ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ประธานรัฐสภา"

จาก ฐานข้อมูลการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า
Panu (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Panu (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัดที่ 9: บรรทัดที่ 9:
==ที่มาของประธานรัฐสภา==
==ที่มาของประธานรัฐสภา==


ในประเทศที่ใช้ระบบรัฐสภาคู่อย่างประเทศไทยนั้นประธานรัฐสภาอาจจะมาจากประธานสภาผู้แทนราษฎรหรือประธานวุฒิสภาก็ได้ ขึ้นอยู่กับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ในอดีตที่ผ่านมารัฐธรรมนูญหลายฉบับที่บัญญัติให้ประธานวุฒิสภาเป็นประธานรัฐสภา และประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นรองประธานรัฐสภา เช่น รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๒๑ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย  พุทธศักราช ๒๕๓๔ ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๕ ได้มีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๓๔ (ฉบับที่ ) ให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นประธานรัฐสภา ประธานวุฒิสภา เป็นรองประธานรัฐสภา และ หลังจากนั้นเป็นต้นมาก็มีการบัญญัติให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นประธานรัฐสภาและประธานวุฒิสภาเป็นรองประธานรัฐสภาในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๔๐ และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ ฉบับปัจจุบัน
ในประเทศที่ใช้ระบบรัฐสภาคู่อย่างประเทศไทยนั้นประธานรัฐสภาอาจจะมาจากประธานสภาผู้แทนราษฎรหรือประธานวุฒิสภาก็ได้ ขึ้นอยู่กับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ในอดีตที่ผ่านมารัฐธรรมนูญหลายฉบับที่บัญญัติให้ประธานวุฒิสภาเป็นประธานรัฐสภา และประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นรองประธานรัฐสภา เช่น รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2521 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย  พุทธศักราช 2534 ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2535 ได้มีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2534 (ฉบับที่ 1) ให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นประธานรัฐสภา ประธานวุฒิสภา เป็นรองประธานรัฐสภา และ หลังจากนั้นเป็นต้นมาก็มีการบัญญัติให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นประธานรัฐสภาและประธานวุฒิสภาเป็นรองประธานรัฐสภาในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ฉบับปัจจุบัน


==การดำรงตำแหน่งของประธานรัฐสภา==
==การดำรงตำแหน่งของประธานรัฐสภา==
บรรทัดที่ 21: บรรทัดที่ 21:
==อำนาจหน้าที่ของประธานรัฐสภา==
==อำนาจหน้าที่ของประธานรัฐสภา==


รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับปัจจุบันบัญญัติให้ ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานรัฐสภา ประธานวุฒิสภาเป็นรองประธานรัฐสภา<ref>รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๘๙</ref> โดยประธานรัฐสภามีอำนาจหน้าที่สรุปได้ดังนี้<ref>สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, คณะกรรมการจัดทำเอกสารสาระสำคัญเกี่ยวกับภารกิจ
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับปัจจุบันบัญญัติให้ ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานรัฐสภา ประธานวุฒิสภาเป็นรองประธานรัฐสภา<ref>รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 89</ref> โดยประธานรัฐสภามีอำนาจหน้าที่สรุปได้ดังนี้<ref>สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, คณะกรรมการจัดทำเอกสารสาระสำคัญเกี่ยวกับภารกิจและสิทธิประโยชน์ของประธานรัฐสภา ประธานและรองประธานสภาผู้แทนราษฎร, '''สาระสำคัญเกี่ยวกับภารกิจและสิทธิประโยชน์ของประธานรัฐสภา ประธานและรองประธานสภาผู้แทนราษฎร.''' (กรุงเทพมหานคร : สำนักการพิมพ์ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2551), หน้า 1-16.</ref>
และสิทธิประโยชน์ของประธานรัฐสภา ประธานและรองประธานสภาผู้แทนราษฎร, '''สาระสำคัญเกี่ยวกับภารกิจและสิทธิประโยชน์ของประธานรัฐสภา ประธานและรองประธานสภาผู้แทนราษฎร.''' (กรุงเทพมหานคร : สำนักการพิมพ์ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, ๒๕๕๑), หน้า ๑ – ๑๖.</ref>


