สนธิ ลิ้มทองกุล

จาก ฐานข้อมูลการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า
รุ่นแก้ไขเมื่อ 09:48, 15 ธันวาคม 2560 โดย Apirom (คุย | ส่วนร่วม) (สร้างหน้าด้วย " ผู้เรียบเรียง : ดร.บุญเกียรติ การะเวกพันธุ์ ผู้ทรงคุณว...")
(ต่าง) ←รุ่นแก้ไขก่อนหน้า | รุ่นแก้ไขล่าสุด (ต่าง) | รุ่นแก้ไขถัดไป→ (ต่าง)

ผู้เรียบเรียง : ดร.บุญเกียรติ การะเวกพันธุ์

ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ :  รองศาสตราจารย์ ดร.นิยม รัฐอมฤต


สนธิ ลิ้มทองกุล
นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

ประวัติส่วนบุคคล

          นายสนธิ ลิ้มทองกุล (เดิมชื่อตั๊บ แซ่ลิ้ม) เกิดเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2490 เป็นบุตรของวิเชียร แซ่ลิ้ม ลูกครึ่งไทยจีน บิดามารดาประกอบกิจการโรงพิมพ์ และหนังสือพิมพ์ภาษาจีน จำหน่ายให้กับชาวจีนในประเทศไทย[1]

          นายสนธิจบชั้นมัธยมศึกษาจากโรงเรียนอัสสัมชัญศรีราชา รุ่นที่ 18 มีเพื่อนร่วมรุ่น เช่น นายวันนิวัติ ศรีไกรวิน[2] หลังจากนั้นได้ไปศึกษาต่อที่ มหาวิทยาลัยแห่งชาติไต้หวัน สาขาวิชาวิศวกรรมเครื่องกลเป็นเวลาปีเศษ[3] จึงเดินทางไปศึกษาต่อระดับปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา และระดับปริญญาโทจาก มหาวิทยาลัยยูทาห์สเตต ในสาขาประวัติศาสตร์[4]ในระหว่างที่ศึกษาได้ร่วมทำหนังสือพิมพ์ของนักศึกษาชื่อ The Daily Bruth ระหว่าง พ.ศ.2509-2512[5]

          นายสนธิกลับถึงประเทศไทยเมื่อ พ.ศ.2517 โดยเริ่มทำงานที่บริษัทแอชซิเอทเต็ด คอมมิวนิเคชั่น (Assisted communication Co., Ltd) ในตำแหน่งผู้บริหารงานลูกค้า แต่ทำงานเพียง 3 เดือน ก็ถูกชักชวนจากนายณรงค์ เกตุทัต เจ้าของหนังสือพิมพ์ประชาธิปไตยรายวัน และเป็นบุตรชายของนายสนั่น
เกตุทัต อดีตปลัดกระทรวงการคลังซึ่งขณะนั้นกำลังดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังในรัฐบาลนายสัญญา ธรรมศักดิ์ ให้ไปช่วยเป็นผู้จัดการการเลือกตั้งให้นายดำรง ลัทธพิพัฒน์ ซึ่งกำลังเตรียมตัวจะลงสมัครรับเลือกตั้งในการเลือกตั้งทั่วไป พ.ศ.2518[6]

          ต่อมานายณรงค์ เกตทัต ได้ชวนนายสนธิให้ทำงานเป็นบรรณาธิการบริหาร หนังสือพิมพ์ประชาธิปไตย เพื่อต้องการให้เปลี่ยนแนวทางในการนำเสนอข่าวของกองบรรณาธิการที่แต่เดิมถูกมองว่าเป็นหนังสือพิมพ์ฝ่ายซ้ายซึ่งขัดแย้งกับบทบาทของนายสนั่น เกตุทัต เจ้าของหนังสือพิมพ์ที่เป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่[7]นายสนั่นยังเป็นผู้พานายสนธิไปพบพลตรีสุตสาย หัสดิน ผู้นำกลุ่มกระทิงแดง เพราะเป็นห่วงว่ากลุ่มกระทิงแดงจะถล่มหนังสือพิมพ์ประชาธิปไตย[8]

          พ.ศ.2518 หนังสือพิมพ์ประชาธิปไตยมีบทบาทในการเสนอข่าวเท็มโก้ซึ่งเป็นบริษัทข้ามชาติที่ได้สัมปทานผูกขาดในการขุดดีบุกที่จังหวัดพังงาอย่างไม่ชอบธรรม[9] ปลายปี 2518 นายสนธิลาออกจากหนังสือพิมพ์ประชาธิปไตยท่ามกลางสถานการณ์ทางการเมืองที่เริ่มรุนแรงขึ้นโดยบรรณาธิการคนใหม่ที่มาแทนคือนายปีย์ มาลากุล ณ อยุธยา โดยนายสนธิได้เข้าร่วมกับพร สิทธิอำนวย ผู้บริหารพีเอสเอกรุ๊ป ตั้งบริษัทแอดวานซ์ มีเดีย จำกัด เพื่อทำนิตยสารดิฉัน นิตยสารยานยนต์ และ Who’s Who in Thailand รวมถึงการจัดทำพ็อคเก็ตบุ๊คที่มีการจัดระบบการลงหลักฐานในหนังสือ เช่น ครั้งที่พิมพ์ จำนวนพิมพ์ ประเภทของหนังสือ และหมายเลขหอสมุด[10] ในเวลาต่อมายังออกหนังสือพิมพ์ Business Times หนังสือพิมพ์ข่าวธุรกิจฉบับภาษาอังกฤษฉบับแรกในประเทศไทย ถึงปี 2523 กลุ่มพีเอสเอกรุ๊ปได้ปิดตัวลง

