เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย สมัยรัฐบาล พลตรี ชาติชาย ชุณหะวัณ เป็นนายกรัฐมนตรี (ระยะเวลาการดำรงตำแหน่ง 9 มกราคม 2533 – 9 ธันวาคม 2533)
• พ.ศ. 2533 – 2534 เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง สมัยรัฐบาล พลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ (ระยะเวลาการดำรงตำแหน่ง 14 ธันวาคม 2533 – 23 กุมภาพันธ์ 2534)[16]
• พ.ศ. 2535 ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสุพรรณบุรี[17]
• พ.ศ. 2535 เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม สมัยรัฐบาล พลเอก สุจินดา คราประยูร เป็นนายกรัฐมนตรี (ระยะเวลาการดำรงตำแหน่ง 17 เมษายน 2535 – 10 มิถุนายน 2535)[18]
• พ.ศ. 2535 ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสุพรรณบุรี
• พ.ศ. 2537 เป็นหัวหน้าพรรคชาติไทย และเป็นผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร สมัยรัฐบาล นายชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรี และเมื่อได้มีพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฏร เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2538 และมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรใหม่ นายบรรหาร ศิลปอาชา ในฐานะที่เป็นหัวหน้าพรรคชาติไทย ซึ่งเป็นพรรคการเมืองที่มีสมาชิกของพรรคได้รับเลือกตั้งเข้ามาเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เป็นจำนวนมากที่สุด ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล[19]
• พ.ศ. 2538 เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 21 ของประเทศไทย และควบตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (ได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2538) โดยมีระยะเวลาการดำรงตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2538 - วันที่ 25 พฤศจิกายน 2539 (คณะรัฐมนตรีคณะที่ 51) และมีการยุบสภา เมื่อวันที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2539 โดยรักษาการในตำแหน่งถึงวันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2539 อันเป็นวันแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ รวมระยะเวลาการดำรงตำแหน่ง 1 ปี 4 เดือน[20]
• พ.ศ. 2539 ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสุพรรณบุรี
• พ.ศ. 2540 ประธานที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
• พ.ศ. 2542 ประธานที่ปรึกษาคณะกรรมการการปฏิรูปการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ
• พ.ศ. 2542 ประธานที่ปรึกษาโครงการส่งเสริมอาหารกลางวันให้เด็กนักเรียนอิ่มทุกคนทุกวัน
• พ.ศ. 2543 ได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง เป็นนายกสภาประจำสถาบันราชภัฎสวนสุนันทา
• พ.ศ. 2544 ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดสุพรรณบุรี เขต 4
• พ.ศ. 2548 ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดสุพรรณบุรี เขต 4
• พ.ศ. 2550 ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดสุพรรณบุรี ด้วยคะแนนสูงที่สุดในประเทศ[21]
สมญานามที่ได้รับ
นายบรรหาร ศิลปอาชา มีสมญานามมากมาย จากลักษณะเด่นหลายประการ เช่น มีฐานเสียงหนาแน่นที่สุดในจังหวัดสุพรรณบุรี มีสถานะเป็นเจ้าถิ่นจนได้สมญาว่า “มังกรสุพรรณ” หรือ “มังกรการเมือง” และเนื่องจากมีลักษณะคล้าย “เติ้งเสี่ยวผิง” อดีตผู้นำจีน สื่อมวลชนจึงนิยมเรียก นายบรรหาร ศิลปอาชา สั้น ๆ ว่า “เติ้ง” หรือ “เติ้งเสี่ยวหาร”[22]
การพ้นสภาพสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากคดียุบพรรคชาติไทย
หลังการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2550 คณะกรรมการการเลือกตั้งพบว่ามีการทุจริตการเลือกตั้ง โดยมีการให้ใบแดงและพิจารณาเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของนายมณเฑียร สงฆ์ประชา ผู้สมัครรับเลือกตั้งและรองเลขาธิการพรรคชาติไทย กับนายสุนทร วิลาวัลย์ ผู้สมัครรับเลือกตั้งและรองหัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย เมื่อวันที่ 16 เมษายน 2551 โดยคณะกรรมการการเลือกตั้งมีมติด้วยคะแนนเสียง 4 ต่อ 1 (มติเสียงข้างน้อย 1 เสียงในทั้งสองกรณี คือ นายสมชัย จึงประเสริฐ กกต. ฝ่ายกิจการสืบสวนสอบสวน) เห็นชอบตามที่นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต. ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง เสนอความเห็นให้ส่งสำนวนเรื่องการยุบพรรคชาติไทยและพรรคมัชฌิมาธิปไตยให้อัยการสูงสุดพิจารณา
แม้ว่าคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงได้สรุปก่อนหน้านั้นว่าหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคคนอื่นทั้งสองพรรค ไม่มีส่วนรู้เห็นต่อการกระทำผิดของนายมณเฑียร สงฆ์ประชา และนายสุนทร วิลาวัลย์ แต่การที่ทั้งสองคนต่างก็เป็นกรรมการบริหารพรรค กกต. จึงพิจารณาตามมาตรา 237 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 และมาตรา 103 วรรคสอง ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2550 ซึ่งบัญญัติไว้ตรงกันว่า ถ้าการกระทำดังกล่าวปรากฏหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าหัวหน้าพรรคหรือกรรมการบริหารพรรคมีส่วนรู้เห็น หรือปล่อยปละละเลย หรือทราบแล้วไม่ได้ยับยั้งหรือแก้ไข เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม ให้ถือว่าพรรคการเมืองนั้นกระทำการซึ่งให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศ โดยวิธีการที่ไม่เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ
ด้วยเหตุผลดังกล่าวข้างต้น ทำให้นายทะเบียนพรรคการเมือง (ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง) ต้องดำเนินการให้เป็นไปตามมาตรา 95 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2550 ไม่อาจใช้ดุลยพินิจในการเลือกที่จะแจ้งหรือไม่แจ้งต่ออัยการสูงสุด[23]
ต่อมาเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2551 ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยคดียุบพรรคพลังประชาชน พรรคชาติไทย และพรรคมัชฌิมาธิปไตย ด้วยมติเป็นเอกฉันท์ 8 ต่อ 1 สั่งยุบพรรคชาติไทย โดยศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยว่าพรรคมีความผิดตามมาตรา 237 วรรค 2 และมาตรา 68 ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ ถือว่าเป็นข้อเท็จจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ และกฎหมายได้บัญญัติไว้เป็นเด็ดขาด แม้จะมีการโต้แย้งว่าหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคคนอื่นไม่มีส่วนรู้เห็นจึงฟังไม่ขึ้น จากการยุบพรรคในครั้งนี้ทำให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของหัวหน้าพรรคชาติไทยและกรรมการบริหารพรรคชาติไทย จำนวน 43 คน เป็นเวลา 5 ปี[24] โดยนายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย รวมทั้งนายวราวุธ ศิลปอาชาและนางสาวกัญจนา ศิลปอาชากรรมการบริหารพรรคถูกเพิกถอนสิทธิในครั้งนี้ด้วย[25]
ผลงานที่สำคัญ
นายบรรหาร ศิลปอาชา มีความตั้งใจในการอุทิศตัวและอุทิศเวลา เพื่อทำงานให้แก่ประเทศชาติบ้านเมือง เป็นนักบริหารที่รับฟังข้อเสนอแนะทั้งจากบุคคลรอบข้างและทีมนักวิชาการ นอกจากนั้นยังรู้จักประสานงานและติดตามงานตรวจสอบอยู่เสมอ ผลงานที่โดดเด่นเป็นการส่วนตัวคือ การสร้างสิ่งต่างๆ ภายในจังหวัดสุพรรณบุรี ได้แก่ โรงเรียนต่างๆ อาทิ โรงเรียนบรรหารแจ่มใสวิทยา รวมถึงการให้ทุนการศึกษา และโรงเรียนสารพัดช่างบรรหารแจ่มใส ตึกคนไข้ตามโรงพยาบาลต่างๆ วัด สวนดอกไม้ตามถนนต่างๆ หอนาฬิกา อาคารสาธารณประโยชน์ ฯลฯ ซึ่งได้ดำเนินการมาตั้งแต่ก่อนเล่นการเมืองระดับประเทศ ในปี พ.ศ. 2519 จนถึงปัจจุบัน จังหวัดสุพรรณบุรีจึงมีนามเรียกกันอย่างไม่เป็นทางการอีกชื่อหนึ่ง “จังหวัดบรรหารบุรี”[26]
