ประธานรัฐสภา
ผู้เรียบเรียง ตวงรัตน์ เลาหัตถพงษ์ภูริ
ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร จเร พันธุ์เปรื่อง
ประธานรัฐสภา ถือเป็นตำแหน่งสูงสุดของฝ่ายนิติบัญญัติมีฐานะและศักดิ์ศรีเทียบได้กับนายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นหัวหน้าฝ่ายบริหาร และประธานศาลฎีกาซึ่งเป็นหัวหน้าฝ่ายตุลาการ ประธานรัฐสภามีอำนาจหน้าที่ตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ และดำเนินกิจการของรัฐสภาในกรณีประชุมร่วมกันให้เป็นไปตามข้อบังคับการประชุมรัฐสภา นอกจากนี้ยังมีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายอื่น ทั้งยังเป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการฝ่ายรัฐสภาทั้งข้าราชการรัฐสภาสามัญและข้าราชการรัฐสภาฝ่ายการเมือง
ที่มาของประธานรัฐสภา
ในประเทศที่ใช้ระบบรัฐสภาคู่อย่างประเทศไทยนั้นประธานรัฐสภาอาจจะมาจากประธานสภาผู้แทนราษฎรหรือประธานวุฒิสภาก็ได้ ขึ้นอยู่กับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ในอดีตที่ผ่านมารัฐธรรมนูญหลายฉบับที่บัญญัติให้ประธานวุฒิสภาเป็นประธานรัฐสภา และประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นรองประธานรัฐสภา เช่น รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2521 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2534 ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2535 ได้มีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2534 (ฉบับที่ 1) ให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นประธานรัฐสภา ประธานวุฒิสภา เป็นรองประธานรัฐสภา และ หลังจากนั้นเป็นต้นมาก็มีการบัญญัติให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นประธานรัฐสภาและประธานวุฒิสภาเป็นรองประธานรัฐสภาในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ฉบับปัจจุบัน
การดำรงตำแหน่งของประธานรัฐสภา
การดำรงตำแหน่งประธานรัฐสภา จะเป็นโดยตำแหน่งไม่ได้เป็นโดยวิธีการเลือกในที่ประชุมสภา คือ ถ้ารัฐธรรมนูญบัญญัติว่า ประธานสภาผุ้แทนราษฎรเป็นประธานรัฐสภา ประธานวุฒิสภาเป็นรองประธานรัฐสภา ผู้ที่ดำรงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรก็จะมีฐานะเป็นประธานรัฐสภา และผู้ดำรงตำแหน่งประธานวุฒิสภาก็จะมีฐานะเป็นรองประธานรัฐสภาด้วย แต่ถ้ารัฐธรรมนูญบัญญัติว่าประธานวุฒิเป็นประธานรัฐสภา ผู้ที่ดำรงตำแหน่งประธานวุฒิสภาก็จะมีฐานะเป็นประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎรก็จะมีฐานะเป็นรองประธานรัฐสภา
การพ้นจากตำแหน่งของประธานรัฐสภา
ในกรณีที่รัฐธรรมนูญบัญญัติให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นประธานรัฐสภา และประธานวุฒิสภาเป็นรองประธานรัฐสภา เมื่อบุคคลผู้ดำรงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรต้องพ้นจากตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร ก็เท่ากับพ้นจากตำแหน่งประธานรัฐสภาด้วย หรือเมื่อบุคคลผู้ดำรงตำแหน่งประธานวุฒิสภาต้องพ้นจากตำแหน่งประธานวุฒิสภา ก็เท่ากับพ้นจากตำแหน่งรองประธานรัฐสภาด้วยเช่นกัน
อำนาจหน้าที่ของประธานรัฐสภา
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับปัจจุบันบัญญัติให้ ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานรัฐสภา ประธานวุฒิสภาเป็นรองประธานรัฐสภา[1] โดยประธานรัฐสภามีอำนาจหน้าที่สรุปได้ดังนี้[2]