          พ.ศ.2523 นายสนธิก่อตั้งธุรกิจของตัวเองชื่อสำนักพิมพ์การเวก ทำนิตยสารผู้หญิง [11]ต่อมานายสนธิได้เริ่มสร้างอาณาจักรของสื่อสารมวลชนเครือ “ผู้จัดการ” โดยใน พ.ศ.2525 นายสนธิได้ก่อตั้งบริษัท ตะวันออกแมกกาซีน จำกัด ทำนิตยสารผู้จัดการรายเดือน ซึ่งเป็นหนังสือวิเคราะห์และให้ข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจ พ.ศ. 2529 ได้ขยายกิจการโดยออกหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายสัปดาห์ พ.ศ.2531ได้ออกนิตยสารรายเดือนฉบับภาษาอังกฤษชื่อ MANAGER พ.ศ.2533ได้ออกหนังสือ พิมพ์ผู้จัดการรายวัน พร้อมกับนำกิจการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยพร้อมกับก่อตั้งโรงพิมพ์ตะวันออก และพ.ศ.2535 ได้ก่อตั้งบริษัท แมเนเจอร์มีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ เอ็มกรุ๊ปโดยรวมบริษัททั้งหมดเข้าด้วยกัน [12]

          เหตุการณ์เดือนพฤษภาคม พ.ศ.2535 ที่ประชาชนออกมาเคลื่อนไหวประท้วงการสืบทอดอำนาจของคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ  ระหว่างวันที่ 17-20 พฤษภาคม พ.ศ. 2535 หรือที่เรียกว่าเหตุการณ์“พฤษภาทมิฬ” นายสนธิได้พิมพ์หนังสือพิมพ์ผู้จัดการฉบับพิเศษ ขนาดแท็บลอยด์ออกเผยแพร่โดยไม่จำหน่ายภายในพื้นที่กรุงเทพมหานครเป็นเวลา 3 วัน เพื่อให้ผู้คนได้รับทราบถึงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นและเรียกร้องให้ออกมาชุมนุม[13]

          พ.ศ.2535 นายสนธิขยายกิจการไปต่างประเทศ  โดยก่อตั้งนิตยสาร Asia Inc. ต่อมาในปีพ.ศ.2538 ได้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ Asia Times โดยมีความมุ่งหมายให้เป็นหนังสือพิมพ์ระดับภูมิภาคและเป็นเครือข่ายการรวบรวมข่าวที่สำคัญ มีสำนักงานที่ฮ่องกง วางจำหน่ายที่ฮ่องกง สิงคโปร์และไทย Asia Times จะเป็นแบรนด์เนมสำหรับนายสนธิก่อนที่จะขยายโครงการดาวเทียมและบริการข่าวออนไลน์ที่เป็นโครงการในอนาคต[14]

          จากนั้นนายสนธิเริ่มขยายกิจการไปสู่วงการโทรคมนาคมในต่างประเทศ โดยเข้าไปเจรจากับรัฐบาลประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ในการลงทุนและบริหารโครงการดาวเทียมในนามบริษัทAsia Broadcasting and Communication Network (ABCN) ที่เป็นบริษัทในเครือเอ็มกรุ๊ป โดยมีกำหนดการยิงดาวเทียมในปลาย พ.ศ.2540  มีบริการส่งสัญญาณโทรทัศน์ได้ 200 ช่อง[15] แต่การขยายตัวอย่างรวดเร็วโดยมีฐานทางการเงินที่ไม่มั่นคง ประกอบกับสภาวะเศรษฐกิจของประเทศกำลังมีปัญหานับตั้งแต่ปลาย พ.ศ. 2539 ทำให้นายสนธิต้องขายธุรกิจในเครือ เพื่อนำเงินมาชำระหนี้ รวมทั้งโครงการดาวเทียมลาวสตาร์ที่ขายให้กับกลุ่มยูคอม แต่นายสนธิยังมีหนี้สินอีกจำนวนมาก ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2542 ธนาคารนครหลวงไทย ได้ยื่นฟ้องนายสนธิ และบริษัท เอ็ม กรุ๊ป ให้เป็นบุคคลล้มละลาย เพราะไม่สามารถชำระหนี้ให้กับธนาคารได้จำนวน 150 ล้านบาท จนกระทั่งศาลล้มละลายกลางได้พิพากษาให้นายสนธิ และบริษัท เอ็ม กรุ๊ป ล้มละลายในวันที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ.2543[16]

          ในการทำธุรกิจทำให้นายสนธิ ลิ้มทองกุลกับดร.ทักษิณ ชินวัตร มีความสัมพันธ์ทางธุรกิจตั้งแต่ก่อน ดร.ทักษิณจะเข้าสู่แวดวงการเมือง  โดยเมื่อนายสนธิซื้อบริษัทไออีซี จำกัด (มหาชน) จากเครือปูนซิเมนต์ไทยแล้วเตรียมนำหุ้นบริษัทนี้เข้าซื้อขายตลาดหลักทรัพย์ นายสนธิได้ชวน ดร.ทักษิณเข้ามาซื้อหุ้นจำนวน 10 % โดยขายหุ้นให้ในราคาพาร์ 10 บาท จากราคาอันเดอร์ไรท์ 250 บาท ต่อมาเมื่อ ดร.ทักษิณ ต้องการขยายงานบริษัทเอไอเอส จึงได้ขายหุ้นไออีซี โดยทำกำไร 400 กว่าล้าน