. อำนาจหน้าที่ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ
1. อำนาจหน้าที่ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ


.เป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ ดังต่อไปนี้
1.1 เป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ ดังต่อไปนี้


()ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการแต่งตั้งประธานองคมนตรีหรือให้ประธานองคมนตรีพ้นจากตำแหน่ง
(1)ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการแต่งตั้งประธานองคมนตรีหรือให้ประธานองคมนตรีพ้นจากตำแหน่ง


()ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการแต่งตั้งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ (มาตรา ๑๘)
(2)ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการแต่งตั้งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ (มาตรา 18)


()ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการและแจ้งให้รัฐสภาทราบกรณีมีการแก้ไขเพิ่มเติมกฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ พุทธศักราช ๒๔๖๗
(3)ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการและแจ้งให้รัฐสภาทราบกรณีมีการแก้ไขเพิ่มเติมกฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ พุทธศักราช 2467


()เป็นผู้นำความกราบบังคมทูลและลงนามรับสนองพระบรมราชโองการประกาศเรียกประชุมสมัยวิสามัญ กรณีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาทั้งสองสภารวมกัน หรือสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร มีจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสามของสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภาเข้าชื่อร้องขอ
(4)เป็นผู้นำความกราบบังคมทูลและลงนามรับสนองพระบรมราชโองการประกาศเรียกประชุมสมัยวิสามัญ กรณีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาทั้งสองสภารวมกัน หรือสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร มีจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสามของสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภาเข้าชื่อร้องขอ


.เป็นผู้ส่งเรื่อง ส่งความเห็น เสนอเรื่องพร้อมความเห็น และส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัย ดังนี้
1.2 เป็นผู้ส่งเรื่อง ส่งความเห็น เสนอเรื่องพร้อมความเห็น และส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัย ดังนี้


()ส่งร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญที่รัฐสภาให้ความเห็นชอบแล้วไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ
(1)ส่งร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญที่รัฐสภาให้ความเห็นชอบแล้วไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ


()ส่งความเห็นในกรณีที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร  สมาชิกวุฒิสภา  หรือสมาชิกของทั้งสองสภารวมกันมีจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภาเห็นว่าร่างพระราชบัญญัติที่รัฐสภาให้ความเห็นชอบแล้ว แต่นายกรัฐมนตรียังไม่ได้นำขึ้นทูลเกล้าเพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย มีข้อความขัดหรือแย้งหรือตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ
(2)ส่งความเห็นในกรณีที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร  สมาชิกวุฒิสภา  หรือสมาชิกของทั้งสองสภารวมกันมีจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภาเห็นว่าร่างพระราชบัญญัติที่รัฐสภาให้ความเห็นชอบแล้ว แต่นายกรัฐมนตรียังไม่ได้นำขึ้นทูลเกล้าเพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย มีข้อความขัดหรือแย้งหรือตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ
() ส่งความเห็นในกรณีที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภาหรือสมาชิกของทั้งสองสภารวมกันมีจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภาเห็นว่าร่างข้อบังคับการประชุมรัฐสภาที่รัฐสภาให้ความเห็นชอบแล้ว แต่ยังมิได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษามีข้อความขัดหรือแย้ง หรือตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ
(3) ส่งความเห็นในกรณีที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภาหรือสมาชิกของทั้งสองสภารวมกันมีจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภาเห็นว่าร่างข้อบังคับการประชุมรัฐสภาที่รัฐสภาให้ความเห็นชอบแล้ว แต่ยังมิได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษามีข้อความขัดหรือแย้ง หรือตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ


