เสด็จฯ เยือนอินโดจีน (เวียดนาม) 1

จาก ฐานข้อมูลการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า
รุ่นแก้ไขเมื่อ 09:14, 18 สิงหาคม 2558 โดย Apirom (คุย | ส่วนร่วม) (หน้าที่ถูกสร้างด้วย 'เดือนเมษายน พุทธศักราช ๒๔๗๓ พระบาทสมเด็จพระปกเกล...')
(ต่าง) ←รุ่นแก้ไขก่อนหน้า | รุ่นแก้ไขล่าสุด (ต่าง) | รุ่นแก้ไขถัดไป→ (ต่าง)

เดือนเมษายน พุทธศักราช ๒๔๗๓ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี ได้เสด็จเยือนอินโดจีน ซึ่งอยู่ในความปกครองของฝรั่งเศส เมืองแรกที่พระองค์เสด็จพระราชดำเนินเยือนนั้น คือ เมืองไซ่ง่อน ศูนย์กลางการปกครองของอินโดจีนฝรั่งเศสบนดินแดนเวียดนามตอนใต้ เรือพระที่นั่งมหาจักรีเข้าเทียบท่าในแม่น้ำหน้าเมืองไซ่ง่อน ในวันที่ ๑๔ เมษายน พุทธศักราช ๒๔๗๓ มองสิเออร์ปาสกิเอ ข้าหลวงใหญ่ผู้สำเร็จราชการแห่งอินโดจีนฝรั่งเศส พร้อมด้วยบรรดาข้าราชการฝรั่งเศสจัดพิธีรับเสด็จอย่างยิ่งใหญ่สมพระเกียรติ และได้อัญเชิญทั้งสองพระองค์เสด็จพระราชดำเนินไปยังสถานที่สำคัญหลายแห่งในเมืองไซ่ง่อน ท่ามกลางชาวเมืองที่มารับเสด็จอย่างเนืองแน่น

พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินไปยังอนุสาวรีย์ผู้เสียชีวิตในสงครามโลกครั้งที่ ๑ เพื่อทรงวางพวงมาลาเป็นเกียรติแก่ทหารผู้เสียชีวิตในมหาสงครามโลกครั้งแรก นอกจากนั้น พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรยังสถานที่ต่างๆ เช่น ทอดพระเนตรการแข่งขันฟุตบอลระหว่างนักกีฬาสยามกับนักกีฬาชาวเวียดนาม ซึ่งเป็นการกระชับสัมพันธ์ระหว่างผู้คนสองประเทศผ่านกีฬา

กาลเวลาผ่านไป ร่องรอยของการเสด็จพระราชดำเนินเยือนเมืองไซ่ง่อนในครั้งนั้น ดูเหมือนจะลางเลือนไปจากความทรงจำ อันเกิดจากความเปลี่ยนแปลงของเวียดนามทั้งในด้านการเมือง และสงครามที่เกิดขึ้นอย่างยาวนาน อย่างไรก็ตาม สถานที่สำคัญๆ ที่ทั้งสองพระองค์เสด็จพระราชดำเนินเยือน ยังคงได้รับการรักษาอย่างดี รวมถึงอนุสาวรีย์ช้างสำริดที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานไว้ให้แก่ข้าหลวงใหญ่แห่งอินโดจีนฝรั่งเศสเพื่อเป็นที่ระลึกถึงความสัมพันธ์ฉันท์มิตรระหว่างสยามกับอินโดจีนฝรั่งเศส ทั้งยังเป็นสัญลักษณ์ที่สื่อถึงมิตรภาพระหว่างไทยกับเวียดนามมาจนถึงปัจจุบัน

ที่มา

บทสารคดี “ปกเกล้าธรรมราชา” สารคดีเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่ในวโรกาสครบ ๑๒๐ ปี แห่งวันพระบรมราชสมภพและเป็นบุคคลสำคัญของโลก โดยองค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ประจำปี ๒๕๕๖