          ต่อมาทั้งสองยังทำธุรกิจในลักษณะเกื้อกูลกันเช่น ในระยะเริ่มแรกของหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวันถ้าใครสมัครสมาชิกบริษัท ไอบีซี ดร.ทักษิณก็จะแถมหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวันให้ โดยทางด้านนายสนธิก็ขายสมาชิกแบบเหมาให้บริษัทไอบีซี ในราคาถูก เป็นการช่วยกันทำการตลาดร่วมกัน[17]

          เมื่อ ดร.ทักษิณ ชินวัตร ตั้งพรรคไทยรักไทย ได้มีกลุ่มคนที่สนิทกับนายสนธิ เข้ามาร่วมในพรรคไทยรักไทย หลายคน เช่น สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตกรรมการบริษัท เดอะ แมเนเจอร์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด(มหาชน) ทนง พิทยะ อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารทหารไทย พันศักดิ์ วิญญรัตน์ อดีตบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ เอเชียไทม์และคอลัมน์นิสต์หนังสือพิมพ์ในเครือ เดอะ เมเนเจอร์ มีเดียกรุ๊ปและกนก อภิรดี อดีตกรรมการผู้จัดการ บริษัท เดอะ แมเนเจอร์ มีเดียกรุ๊ป จำกัด(มหาชน)

          ในขณะนั้นนายสนธิกำลังมีปัญหากับพรรคประชาธิปัตย์ โดยเฉพาะกับนายธารินทร์ นิมมานเหมินทร์ ทำให้นายสนธิเป็นแนวร่วมกับ ดร.ทักษิณและพรรคไทยรักไทยไปโดยปริยาย ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งมีการพบปะกันระหว่าง ดร.ทักษิณกับนายสนธิที่บ้านของนายสนธิ

          ในช่วงแรกของรัฐบาล ดร.ทักษิณ นายสนธิยอมรับว่าให้การสนับสนุนรัฐบาล แม้จะมีการโยกย้ายข้าราชการหลายคน เช่น นายเกริกไกร จีระแพทย์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ โดยนายสนธิเห็นว่าเมื่อเป็นผู้บริหารแล้วลูกน้องไม่ทำตาม ก็มีสิทธิ์ย้ายได้

          นายสนธิ ลิ้มทองกุลได้ช่วงเวลาจากโมเดิร์นไนน์ทีวีในการจัดรายการ "เมืองไทยรายสัปดาห์" โดยเริ่มออกอากาศครั้งแรกเมื่อ 4 เมษายน พ.ศ. 2546 ทุกคืนวันศุกร์ เวลา 21.00 - 22.00 น. ต่อมาเปลี่ยนไปออกอากาศในเวลา 22.05-23.00 น. ตั้งแต่เดือนเมษายน พ.ศ. 2547 โดยดำเนินรายการร่วมกับนางสาวสโรชา พรอุดมศักดิ์ เริ่มออกอากาศในวันที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ.2546 โดยออกอากาศทุกคืนวันศุกร์ เวลา 22.00 – 23.00 น.ทางสถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ ทีวี ผลิตรายการโดยบริษัทไทยเดย์ ด็อท คอม จำกัด เป็นรายการสดที่มีเนื้อหาวิพากษ์วิจารณ์การเมืองและสังคม ซึ่งด้วยรูปแบบของการนำเสนอที่ตรงประเด็นและเข้าใจง่ายทำให้รายการได้รับความสนใจจากประชาชนเป็นอย่างมาก แม้จะออกอากาศในช่วงเวลาไพรม์ไทม์ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สถานีโทรทัศน์ช่องอื่นๆ นำเสนอละครหรือเกมโชว์[18]

เหตุการณ์สำคัญ

          เดือนสิงหาคมปี 2547 นายสนธิ ลิ้มทองกุลเริ่มวิจารณ์รัฐบาล ดร.ทักษิณ ชินวัตร ในหลายๆ เรื่องที่ผ่านมา จนถึงวันที่ 9 กันยายน พ.ศ.2548 นายสนธิได้วิพากษ์วิจารณ์ ดร.ทักษิณที่ไปทำพิธีในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม[19] ทำให้วันที่ 15 กันยายน พ.ศ.2548 คณะกรรมการบริหารองค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย (อสมท.) มีมติให้ยกเลิกการออกอากาศรายการ “เมืองไทยรายสัปดาห์” ตั้งแต่วันที่ 16 กันยายนเป็นต้นไป โดยให้เหตุผลว่าสืบเนื่องมาจากการทำหน้าที่ของผู้ดำเนินรายการที่วิพากษ์วิจารณ์ถึงบุคลภายนอก โดยผู้ที่ถูกพาดพิงไม่สามารถที่จะทำการชี้แจงได้ อันจะนำมาซึ่งความเข้าใจผิด รวมถึงกรณีการฟ้องร้องหลายต่อหลายครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงระยะเวลา 1 เดือนที่ผ่านมา ที่ตัวของผู้ดำเนินรายการได้มีการพูดพาดพิงถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ซึ่งไม่อยู่ในฐานะที่จะชี้แจงหรือตอบโต้ความเข้าใจผิดได้ในทุกกรณี[20]แต่สาเหตุที่แท้จริงน่าจะมาจากเนื้อหาในรายการในระยะหลังมักจะโจมตีการทำงานของรัฐบาล[21]

