ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ดาราจักรี"

จาก ฐานข้อมูลการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า
Apirom (คุย | ส่วนร่วม)
สร้างหน้าใหม่: '''ผู้เรียบเรียง''' พิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอ...
 
Apirom (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัดที่ 15: บรรทัดที่ 15:
เป็นดาราในเครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติคุณรุ่งเรืองยิ่งมหาจักรีบรมราชวงศ์  '''สร้างขึ้นเพื่อใช้ประดับฉลองพระองค์ครุยมหาจักรีบรมราชวงศ์ สำหรับฝ่ายหน้า โดยจะติดไว้ที่อกซ้ายของฉลองพระองค์ครุย''' จัดเป็นเครื่องราชอิสริยาภรณ์สำหรับบำเหน็จความชอบในราชการแผ่นดิน เรียกย่อว่า เครื่องราชอิสริยาภรณ์มหาจักรีบรมราชวงศ์  มีชั้นเดียวทั้งฝ่ายหน้าและฝ่ายใน จำนวนทั้งหมด 25 สำรับ แบ่งเป็น
เป็นดาราในเครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติคุณรุ่งเรืองยิ่งมหาจักรีบรมราชวงศ์  '''สร้างขึ้นเพื่อใช้ประดับฉลองพระองค์ครุยมหาจักรีบรมราชวงศ์ สำหรับฝ่ายหน้า โดยจะติดไว้ที่อกซ้ายของฉลองพระองค์ครุย''' จัดเป็นเครื่องราชอิสริยาภรณ์สำหรับบำเหน็จความชอบในราชการแผ่นดิน เรียกย่อว่า เครื่องราชอิสริยาภรณ์มหาจักรีบรมราชวงศ์  มีชั้นเดียวทั้งฝ่ายหน้าและฝ่ายใน จำนวนทั้งหมด 25 สำรับ แบ่งเป็น


- สำหรับพระมหากษัตริย์ 1 สำรับ
- สำหรับ[[พระมหากษัตริย์]] 1 สำรับ


- สำหรับสมเด็จพระบรมราชินี 1 สำรับ  
- สำหรับสมเด็จพระบรมราชินี 1 สำรับ  


- สำหรับพระราชทานพระบรมวงศานุวงศ์ ซึ่งสืบเชื้อสายโดยตรงในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก หรือผู้ที่ได้สมรสกับพระบรมวงศานุวงศ์ดังกล่าว หรือผู้อื่นอันสูงศักดิ์ซึ่งสมควรได้รับพระราชทานอีก 23 สำรับ รวมเป็น 25 สำรับ
- สำหรับพระราชทานพระบรมวงศานุวงศ์ ซึ่งสืบเชื้อสายโดยตรงใน[[พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก]] หรือผู้ที่ได้สมรสกับพระบรมวงศานุวงศ์ดังกล่าว หรือผู้อื่นอันสูงศักดิ์ซึ่งสมควรได้รับพระราชทานอีก 23 สำรับ รวมเป็น 25 สำรับ


ในจำนวน 25 สำรับนี้ ไม่รวมถึงที่จะพระราชทานแก่เจ้านายหรือประมุขของรัฐต่างประเทศ ซึ่งจะพระราชทานตามที่ทรงเห็นสมควร (ปัจจุบันเจ้านายหรือประมุขของรัฐต่างประเทศจะได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นมงคลยิ่งราชมิตราภรณ์  )
ในจำนวน 25 สำรับนี้ ไม่รวมถึงที่จะพระราชทานแก่เจ้านายหรือประมุขของรัฐต่างประเทศ ซึ่งจะพระราชทานตามที่ทรงเห็นสมควร (ปัจจุบันเจ้านายหรือประมุขของรัฐต่างประเทศจะได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นมงคลยิ่งราชมิตราภรณ์  )


เครื่องราชอิสริยาภรณ์นี้ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2425 ในครั้งนั้นเรียกว่า “เครื่องขัตติยราชอิสริยยศ” เพื่อเป็นเครื่องประดับสำหรับเชิดชูพระเกียรติยศและพระเดชพระคุณในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก อันเป็นปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี เนื่องในโอกาสครบรอบ 100 ปี ของการสถาปนากรุงเทพพระมหานครเป็นราชธานี โดยโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้น ปรากฏตามพระบรมราชโองการ ซึ่งได้ประกาศเมื่อวันศุกร์ ขึ้น 4 ค่ำ เดือน 6 ปีมะเมีย จุลศักราช 1244 ( พ.ศ. 2425 ) อันเป็นปีที่ 15 ในรัชกาลของพระองค์ และต่อมาพระราชบัญญัตินี้ได้แก้ไขอีกครั้งหนึ่ง เมื่อ ร.ศ. 108 (พ.ศ. 2432) ซึ่งให้เรียกว่า “เครื่องราชอิสริยาภรณ์” แต่นั้นมา<ref> สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี, เครื่องราชอิสริยาภรณ์ไทย, (กรุงเทพฯ : ศิริมิตรการพิมพ์, 2523), หน้า 47-49.</ref>  
เครื่องราชอิสริยาภรณ์นี้ [[พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว]]ได้ทรงสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2425 ในครั้งนั้นเรียกว่า “เครื่องขัตติยราชอิสริยยศ” เพื่อเป็นเครื่องประดับสำหรับเชิดชูพระเกียรติยศและพระเดชพระคุณในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก อันเป็น[[ปฐมกษัตริย์]]แห่งราชวงศ์จักรี เนื่องในโอกาสครบรอบ 100 ปี ของการสถาปนากรุงเทพพระมหานครเป็นราชธานี โดยโปรดเกล้าฯ ให้ตรา[[พระราชบัญญัติ]]ขึ้น ปรากฏตามพระบรมราชโองการ ซึ่งได้ประกาศเมื่อวันศุกร์ ขึ้น 4 ค่ำ เดือน 6 ปีมะเมีย จุลศักราช 1244 ( พ.ศ. 2425 ) อันเป็นปีที่ 15 ในรัชกาลของพระองค์ และต่อมาพระราชบัญญัตินี้ได้แก้ไขอีกครั้งหนึ่ง เมื่อ ร.ศ. 108 (พ.ศ. 2432) ซึ่งให้เรียกว่า “เครื่องราชอิสริยาภรณ์” แต่นั้นมา<ref> สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี, เครื่องราชอิสริยาภรณ์ไทย, (กรุงเทพฯ : ศิริมิตรการพิมพ์, 2523), หน้า 47-49.</ref>  