() ส่งความเห็นในกรณีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาทั้งสองสภารวมกันมีจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภาเห็นว่าหนังสือสัญญาใดมีปัญหาตามมาตรา ๑๙๐ วรรคสอง
(4) ส่งความเห็นในกรณีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาทั้งสองสภารวมกันมีจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภาเห็นว่าหนังสือสัญญาใดมีปัญหาตามมาตรา 190 วรรคสอง
(๕) เสนอเรื่องพร้อมความเห็นในกรณีมีความขัดแย้งในอำนาจหน้าที่ระหว่างรัฐสภา คณะรัฐมนตรี หรือองค์กรตามรัฐธรรมนูญที่มิใช่ศาลตั้งแต่สององค์กรขึ้นไป


() ส่งคำร้องในกรณีที่มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา หรือสมาชิกของทั้งสองสภารวมกันมีจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา ร้องขอต่อประธานรัฐสภาว่ากรรมการการเลือกตั้งคนใดคนหนึ่งขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามหรือกระทำการอันต้องห้ามตามมาตรา ๒๓๐ ภายใน ๓ วัน นับแต่วันที่ได้รับคำร้อง
(5) เสนอเรื่องพร้อมความเห็นในกรณีมีความขัดแย้งในอำนาจหน้าที่ระหว่างรัฐสภา คณะรัฐมนตรี หรือองค์กรตามรัฐธรรมนูญที่มิใช่ศาลตั้งแต่สององค์กรขึ้นไป


๑.๓ อำนาจหน้าที่อื่น
(6) ส่งคำร้องในกรณีที่มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา หรือสมาชิกของทั้งสองสภารวมกันมีจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา ร้องขอต่อประธานรัฐสภาว่ากรรมการการเลือกตั้งคนใดคนหนึ่งขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามหรือกระทำการอันต้องห้ามตามมาตรา 230 ภายใน 3 วัน นับแต่วันที่ได้รับคำร้อง


(๑) เป็นผู้ประกาศในพระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย์ แต่งตั้งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ตามความเห็นชอบของรัฐสภา ในกรณีที่พระมหากษัตริย์มิได้ทรงแต่งตั้งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ตามมาตรา ๑๘ หรือในกรณีที่พระมหากษัตริย์ไม่สามารถทรงแต่งตั้งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ เพราะยังไม่ทรงบรรลุนิติภาวะหรือเพราะเหตุอื่น
1.3 อำนาจหน้าที่อื่น


() เป็นผู้อัญเชิญองค์พระรัชทายาทขึ้นทรงราชย์เป็นพระมหากษัตริย์ในกรณีที่ราชบัลลังก์ว่างลง แต่หากเป็นกรณีที่พระมหากษัตริย์มิได้ทรงแต่งตั้งพระรัชทายาท ประธานรัฐสภาจะเป็นผู้อัญเชิญองค์ผู้สืบราชสันตติวงศ์ขึ้นทรงราชย์เป็นพระมหากษัตริย์สืบไปตามที่รัฐสภาให้ความเห็นชอบตามที่องคมนตรีเสนอผ่านคณะรัฐมนตรีแล้ว  ประธานรัฐสภาต้องประกาศให้ประชาชนทราบ
(1) เป็นผู้ประกาศในพระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย์ แต่งตั้งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ตามความเห็นชอบของรัฐสภา ในกรณีที่พระมหากษัตริย์มิได้ทรงแต่งตั้งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ตามมาตรา 18 หรือในกรณีที่พระมหากษัตริย์ไม่สามารถทรงแต่งตั้งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ เพราะยังไม่ทรงบรรลุนิติภาวะหรือเพราะเหตุอื่น