1. อำนาจหน้าที่ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ
1.1 เป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ ดังต่อไปนี้
(1)ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการแต่งตั้งประธานองคมนตรีหรือให้ประธานองคมนตรีพ้นจากตำแหน่ง
(2)ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการแต่งตั้งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ (มาตรา 18)
(3)ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการและแจ้งให้รัฐสภาทราบกรณีมีการแก้ไขเพิ่มเติมกฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ พุทธศักราช 2467
(4)เป็นผู้นำความกราบบังคมทูลและลงนามรับสนองพระบรมราชโองการประกาศเรียกประชุมสมัยวิสามัญ กรณีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาทั้งสองสภารวมกัน หรือสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร มีจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสามของสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภาเข้าชื่อร้องขอ
1.2 เป็นผู้ส่งเรื่อง ส่งความเห็น เสนอเรื่องพร้อมความเห็น และส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัย ดังนี้
(1)ส่งร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญที่รัฐสภาให้ความเห็นชอบแล้วไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ
(2)ส่งความเห็นในกรณีที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา หรือสมาชิกของทั้งสองสภารวมกันมีจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภาเห็นว่าร่างพระราชบัญญัติที่รัฐสภาให้ความเห็นชอบแล้ว แต่นายกรัฐมนตรียังไม่ได้นำขึ้นทูลเกล้าเพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย มีข้อความขัดหรือแย้งหรือตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ
(3) ส่งความเห็นในกรณีที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภาหรือสมาชิกของทั้งสองสภารวมกันมีจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภาเห็นว่าร่างข้อบังคับการประชุมรัฐสภาที่รัฐสภาให้ความเห็นชอบแล้ว แต่ยังมิได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษามีข้อความขัดหรือแย้ง หรือตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ
(4) ส่งความเห็นในกรณีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาทั้งสองสภารวมกันมีจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภาเห็นว่าหนังสือสัญญาใดมีปัญหาตามมาตรา 190 วรรคสอง
(5) เสนอเรื่องพร้อมความเห็นในกรณีมีความขัดแย้งในอำนาจหน้าที่ระหว่างรัฐสภา คณะรัฐมนตรี หรือองค์กรตามรัฐธรรมนูญที่มิใช่ศาลตั้งแต่สององค์กรขึ้นไป
(6) ส่งคำร้องในกรณีที่มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา หรือสมาชิกของทั้งสองสภารวมกันมีจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา ร้องขอต่อประธานรัฐสภาว่ากรรมการการเลือกตั้งคนใดคนหนึ่งขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามหรือกระทำการอันต้องห้ามตามมาตรา 230 ภายใน 3 วัน นับแต่วันที่ได้รับคำร้อง
1.3 อำนาจหน้าที่อื่น
