พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534 แก้ไขเพิ่มเติมถึง ฉบับที่ 8 พ.ศ.2553
เรียบเรียงโดย : อาจารย์บุญยเกียรติ การะเวกพันธุ์ และคณะ
ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ : รศ.ดร.ปธาน สุวรรณมงคล
ความสำคัญของพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน
พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดินเป็นกฎหมายที่กำหนดขอบเขตอำนาจหน้าที่ของส่วนราชการต่าง ๆ เพื่อมิให้มีการปฏิบัติงานที่ซ้ำซ้อนกัน ก่อให้เกิดการบริหารงานที่เป็นเอกภาพ รวมถึงหลักการในการมอบอำนาจให้ปฏิบัติราชการแทน และกำหนดการบริหารราชการแนวใหม่เพื่อให้ระบบบริหารราชการสามารถปฏิบัติงานตอบสนองต่อการพัฒนาประเทศและการให้บริการแก่ประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
สาระสำคัญของพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534 แก้ไขเพิ่มเติมถึง ฉบับที่ 8 พ.ศ.2553
พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดินพ.ศ.2534 ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 4กันยายน 2534 และมีการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติถึงปัจจุบันคือฉบับที่ 8 พ.ศ.2553 โดยพระราชบัญญัติฉบับนี้ได้กำหนดระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน ดังต่อไปนี้
1. การจัดระเบียบริหารราชการแผ่นดิน แบ่งออกเป็น 3 รูปแบบคือ
(1)ระเบียบบริหารราชการส่วนกลาง
(2)ระเบียบบริหารราชการส่วนภูมิภาค
(3)ระเบียบบริหารราชการส่วนท้องถิ่น
การจัดระเบียบบริหารราชการส่วนกลาง ได้แบ่งส่วนราชการเป็น 4 รูปแบบ โดยส่วนราชการทั้งสี่มีฐานะเป็นนิติบุคคล คือ
(1) สำนักนายกรัฐมนตรี
(2) กระทรวง หรือทบวงซึ่งมีฐานะเทียบเท่ากระทรวง
(3) ทบวง ซึ่งสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรีหรือกระทรวง
(4) กรม หรือส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นและมีฐานะเป็นกรม ซึ่งสังกัดหรือไม่สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวง หรือทบวง
ในการจัดบริหารราชการส่วนกลางไก้กำหนดให้นายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้ารัฐบาลบริหารราชการแผ่นดิน มีอำนาจในการสั่งราชการส่วนกลาง ราชการส่วนภูมิภาค และควบคุมราชการส่วนท้องถิ่น
การบริหารราชการของสำนักนายกรัฐมนตรีให้แบ่งส่วนราชการป็น 4 รูปแบบ คือ
(1) รูปแบบที่หัวหน้าส่วนราชการเป็นข้าราชการการเมือง ได้แก่ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ซึ่งทำหน้าที่ลักษณะเดียวกันกับสำนักงานรัฐมนตรีในกระทรวงต่างๆ ส่วนราชการนี้มีเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นข้าราชการการเมืองดูแลรับผิดชอบ
(2) รูปแบบที่หัวหน้าส่วนราชการมีฐานะเทียบเท่าปลัดกระทรวงและขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรี ส่วนราชการเหล่านี้ได้แก่ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักข่าวกรองแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ
(3) รูปแบบของส่วนราชการที่ทำหน้าที่กำกับดูแลราชการประจำทั่วไปของสำนักนายกรัฐมนตรี คือ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งทำหน้าที่เป็นสำนักงานปลัดกระทรวง มีปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะปลัดกระทรวงดูแลรับผิดชอบ
(4) รูปแบบที่หัวหน้าส่วนราชการขึ้นตรงต่อปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แก่ กรมประชาสัมพันธ์สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค
2. กระทรวงหรือทบวงซึ่งมีฐานะเทียบเท่ากระทรวง อยู่ภายใต้การดูแลบังคับบัญชาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวง มีหน้าที่โดยทั่วไปคือ การกำหนดนโยบายและวางแผนดำเนินงานของกระทรวง รวมทั้งกำกับ เร่งรัด ติดตาม การดำเนินงานตามแผนและนโยบายที่กำหนดไว้
การแบ่งส่วนราชการภายในกระทรวง กระทรวงต่างๆ แบ่งส่วนราชการภายในออกเป็นกรมหรือส่วนราชการที่เรียกชื่อเป็นอย่างอื่นแต่มีฐานะเป็นกรม ส่วนราชการระดับกรมในกระทรวงต่างๆ อาจจำแนกได้เป็น 3 ประเภท คือ
(1) สำนักงานรัฐมนตรี มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับราชการทางการเมืองของกระทรวงมีเลขานุการรัฐมนตรีดูแลรับผิดชอบขึ้นตรงต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวง
(2) สำนักงานปลัดกระทรวง มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับราชการประจำทั่วไปของกระทรวง และราชการอื่นที่มิได้กำหนดให้เป็นหน้าที่ของกรมใดกรมหนึ่งในสังกัดกระทรวงโดยเฉพาะ รวมทั้งการกำกับเร่งรัดติดตามผลการปฏิบัติราชการของส่วนราชการในกระทรวง ทั้งนี้โดยอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของปลัดกระทรวง
(3) กรม มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับราชการส่วนใดส่วนหนึ่งของกระทรวงหรือตามกฎหมายว่าด้วยอำนาจหน้าที่ของกรม ทั้งนี้อยู่ภายใต้การรับผิดชอบของอธิบดี หรือตำแหน่งที่เรียกชื่อเป็นอย่างอื่นสำหรับส่วนราชการระดับกรมที่เรียกชื่อเป็นอย่างอื่น
การแบ่งส่วนราชการภายในกรม จะแบ่งเป็นสำนักงานเลขานุการกรม กอง และแผนก
การจัดระเบียบบริหารราชการส่วนภูมิภาค แบ่งส่วนราชการออกเป็นสองรูปแบบ คือ
(1) จังหวัด
(2) อำเภอ
ในระดับจังหวัด ได้บัญญัติให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้รับนโยบายและคำสั่งจากนายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้ารัฐบาล คณะรัฐมนตรี กระทรวง ทบวง กรม มาปฏิบัติการให้เหมาะสมกับท้องที่และประชาชน และเป็นหัวหน้าบังคับบัญชาข้าราชการฝ่ายบริหาร ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ในราชการส่วนภูมิภาคในเขตจังหวัด และรับผิดชอบในราชการจังหวัดและอำเภอ
กำหนดให้มีปลัดจังหวัดและหัวหน้าส่วนราชการประจำจังหวัดซึ่งกระทรวง ทบวง กรมต่าง ๆ ส่งมาประจำทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยเหลือผู้ว่าราชการจังหวัด และมีอำนาจบังคับบัญชาข้าราชการฝ่ายบริหารส่วนภูมิภาคซึ่งสังกัดกระทรวง ทบวง กรมนั้น ในจังหวัด
ในระดับอำเภอ ให้มีนายอำเภอเป็นหัวหน้าปกครองบังคับบัญชาบรรดาข้าราชการในอำเภอ และรับผิดชอบงานบริหารราชการของอำเภอ
การจัดระเบียบบริหารราชการส่วนท้องถิ่น กำหนดให้มีการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น 4 รูปแบบ ดังนี้ คือ
(1) องค์การบริหารส่วนจังหวัด
(2) เทศบาล
(3) องค์การบริหารส่วนตำบล
(4) ราชการส่วนท้องถิ่นอื่นตามที่มีกฎหมายกำหนด ซึ่งในปัจจุบันมีอยู่ 2 รูปแบบคือ กรุงเทพมหานคร ตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ.2528และเมืองพัทยาตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการเมืองพัทยา พ.ศ. 2542
2.การปฏิบัติราชการแทน
ในการบริหารราชการแผ่นดินผู้มีอำนาจในการบริหารราชการอาจจะมอบอำนาจในการสั่ง การ อนุญาต การอนุมัติ การปฏิบัติราชการหรือการดำเนินการอื่น โดยผู้มีอำนาจในการบริหารราชการสามารถมอบอำนาจให้แก่ผู้มีอำนาจชั้นรองเพื่อปฏิบัติราชการแทน โดยที่ผู้มอบอำนาจยังคงดำรงตำแหน่งและยังปฏิบัติหน้าที่อยู่
หลักในการปฏิบัติราชการแทนมีอยู่ 5 ประการ คือ
(1) เป็นอำนาจในการสั่ง การอนุญาต การอนุมัติ การปฏิบัติราชการหรือการดำเนินการอื่นที่ผู้ดำรงตำแหน่งใดจะพึงปฏิบัติหรือดำเนินการตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ หรือคำสั่งใด หรือมติของคณะรัฐมนตรีในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง
(2) กฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ หรือคำสั่งนั้น หรือมติของคณะรัฐมนตรีในเรื่องนั้นมิได้กำหนดเรื่องการมอบอำนาจไว้เป็นอย่างอื่น หรือมิได้ห้ามเรื่องการมอบอำนาจไว้
(3) การมอบอำนาจต้องทำเป็นหนังสือ
(4) เมื่อมีการมอบอำนาจแล้ว ผู้รับมอบอำนาจมีหน้าที่ต้องรับมอบอำนาจนั้นและจะมอบอำนาจให้แก่ผู้ดำรงตำแหน่งอื่นต่อไปไม่ได้ (เว้นแต่กรณีการมอบอำนาจให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ซึ่งกฎหมายกำหนดว่าผู้ว่าราชการจังหวัดอาจมอบอำนาจนั้นต่อไปอีกได้ เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการบริหารราชการส่วนภูมิภาค)
(5) เมื่อมีการมอบอำนาจแล้ว ผู้มอบอำนาจมีหน้าที่กำกับติดตามผลการปฏิบัติราชการของผู้รับมอบอำนาจ และให้มีอำนาจแนะนำและแก้ไขการปฏิบัติราชการของผู้รับมอบอำนาจได้
การปฏิบัติราชการแทนกำหนดผู้มอบอำนาจและรับมอบอำนาจดังต่อไปนี้
ผู้มอบอำนาจ ผู้รับมอบอำนาจ
(1) นายกรัฐมนตรี • รองนายกรัฐมนตรี
• รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
(2) รัฐมนตรีว่าการกระทรวง • รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวง
• ปลัดกระทรวง • อธิบดีหัวหน้าส่วนราชการอื่นซึ่งดำรงตำแหน่งเทียบเท่า • ผู้ว่าราชการจังหวัด
(3) รัฐมนตรีว่าการกระทรวง • รัฐมนตรีช่วยว่าการทบวง
• ปลัดทบวง • อธิบดี • หัวหน้าส่วนราชการซึ่งดำรงตำแหน่งเทียบเท่า • ผู้ว่าราชการจังหวัด
(4) ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี • รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
• ผู้ช่วยปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี • อธิบดีหรือผู้ดำรงตำแหน่งเทียบเท่า • ผู้ว่าราชการจังหวัด
(5) ปลัดกระทรวง • รองปลัดกระทรวง
• ผู้ช่วยปลัดกระทรวง • อธิบดี หรือผู้ดำรงตำแหน่งเทียบเท่า • ผู้ว่าราชการจังหวัด
(6) ปลัดทบวง • รองปลัดทบวง
• ผู้ช่วยปลัดทบวง • อธิบดีหรือผู้ดำรงตำแหน่งเทียบเท่า • ผู้ว่าราชการจังหวัด
(7) อธิบดีหรือผู้ดำรงตำแหน่งเทียบเท่า • รองอธิบดี ผู้ช่วยอธิบดี
• ผู้อำนวยการกอง • หัวหน้ากอง • หัวหน้าส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่น • หรือผู้ดำรงตำแหน่งเทียบเท่า
(8) ผู้อำนวยการกอง หัวหน้ากอง หัวหน้าส่วน- ราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่น ตามมาตรา 31 วรรค 2 • ข้าราชการในกองหรือส่วนราชการที่มีฐานะเทียบกอง
• หรือส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นได้ตามระเบียบที่อธิบดีกำหนด
(9) ผู้ว่าราชการจังหวัด • รองผู้ว่าราชการจังหวัด
• ปลัดจังหวัด • หัวหน้าส่วนราชการประจำจังหวัด • นายอำเภอ • ปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้าประจำกิ่งอำเภอ • หัวหน้าส่วนราชการประจำอำเภอ
(10) นายอำเภอ • ปลัดอำเภอ
• หัวหน้าส่วนราชการประจำอำเภอ
(11) ปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้าประจำกิ่งอำเภอ • ปลัดอำเภอ
• หัวหน้าส่วนราชการประจำกิ่งอำเภอ
(12) หัวหน้าส่วนราชการประจำจังหวัด • หัวหน้าส่วนราชการประจำอำเภอ
• หัวหน้าส่วนราชการประจำกิ่งอำเภอ
(13) ผู้ดำรงตำแหน่งอื่นนอกจาก (1) ถึง (12) • บุคคลอื่นตามระเบียบที่คณะรัฐมนตรีกำหนด
3.การรักษาราชการแทน
พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดินกำหนดให้มีการรักษาราชการแทน ในกรณีที่ผู้ดำรงตำแหน่งไม่อาจปฏิบัติราชการได้ เพื่อให้การบริหารราชการมีความคล่องตัว เกิดความต่อเนื่อง อันจะเป็นผลให้การบริหารราชการมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลที่ดี
หลักในการรักษาราชการแทนมี 3 ประการ คือ
