ผลต่างระหว่างรุ่นของ "รักษ์แผ่นดินไทย (พ.ศ. 2547)"

จาก ฐานข้อมูลการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า
Apirom (คุย | ส่วนร่วม)
สร้างหน้าใหม่: '''ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ''' รองศาสตราจารย์นรนิติ เศรษฐ...
 
Teeraphan (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
 
บรรทัดที่ 6: บรรทัดที่ 6:
'''พรรครักษ์แผ่นดินไทย'''
'''พรรครักษ์แผ่นดินไทย'''


พรรครักษ์แผ่นดินไทย อักษรย่อว่า ร.ผ.ท. ก่อตั้งในวันที่ 17 มีนาคม 2547 โดย นายวรัญชัย โชคชนะ หัวหน้าพรรค และต่อมานายวรัญชัยได้ลาออกจากการเป็นหัวหน้าพรรคและสมาชิกพรรค พรรครักษ์แผ่นดินไทยจึงคัดเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ คือ นายสุรทิน พิจารณ์ และมีรองหัวหน้าพรรคคือ นายสมาน วาปี
พรรครักษ์แผ่นดินไทย อักษรย่อว่า ร.ผ.ท. ก่อตั้งในวันที่ 17 มีนาคม 2547 โดย นายวรัญชัย โชคชนะ หัวหน้าพรรค และต่อมานายวรัญชัยได้ลาออกจากการเป็น[[หัวหน้าพรรค]]และสมาชิกพรรค พรรครักษ์แผ่นดินไทยจึงคัดเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ คือ นายสุรทิน พิจารณ์ และมีรองหัวหน้าพรรคคือ นายสมาน วาปี


พรรครักษ์แผ่นดินไทยลงสมัครรับเลือกตั้งทั่วไปครั้งแรกในเดือนเมษายน 2549 ท่ามกลางกระแสการคว่ำบาตรการเลือกตั้งโดยพรรคฝ่ายค้านที่นำโดยพรรคประชาธิปัตย์และพรรคชาติไทย แต่พรรครักษ์แผ่นดินไทยไม่ได้รับการเลือกตั้ง และในเดือนกรกฎาคม 2549 พรรคได้เปลี่ยนหัวหน้าพรรคจากนายสุรทิน มาเป็น นายสุชิน ชาลีเครือ อดีตประธานวุฒิสภา และนายสุชนได้ขอเปลี่ยนชื่อพรรคจากรักษ์แผ่นดินไทยมาเป็นพรรคไทยรวมไทย แต่เนื่องมาจากพรรครักษ์แผ่นดินไทยยังอยู่อยู่กระบวนการพิจารณายุบพรรคของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จึงไม่สามารถดำเนินการเปลี่ยนชื่อพรรคตามที่ร้องขอได้  
พรรครักษ์แผ่นดินไทยลงสมัครรับเลือกตั้งทั่วไปครั้งแรกในเดือนเมษายน 2549 ท่ามกลางกระแสการคว่ำบาตรการเลือกตั้งโดยพรรคฝ่ายค้านที่นำโดยพรรคประชาธิปัตย์และพรรคชาติไทย แต่พรรครักษ์แผ่นดินไทยไม่ได้รับการเลือกตั้ง และในเดือนกรกฎาคม 2549 พรรคได้เปลี่ยนหัวหน้าพรรคจากนายสุรทิน มาเป็น นายสุชน ชาลีเครือ อดีต[[ประธานวุฒิสภา]] และนายสุชนได้ขอเปลี่ยนชื่อพรรคจากรักษ์แผ่นดินไทยมาเป็นพรรคไทยรวมไทย แต่เนื่องมาจากพรรครักษ์แผ่นดินไทยยังอยู่อยู่กระบวนการพิจารณา[[ยุบพรรค]]ของ[[ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ]] จึงไม่สามารถดำเนินการเปลี่ยนชื่อพรรคตามที่ร้องขอได้  