() เป็นผู้บรรจุญัตติเปิดอภิปรายทั่วไปในที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาเมื่อคณะรัฐมนตรีเห็นสมควรจะรับฟังความคิดเห็นของสมาชิกรัฐสภา ซึ่งรัฐสภาจะลงมติในปัญหาที่อภิปรายไม่ได้
(2) เป็นผู้อัญเชิญองค์พระรัชทายาทขึ้นทรงราชย์เป็นพระมหากษัตริย์ในกรณีที่ราชบัลลังก์ว่างลง แต่หากเป็นกรณีที่พระมหากษัตริย์มิได้ทรงแต่งตั้งพระรัชทายาท ประธานรัฐสภาจะเป็นผู้อัญเชิญองค์ผู้สืบราชสันตติวงศ์ขึ้นทรงราชย์เป็นพระมหากษัตริย์สืบไปตามที่รัฐสภาให้ความเห็นชอบตามที่องคมนตรีเสนอผ่านคณะรัฐมนตรีแล้ว  ประธานรัฐสภาต้องประกาศให้ประชาชนทราบ


() จัดให้มีการบันทึกการออกเสียงลงคะแนนของสมาชิกแต่ละคนและเปิดเผยบันทึกดังกล่าวไว้ในที่ประชาชนอาจเข้าไปตรวจสอบได้
(3) เป็นผู้บรรจุญัตติเปิดอภิปรายทั่วไปในที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาเมื่อคณะรัฐมนตรีเห็นสมควรจะรับฟังความคิดเห็นของสมาชิกรัฐสภา ซึ่งรัฐสภาจะลงมติในปัญหาที่อภิปรายไม่ได้


() รับเรื่องราวร้องทุกข์และแจ้งผลการพิจารณาภายในเวลาอันรวดเร็ว
(4) จัดให้มีการบันทึกการออกเสียงลงคะแนนของสมาชิกแต่ละคนและเปิดเผยบันทึกดังกล่าวไว้ในที่ประชาชนอาจเข้าไปตรวจสอบได้


๒. อำนาจหน้าที่ตามข้อบังคับการประชุมรัฐสภา<ref>ข้อบังคับการประชุมรัฐสภา พ.ศ.๒๕๔๔ มาตรา ๕.</ref>
(5) รับเรื่องราวร้องทุกข์และแจ้งผลการพิจารณาภายในเวลาอันรวดเร็ว


.๑ เป็นประธานของที่ประชุมรัฐสภา
2. อำนาจหน้าที่ตามข้อบังคับการประชุมรัฐสภา<ref>ข้อบังคับการประชุมรัฐสภา พ.ศ. 2544 มาตรา 5.</ref>


.๒ กำหนดการประชุมรัฐสภา
2.1 เป็นประธานของที่ประชุมรัฐสภา


.๓ ควบคุมและดำเนินกิจการของรัฐสภา
2.2 กำหนดการประชุมรัฐสภา


.๔ รักษาความสงบเรียบร้อยในที่ประชุมรัฐสภา ตลอดถึงบริเวณของรัฐสภา
2.3 ควบคุมและดำเนินกิจการของรัฐสภา


.๕ เป็นผู้แทนรัฐสภาในกิจการภายนอก
2.4 รักษาความสงบเรียบร้อยในที่ประชุมรัฐสภา ตลอดถึงบริเวณของรัฐสภา


.๖ แต่งตั้งกรรมการเพื่อดำเนินการใด ๆ
2.5 เป็นผู้แทนรัฐสภาในกิจการภายนอก


.๗ อำนาจและหน้าที่อื่นตามที่มีกฎหมายบัญญัติไว้หรือตามที่กำหนดไว้ในข้อบังคับการประชุมรัฐสภา
2.6 แต่งตั้งกรรมการเพื่อดำเนินการใด ๆ


. อำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายรัฐสภา พ.ศ. ๒๕๑๘
2.7 อำนาจและหน้าที่อื่นตามที่มีกฎหมายบัญญัติไว้หรือตามที่กำหนดไว้ในข้อบังคับการประชุมรัฐสภา


.๑ เป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของส่วนราชการสังกัดรัฐสภา
3. อำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายรัฐสภา พ.ศ. 2518