          นายสนธิจึงได้เปลี่ยนรูปแบบนำเสนอใหม่ โดยจัดรายการ "เมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร" เป็นการจัดรายการโดยการสัญจรไปตามสถานที่ต่างๆ จัดรายการครั้งแรกที่หอประชุมศรีบูรพา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และย้ายสถานที่ไปจัดในที่ต่างๆ เช่น เวทีลีลาศสวนลุมพินี นอกจากนี้นายสนธิได้ก่อตั้ง Asia Satellite TV หรือ ASTV เป็นสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม โดยมีบริษัทเอเชียไทม์ ออนไลน์จำกัด ที่จดทะเบียนที่ฮ่องกงเป็นเจ้าของ บริษัทไทยเดย์ ดอทคอม เป็นผู้รับจ้างผลิต เนื้อหา โดยการส่งสัญญาณภาพผ่านระบบอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง[22] รายการเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจรได้ออกอากาศทางสถานี ASTV พร้อมทั้งออกอากาศผ่านเว็บไซต์และเครือข่ายวิทยุชุมชนอีกหลายสถานีทั่วประเทศ [23] นายสนธิได้ใช้การสื่อสารมวลชนรูปแบบใหม่เป็นเครื่องมือสำคัญในการเคลื่อนไหวทางการเมือง เนื้อหารายการเป็นการเปิดเผยแง่ลบของรัฐบาล เช่น การถวายคืนพระราชอำนาจ การทำบุญที่วัดพระแก้วของ ดร.ทักษิณ ชินวัตร การใช้เครื่องบิน ซี 130 เพื่อไปงานขึ้นบ้านใหม่ของน้องสาว ดร.ทักษิณ ฯลฯ ส่งผลให้คนฟังเพิ่มมากขึ้นและทำให้กระแสการต่อต้านรัฐบาลเพิ่มมากขึ้น[24]    

          เมื่อตระกูลชินวัตรและดามาพงศ์ขายหุ้นบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ให้กับบริษัทเทมาเส็กโฮลดิงส์ในวันที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2549 จำนวน 1,487.7 ล้านหุ้น คิดเป็น 49.6% [25] กระแสความไม่พอใจในรัฐบาลเพิ่มมากขึ้น โดยเห็นว่าเป็นการทับซ้อนของผลประโยชน์ ในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2549 มีการชุมนุมที่ลานพระราชวังดุสิตและประกาศเปิดตัวแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย[26] โดยมีพลตรีจำลอง ศรีเมือง นายสมศักดิ์ โกศัยสุข  นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ นายพิภพ ธงไชยและนายสนธิ ลิ้มทองกุล  วัตถุประสงค์ของกลุ่มพันธมิตรฯคือ 1. รณรงค์ผลักดันให้ ดร.ทักษิณ ชินวัตรที่ขาดความชอบธรรมขั้นพื้นฐานลาออกจากตำแหน่ง 2. เปิดโปงความไม่ชอบธรรมและวาระซ่อนเร้นของระบอบทักษิณ 3. ประสานกลุ่มพลังต่างๆ ในสังคม ผลักดันการปฏิรูปการเมืองไทย ครั้งที่ 2 โดยยึดแนวทาง “ลดอำนาจรัฐ เพิ่มอำนาจประชาชน”[27] นายสนธิในฐานะแกนนำเป็นทั้งผู้ดำเนินรายการบนเวที ควบคุมการสื่อสารมวลชนผ่านสื่อต่างๆ โดยเฉพาะสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมและสื่อต่างๆ เช่น สื่อสิ่งพิมพ์และสื่อออนไลน์ในเครือผู้จัดการนอกจากนี้มีหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการหาทุนเพื่อใช้ในการชุมนุม[28]

          วันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2549 ดร.ทักษิณ ชินวัตร ประกาศยุบสภาผู้แทนราษฎรและกำหนดวันเลือกตั้งใหม่ในวันอาทิตย์ที่ 2 เมษายน พ.ศ.2549 แต่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยยังคงจัดการชุมนุมอย่างต่อเนื่อง โดยเรียกการชุมนุมว่า “เอาประเทศไทยของเราคืนมา” มีการชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาลและกระจายไปตามสถานที่ต่างๆที่เรียกว่า “ยุทธการดาวกระจาย” เช่นสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ศาลรัฐธรรมนูญ สถานเอกอัครราชทูตสิงคโปร์ ถนนสีลมและย่านสยามสแควร์[29]

          เมื่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ประกาศร่วมกับอดีตพรรคร่วมฝ่ายค้านคือพรรคชาติไทยและพรรคมหาชนว่าจะไม่ส่งผู้สมัครรับเรื่องตั้ง เพราะเห็นว่าการยุบสภาผู้แทนราษฎรขาดความชอบธรรมและการเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ใช่การแก้ปัญหาบ้านเมือง แต่เป็นการแก้ปัญหาให้กับ ดร.ทักษิณ แต่เพียงผู้เดียว พร้อมกันนี้ได้เรียกร้องให้มีการปฏิรูปการเมืองรวมถึงการหยุดระบอบทักษิณ[30] ทำให้การเลือกตั้งในวันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2549 เป็นการเลือกตั้งที่เต็มไปด้วยอุปสรรคปัญหา จนศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 8 ต่อ 6 เสียงว่าการเลือกตั้งไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ โดยกำหนดวันเลือกตั้งใหม่ในวันที่...[31]  แต่นายสนธิ ลิ้มทองกุลและแกนนำ“พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย” ได้กำหนดการเดินขบวนต่อต้าน ดร.ทักษิณในวันที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2549 แต่ก่อนที่จะมีการเดินขบวน ปรากฏว่ามีข่าวลือว่าจะมีเหตุการณ์นองเลือด จึงกลายเป็นเงื่อนไขให้ พลเอกสนธิ บุญรัตกลิน ใช้เป็นเหตุในการรัฐประหารยึดอำนาจในวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2549 [32]