(1) กรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งนั้นหรือมีผู้ดำรงตำแหน่งแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ด้วยเหตุใดๆ ก็ตาม
(2) ผู้รักษาราชการแทนมีอำนาจหน้าที่เช่นเดียวกับผู้ที่ตนแทนทุกประการ
(3) กรณีรักษาราชการแทนเป็นไปตามที่กำหนดไว้ในกฎหมาย
การรักษาราชการแทนไว้ กำหนดแนวทางไว้ดังนี้
ผู้ดำรงตำแหน่ง ผู้รักษาราชการแทน
(1) นายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี
กรณีมีรองนายกฯ หลายคนให้คณะรัฐมนตรี มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีคนใดคนหนึ่งเป็นผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีคนใดคนหนึ่งที่ ครม. มอบหมาย (2) รัฐมนตรีว่าการกระทรวง/
รัฐมนตรีว่าการทบวง รัฐมนตรีช่วยว่าการฯ
กรณีมี รัฐมนตรีช่วยว่าการฯ หลายคนให้คณะรัฐมนตรี มอบหมายให้รัฐมนตรีช่วยว่าการฯ คนหนึ่งเป็นผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีคนใดคนหนึ่งที่คณะรัฐมนตรีมอบหมาย กรณีไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการหรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้คณะรัฐมนตรีมอบหมายให้รัฐมนตรีคนใดคนหนึ่งเป็นผู้รักษาราชการแทน
(3) เลขานุการรัฐมนตรี ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรี
กรณีมีผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีหลายคนให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมอบหมายให้ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีคนหนึ่งเป็นผู้รักษาราชการ แทน ถ้าไม่มีผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรี ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวง แต่งตั้งข้าราชการในกระทรวงคนหนึ่งเป็นผู้รักษาราชการแทน (4) ปลัดกระทรวง รองปลัดกระทรวง กรณีมีรองปลัดกระทรวงหลายคนให้นายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแต่งตั้งรองปลัดกระทรวงคนหนึ่งเป็นผู้รักษาราชการแทน ถ้าไม่มีรองปลัดกระทรวง ให้นายกรัฐมนตรี หรือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวง ต่งตั้งข้าราชการ ในกระทรวงซึ่งดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่าอธิบดีหรือ เทียบเท่าเป็นผู้รักษาราชการแทน
(5) อธิบดี รองอธิบดี
กรณีมีรองอธิบดีหลายคนให้ปลัดกระทรวงแต่งตั้ง ข้าราชการในกรมซึ่งดำรงตำแหน่งเทียบเท่ารองอธิบดี หรือข้าราชการตั้งแต่ผู้อำนวยการกอง หัวหน้ากองหรือเทียบเท่าขึ้นไปคนใดคนหนึ่ง เพื่อความเหมาะสม ให้นายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีว่าการกระทรวง อาจแต่งตั้งข้าราชการให้รักษาราชการแทนได้ (6) รองอธิบดี อธิบดีแต่งตั้งข้าราชการในกรมซึ่งดำรงตำแหน่งเทียบเท่ารองอธิบดีหรือข้าราชการตั้งแต่ตำแหน่งหัวหน้ากองหรือเทียบเท่าขึ้นไป 3) เลขานุการกรม หรือหัวหน้าส่วนราชการตาม
มาตรา 33 วรรค 2 อธิบดีแต่งตั้งข้าราชการในกรมคนหนึ่งซึ่งดำรงตำแหน่ง ไม่ต่ำกว่าหัวหน้ากองหรือเทียบเท่า เป็นผู้รักษาราชการแทน
4.การพัฒนาระบบราชการ
พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน(แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2545 ได้จัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ เป็นผู้มีอำนาจหน้าที่ในการพัฒนาระบบราชการเพื่อให้การพัฒนาระบบราชการบรรลุประสิทธิภาพและประสิทธิผล
บรรณานุกรม
พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534
พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534 แก้ไขเพิ่มเติมถึง ฉบับที่ 8 พ.ศ.2553
หนังสืออ่านประกอบ
พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534 แก้ไขเพิ่มเติมถึง ฉบับที่ 8 พ.ศ.2553