.๒ เป็นประธานคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายรัฐสภา (ก.ร.) ซึ่งเป็นองค์กรกลางการบริหารงานบุคคลของข้าราชการฝ่ายรัฐสภา ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ในการกำหนดกฎเกณฑ์เกี่ยวกับการบรรจุ แต่งตั้ง การรับเงินเดือน  การเลื่อนขั้น การเลื่อนตำแหน่ง  ตลอดถึงเรื่องวินัยของข้าราชการฝ่ายรัฐสภา
3.1 เป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของส่วนราชการสังกัดรัฐสภา


ในระหว่างที่รัฐสภาสิ้นอายุหรือถูกยุบ ประธานรัฐสภาและรองประธานรัฐสภาจะยังคงดำรงตำแหน่งประธาน ก.ร. และรองประธาน ก.ร.อยู่ต่อไปจนกว่าจะได้ทรงแต่งตั้งประธานรัฐสภาและรองประธานรัฐสภาคนใหม่แล้ว จึงให้พ้นจากตำแหน่ง เนื่องจากตำแหน่งประธาน ก.ร. และรองประธาน ก.ร. เป็นตำแหน่งเกี่ยวกับงานด้านบริหารบุคคลของราชการประจำ ซึ่งจำเป็นต้องปฏิบัติต่อเนื่องจะหยุดชะงักขาดตอนไม่ได้<ref>สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, สำนักประชาสัมพันธ์, '''พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่าย รัฐสภา พ.ศ.๒๕๑๘ พระราชบัญญัติจัดระเบียบปฏิบัติราชการฝ่ายรัฐสภา พ.ศ.๒๕๑๘ รวมกฎ ก.ร.,''' (กรุงเทพมหานคร : สำนักการพิมพ์ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ๒๕๕๑), หน้า ๑๔ – ๒๘.</ref>
3.2 เป็นประธานคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายรัฐสภา (ก.ร.) ซึ่งเป็นองค์กรกลางการบริหารงานบุคคลของข้าราชการฝ่ายรัฐสภา ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ในการกำหนดกฎเกณฑ์เกี่ยวกับการบรรจุ แต่งตั้ง การรับเงินเดือน  การเลื่อนขั้น การเลื่อนตำแหน่ง  ตลอดถึงเรื่องวินัยของข้าราชการฝ่ายรัฐสภา


.๓ เป็นผู้มีอำนาจสั่งบรรจุและแต่งตั้งข้าราชการฝ่ายรัฐสภาให้ดำรงตำแหน่ง ดังนี้
ในระหว่างที่รัฐสภาสิ้นอายุหรือถูกยุบ ประธานรัฐสภาและรองประธานรัฐสภาจะยังคงดำรงตำแหน่งประธาน ก.ร. และรองประธาน ก.ร.อยู่ต่อไปจนกว่าจะได้ทรงแต่งตั้งประธานรัฐสภาและรองประธานรัฐสภาคนใหม่แล้ว จึงให้พ้นจากตำแหน่ง เนื่องจากตำแหน่งประธาน ก.ร. และรองประธาน ก.ร. เป็นตำแหน่งเกี่ยวกับงานด้านบริหารบุคคลของราชการประจำ ซึ่งจำเป็นต้องปฏิบัติต่อเนื่องจะหยุดชะงักขาดตอนไม่ได้<ref>สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, สำนักประชาสัมพันธ์, '''พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายรัฐสภา พ.ศ.2518 พระราชบัญญัติจัดระเบียบปฏิบัติราชการฝ่ายรัฐสภา พ.ศ.2518 รวมกฎ ก.ร.,''' (กรุงเทพมหานคร : สำนักการพิมพ์ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร 2551), หน้า 14-28.</ref>


(๑) สั่งบรรจุข้าราชการรัฐสภาสามัญ ระดับ ๑๐ และระดับ ๑๑ ด้วยความเห็นชอบของ ก.ร. และนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง
3.3 เป็นผู้มีอำนาจสั่งบรรจุและแต่งตั้งข้าราชการฝ่ายรัฐสภาให้ดำรงตำแหน่ง ดังนี้