(1) เป็นผู้ประกาศในพระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย์ แต่งตั้งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ตามความเห็นชอบของรัฐสภา ในกรณีที่พระมหากษัตริย์มิได้ทรงแต่งตั้งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ตามมาตรา 18 หรือในกรณีที่พระมหากษัตริย์ไม่สามารถทรงแต่งตั้งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ เพราะยังไม่ทรงบรรลุนิติภาวะหรือเพราะเหตุอื่น
(2) เป็นผู้อัญเชิญองค์พระรัชทายาทขึ้นทรงราชย์เป็นพระมหากษัตริย์ในกรณีที่ราชบัลลังก์ว่างลง แต่หากเป็นกรณีที่พระมหากษัตริย์มิได้ทรงแต่งตั้งพระรัชทายาท ประธานรัฐสภาจะเป็นผู้อัญเชิญองค์ผู้สืบราชสันตติวงศ์ขึ้นทรงราชย์เป็นพระมหากษัตริย์สืบไปตามที่รัฐสภาให้ความเห็นชอบตามที่องคมนตรีเสนอผ่านคณะรัฐมนตรีแล้ว ประธานรัฐสภาต้องประกาศให้ประชาชนทราบ
(3) เป็นผู้บรรจุญัตติเปิดอภิปรายทั่วไปในที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาเมื่อคณะรัฐมนตรีเห็นสมควรจะรับฟังความคิดเห็นของสมาชิกรัฐสภา ซึ่งรัฐสภาจะลงมติในปัญหาที่อภิปรายไม่ได้
(4) จัดให้มีการบันทึกการออกเสียงลงคะแนนของสมาชิกแต่ละคนและเปิดเผยบันทึกดังกล่าวไว้ในที่ประชาชนอาจเข้าไปตรวจสอบได้
(5) รับเรื่องราวร้องทุกข์และแจ้งผลการพิจารณาภายในเวลาอันรวดเร็ว
2. อำนาจหน้าที่ตามข้อบังคับการประชุมรัฐสภา[3]
2.1 เป็นประธานของที่ประชุมรัฐสภา
2.2 กำหนดการประชุมรัฐสภา
2.3 ควบคุมและดำเนินกิจการของรัฐสภา
2.4 รักษาความสงบเรียบร้อยในที่ประชุมรัฐสภา ตลอดถึงบริเวณของรัฐสภา
2.5 เป็นผู้แทนรัฐสภาในกิจการภายนอก
2.6 แต่งตั้งกรรมการเพื่อดำเนินการใด ๆ
2.7 อำนาจและหน้าที่อื่นตามที่มีกฎหมายบัญญัติไว้หรือตามที่กำหนดไว้ในข้อบังคับการประชุมรัฐสภา
3. อำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายรัฐสภา พ.ศ. 2518
3.1 เป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของส่วนราชการสังกัดรัฐสภา
3.2 เป็นประธานคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายรัฐสภา (ก.ร.) ซึ่งเป็นองค์กรกลางการบริหารงานบุคคลของข้าราชการฝ่ายรัฐสภา ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ในการกำหนดกฎเกณฑ์เกี่ยวกับการบรรจุ แต่งตั้ง การรับเงินเดือน การเลื่อนขั้น การเลื่อนตำแหน่ง ตลอดถึงเรื่องวินัยของข้าราชการฝ่ายรัฐสภา
ในระหว่างที่รัฐสภาสิ้นอายุหรือถูกยุบ ประธานรัฐสภาและรองประธานรัฐสภาจะยังคงดำรงตำแหน่งประธาน ก.ร. และรองประธาน ก.ร.อยู่ต่อไปจนกว่าจะได้ทรงแต่งตั้งประธานรัฐสภาและรองประธานรัฐสภาคนใหม่แล้ว จึงให้พ้นจากตำแหน่ง เนื่องจากตำแหน่งประธาน ก.ร. และรองประธาน ก.ร. เป็นตำแหน่งเกี่ยวกับงานด้านบริหารบุคคลของราชการประจำ ซึ่งจำเป็นต้องปฏิบัติต่อเนื่องจะหยุดชะงักขาดตอนไม่ได้[4]
3.3 เป็นผู้มีอำนาจสั่งบรรจุและแต่งตั้งข้าราชการฝ่ายรัฐสภาให้ดำรงตำแหน่ง ดังนี้
(1) สั่งบรรจุข้าราชการรัฐสภาสามัญ ระดับ 10 และระดับ 11 ด้วยความเห็นชอบของ ก.ร. และนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง
(2) แต่งตั้งข้าราชการรัฐสภาฝ่ายการเมือง เช่นที่ปรึกษาประธานรัฐสภา 1 ตำแหน่ง เลขานุการประธานรัฐสภา 1 ตำแหน่ง
3.4 เป็นผู้มีอำนาจอนุญาตหรือสั่งให้ข้าราชการสามัญรัฐสภาพ้นจากตำแหน่ง และเป็นผู้มีอำนาจสั่งให้ข้าราชการฝ่ายการเมืองพ้นจากตำแหน่ง
3.5 เป็นผู้นำความกราบบังคมทูลเพื่อขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้แก่ข้าราชการฝ่ายรัฐสภา ตามที่ ก.ร.พิจารณาตามระเบียบว่าด้วยการขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์