          หลังจากที่มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 ในวันที่ 24 สิงหาคม พ.ศ.2550 ได้มีการจัดการทั่วไปในวันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ.2550 กลุ่มไทยรักไทย (เดิมคือ พรรคไทยรักไทยที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้ยุบพรรค เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2550) มีมติที่จะส่งอดีตสมาชิกพรรคไทยรักไทยสมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชาชน เพื่อลงรับเลือกตั้งครั้งใหม่[33] ผลการเลือกตั้งปรากฏว่าพรรคพลังประชาชนได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล โดยนายสมัคร สุนทรเวชได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2551ภายหลังจากที่รัฐบาลบริหารประเทศมาระยะเวลาหนึ่ง กลุ่มพันธมิตรฯ ได้เริ่มชุมนุมอีกครั้งในวันที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2551 โดยให้เหตุผลการชุมนุมว่า 1.รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวชได้มีพฤติการณ์แทรกแซงและคุกคามสื่อสารมวลชนผ่านรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี 2.รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมได้โยกย้ายอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษที่กำลังดำเนินคดีสำคัญต่อ ดร.ทักษิณ ชินวัตร และครอบครัวให้พ้นตำแหน่งอย่างเร่งด่วนก่อนการประกาศกำหนดการกลับประเทศของ ดร.ทักษิณ ชินวัตร เพียง 3 วัน 3.มีความพยายามจะโยกย้ายนายจรัญ ภักดีธนากุล ปลัดกระทรวงยุติธรรม และ พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้พ้นจากตำแหน่ง 4.มีความพยายามในการรื้อฟื้นนโยบายการปราบปรามยาเสพติดด้วยวิธีการฆ่าตัดตอน อันขัดต่อหลักนิติธรรม และละเมิดสิทธิมนุษยชน รวมทั้งมีความพยายามจะฟื้นนโยบายรัฐตำรวจให้กลับมาอีกครั้ง

          กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจึงได้กำหนดจุดยืนดังต่อไปนี้

          1.ฟื้นสภาพโครงสร้างการบริหารงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยขึ้นมาอีกครั้งเพื่อดำเนินการต่อสู้กับพฤติการณ์ของรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช

          2.เรียกร้องให้ คณะกรรมการการเลือกตั้งที่ไม่ได้อยู่ภายใต้ระบอบทักษิณ แสดงความกล้าหาญ ยุติต้นเหตุวิกฤติของชาติด้วยการสะสางลงโทษผู้กระทำความผิดกฎหมายเลือกตั้ง และดำเนินการเสนอศาลรัฐธรรมนูญเพื่อยุบพรรคการเมืองที่เป็นนอมินีให้กับพรรคการเมืองที่ถูกยุบด้วยคำวินิจฉัยของตุลาการรัฐธรรมนูญโดยเร็ว

          3.เรียกร้องให้นายสมัคร สุนทรเวช แสดงความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ด้วยการกระทำ อย่าให้คนไม่ดีมาปกครองบ้านเมือง ยุติบทบาทการกระทำอันเป็นหุ่นเชิดของ ดร.ทักษิณ ชินวัตร และประพฤติปฏิบัติเป็นนายกรัฐมนตรีที่เสียสละเพื่อคน 63 ล้านคนอย่างแท้จริง

          4.เรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนการโยกย้ายข้าราชการเพื่อแก้มลทินให้กับ ดร.ทักษิณ ชินวัตรและครอบครัวในกระบวนการยุติธรรม ทั้งนี้ ให้ยุติความพยายามในการแทรกแซงคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ สำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และกรมสอบสวนคดีพิเศษ รวมถึงการโยกย้ายตำรวจเพื่อช่วยเหลือคดีความใดๆ ในระบอบทักษิณ

          5.พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยคัดค้านการกลับประเทศไทยของ ดร.ทักษิณ ชินวัตร ในทุกรูปแบบ ตราบใดที่ยังมีความพยายามที่จะครอบงำและแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม

          6.เรียกร้องให้รัฐบาลนายสมัครดำเนินการยุติความกำเริบเสิบสานในการลิดรอน ข่มขู่ คุกคามสิทธิเสรีภาพของสื่อสารมวลชน

          7.เรียกร้องให้พี่น้อง ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ และประชาชน ที่รักชาติบ้านเมืองมาร่วมกันลุกขึ้นมารวมตัวเพื่อเฝ้าระวังพฤติการณ์ของนักการเมืองและข้าราชการในระบอบทักษิณอย่างใกล้ชิด [34]

          กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยโดยนายสนธิ ลิ้มทองกุลได้จัดรายการ“ยามเฝ้าแผ่นดิน ภาคพิเศษ” ในวันที่ 28 มีนาคม และ “ยามเฝ้าแผ่นดิน ภาคพิเศษ ครั้งที่ 2” ในวันศุกร์ที่ 25 เมษายน ที่หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และประกาศจัดการชุมนุมใหญ่ตั้งแต่วันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ.2551

          วันที่ 25 พฤษภาคม ทางกลุ่มพันธมิตรฯ มีมติที่จะเคลื่อนมวลชนไปหน้าทำเนียบรัฐบาลเพื่อกดดดันรัฐบาล โดยเป็นการชุมนุมที่ยืดเยื้อจนถึงวันที่ 3 ธันวาคม พ.ศ.2551 โดยมีการปฏิบัติการที่สำคัญเช่น

          - เดินทางไปยังสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยโดยให้เหตุผลว่าต้องการทวงคืนสื่อของรัฐที่ทำหน้าที่ไม่เป็นกลางในวันที่ 26 สิงหาคม

          - บุกยึดทำเนียบรัฐบาลตั้งแต่เช้ามืดของวันที่ 26 สิงหาคม ทำให้นายกรัฐมนตรีและข้าราชการในทำเนียบไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้และในวันที่ 27 สิงหาคมศาลอาญาออกหมายจับนายสนธิและแกนนำอีก 8 คน ด้วยข้อหาใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อล้มล้างอำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร และอำนาจตุลาการมีความผิดฐานเป็นกบฏ

          - การชุมนุมหน้าอาคารรัฐสภาและทำการปิดล้อมเพื่อไม่ให้รัฐบาลแถลงนโยบายต่อรัฐสภาในวันที่ 7 ตุลาคมจนมีการสลายการชุมนุมจนมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต

          - การยึดท่าอากาศยานดอนเมืองซึ่งใช้เป็นที่ทำการทำเนียบรัฐบาลชั่วคราว และท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เมื่อวันที่ 24-25 พฤศจิกายน[35]

          การชุมนุมซึ่งยืดเยื้อถึง 193 วันได้ยุติในวันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ.2551หลังจากตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ได้อ่านคำวินิจฉัยคดียุบพรรคพลังประชาชน โดยกลุ่มพันธมิตรฯได้ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 27/2551 ประกาศยุติการชุมนุม

           วันที่ 17 เมษายน พ.ศ.2552 ขณะที่นายสนธิ กำลังเดินทางไปยังสถานีโทรทัศน์ ASTV เพื่อจัดรายการ ได้ถูกกลุ่มมือปืนตามประกบ และได้ใช้อาวุธสงครามประกอบด้วย ปืนเอเค 47 เอชเค 33 เอ็ม 16 และเครื่องยิงลูกระเบิดเอ็ม 79 เจ้าหน้าที่นับปลอกกระสุนปืนได้ 84 นัด โดยนายสนธิ ถูกกระสุนบริเวณคิ้ว หน้าอก และแขน ถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลวชิระ แต่นายสนธิปลอดภัย[36]

          วันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2552 ซึ่งเป็นวันครบรอบ 1 ปี ของการเริ่มต้นการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้มีการประชุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่สนามกีฬามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ที่ประชุมมีความเห็นเป็นเอกฉันท์ ให้มีการจัดตั้งพรรคการเมืองขึ้น โดยจดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมือง ชื่อ “พรรคการเมืองใหม่” เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2552 และที่ประชุมใหญ่พรรคในวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2552 ได้เลือกนายสนธิ ลิ้มทองกุลเป็นหัวหน้าพรรค[37]และได้ลาออกในวันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ.2553 [38]การเลือกตั้งทั่วไปในพ.ศ.2554 พรรคการเมืองใหม่ได้ส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแต่ไม่ได้รับเลือกตั้ง หลังจากนั้นนายสนธิ ลิ้มทองกุลก็ลดบทบาทการเคลื่อนไหวทางการเมืองลง

          นายสนธิ ลิ้มทองกุล มีคดีความเกี่ยวกับการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองดังนี้

          วันที่ 24 กันยายน 2558 ศาลฎีกายืนคำพิพากษาจำคุกนายสนธิกับพวกเป็นเวลา  6 เดือนพร้อมปรับ 5 หมื่นบาท ฐานหมิ่นประมาทตระกูลดามาพงศ์  โดยโทษจำคุกให้รอลงอาญา 3 ปี

          วันที่ 21 ตุลาคม 2558 ศาลฎีกายกฟ้องนายสนธิว่าไม่ได้หมิ่นประมาท ดร.ทักษิณ โดยเป็นการติชมโดยสุจริต

          วันที่ 2 ธันวาคม 2558 ศาลฎีกาพิพากษาจำคุกนายสนธิ 1 ปี ฐานหมิ่นประมาทหม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล ให้รอลงอาญา ปรับ3หมื่นบาท

          วันที่ 2 มิถุนายน 2559 ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนให้ยกฟ้อง นายสนธิและสถานีโทรทัศน์ เอเอสทีวี ว่าไม่ได้หมิ่นประมาท ดร.ทักษิณ โดยเป็นการติชมโดยสุจริต [39]

          วันที่ 6 กันยายน พ.ศ.2559 นายสนธิ ลิ้มทองกุลถูกศาลฎีกาพิพากษาจำคุก 20 ปี โดยไม่รอลงอาญา คดีทำเอกสารรายงานการประชุมเท็จ ค้ำประกันกู้เงินธนาคารกรุงไทย จำนวน 1,078 ล้านบาท[40]

หนังสือแนะนำ

กองบรรณาธิการมติชน.(2551). ลับ ล้วง ลึก พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย.กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์มติชน.

สนธิ ลิ้มทองกุล.(2544). ต้องแพ้เสียก่อนจึงชนะได้.กรุงเทพฯ : ผู้จัดการ.

บรรณานุกรม

กองบรรณาธิการมติชน, 289 ข่าวดัง 3 ทศวรรษหนังสือพิมพ์ พ.ศ.2521-2549,(กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์มติชน, 2549), หน้า 389.

กองบรรณาธิการมติชน, ลับ ล้วง ลึก พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย,(กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์มติชน, 2551), หน้า 30.