() แต่งตั้งข้าราชการรัฐสภาฝ่ายการเมือง เช่นที่ปรึกษาประธานรัฐสภา ๑ ตำแหน่ง เลขานุการประธานรัฐสภา ๑ ตำแหน่ง
(1) สั่งบรรจุข้าราชการรัฐสภาสามัญ ระดับ 10 และระดับ 11 ด้วยความเห็นชอบของ ก.ร. และนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง


๓.๔ เป็นผู้มีอำนาจอนุญาตหรือสั่งให้ข้าราชการสามัญรัฐสภาพ้นจากตำแหน่ง และเป็นผู้มีอำนาจสั่งให้ข้าราชการฝ่ายการเมืองพ้นจากตำแหน่ง
(2) แต่งตั้งข้าราชการรัฐสภาฝ่ายการเมือง เช่นที่ปรึกษาประธานรัฐสภา 1 ตำแหน่ง เลขานุการประธานรัฐสภา 1 ตำแหน่ง


.๕ เป็นผู้นำความกราบบังคมทูลเพื่อขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้แก่ข้าราชการฝ่ายรัฐสภา ตามที่ ก.ร.พิจารณาตามระเบียบว่าด้วยการขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์
3.4 เป็นผู้มีอำนาจอนุญาตหรือสั่งให้ข้าราชการสามัญรัฐสภาพ้นจากตำแหน่ง และเป็นผู้มีอำนาจสั่งให้ข้าราชการฝ่ายการเมืองพ้นจากตำแหน่ง


. อำนาจหน้าที่ตามกฎหมายอื่นกำหนด
3.5 เป็นผู้นำความกราบบังคมทูลเพื่อขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้แก่ข้าราชการฝ่ายรัฐสภา ตามที่ ก.ร.พิจารณาตามระเบียบว่าด้วยการขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์


.๑ อำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเข้าชื่อเสนอกฎหมาย พ.ศ. ๒๕๔๒<ref>“พระราชบัญญัติว่าด้วยการเข้าชื่อเสนอกฎหมาย พ.ศ.๒๕๔๒,” '''ราชกิจจานุเบกษา''' เล่ม ๑๑๖ ตอนที่ ๒๐ ก.” (๒๕ มีนาคม ๒๕๔๒) : หน้า ๓๒.</ref>
4. อำนาจหน้าที่ตามกฎหมายอื่นกำหนด


() เมื่อได้รับเรื่องการเข้าชื่อเสนอกฎหมายแล้วให้มีการตรวจสอบความถูกต้องของเอกสาร ถ้าเห็นว่าถูกต้องก็จัดให้มีการปิดประกาศรายชื่อผู้เข้าชื่อเสนอกฎหมายไว้ในเขตท้องที่ที่ผู้เข้าชื่อเสนอกฎหมายผู้นั้นมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน
4.1 อำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเข้าชื่อเสนอกฎหมาย พ.ศ. 2542<ref>“พระราชบัญญัติว่าด้วยการเข้าชื่อเสนอกฎหมาย พ.ศ. 2542,” '''ราชกิจจานุเบกษา''' เล่ม 116 ตอนที่ 20 ก.” (25 มีนาคม 2542) : หน้า 32.</ref>


() รับคำร้องคัดค้านจากผู้เข้าชื่อเสนอกฎหมายว่ามิได้ร่วมเข้าชื่อเสนอกฎหมายด้วย
(1) เมื่อได้รับเรื่องการเข้าชื่อเสนอกฎหมายแล้วให้มีการตรวจสอบความถูกต้องของเอกสาร ถ้าเห็นว่าถูกต้องก็จัดให้มีการปิดประกาศรายชื่อผู้เข้าชื่อเสนอกฎหมายไว้ในเขตท้องที่ที่ผู้เข้าชื่อเสนอกฎหมายผู้นั้นมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน


() ถ้ามีจำนวนรายชื่อของผู้เข้าชื่อเสนอกฎหมายไม่ครบหนึ่งหมื่นคนให้แจ้งให้ผู้แทนเสนอกฎหมายทราบเพื่อดำเนินการจัดให้มีการเข้าชื่อเสนอกฎหมายเพิ่มเติมให้ครบภายในสามสิบวันหากพ้นกำหนดระยะเวลาดังกล่าวให้สั่งจำหน่ายเรื่อง
(2) รับคำร้องคัดค้านจากผู้เข้าชื่อเสนอกฎหมายว่ามิได้ร่วมเข้าชื่อเสนอกฎหมายด้วย


๔.๒ อำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติสถาบันพระปกเกล้า พ.ศ.๒๕๔๑<ref>พระราชบัญญัติสถาบันพระปกเกล้า,” '''ราชกิจจานุเบกษา''' เล่ม ๑๑๕ ตอนที่ ๕๗ ก (๔ กันยายน ๒๕๔๑) : หน้า ๒๑ – ๒๘.</ref>
(3) ถ้ามีจำนวนรายชื่อของผู้เข้าชื่อเสนอกฎหมายไม่ครบหนึ่งหมื่นคนให้แจ้งให้ผู้แทนเสนอกฎหมายทราบเพื่อดำเนินการจัดให้มีการเข้าชื่อเสนอกฎหมายเพิ่มเติมให้ครบภายในสามสิบวันหากพ้นกำหนดระยะเวลาดังกล่าวให้สั่งจำหน่ายเรื่อง


. กำกับดูแลสถาบันพระปกเกล้า
4.2 อำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติสถาบันพระปกเกล้า พ.ศ. 2541<ref>พระราชบัญญัติสถาบันพระปกเกล้า,” '''ราชกิจจานุเบกษา''' เล่ม 115 ตอนที่ 57 ก (4 กันยายน 2541) : หน้า 21-28.</ref>


. เป็นประธานสภาสถาบันพระปกเกล้า
1. กำกับดูแลสถาบันพระปกเกล้า


. เป็นประธานในที่ประชุมสภาสถาบัน
2. เป็นประธานสภาสถาบันพระปกเกล้า


. มีอำนาจออกเสียงชี้ขาดในกรณีการประชุมสภาสถาบัน ถ้าคณะกรรมการสถภาสถาบันลงคะแนนเสียงเท่ากัน ให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกเสียงหนึ่งเป็นเสียงชี้ขาด
3. เป็นประธานในที่ประชุมสภาสถาบัน


. มีอำนาจลงนามในข้อบังคับของสถาบัน หลักเกณฑ์และวิธีการเลือกกรรมการสภาสถาบันและคุณสมบัติของกรรมการสภาสถาบัน
4. มีอำนาจออกเสียงชี้ขาดในกรณีการประชุมสภาสถาบัน ถ้าคณะกรรมการสถภาสถาบันลงคะแนนเสียงเท่ากัน ให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกเสียงหนึ่งเป็นเสียงชี้ขาด


. มีอำนาจลงนามในข้อบังคับของสถาบันเกี่ยวกับการประชุมสภาสถาบันและข้อบังคับอื่นซึ่งออกตามมติที่ประชุมสภาสถาบัน
5. มีอำนาจลงนามในข้อบังคับของสถาบัน หลักเกณฑ์และวิธีการเลือกกรรมการสภาสถาบันและคุณสมบัติของกรรมการสภาสถาบัน


. มีอำนาจลงนามแต่งตั้งและถอดถอนเลขาธิการและรองเลขาธิการ แต่งตั้งคณะกรรมการหรือคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณาหรือปฏิบัติการอย่างใดอย่างหนึ่งตามที่สภาสถาบันมอบหมาย และมีอำนาจแต่งตั้งคณะกรรมการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงานของสถาบัน
6. มีอำนาจลงนามในข้อบังคับของสถาบันเกี่ยวกับการประชุมสภาสถาบันและข้อบังคับอื่นซึ่งออกตามมติที่ประชุมสภาสถาบัน