4. อำนาจหน้าที่ตามกฎหมายอื่นกำหนด
4.1 อำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเข้าชื่อเสนอกฎหมาย พ.ศ. 2542[5]
(1) เมื่อได้รับเรื่องการเข้าชื่อเสนอกฎหมายแล้วให้มีการตรวจสอบความถูกต้องของเอกสาร ถ้าเห็นว่าถูกต้องก็จัดให้มีการปิดประกาศรายชื่อผู้เข้าชื่อเสนอกฎหมายไว้ในเขตท้องที่ที่ผู้เข้าชื่อเสนอกฎหมายผู้นั้นมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน
(2) รับคำร้องคัดค้านจากผู้เข้าชื่อเสนอกฎหมายว่ามิได้ร่วมเข้าชื่อเสนอกฎหมายด้วย
(3) ถ้ามีจำนวนรายชื่อของผู้เข้าชื่อเสนอกฎหมายไม่ครบหนึ่งหมื่นคนให้แจ้งให้ผู้แทนเสนอกฎหมายทราบเพื่อดำเนินการจัดให้มีการเข้าชื่อเสนอกฎหมายเพิ่มเติมให้ครบภายในสามสิบวันหากพ้นกำหนดระยะเวลาดังกล่าวให้สั่งจำหน่ายเรื่อง
4.2 อำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติสถาบันพระปกเกล้า พ.ศ. 2541[6]
1. กำกับดูแลสถาบันพระปกเกล้า
2. เป็นประธานสภาสถาบันพระปกเกล้า
3. เป็นประธานในที่ประชุมสภาสถาบัน
4. มีอำนาจออกเสียงชี้ขาดในกรณีการประชุมสภาสถาบัน ถ้าคณะกรรมการสถภาสถาบันลงคะแนนเสียงเท่ากัน ให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกเสียงหนึ่งเป็นเสียงชี้ขาด
5. มีอำนาจลงนามในข้อบังคับของสถาบัน หลักเกณฑ์และวิธีการเลือกกรรมการสภาสถาบันและคุณสมบัติของกรรมการสภาสถาบัน
6. มีอำนาจลงนามในข้อบังคับของสถาบันเกี่ยวกับการประชุมสภาสถาบันและข้อบังคับอื่นซึ่งออกตามมติที่ประชุมสภาสถาบัน
7. มีอำนาจลงนามแต่งตั้งและถอดถอนเลขาธิการและรองเลขาธิการ แต่งตั้งคณะกรรมการหรือคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณาหรือปฏิบัติการอย่างใดอย่างหนึ่งตามที่สภาสถาบันมอบหมาย และมีอำนาจแต่งตั้งคณะกรรมการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงานของสถาบัน
4.3 อำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติสภาพัฒนาการเมือง พ.ศ. 2551[7]
(1) ประกาศรายชื่อผู้ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาพัฒนาการเมืองและบัญชีรายชื่อสำรองในราชกิจจานุเบกษา
(2) แต่งตั้งบุคคลเป็นประธานสภาพัฒนาการเมือง ผู้แทนองค์กรชุมชนตามกฎหมายว่าด้วยสภาองค์กรชุมชน จำนวนสามคน ผู้แทนองค์กรภาคประชาสังคม จำนวนสามคน และผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวนห้าคน เป็นกรรมการ ในวาระเริ่มแรก
4.4 อำนาจหน้าที่ตามระเบียบว่าด้วยกองทุนสงเคราะห์ผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภา พ.ศ. 2543
(1) เป็นประธานกรรมการของคณะกรรมการกองทุนสงเคราะห์ผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภา มีรองประธานรัฐสภาเป็นรองประธานกรรมการส่วนกรรมการประกอบด้วย ประธานคณะกรรมาธิการกิจการสภาผู้แทนราษฎร ประธานคณะกรรมาธิการกิจการวุฒิสภา และมีอำนาจแต่งตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนสี่คน สมาชิกวุฒิสภา จำนวนสามคน ผู้เคยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนหนึ่งคน และผู้เคยเป็นสมาชิกวุฒิสภา จำนวนหนึ่งคน โดยให้เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เป็นกรรมการและเลขานุการ และเลขาธิการวุฒิสภาเป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ (กรรมการที่ประธานรัฐสภาแต่งตั้งมีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละสี่ปี)