กรุงเทพธุรกิจ,เส้นทาง ''สนธิ ลิ้มทองกุล' ชีวิต การเมืองและคดีความ? ,' เข้าถึงจากhttp://www.bangkokbiznews.com/news/detail/716419 เมื่อ 6 กันยายน 2559

คมชัดลึก,เส้นทางชีวิตลูกผู้ชาย "สนธิ ลิ้มทองกุล"เข้าถึงจาก http://www.komchadluek.net/news/scoop/241108 เมื่อ 6 กันยายน 2559

ธนาคารไทยพาณิชย์,เทมาเส็ก-ไทยพาณิชย์และกลุ่มนักลงทุนไทยร่วมซื้อหุ้นชินคอร์ปจากชินวัตรและดามาพงศ์,เข้าถึงจาก http://www.temasek.com.sg/Documents/userfiles/files/Shin-bid%20Consortium%20Partners%20Complete%20Tender%20Offer%20for%20AIS.pdf เมื่อ 6 กันยายน 2559

มติชนออนไลน์,'ศาลฎีกาพิพากษาคุก 20 ปี '“สนธิ ลิ้มทองกุล” คดีกู้เงินกรุงไทย-ส่งเข้าเรือนจำทันที,เข้าถึงจาก http://www.matichon.co.th/news/275150 เมื่อ 6 กันยายน 2559

ผู้จัดการ Online, ปลดฟ้าผ่า! “เมืองไทยรายสัปดาห์”เข้าถึงจาก http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9480000126193 เมื่อ 6 กันยายน 2559

ผู้จัดการ Online, เมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร, เข้าถึงจาก http://www.manager.co.th/thailandweekly/ เมื่อ 6 กันยายน 2559

ผู้จัดการออนไลน์,'ศาล รธน.มีมติ '8 ต่อ 6 ชี้เลือกตั้ง 2 เมษาฯ มิชอบ – สั่งเลือกใหม่, เข้าถึงจาก http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9490000060310 วันที่ 6 กันยายน 2559.

ผู้จัดการ Online,พรรคการเมืองใหม่ ได้ กก.บริหาร ครบแล้ว “สนธิ” นั่งหัวหน้าพรรค เข้าถึงจาก http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9520000117784 เมื่อ 6 กันยายน 2559

ผู้จัดการ Online, ก.ม.ม.พร้อมเดินหน้า แม้ "สนธิ" ลาออก เตรียมเลือก หน.พรรค-กก.บห.ชุดใหม่  ภายใน 30 วัน  เข้าถึงจาก http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9530000067133  เมื่อ 6 กันยายน 2559

วิกิซอร์ซ,แถลงการณ์พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย พ.ศ. 2551 เข้าถึงจาก https://th.wikisource.org/wiki/แถลงการณ์พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย พ.ศ. 2551 เมื่อ 6 กันยายน 2559

วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี,การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย พ.ศ. 2551 เข้าถึงจาก https://th.wikipedia.org/wiki/การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย_พ.ศ._2551  เมื่อ 6 กันยายน 2559

สนธิ ลิ้มทองกุล, ต้องแพ้เสียก่อนจึงชนะได้,(กรุงเทพฯ : ผู้จัดการ, 2544), หน้า 20.

 MTHAI, ประวัติสนธิ ลิ้มทองกุล, เข้าถึงจาก http://people.mthai.com/other/6510.html เมื่อ 6 กันยายน 2559.

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ,บนเส้นทางการเมือง, เข้าถึงจาก http://www.abhisit.org/360detail.php?cate_id=17, เมื่อวันที่ 6 กันยายน2559.

อุเชนทร์ เชียงเสน,พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เข้าถึงจาก http://kpi2.kpi.ac.th/wiki/index.php/พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อ 6 กันยายน 2559

อ้างอิง

[1] คมชัดลึก,เส้นทางชีวิตลูกผู้ชาย "สนธิ ลิ้มทองกุล"เข้าถึงจาก http://www.komchadluek.net/news/scoop/241108 เมื่อ 6 กันยายน 2559

[2] สนธิ ลิ้มทองกุล, ต้องแพ้เสียก่อนจึงชนะได้,(กรุงเทพฯ : ผู้จัดการ, 2544), หน้า 20.

[3] สนธิ ลิ้มทองกุล,หน้า 136.

[4] MTHAI, ประวัติสนธิ ลิ้มทองกุล, เข้าถึงจาก http://people.mthai.com/other/6510.html เมื่อ 6 กันยายน 2559.

[5] สนธิ ลิ้มทองกุล,หน้า 163.

[6] สนธิ ลิ้มทองกุล,หน้า 22.

[7] สนธิ ลิ้มทองกุล,หน้า 24.

[8] สนธิ ลิ้มทองกุล,หน้า 35.

[9] สนธิ ลิ้มทองกุล,หน้า 30.

[10] สนธิ ลิ้มทองกุล,หน้า 83.

[11] สนธิ ลิ้มทองกุล,หน้า 164.

[12] สนธิ ลิ้มทองกุล,หน้า 164-165.

[13] คมชัดลึก,เส้นทางชีวิตลูกผู้ชาย "สนธิ ลิ้มทองกุล"เข้าถึงจาก http://www.komchadluek.net/news/scoop/241108 เมื่อ 6 กันยายน 2559

[14] สนธิ ลิ้มทองกุล,หน้า 158.

[15] สนธิ ลิ้มทองกุล,หน้า 161.

