7 มกราคม พ.ศ. 2484

จาก ฐานข้อมูลการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า
รุ่นแก้ไขเมื่อ 10:38, 3 ตุลาคม 2556 โดย Apirom (คุย | ส่วนร่วม) (หน้าที่ถูกสร้างด้วย ''''ผู้เรียบเรียง''' ศาสตราจารย์พิเศษ นรนิติ เศรษฐบุต...')
(ต่าง) ←รุ่นแก้ไขก่อนหน้า | รุ่นแก้ไขล่าสุด (ต่าง) | รุ่นแก้ไขถัดไป→ (ต่าง)

ผู้เรียบเรียง ศาสตราจารย์พิเศษ นรนิติ เศรษฐบุตร


ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ รองศาสตราจารย์ ดร.นิยม รัฐอมฤต


วันที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2484 เป็นวันที่ประเทศไทยประกาศสถานการณ์สงครามกับอินโดจีนของฝรั่งเศส ซึ่งก็คือดินแดนที่ประเทศเวียดนาม กัมพูชา และลาว ในปัจจุบัน

ทำไมรัฐบาลไทยจึงประกาศสถานะสงครามกับอินโดจีนของฝรั่งเศสที่มีฝรั่งเศสเป็นเจ้าอาณานิคมในวันดังกล่าว

แต่ถ้ารู้สึกว่าย้อนไกลไป เอาเป็นว่าหลังเปลี่ยนแปลงการปกครองแผ่นดิน พ.ศ. 2475 รัฐบาลไทยเคยเสนอที่จะปรับปรุงเขตแดนระหว่างไทยกับอินโดจีนของฝรั่งเศสมาแล้ว แต่ไม่ได้รับการสนองตอบที่ดีจากฝรั่งเศส

ในวันที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2484 นั้น นายกรัฐมนตรีของไทยเป็นนายทหารคนสำคัญคือ พลตรี หลวงพิบูลสงคราม แม้จะไม่ได้ลงเลือกตั้ง แต่ท่านก็ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีด้วยเสียงสนับสนุนในสภาผู้แทนราษฎรมากเมื่อหลังการเลือกตั้งทั่วไปใน พ.ศ. 2481

สถานะสงครามที่ทำให้การรบพุ่งกันทั้ง 2 ฝ่าย กองทัพไทยได้บุกเข้าไปในดินแดนอินโดจีนทั้งแดนเขมรและแดนลาว กองทัพเรือไทยเองก็ต้องสู้กับกองเรือฝรั่งเศสที่บริเวณเกาะช้าง จังหวัดตราด ที่เรียกกันว่า “ยุทธนาวีที่เกาะช้าง” เครื่องบินไทยก็ต้องบินปฏิบัติการ กล่าวกันว่าครั้งนั้นกองทัพไทยได้เป็นฝ่ายบุก

การสู้รบได้มีไปจนถึงวันที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2484 ไทยกันฝรั่งเศสจึงได้ข้อยุติโดยการไกล่เกลี่ยของญี่ปุ่นผู้เป็นมหาอำนาจในเอเชีย โดยทั้ง 2 ฝ่ายตกลงกันได้และลงนามในอนุสัญญาสันติภาพที่กรุงโตเกียว เมืองหลวงของประเทศญี่ปุ่น

ที่จริงมีคนอธิบายเรื่องสงครามอินโดจีนปี พ.ศ. 2484 อยู่หลายคน แต่ที่จะยกมาให้อ่านนี้เป็นคำอธิบายของนายกรัฐมนตรี หัวหน้ารัฐบาล พลตรี หลวงพิบูลสงคราม ที่แถลงต่อสภาผู้แทนราษฎร เมื่อสภาเปิดประชุมในวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2484 ซึ่งเป็นตอนที่สถานะสงครามผ่านมาสู่ภาวะสันติภาพแล้ว

“ข้าพเจ้ามีความเสียใจยิ่งที่จะรายงานให้ท่านทั้งหลายทราบว่าในระหว่างเวลาปิดสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎรที่ผ่านมาครั้งสุดท้ายนี้ ชาติของเราได้มีกรณีพิพาทอย่างรุนแรงถึงกับต้องใช้กองทัพบางส่วนเข้าทำการรบชาติฝรั่งเศส ซึ่งปกครองประเทศอินโดจีนและเขมร และก่อนที่จะได้ทำการรบกันนั้น รัฐบาลสำนึกอยู่ดีว่า การพิพาทกับประเทศใดประเทศหนึ่งถึงต้องใช้กำลังกองทัพเข้าประหัตประหารกันนั้น รัฐบาลจะต้องได้รับความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรเสียก่อน จึงจะเป็นไปตามวิถีทางในระบอบการปกครองของประเทศไทย...”

ตอนนั้นใช้รัฐธรรมนูญฉบับ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2475 แต่นายกรัฐมนตรีก็ให้เหตุผลต่อไปว่า

“...แต่เนื่องด้วยรัฐบาลนี้มีนโยบายเป็นมิตรที่ดีนานาชาติทั่วกัน ยิ่งการใช้กองทัพรุกรานประเทศอื่นด้วยแล้ว ไม่มีความคิดแม้แต่เล็กน้อยในองค์การของรัฐบาลนี้เลย จึงในฐานะดังนี้ เมื่อประเทศชาติของเราถูกชาติฝรั่งเศสในอินโดจีนและเขมรทำการรุกรานก่อนโดยไม่รู้ตัวในคราวนี้ รัฐบาลจึงไม่มีโอกาสจะได้เสนอรับความเห็นร่วมกันเสียก่อนได้ลงมือทำการรบ หวังว่า ท่านผู้มีเกียรติ ณ ที่นี้คงจะได้ให้ความเห็นอกเห็นใจต่อข้าพเจ้าและรัฐบาลโดยทั่วกัน”