คณะกรรมการดังกล่าว มีอำนาจกำหนดนโยบาย กำกับดูแลจัดหาผลประโยชน์ของเงินกองทุนฯ ออกระเบียบต่าง ๆ อนุมัติการจ่ายเงินสงเคราะห์ อนุมัติประมาณการค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของกองทุน และพิจารณาวินิจฉัยชี้ขาดปัญหาในการปฏิบัติงานโดยมีรายได้จากงบประมาณรายจ่ายประจำปี เงินหรือทรัพย์สินที่ได้รับบริจาค เงินที่ได้รับจากการหักเงินประจำตำแหน่งของสมาชิกรัฐสภารายละห้าร้อยบาทต่อเดือน เงินดอกผลของกองทุน โดยเงินกองทุนกำหนดให้ใช้จ่ายให้แก่ผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภาในด้านการรักษาพยาบาล การศึกษาของบุตร การสงเคราะห์ครอบครัว กรณีผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภาถึงแก่กรรม และด้านอื่นๆ ตามที่คณะกรรมการอนุมัติ
4.5 เป็นประธานมูลนิธิพระบรมราชานุสรณ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี โดยมติของคณะกรรมการมูลนิธิฯ (ตราสารมูลนิธิพระบรมราชานุสรณ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี) ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนการศึกษา และให้ความช่วยเหลือแก่นักศึกษาที่ขัดสน สนับสนุนสถาบันการแพทย์ เผยแพร่พระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ร่วมมือส่งเสริมและประสานงานกับสถาบันการศึกษาอื่น ปัจจุบันมูลนิธิฯ มีโครงการให้ทุนแก่นิสิตนักศึกษามหาวิทยาลัยของรัฐ นักศึกษาวิทยาลัยพยาบาล นิสิตนักศึกษาปริญญาโท-เอกเพื่อการค้นคว้า วิจัย และโครงการให้ทุนแก่บุตรข้าราชการและลูกจ้างของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรและสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา
5. ภารกิจด้านต่างประเทศ เป็นประธานหน่วยประจำชาติไทยในสหภาพรัฐสภา สหภาพสมาชิกรัฐสภาเอเชียและแปซิฟิก และสมัชชารัฐสภาอาเซียนโดยตำแหน่ง มีอำนาจดำเนินการให้เป็นไปตามธรรมนูญแห่งสหภาพรัฐสภา กฎบัตรสหภาพสมาชิกรัฐสภาเอเซียและแปซิฟิก และธรรมนูญรัฐสภาอาเซียน รวมทั้งตามข้อบังคับหน่วยประจำชาติดังกล่าว
6. ภารกิจด้านพระราชพิธี รัฐพิธี และพิธีการต่างๆ ของประธานรัฐสภาในฐานะที่ดำรงตำแหน่งประมุขของฝ่ายนิติบัญญัติ มีภารกิจที่สำคัญ ดังนี้
6.1 ด้านพระราชพิธี
(1) ร่วมงานพระราชพิธีต่างๆ ตามหมายรับสั่งในฐานะประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ
(2) เป็นผู้กล่าวถวายพระพรชัยมงคลในวโรกาสต่างๆ อาทิ พระราชพิธีวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หรือพระราชพิธีต่างๆ
6.2 ด้านรัฐพิธี เช่น
(1) พิธีวางพวงมาลาถวายราชสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และพิธีบำเพ็ญกุศลทักษิณานุปทานอุทิศถวายแด่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี เนื่องในวันที่ระลึกพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (30 พฤษภาคม)
(2) วันคล้ายวันสถาปนารัฐสภา ณ พระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว หน้าตึกรัฐสภา (28 มิ.ย.)
(3) รัฐพิธีฉลองวันพระราชทานรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ณ พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว หน้าตึกรัฐสภา (10 ธ.ค.)
6.3 ด้านพิธีการต่างๆ
