พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ. 2541
ผู้เรียบเรียง นพรัตน์ วงศ์วิทยาพาณิชย์ และ รศ.ดร.นครินทร์ เมฆไตรรัตน์
ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ รองศาสตราจารย์นรนิติ เศรษฐบุตร และ รองศาสตราจารย์ ดร.นิยม รัฐอมฤต
พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ.2541 ได้ประกาศใช้เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ.2541 ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 ในมาตรา 329 วรรรค 5 บทเฉพาะกาล โดยพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ. 2541 มีสาระสำคัญต่าง ๆ ดังนี้
สาระสำคัญ
- (1) การทำประชามติต้องออกเป็นประกาศของนายกรัฐมนตรีในราชกิจจานุเบกษา โดยกำหนดวันออกเสียงประชามติ และกำหนดเรื่องในการจัดทำประชามติ ว่าเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบในเรื่องที่จัดทำประชามติ (มาตรา 4)
- (2) ให้คณะกรรมการการเลือกตั้งจัดทำเอกสารเผยแพร่เกี่ยวกับเรื่องที่จัดทำประชามติให้ผู้มีสิทธิออกเสียงทราบ และจัดการลงคะแนนเสียงประชามติทั้งประเทศ (มาตรา 5) (ซึ่งหน่วยเลือกตั้งอาจคล้ายคลึงกันกับการเลือกตั้งทั่วไปของสมาชิภสภาผู้แทนราษฎร หากแต่คณะกรรมการการเลือกตั้งจะเห็นควร)
- (3) เมื่อทราบผลคณะกรรมการการเลือกตั้งต้องประกาศผลการออกเสียงประชามติและจำนวนผู้มาใช้สิทธิออกเสียงและแจ้งผลไปยังนายกรัฐมนตรีโดยเร็ว (มาตรา 22)
- (4) เมื่อคณะกรรมการการเลือกตั้งประกาศผลการออกเสียงประชามติแล้ว ผู้มีสิทธิออกเสียงสามารถคัดค้านเมื่อเห็นว่าการออกเสียงประชามตินั้นไม่ถูกต้องหรือไม่ชอบด้วยกฎหมายต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง ภายใน 30 วัน (มาตรา 23)
ทั้งนี้ นับตั้งแต่ที่มีการประกาศใช้ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ.2541 ได้มีการออกเสียงประชามติเพียงแค่ 1 ครั้ง แต่ก็นับว่าเป็นครั้งที่สำคัญมาก เพราะเป็นการออกเสียงประชามติเพื่อรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 และยังนับได้ว่าเป็นการออกเสียงประชามติในการรับร่างรัฐธรรมนูญครั้งแรกของไทยอีกด้วย
ร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 ได้เปิดให้ประชาชนออกเสียงประชามติเมื่อวันที่ 19สิงหาคม พ.ศ. 2550 ช่วงเวลา 8.00 น.ถึง 16.00 น. โดยใช้วิธีกากบาทลงบัตรเหมือนการเลือกตั้ง ในกรณีที่ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งโดยเสียงข้างมากของผู้มาออกเสียงประชามติเห็นชอบให้นำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่มาใช้บังคับแล้ว ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติจะนำร่างรัฐธรรมนูญขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย และเมื่อทรงลงพระปรมาภิไธยแล้ว จะประกาศในราชกิจจานุเบกษาและใช้บังคับได้
ในกรณีที่เสียงข้างมากของผู้มาออกเสียงประชามติไม่เห็นชอบให้ใช้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ สภาร่างรัฐธรรมนูญจะสิ้นสุดลง คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติจะประชุมร่วมกับคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณารัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ที่ได้เคยประกาศใช้บังคับมาแล้วฉบับใดฉบับหนึ่งมาปรับปรุงให้แล้วเสร็จภายใน 30 วันนับตั้งแต่วันออกเสียงประชามติ และนำขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย ประกาศใช้เป็นรัฐธรรมนูญต่อไป
ผลการออกเสียง
ผลการออกเสียงตามรายงานผลอย่างเป็นทางการของคณะกรรมการการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2550
ผลการออกเสียง | ||
---|---|---|
จำนวนผู้มาใช้สิทธิ | 25,978,654 | 57.61% |
จำนวนผู้ไม่มาใช้สิทธิ | 19,114,001 | 42.39% |
ผู้มีสิทธิออกเสียงทั้งหมด | 45,092,955 | |
การลงคะแนน | ||
บัตรที่นับเป็นคะแนน | 25,474,747 | 98.06% |
บัตรที่ไม่นับเป็นคะแนน (บัตรเสีย/การคืนบัตร/อื่นๆ) | 504,207 | 1.94% |
รวม | 25,978,954 | |
การเห็นชอบและไม่เห็นชอบ | ||
เห็นชอบ | 14,727,306 | 57.81% |
ไม่เห็นชอบ | 10,747,441 | 42.19% |
รวม | 25,474,747 |
ตัวอย่างเอกสาร
ด้านซ้ายมือเป็นเอกสารร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ที่สภาร่างรัฐธรรมนูฐ พ.ศ.2550 แจกให้ประชาชนครัวเรือนและ 1 เล่ม เพื่อใช้ในการตัดสินใจว่าจะรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ตามวิธีการออกเสียงประชามติ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ.2541