[16] คมชัดลึก,เส้นทางชีวิตลูกผู้ชาย "สนธิ ลิ้มทองกุล"เข้าถึงจาก http://www.komchadluek.net/news/scoop/241108 เมื่อ 6 กันยายน 2559

[17] ASTVผู้จัดการออนไลน์, สนธิ ลิ้มทองกุล ไขข้อข้องใจ '“ทักษิณไม่ใช่เพื่อนสนิท”,' เข้าถึงจาก http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9480000170551 เมื่อ 6 กันยายน2559.

[18] ผู้จัดการ Online, ปลดฟ้าผ่า! “เมืองไทยรายสัปดาห์”เข้าถึงจาก http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9480000126193เมื่อ 6 กันยายน 2559

[19] ASTVผู้จัดการออนไลน์, สนธิ ลิ้มทองกุล ไขข้อข้องใจ '“ทักษิณไม่ใช่เพื่อนสนิท”,' เข้าถึงจาก http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9480000170551 เมื่อ 6 กันยายน2559.

[20] ผู้จัดการ Online, ปลดฟ้าผ่า! “เมืองไทยรายสัปดาห์”เข้าถึงจาก http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9480000126193เมื่อ 6 กันยายน 2559

[21] กองบรรณาธิการมติชน, 289 ข่าวดัง 3 ทศวรรษหนังสือพิมพ์ พ.ศ.2521-2549,(กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์มติชน, 2549), หน้า 389.

[22] กองบรรณาธิการมติชน, ลับ ล้วง ลึก พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย,(กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์มติชน, 2551), หน้า 30.

[23]ผู้จัดการ Online, เมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร, เข้าถึงจาก http://www.manager.co.th/thailandweekly/เมื่อ 6 กันยายน 2559

[24] กองบรรณาธิการมติชน,หน้า 390.

[25] ธนาคารไทยพาณิชย์,เทมาเส็ก-ไทยพาณิชย์และกลุ่มนักลงทุนไทยร่วมซื้อหุ้นชินคอร์ปจากชินวัตรและดามาพงศ์,เข้าถึงจาก http://www.temasek.com.sg/Documents/userfiles/files/Shin-bid%20Consortium%20Partners%20Complete%20Tender%20Offer%20for%20AIS.pdf เมื่อ 6 กันยายน 2559

[26] กองบรรณาธิการมติชน (2), หน้า 85.

[27] อุเชนทร์ เชียงเสน,พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เข้าถึงจาก http://kpi2.kpi.ac.th/wiki/index.php/พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย  เมื่อ 6 กันยายน 2559

[28] กองบรรณาธิการมติชน (2), หน้า 43.

[29] กองบรรณาธิการมติชน (2), หน้า 87.

[30] อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ,บนเส้นทางการเมือง, เข้าถึงจาก http://www.abhisit.org/360detail.php?cate_id=17, เมื่อวันที่ 6 กันยายน2559.

[31] ผู้จัดการออนไลน์,'ศาล รธน.มีมติ '8 ต่อ 6 ชี้เลือกตั้ง 2 เมษาฯ มิชอบ – สั่งเลือกใหม่, เข้าถึงจาก http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9490000060310 วันที่ 6 กันยายน 2559.

[32] คมชัดลึก,เส้นทางชีวิตลูกผู้ชาย "สนธิ ลิ้มทองกุล"เข้าถึงจาก http://www.komchadluek.net/news/scoop/241108 เมื่อ 6 กันยายน 2559

[33] วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี, พรรคพลังประชาชน (พ.ศ. 2541) เข้าถึงจาก https://th.wikipedia.org/wiki/ พรรคพลังประชาชน_(พ.ศ._2541) เมื่อ 6 กันยายน 2559

[34] วิกิซอร์ซ,แถลงการณ์พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย พ.ศ. 2551 เข้าถึงจาก https://th.wikisource.org/wiki/แถลงการณ์พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย พ.ศ. 2551เมื่อ 6 กันยายน 2559

[35] วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี,การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย พ.ศ. 2551 เข้าถึงจาก https://th.wikipedia.org/wiki/การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย_พ.ศ._2551  เมื่อ 6 กันยายน 2559

[36] คมชัดลึก,เส้นทางชีวิตลูกผู้ชาย "สนธิ ลิ้มทองกุล" เข้าถึงจาก http://www.komchadluek.net/news/scoop/241108 เมื่อ 6 กันยายน 2559

[37] ผู้จัดการ Online,พรรคการเมืองใหม่ ได้ กก.บริหาร ครบแล้ว “สนธิ” นั่งหัวหน้าพรรค เข้าถึงจาก http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9520000117784เมื่อ 6 กันยายน 2559

[38] ผู้จัดการ Online, ก.ม.ม.พร้อมเดินหน้า แม้ "สนธิ" ลาออก เตรียมเลือก หน.พรรค-กก.บห.ชุดใหม่  ภายใน 30 วัน  เข้าถึงจาก http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9530000067133  เมื่อ 6 กันยายน 2559

[39] กรุงเทพธุรกิจ,เส้นทาง ''สนธิ ลิ้มทองกุล' ชีวิต การเมืองและคดีความ? ,' เข้าถึงจากhttp://www.bangkokbiznews.com/news/detail/716419เมื่อ 6 กันยายน 2559

[40] มติชนออนไลน์,'ศาลฎีกาพิพากษาคุก 20 ปี '“สนธิ ลิ้มทองกุล” คดีกู้เงินกรุงไทย-ส่งเข้าเรือนจำทันที,เข้าถึงจาก http://www.matichon.co.th/news/275150เมื่อ 6 กันยายน 2559