ได้รับเชิญจากหน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน เอกชน และบุคคลทั่วไป ในฐานะประมุขของฝ่ายนิติบัญญัติ เช่น เป็นประธานในงานต่างๆ เป็นองค์ปาฐกหรือวิทยากรบรรยาย เป็นต้น
คนที่ | ลำดับที่ | รายชื่อ | ตำแหน่ง | ระยะเวลาการดำรงตำแหน่ง |
---|---|---|---|---|
1 | 1 | เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี | ประธานสภาผู้แทนราษฎร | 28 มิ.ย. 2475 - 1 ก.ย. 2475 |
2 | 2 | เจ้าพระยาพิชัยญาติ | ประธานสภาผู้แทนราษฎร | 2 ก.ย. 2475 - 10 ธ.ค. 2476 |
1/2 | 3 | เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี | ประธานสภาผู้แทนราษฎร | 15 ธ.ค. 2476 - 26 ก.พ. 2476** |
3 | 4 | พลเรือตรี พระยาศรยุทธเสนี | ประธานสภาผู้แทนราษฎร | 27 ก.พ. 2476 - 22 ก.ย. 2477 |
4 | 5 | เจ้าพระยาศรีธรรมาธิเบศ | ประธานสภาผู้แทนราษฎร | 22 ก.ย. 2477 - 15 ธ.ค. 2477 |
17 ธ.ค. 2477 - 31 ก.ค. 2478 | ||||
2 ส.ค. 2478 - 31 ก.ค. 2479 | ||||
5 | 6 | พระยามานวราชเสวี | ประธานสภาผู้แทนราษฎร | 3 ส.ค. 2479 - 10 ธ.ค. 2480 |
10 ธ.ค. 2480 - 24 มิ.ย. 2481 | ||||
๒๘ มิ.ย. ๒๔๘๑ - ๑๐ ธ.ค. ๒๔๘๑ | ||||
๑๒ ธ.ค. ๒๔๘๑ - ๒๔ มิ.ย. ๒๔๘๒ | ||||
๒๘ มิ.ย. ๒๔๘๒ - ๒๔ มิ.ย. ๒๔๘๓ | ||||
๑ ก.ค. ๒๔๘๓ - ๒๔ มิ.ย. ๒๔๘๔ | ||||
๑ ก.ค.๒๔๘๔ - ๒๔ มิ.ย. ๒๔๘๕ | ||||
๓๐ มิ.ย. ๒๔๘๕ - ๒๔ มิ.ย. ๒๔๘๖ | ||||
3/2 | 7 | พลเรือตรี พระยาศรยุทธเสนี | ประธานสภาผู้แทนราษฎร | ๖ ก.ค. ๒๔๘๖ - ๒๔ มิ.ย. ๒๔๘๗ |
5/2 | 8 | พระยามานวราชเสวี | ประธานสภาผู้แทนราษฎร | ๒ ก.ค. ๒๔๘๗ - ๒๔ มิ.ย. ๒๔๘๘ |
๒๙ มิ.ย. ๒๔๘๘ - ๑๕ ต.ค. ๒๔๘๘ | ||||
๒๖ ม.ค. ๒๔๘๙ - ๙ พ.ค. ๒๔๘๙ | ||||
6 | 9 | พันตรี วิลาศ โอสถานนท์ | ประธานพฤฒสภา | ๔ มิ.ย. ๒๔๘๙ - ๒๔ ส.ค. ๒๔๘๙ |
3/3 | 10 | พลเรือตรี พระยาศรยุทธเสนี | ประธานพฤฒสภา | ๓๑ ส.ค. ๒๔๘๙ - ๑๐ พ.ค. ๒๔๙๐ |
๑๕ พ.ค. ๒๔๙๐ - ๘ พ.ย. ๒๔๙๐ | ||||
4/2 | 11 | เจ้าพระยาศรีธรรมาธิเบศ | ประธานวุฒิสภา | ๒๖ พ.ย. ๒๔๙๐ - ๑๘ ก.พ. ๒๔๙๑ |
๒๐ ก.พ. ๒๔๙๑ - ๑๔ มิ.ย. ๒๔๙๒ | ||||
๑๕ มิ.ย. ๒๔๙๒ - ๑ ต.ค. ๒๔๙๓ | ||||
๒๒ พ.ย. ๒๔๙๓ - ๒๙ พ.ย. ๒๔๙๔ | ||||
7 | 12 | พลเอก พระประจนปัจจนึก | ประธานสภาผู้แทนราษฎร | ๑ ธ.ค. ๒๔๙๔ - ๑๗ มี.ค. ๒๔๙๕ |
๒๒ มี.ค. ๒๔๙๕ - ๒๓ มิ.ย. ๒๔๙๕ | ||||
๒๘ มิ.ย. ๒๔๙๕ - ๒๓ มิ.ย. ๒๔๙๖ | ||||
๒ ก.ค. ๒๔๙๖ - ๒๓ มิ.ย. ๒๔๙๗ | ||||
๒๙ มิ.ย. ๒๔๙๗ - ๒๓ มิ.ย. ๒๔๙๘ | ||||
๒ ก.ค. ๒๔๙๘ - ๒๓ มิ.ย. ๒๔๙๙ | ||||
๓๐ มิ.ย. ๒๔๙๙ - ๒๕ ก.พ. ๒๕๐๐ | ||||
๑๖ มี.ค. ๒๕๐๐ - ๒๓ มิ.ย. ๒๕๐๐ | ||||
๒๘ มิ.ย. ๒๕๐๐ - ๑๖ ก.ย. ๒๕๐๐ | ||||
8 | 13 | พลเอก หลวงสุทธิสารรณกร | ประธานสภาผู้แทนราษฎร | ๒๐ ก.ย. ๒๕๐๐ - ๑๔ ธ.ค. ๒๕๐๐ |
7/2 | 14 | พลเอก พระประจนปัจจนึก | ประธานสภาผู้แทนราษฎร | ๒๗ ธ.ค. ๒๕๐๐ - ๒๓ มิ.ย. ๒๕๐๑ |
๒๕ มิ.ย. ๒๕๐๑ - ๒๐ ต.ค. ๒๕๐๑ | ||||
8/2 | 15 | พลเอก หลวงสุทธิสารรณกร | ประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญ | ๖ ก.พ. ๒๕๐๒ - ๑๗ เม.ย. ๒๕๑๑ |
9 | 16 | นายทวี บุณยเกตุ | ประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญ | ๒ พ.ค. ๒๕๑๑ - ๒๐ มิ.ย. ๒๕๑๑ |
10 | 17 | พันเอก นายวรการบัญชา | ประธานวุฒิสภา | ๒๒ ก.ค. ๒๕๑๑ - ๖ ก.ค. ๒๕๑๔ |
๗ ก.ค. ๒๕๑๔ - ๑๗ พ.ย. ๒๕๑๔ | ||||
11 | 18 | พลตรี ศิริ สิริโยธิน | ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ | ๑๘ ธ.ค. ๒๕๑๕ - ๑๑ ธ.ค. ๒๕๑๖ |