รวมทั้งการสร้างหอเกียรติยศ ที่กำเนิดขึ้นจากความร่วมแรงร่วมใจของพี่น้องประชาชนชาวสุพรรณบุรีร่วมกันบริจาคเงินในการก่อสร้าง โดยไม่ใช้งบประมาณของทางราชการ ดำเนินการออกแบบโดยกรมศิลปากร ภายในจัดแสดงประวัติและผลงานของนายบรรหาร ศิลปอาชา ตั้งแต่วัยเด็กจนกระทั่งได้รับโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พร้อมผลงานด้านต่างๆ หอเกียรติยศ ฯพณฯ บรรหาร ศิลปอาชา นายกรัฐมนตรีคนที่ 21 ประกาศจัดตั้งเป็นหน่วยงานหนึ่งของหอจดหมายเหตุแห่งชาติ จังหวัดสุพรรณบุรี กรมศิลปากร มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นสถานที่ศึกษาด้านประวัติศาสตร์การเมืองไทย และเป็นแบบอย่างที่ดีในการดำเนินชีวิตแก่เยาวชน โดยเฉพาะคุณธรรมที่ นายบรรหาร ศิลปอาชา ยึดถือ ได้แก่ สัจจะ และกตัญญู[27]
การดำเนินงานที่สำคัญสมัยที่นายบรรหาร ศิลปอาชา ดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี ได้แก่
• การจัดพระราชพิธีกาญจนาภิเษก
• การนำประเทศเข้าสู่เวทีประชาคมโลก ในโอกาสสำคัญต่างๆ เช่น การเข้าร่วมประชุมสมัชชาสหประชาชาติสมัยพิเศษ ในโอกาสครบรอบ 50 ปีสหประชาชาติ
• การที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 5
• การเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมผู้นำเอเชีย-ยุโรป (ASEM)
• นอกจากนี้ยังมีการจัดงานแสดงเกษตรและอุตสาหกรรมโลก พ.ศ. 2538 (WORLDTECH’ 95 THAILAND)
• การเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 18 ที่จังหวัดเชียงใหม่[28]
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
• เครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นสายสะพายมหาปรมาภรณ์ช้างเผือก (ม.ป.ช.)
• เครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นมหาวชิรมงกุฏไทย
• เครื่องราชอิสริยาภรณ์ปฐมดิเรกคุณาภรณ์ (ป.ภ.)
• เครื่องราชอิสริยาภรณ์ทุติยจุลจอมเกล้า
• เหรียญกาชาดชั้น 1
• เหรียญราชการชายแดน[29]
อ้างอิง
- ↑ วิกีพีเดีย สารานุกรมเสรี, “บรรหาร ศิลปอาชา”, [ออนไลน์], แหล่งที่มา : http://th.wikipedia.org/wiki. (26 ตุลาคม 2552)
- ↑ ธนากิต, ประวัตินายกรัฐมนตรีไทย (กรุงเทพฯ : ปิระมิด, 2545) หน้า 1.
- ↑ ศูนย์ข้อมูลการเมืองไทย, “บรรหาร ศิลปอาชา”, [ออนไลน์], แหล่งที่มา : http://politicalbase.in.th/index.php (26 ตุลาคม 2552)
- ↑ ธนากิต, เรื่องเดิม, หน้าเดียวกัน.
- ↑ เรื่องเดียวกัน, หน้าเดียวกัน.
- ↑ วิกีพีเดีย สารานุกรมเสรี, เรื่องเดิม, หน้าเดียวกัน.
- ↑ ศูนย์ข้อมูลการเมืองไทย, เรื่องเดิม.
- ↑ วิกีพีเดีย สารานุกรมเสรี, เรื่องเดิม, หน้าเดียวกัน.
- ↑ ศูนย์ติดตามประชาธิปไตยไทย, “บรรหาร ศิลปอาชา”, [ออนไลน์], แหล่งที่มา : http://th.wikipedia.org/wiki. (26 ตุลาคม 2552)
- ↑ นิพัทธ์ สระฉันทพงษ์, เอกสารวงงานรัฐสภา “รวมรายชื่อคณะรัฐมนตรีตั้งแต่คณะแรกจนถึงคณะปัจจุบัน (กรุงเทพฯ : กองการพิมพ์, 2544) หน้า 326.
- ↑ วิกีพีเดีย สารานุกรมเสรี, เรื่องเดิม, หน้าเดียวกัน.
- ↑ นิพัทธ์ สระฉันทพงษ์, เรื่องเดิม, หน้าเดียวกัน.
- ↑ วิกีพีเดีย สารานุกรมเสรี, เรื่องเดิม, หน้าเดียวกัน.
- ↑ นิพัทธ์ สระฉันทพงษ์, เรื่องเดิม, หน้าเดียวกัน.
- ↑ วิกีพีเดีย สารานุกรมเสรี, เรื่องเดิม, หน้าเดียวกัน.
- ↑ นิพัทธ์ สระฉันทพงษ์, เรื่องเดิม, หน้าเดียวกัน.
- ↑ วิกีพีเดีย สารานุกรมเสรี, เรื่องเดิม, หน้าเดียวกัน.
- ↑ นิพัทธ์ สระฉันทพงษ์, เรื่องเดิม, หน้าเดียวกัน.
- ↑ วิกีพีเดีย สารานุกรมเสรี, เรื่องเดิม, หน้าเดียวกัน.
- ↑ ธนากิต, เรื่องเดิม, หน้าเดียวกัน.
- ↑ วิกีพีเดีย สารานุกรมเสรี, เรื่องเดิม, หน้าเดียวกัน.
- ↑ เรื่องเดียวกัน, หน้าเดียวกัน.
- ↑ วิกีพีเดีย สารานุกรมเสรี, “คำร้องให้ยุบพรรคชาติไทยและพรรคมัชฌิมาธิปไตย”, [ออนไลน์], แหล่งที่มา : http://th.wikipedia.org/wiki. (26 ตุลาคม 2552)
- ↑ เรื่อง อัยการสูงสุดขอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรคชาติไทย, ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 126 ตอนที่ 16 ก (19 มีนาคม 2552) : หน้า 79.
- ↑ วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี, “บรรหาร ศิลปอาชา”, [ออนไลน์], แหล่งที่มา : http://th.wikipedia.org/wiki. (26 ตุลาคม 2552)
- ↑ ธนากิต, เรื่องเดิม, หน้าเดียวกัน.
- ↑ ศูนย์วัฒนธรรมสุพรรณบุรี, “การจัดแสดงภายในหอเกียรติยศ ฯพณฯ บรรหาร ศิลปอาชา นายกรัฐมนตรีคนที่ 21”, [ออนไลน์], แหล่งที่มา : http://www.thai-culture.net/suphanburi/ (26 ตุลาคม 2552)
- ↑ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี, “นายกรัฐมนตรีคนที่ 21”, [ออนไลน์], แหล่งที่มา : http://www.cabinet.thaigov.go.th/pm21htm (26 ตุลาคม 2552)
- ↑ พรรคชาติไทย, “ผู้บริหารพรรคชาติไทย : สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร”, [ออนไลน์], แหล่งที่มา : http://www.chartthai.or.th/index.php?option=com_ctpmember&task=view&id=1 (26 ตุลาคม 2552)
บรรณานุกรม
ธนากิต. ประวัตินายกรัฐมนตรีไทย. กรุงเทพฯ : ปิระมิด, 2545. หน้า 1.
พรรคชาติไทย, “ผู้บริหารพรรคชาติไทย : สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร” [ออนไลน์]. แหล่งที่มา : http://www.chartthai.or.th/index.php?option=com_ctpmember&task=view&id=1 (26 ตุลาคม 2552)
วิกีพีเดีย สารานุกรมเสรี “คำร้องให้ยุบพรรคชาติไทยและพรรคมัชฌิมาธิปไตย” [ออนไลน์]. แหล่งที่มา : http://th.wikipedia.org/wiki. (26 ตุลาคม 2552)
วิกีพีเดีย สารานุกรมเสรี “บรรหาร ศิลปอาชา” [ออนไลน์]. แหล่งที่มา : http://th.wikipedia.org/wiki. (26 ตุลาคม 2552)
เรื่อง อัยการสูงสุดขอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรคชาติไทย, ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 126 ตอนที่ 16 ก 19 มีนาคม 2552.
ศูนย์ติดตามประชาธิปไตยไทย “บรรหาร ศิลปะอาชา” [ออนไลน์]. แหล่งที่มา : http://th.wikipedia.org/wiki. (26 ตุลาคม 2552)
ศูนย์วัฒนธรรมสุพรรณบุรี “การจัดแสดงภายในหอเกียรติยศ ฯพณฯ บรรหาร ศิลปอาชา นายกรัฐมนตรี คนที่ 21” [ออนไลน์]. แหล่งที่มา : http://www.thai-culture.net/suphanburi/ (26 ตุลาคม 2552)
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี “นายกรัฐมนตรีคนที่ 21” [ออนไลน์]. แหล่งที่มา : http://www.cabinet.thaigov.go.th/pm21htm (26 ตุลาคม 2552)
ดูเพิ่มเติม
จิรวัฒน์ รจนาวรรณ “ยอดนักการเมือง”, กรุงเทพฯ : วรรณสาส์น. 2547
ธนพล จาดใจดี “เรื่องราวง่ายๆ ของ 23 นายกรัฐมนตรีไทย”, กรุงเทพฯ : ธนพลวิทยาการ. 2544
รุจน์ มัณฑิรา “เส้นทางสู่นายกฯ ของเติ้งเสี่ยวหาร บรรหาร ศิลปอาชา”, กรุงเทพฯ : น้ำฝน. 2538
สัญลักษณ์ เทียมถนอม “บรรหาร ศิลปอาชา”, กรุงเทพฯ : มิติใหม่. 2547
อ.อัครพร “เส้นทางสู่ทำเนียบของเติ้งเสี่ยวหาร”, กรุงเทพฯ : น้ำฝน. 2538