==อ้างอิง==
==อ้างอิง==
<references/>
<references/>
[[หมวดหมู่:วัตถุชิ้นเอก]]
[[หมวดหมู่:วัตถุชิ้นเอก]]

รุ่นแก้ไขเมื่อ 14:20, 13 กันยายน 2553

ผู้เรียบเรียง พิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว


ลักษณะ

ผ้าปักดิ้นเงินและไหม

เส้นผ่าศูนย์กลาง 17.0 เซนติเมตร

เป็นรูปดาราจักรี ปักด้วยดิ้นเงินและไหม ลักษณะรูปเป็นจักรสิบกลีบ รอบจักรเป็นตรีศูลและรัศมีเปลวสลับกันไปรอบกลีบจักร กลางดาราเป็นรูปปทุมอุณาโลม ปักด้วยดิ้นเงินบนพื้นสีแดง รอบขอบด้านในสุดติดกับปทุมอุณาโลมปักด้วยไหมสีเหลือง ถัดออกมาปักด้วยไหมสีฟ้า ขอบนอกสุดปักด้วยไหมสีแดงและมีคาถาสุภาษิตว่า ติรตเน สกรฏฺเฐจ สมฺพํเส จ มมายน สกราโชชุจิตฺตญฺจ สกรฎฺฐาภิวฑฺฒน (แปลว่า ความนับถือรักใคร่ในพระศรีรัตนตรัยก็ดี ในรัฐของตนก็ดี ในวงศ์ตระกูลของตนก็ดี มีจิตซื่อตรงในพระราชาของตนก็ดี ย่อมเป็นเครื่องทำให้รัฐของตนเจริญยิ่ง)


ประวัติความเป็นมา

เป็นดาราในเครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติคุณรุ่งเรืองยิ่งมหาจักรีบรมราชวงศ์ สร้างขึ้นเพื่อใช้ประดับฉลองพระองค์ครุยมหาจักรีบรมราชวงศ์ สำหรับฝ่ายหน้า โดยจะติดไว้ที่อกซ้ายของฉลองพระองค์ครุย จัดเป็นเครื่องราชอิสริยาภรณ์สำหรับบำเหน็จความชอบในราชการแผ่นดิน เรียกย่อว่า เครื่องราชอิสริยาภรณ์มหาจักรีบรมราชวงศ์ มีชั้นเดียวทั้งฝ่ายหน้าและฝ่ายใน จำนวนทั้งหมด 25 สำรับ แบ่งเป็น

- สำหรับพระมหากษัตริย์ 1 สำรับ

- สำหรับสมเด็จพระบรมราชินี 1 สำรับ

- สำหรับพระราชทานพระบรมวงศานุวงศ์ ซึ่งสืบเชื้อสายโดยตรงในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก หรือผู้ที่ได้สมรสกับพระบรมวงศานุวงศ์ดังกล่าว หรือผู้อื่นอันสูงศักดิ์ซึ่งสมควรได้รับพระราชทานอีก 23 สำรับ รวมเป็น 25 สำรับ

ในจำนวน 25 สำรับนี้ ไม่รวมถึงที่จะพระราชทานแก่เจ้านายหรือประมุขของรัฐต่างประเทศ ซึ่งจะพระราชทานตามที่ทรงเห็นสมควร (ปัจจุบันเจ้านายหรือประมุขของรัฐต่างประเทศจะได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นมงคลยิ่งราชมิตราภรณ์ )

เครื่องราชอิสริยาภรณ์นี้ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2425 ในครั้งนั้นเรียกว่า “เครื่องขัตติยราชอิสริยยศ” เพื่อเป็นเครื่องประดับสำหรับเชิดชูพระเกียรติยศและพระเดชพระคุณในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก อันเป็นปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี เนื่องในโอกาสครบรอบ 100 ปี ของการสถาปนากรุงเทพพระมหานครเป็นราชธานี โดยโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้น ปรากฏตามพระบรมราชโองการ ซึ่งได้ประกาศเมื่อวันศุกร์ ขึ้น 4 ค่ำ เดือน 6 ปีมะเมีย จุลศักราช 1244 ( พ.ศ. 2425 ) อันเป็นปีที่ 15 ในรัชกาลของพระองค์ และต่อมาพระราชบัญญัตินี้ได้แก้ไขอีกครั้งหนึ่ง เมื่อ ร.ศ. 108 (พ.ศ. 2432) ซึ่งให้เรียกว่า “เครื่องราชอิสริยาภรณ์” แต่นั้นมา[1]

อ้างอิง

  1. สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี, เครื่องราชอิสริยาภรณ์ไทย, (กรุงเทพฯ : ศิริมิตรการพิมพ์, 2523), หน้า 47-49.