12 | 19 | พลตรี หม่อมราชวงศ์ คึกฤทธิ์ปราโมช | ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ | ๒๙ ธ.ค. ๒๕๑๖- ๗ ต.ค. ๒๕๑๗ |
13 | 20 | นายประภาศน์ อวยชัย | ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ | ๑๗ ต.ค. ๒๕๑๗ - ๒๕ ม.ค. ๒๕๑๘ |
14 | 21 | นายประสิทธิ์ กาญจนวัฒน์ | ประธานสภาผู้แทนราษฎร | ๗ ก.พ. ๒๕๑๘ - ๑๒ ม.ค. ๒๕๑๙ |
15 | 22 | นายอุทัย พิมพ์ใจชน | ประธานสภาผู้แทนราษฎร | ๑๙ เม.ย. ๒๕๑๙ - ๖ ต.ค. ๒๕๑๙ |
16 | 23 |
พลอากาศเอก กมลเดชะตุงคะ |
ประธานที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ทำหน้าที่สภาปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน |
๒๗ ต.ค. ๒๕๑๙ - ๒๐ พ.ย. ๒๕๑๙ |
17 | 24 | พลอากาศเอก หะริน หงสกุล | ประธานสภาปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน | ๒๘ พ.ย. ๒๕๑๙ - ๒๐ ต.ค. ๒๕๒๐ |
17/2 | 25 | พลอากาศเอก หะริน หงสกุล | ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ | ๒๕ พ.ย. ๒๕๒๐ - ๒๒ เม.ย. ๒๕๒๒ |
17/3 | 26 | พลอากาศเอก หะรินหงสกุล | ประธานวุฒิสภา | ๙ พ.ค. ๒๕๒๒ - ๑๙ มี.ค. ๒๕๒๖ |
18 | 27 | นายจารุบุตร เรืองสุวรรณ | ประธานวุฒิสภา | ๒๖ เม.ย. ๒๕๒๖ - ๑๙ มี.ค. ๒๕๒๗ |
19 | 28 | นายอุกฤษ มงคลนาวิน | ประธานวุฒิสภา | ๓๐ เม.ย. ๒๕๒๗ - ๓๐ เม.ย. ๒๕๒๘ |
๑ พ.ค. ๒๕๒๘ - ๒๓ เม.ย. ๒๕๓๐ | ||||
๒๔ เม.ย. ๒๕๓๐ - ๒๑ เม.ย. ๒๕๓๒ | ||||
20 | 29 | ร้อยตำรวจตรี วรรณ ชันซื่อ | ประธานวุฒิสภา | ๔ พ.ค. ๒๕๓๒ - ๒๓ ก.พ. ๒๕๓๔ |
19/2 | 30 | นายอุกฤษ มงคลนาวิน | ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ | ๒ เม.ย. ๒๕๓๔ - ๒๑ มี.ค. ๒๕๓๕ |
19/3 | 31 | นายอุกฤษ มงคลนาวิน | ประธานวุฒิสภา | ๓ เม.ย. ๒๕๓๕ - ๒๖ พ.ค. ๒๕๓๕ |
21 | 32 | นายมีชัย ฤชุพันธุ์ | ประธานวุฒิสภา ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ | ๒๘ มิ.ย. ๒๕๓๕ - ๓๐ มิ.ย. ๒๕๓๕ |
22 | 33 | นายมารุต บุนนาค | ประธานสภาผู้แทนราษฎร | ๒๒ ก.ย. ๒๕๓๕ - ๑๙ พ.ค. ๒๕๓๘ |
23 | 34 | นายบุญเอื้อ ประเสริฐสุวรรณ | ประธานสภาผู้แทนราษฎร | ๑๑ ก.ค. ๒๕๓๘- ๒๗ ก.ย. ๒๕๓๙ |
24 | 35 | นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา | ประธานสภาผู้แทนราษฎร | ๒๔ พ.ย. ๒๕๓๙ - ๒๗ มิ.ย. ๒๕๔๓ |
25 | 36 | นายพิชัย รัตตกุล | ประธานสภาผู้แทนราษฎร | ๓๐ มิ.ย.๒๕๔๓ - ๘ พ.ย. ๒๕๔๓ |
15/1 | 37 | นายอุทัย พิมพ์ใจชน | ประธานสภาผู้แทนราษฏร | ๖ ก.พ.๒๕๔๔ - ๕ ม.ค. ๒๕๔๘ |
26 | 38 | นายโภคิน พลกุล | ประธานสภาผู้แทนราษฎร | ๘ มี.ค. ๒๕๔๘ – ๒๔ ก.พ. ๒๕๔๙ |
27 | 39 | นายยงยุทธ ติยะไพรัช | ประธานสภาผู้แทนราษฎร | ๒๓ ม.ค. ๒๕๕๑ – ๓๐ เม.ย. ๒๕๕๑ |
28 | 40 | นายชัย ชิดชอบ | ประธานสภาผู้แทนราษฎร | ๑๕ พ.ค. ๒๕๕๑ – ปัจจุบัน |
* กลุ่มงานพิพิธภัณฑ์และจดหมายเหตุ สำนักวิชาการ
** ในปี พ.ศ. 2483 ได้มีการเปลี่ยนปีปฏิทินวันขึ้นปีใหม่ จาก 1 เมษายน เป็น 1 มกราคม
อ้างอิง
- ↑ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 89
- ↑ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, คณะกรรมการจัดทำเอกสารสาระสำคัญเกี่ยวกับภารกิจและสิทธิประโยชน์ของประธานรัฐสภา ประธานและรองประธานสภาผู้แทนราษฎร, สาระสำคัญเกี่ยวกับภารกิจและสิทธิประโยชน์ของประธานรัฐสภา ประธานและรองประธานสภาผู้แทนราษฎร. (กรุงเทพมหานคร : สำนักการพิมพ์ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2551), หน้า 1-16.
