เสรี (พ.ศ. 2547)

จาก ฐานข้อมูลการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า
รุ่นแก้ไขเมื่อ 20:52, 7 มิถุนายน 2553 โดย Apirom (คุย | ส่วนร่วม) (สร้างหน้าใหม่: '''พรรคเสรี''' พรรคเสรีได้รับการจดทะเบียนพรรคการเมืองเมื...)
(ต่าง) ←รุ่นแก้ไขก่อนหน้า | รุ่นแก้ไขล่าสุด (ต่าง) | รุ่นแก้ไขถัดไป→ (ต่าง)

พรรคเสรี

พรรคเสรีได้รับการจดทะเบียนพรรคการเมืองเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2547 [1] โดยมีนายนิตย์ สรสิทธิ์ ดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าพรรค ต่อมาเมื่อวันที่ 10 มกราคม พ.ศ.2549 ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำสั่งให้ยุบพรรคเสรีตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2541 มาตรา 65 วรรคสอง เนื่องจากไม่ดำเนินการให้เป็นไปตามมาตรา 29 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2541 กล่าวคือตามพระราชบัญญัติดังกล่าวกำหนดให้ภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันที่นายทะเบียนพรรคการเมืองรับจดแจ้งการจัดตั้งพรรคการเมือง พรรคการเมืองต้องดำเนินการให้มีสมาชิกตั้งแต่ห้าพันคนขึ้นไปแต่พรรคเสรีสามารถจัดส่งเอกสารหลักฐานการรับสมาชิกพรรคต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองได้เพียง 4,614 คน โดยอ้างว่าที่ไม่สามารถจัดส่งได้เนื่องจากสมาชิกพรรคอยู่ในสามจังหวัดชายแดนใต้ที่มีเหตุการณ์ไม่สงบ แม้ว่านายทะเบียนพรรคจะขยายระยะเวลาการจัดส่งเอกสารต่อไปอีกระยะหนึ่งแต่พรรคเสรีก็ยังไม่สามารถจัดส่งเอกสารให้ได้ ศาลรัฐธรรมนูญจึงมีคำสั่งให้ยุบพรรคเสรีตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2541 มาตรา 65 วรรคหนึ่ง [2]


รายละเอียดเกี่ยวกับนโยบายและการดำเนินการที่สำคัญมีดังต่อไปนี้คือ [3]


ด้านการบริหารการปกครอง

1.จัดให้มีกำลังทหารไว้เพื่อพิทักษ์รักษาความมั่งคงของสถาบันกษัตริย์ เอกราช ผลประโยชน์ของชาติและเพื่อการพัฒนาประเทศ

2.อุปถัมภ์และคุ้มครองทุกศาสนา รวมทั้งสนับสนุนการนำหลักธรรมทางศาสนามาปฏิบัติ


ด้านสังคมและการเมือง

1. ส่งเสริมกฎหมายที่คุ้มครองสิทธิ เสรีภาพ

2. จัดระบบงานราชการให้มีประสิทธิภาพตอบสนองความต้องการของประชาชน

3. จัดงบประงานให้องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญอย่างเพียงพอ

4. ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน

5. ส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม

6. กระจายอำนาจให้ท้องถิ่น

7. คุ้มครอง พัฒนาเด็กและเยาวชน ส่งเสริมความเสมอภาคของหญิงและชาย

8. สร้างความเข้มแข็งให้ครอบครัวและชุมชน สงเคราะห์คนชรา ผู้ยากไร้ ผู้พิการหรือทุพพลภาพและจัดตั้งโรงเรียนฝึกอาชีพให้ผู้ด้อยโอกาส

9. บริการสาธารณะสุขอย่างทั่วถึงและมีมาตรฐาน


ด้านการศึกษา

1. จัดการศึกษาอบรม สนับสนุนภาคเอกชน ปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาแห่งชาติ และปรับปรุงการศึกษาให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของสังคม พร้อมทั้งพัฒนาวิชาชีพครู

2. สร้างโอกาสให้คนไทยทุกคนได้พัฒนาศักยภาพของตนอย่างเต็มที่มากขึ้น เด็กทุกคนจะได้รับการดูแลตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา โดยหญิงมีครรภ์ทุกคนจะต้องได้รับนมสดดื่มฟรีจนกว่าจะคลอด และเด็กทุกคนต้องได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐานอย่างน้อยสิบสองปี

3. สนับสนุนให้คนไทยทุกคนได้รับการศึกษาและมีงานทำอย่างทั่วถึงถ้วนหน้าทั้งในและต่างประเทศ โดยสนับสนุนให้คนไทยไปทำงานในต่างประเทศโดยปราศจากการควบคุมจากกรมจัดหางานและกองตรวจคนเข้าเมือง เพราะคนไทยทุกคนมีสิทธิเสรีภาพในการเดินทางและการตั้งถิ่นฐานของตนเองโดยชอบธรรม จัดตั้งศูนย์วิจัยสมุนไพรแห่งชาติ


ด้านเศรษฐกิจ

1. ดำเนินการให้มีการกระจายรายได้อย่างเป็นธรรม

2. จัดระบบการถือครองที่ดินและใช้ที่ดินอย่างเหมาะสม ส่งเสริมการรวมตัวของเกษตรกรเพื่อวางแผนการเกษตรและรักษาผลประโยชน์ร่วมกัน รวมทั้งพัฒนาเกษตรให้เป็นเกษตรอุตสาหกรรม

3. ส่งเสริมสนับสนุนและคุ้มครองระบบสหกรณ์

4. ส่งเสริมและสนับสนุนให้ประชากรวัยทำงานมีงานทำ และคุ้มครองแรงงานด้วยการจัดระบบแรงงานสัมพันธ์ และการประกันสังคม

5. สนับสนุนระบบเศรษฐกิจเสรีโดยอาศัยกลไกตลาด และคุ้มครองผู้บริโภคป้องกันการผูกขาดทั้งทางตรงทางอ้อม


ด้านการต่างประเทศ

1.เป็นมิตรกับทุกประเทศ

2.พยายามแก้ไขสัญญาและข้อตกลงต่างๆ ที่เห็นว่าเสียเปรียบและไม่เป็นธรรม

3.ส่งเสริมให้มีสถานที่แสดงสินค้าไทยในทุกประเทศที่มีสถานทูตและสถานกงสุล

4.ส่งเสริมคณะนาฏศิลป์ไปแสดงทั่วโลก เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวและให้ทั่วโลกรู้จักประเทศไทยดีขึ้น

อ้างอิง

  1. ราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 121 ตอนพิเศษ 23ง หน้า34.
  2. คำสั่งศาลรัฐธรรมนูญที่ 1/2549 เรื่องให้ยุบพรรคเสรี วันที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2549.
  3. สรุปความจากราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 121 ตอนพิเศษ 23ง หน้า 34-39,ราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 122 ตอนที่ 84ง หน้า 11-13