และต่อมาในวันที่ 18 ตุลาคม 2550 พรรครักษ์แผ่นดินไทยถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ยุบพรรค เนื่องจากพรรคไม่สามารถดำเนินการในการจัดทำรายงานการดำเนินการของพรรคในรอบปฏิทินที่ผ่านมา (ต้องรายงานในเดือนมีนาคมของทุกปี) และไม่สามารถรายงานการเงินของพรรคให้ถูกต้องตามที่กำหนดไว้โดยนายทะเบียนพรรคการเมือง และที่สำคัญ คือ พรรคไม่สามารถหาสมาชิกได้ครบ 5,000 คนภายใน 180 วัน ตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2551<ref>http://www.concourt.or.th/download/Summary_desic/50/Summary_desic_thai/t17-2550.pdf </ref>   
และต่อมาในวันที่ 18 ตุลาคม 2550 พรรครักษ์แผ่นดินไทยถูก[[ศาลรัฐธรรมนูญ]]วินิจฉัยให้[[ยุบพรรค]] เนื่องจากพรรคไม่สามารถดำเนินการในการจัดทำรายงานการดำเนินการของพรรคในรอบปฏิทินที่ผ่านมา (ต้องรายงานในเดือนมีนาคมของทุกปี) และไม่สามารถรายงานการเงินของพรรคให้ถูกต้องตามที่กำหนดไว้โดย[[นายทะเบียนพรรคการเมือง]] และที่สำคัญ คือ พรรคไม่สามารถหาสมาชิกได้ครบ 5,000 คนภายใน 180 วัน ตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2551<ref>http://www.concourt.or.th/download/Summary_desic/50/Summary_desic_thai/t17-2550.pdf </ref>   





รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 22:23, 10 กรกฎาคม 2553

ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ รองศาสตราจารย์นรนิติ เศรษฐบุตร และ รองศาสตราจารย์ ดร.นิยม รัฐอมฤต



พรรครักษ์แผ่นดินไทย

พรรครักษ์แผ่นดินไทย อักษรย่อว่า ร.ผ.ท. ก่อตั้งในวันที่ 17 มีนาคม 2547 โดย นายวรัญชัย โชคชนะ หัวหน้าพรรค และต่อมานายวรัญชัยได้ลาออกจากการเป็นหัวหน้าพรรคและสมาชิกพรรค พรรครักษ์แผ่นดินไทยจึงคัดเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ คือ นายสุรทิน พิจารณ์ และมีรองหัวหน้าพรรคคือ นายสมาน วาปี

พรรครักษ์แผ่นดินไทยลงสมัครรับเลือกตั้งทั่วไปครั้งแรกในเดือนเมษายน 2549 ท่ามกลางกระแสการคว่ำบาตรการเลือกตั้งโดยพรรคฝ่ายค้านที่นำโดยพรรคประชาธิปัตย์และพรรคชาติไทย แต่พรรครักษ์แผ่นดินไทยไม่ได้รับการเลือกตั้ง และในเดือนกรกฎาคม 2549 พรรคได้เปลี่ยนหัวหน้าพรรคจากนายสุรทิน มาเป็น นายสุชน ชาลีเครือ อดีตประธานวุฒิสภา และนายสุชนได้ขอเปลี่ยนชื่อพรรคจากรักษ์แผ่นดินไทยมาเป็นพรรคไทยรวมไทย แต่เนื่องมาจากพรรครักษ์แผ่นดินไทยยังอยู่อยู่กระบวนการพิจารณายุบพรรคของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จึงไม่สามารถดำเนินการเปลี่ยนชื่อพรรคตามที่ร้องขอได้

และต่อมาในวันที่ 18 ตุลาคม 2550 พรรครักษ์แผ่นดินไทยถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ยุบพรรค เนื่องจากพรรคไม่สามารถดำเนินการในการจัดทำรายงานการดำเนินการของพรรคในรอบปฏิทินที่ผ่านมา (ต้องรายงานในเดือนมีนาคมของทุกปี) และไม่สามารถรายงานการเงินของพรรคให้ถูกต้องตามที่กำหนดไว้โดยนายทะเบียนพรรคการเมือง และที่สำคัญ คือ พรรคไม่สามารถหาสมาชิกได้ครบ 5,000 คนภายใน 180 วัน ตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2551[1]


อ้างอิง