- ↑ ข้อบังคับการประชุมรัฐสภา พ.ศ. 2544 มาตรา 5.
- ↑ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, สำนักประชาสัมพันธ์, พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายรัฐสภา พ.ศ.2518 พระราชบัญญัติจัดระเบียบปฏิบัติราชการฝ่ายรัฐสภา พ.ศ.2518 รวมกฎ ก.ร., (กรุงเทพมหานคร : สำนักการพิมพ์ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร 2551), หน้า 14-28.
- ↑ “พระราชบัญญัติว่าด้วยการเข้าชื่อเสนอกฎหมาย พ.ศ. 2542,” ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 116 ตอนที่ 20 ก.” (25 มีนาคม 2542) : หน้า 32.
- ↑ พระราชบัญญัติสถาบันพระปกเกล้า,” ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 115 ตอนที่ 57 ก (4 กันยายน 2541) : หน้า 21-28.
- ↑ “พระราชบัญญัติสภาพัฒนาการเมือง,” ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 125 ตอนที่ 24 ก (29 มกราคม 2551) : หน้า 5, 13.
บรรณานุกรม
“พระราชบัญญัติว่าด้วยการเข้าชื่อเสนอกฎหมาย พ.ศ.๒๕๔๒.” ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๑๖ ตอนที่ ๒๐ก (๒๕ มีนาคม ๒๕๔๒) : หน้า ๓๒.
“พระราชบัญญัติสภาพัฒนาการเมือง.” ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๕ ตอนที่ ๒๔ก (๒๙ มกราคม ๒๕๕๑) : หน้า ๕, ๑๓.
“ระเบียบว่าด้วยกองทุนสงเคราะห์ผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภา พ.ศ.๒๕๔๓.” ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๑๗ ตอนพิเศษ ๒๑ ง (๗ มีนาคม ๒๕๔๓) : หน้า ๙ – ๑๔.
สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. กองการประชาสัมพันธ์. ข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.๒๕๔๔ ข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรมของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและกรรมาธิการ พ.ศ. ๒๕๔๒ ข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา พ.ศ.๒๕๔๔ ข้อบังคับการประชุมรัฐสภา พ.ศ.๒๕๔๔. กรุงเทพมหานคร : กองการพิมพ์ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. ๒๕๔๔.
สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. คณะกรรมการจัดทำเอกสารสาระสำคัญเกี่ยวกับภารกิจและสิทธิประโยชน์ของประธานรัฐสภา ประธานและรองประธานผู้แทนราษฎร. สาระสำคัญเกี่ยวกับภารกิจและสิทธิประโยชน์ของประธานรัฐสภา ประธานและรองประธานสภาผู้แทนราษฎร. กรุงเทพมหานคร : สำนักการพิมพ์ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. ๒๕๕๑.
สำนักงานเลขาธิการรัฐสภา ศูนย์บริการเอกสารและค้นคว้า. ระบบงานรัฐสภาไทย. กรุงเทพมหานคร : กองการพิมพ์ สำนักงานเลขาธิการรัฐสภา ๒๕๓๐.
สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. สำนักประชาสัมพันธ์. พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการ่ายรัฐสภา พ.ศ.๒๕๑๘ พระราชบัญญัติจัดระเบียบปฏิบัติราชการฝ่ายรัฐสภา พ.ศ.๒๕๑๘ รวมกฎ ก.ร. กรุงเทพมหานคร : สำนักการพิมพ์ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. ๒๕๕๑.
สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, สำนักประชาสัมพันธ์, รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย, กรุงเทพมหานคร : สำนักการพิมพ์ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, ๒๕๕๐.
สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. สำนักประชาสัมพันธ์. ๗๗ ปี รัฐสภาไทย. กรุงเทพมหานคร : สำนัก การพิมพ์ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร