ผลต่างระหว่างรุ่นของ "เหรียญที่ระลึกในงานยืนชิงช้า พ.ศ. 2470"
สร้างหน้าใหม่: '''ผู้เรียบเรียง''' พิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอ... |
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัดที่ 20: | บรรทัดที่ 20: | ||
==อ้างอิง== | ==อ้างอิง== | ||
<references/> | <references/> | ||
[[หมวดหมู่:วัตถุชิ้นเอก]] | [[หมวดหมู่:วัตถุชิ้นเอก|หเหรียญที่ระลึกในงานยืนชิงช้า พ.ศ. 2470]] |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 14:28, 10 กันยายน 2553
ผู้เรียบเรียง พิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว


ลักษณะ
ทองแดง
1.6 X 2.4 เซนติเมตร
เป็นเหรียญรูปวงรี แบน ด้านหน้าเป็นรูปเสาชิงช้า ซึ่งหมายถึงขุนเขาทั้ง 2 ฝั่งของมหาสมุทร บนชิงช้ามีพระยายืนชิงช้า หรือนาลิวันนั่งหันหลังห้อยเท้าอยู่บนชิงช้า และพราหมณ์ที่ทำพิธีตามลำดับ ที่ขอบเหรียญมีข้อความเขียนตามโค้งของขอบเหรียญว่า ในงานยืนชิงช้า พ.ศ. ๒๔๗๐ ส่วนด้านหลังมีข้อความว่า พระยาอิศระพัลลภ
ประวัติความเป็นมา
ในงานพระราชพิธียืนชิงช้าหรือพระราชพิธีตรียัมปวาย พ.ศ. 2470 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เลือกพระยาอิศระพัลลภ (สนิท จารุจินดา) ซึ่งเป็นข้าราชการชั้นพานทอง ผู้รั้งปลัดทูลฉลองกระทรวงวัง ให้เป็นพระยายืนชิงช้า การพระราชพิธีกำหนดไว้ในวันที่ 17 มกราคม พ.ศ.2470 ในวโรกาสสำคัญเช่นนี้ คงเป็นธรรมเนียมนิยมที่จะสร้างเหรียญเพื่อเป็นที่ระลึกและเป็นเกียรติคุณให้แก่พระยายืนชิงช้าในปีนั้นๆ เนื่องจากโอกาสที่จะได้รับเลือกเป็นพระยายืนชิงช้ามีเพียงปีละครั้งเท่านั้น และจะหมุนเวียนกันไป
พิธีตรียัมปวายหรือพิธีโล้ชิงช้านั้นคือ พิธีปีใหม่ของพราหมณ์ และเป็นพิธีอัญเชิญพระอิศวรมาเยี่ยมโลกเป็นเวลา 10 วัน โดยเริ่มตั้งแต่วันขึ้น 7 ค่ำ เดือนอ้าย เป็นวันเสด็จลง และวันแรม 1 ค่ำ เป็นวันเสด็จกลับ ในระหว่างที่เสด็จอยู่ในโลกนี้ พราหมณ์จะต้องทำพิธีต้อนรับและรับรองพระอิศวรเป็นที่สนุกสนานครึกครื้น มีเทพยดามาเฝ้าประชุมกัน เป็นต้นว่า พระอาทิตย์ พระจันทร์ พระนางคงคา ซึ่งพราหมณ์จะนำแผ่นจำลองมาไว้หน้าชมรม โลกบาลทั้ง 4 ก็มาโล้ชิงช้าถวาย พญานาคและเทพธิดาก็มารำเสนงพ่นน้ำ หรือสาดน้ำถวายเป็นการครึกครื้น มีผู้คนไปรับแจกข้าวตอก ข้าวเม่า ที่เหลือจากบวงสรวงสังเวยเพื่อเป็นสวัสดิมงคล
ตามหลักฐานพบว่าพระราชพิธีนี้มีมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย และต่อเนื่องเรื่อยมาจนถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ แต่เดิมผู้ทำหน้าที่พระยายืนชิงช้านั้น คือ ผู้ที่อยู่ในตำแหน่งเกษตราธิบดีแต่เพียงผู้เดียว จนมาถึงสมัยรัชกาลที่ 3 ก็ได้เปลี่ยนให้ข้าราชการผู้ใหญ่ที่ได้รับพระราชทานพานทองเป็นผู้ยืนชิงช้า หรือเป็นผู้ที่สมมุติว่าเป็นพระอิศวร และถือเป็นพระราชพิธีสืบต่อมา