.๓ อำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติสภาพัฒนาการเมือง พ.ศ. ๒๕๕๑<ref>“พระราชบัญญัติสภาพัฒนาการเมือง,” '''ราชกิจจานุเบกษา''' เล่ม ๑๒๕ ตอนที่ ๒๔ ก (๒๙ มกราคม ๒๕๕๑) : หน้า ๕, ๑๓.</ref>
7. มีอำนาจลงนามแต่งตั้งและถอดถอนเลขาธิการและรองเลขาธิการ แต่งตั้งคณะกรรมการหรือคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณาหรือปฏิบัติการอย่างใดอย่างหนึ่งตามที่สภาสถาบันมอบหมาย และมีอำนาจแต่งตั้งคณะกรรมการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงานของสถาบัน


() ประกาศรายชื่อผู้ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาพัฒนาการเมืองและบัญชีรายชื่อสำรองในราชกิจจานุเบกษา
4.3 อำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติสภาพัฒนาการเมือง พ.ศ. 2551<ref>“พระราชบัญญัติสภาพัฒนาการเมือง,” '''ราชกิจจานุเบกษา''' เล่ม 125 ตอนที่ 24 ก (29 มกราคม 2551) : หน้า 5, 13.</ref>


() แต่งตั้งบุคคลเป็นประธานสภาพัฒนาการเมือง ผู้แทนองค์กรชุมชนตามกฎหมายว่าด้วยสภาองค์กรชุมชน จำนวนสามคน ผู้แทนองค์กรภาคประชาสังคม จำนวนสามคน และผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวนห้าคน เป็นกรรมการ ในวาระเริ่มแรก
(1) ประกาศรายชื่อผู้ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาพัฒนาการเมืองและบัญชีรายชื่อสำรองในราชกิจจานุเบกษา


๔.๔ อำนาจหน้าที่ตามระเบียบว่าด้วยกองทุนสงเคราะห์ผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภา พ.ศ. ๒๕๔๓
(2) แต่งตั้งบุคคลเป็นประธานสภาพัฒนาการเมือง ผู้แทนองค์กรชุมชนตามกฎหมายว่าด้วยสภาองค์กรชุมชน จำนวนสามคน ผู้แทนองค์กรภาคประชาสังคม จำนวนสามคน และผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวนห้าคน เป็นกรรมการ ในวาระเริ่มแรก


() เป็นประธานกรรมการของคณะกรรมการกองทุนสงเคราะห์ผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภา มีรองประธานรัฐสภาเป็นรองประธานกรรมการส่วนกรรมการประกอบด้วย ประธานคณะกรรมาธิการกิจการสภาผู้แทนราษฎร ประธานคณะกรรมาธิการกิจการวุฒิสภา และมีอำนาจแต่งตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนสี่คน สมาชิกวุฒิสภา จำนวนสามคน ผู้เคยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนหนึ่งคน และผู้เคยเป็นสมาชิกวุฒิสภา จำนวนหนึ่งคน โดยให้เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เป็นกรรมการและเลขานุการ และเลขาธิการวุฒิสภาเป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ (กรรมการที่ประธานรัฐสภาแต่งตั้งมีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละสี่ปี)
4.4 อำนาจหน้าที่ตามระเบียบว่าด้วยกองทุนสงเคราะห์ผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภา พ.ศ. 2543
 
(1) เป็นประธานกรรมการของคณะกรรมการกองทุนสงเคราะห์ผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภา มีรองประธานรัฐสภาเป็นรองประธานกรรมการส่วนกรรมการประกอบด้วย ประธานคณะกรรมาธิการกิจการสภาผู้แทนราษฎร ประธานคณะกรรมาธิการกิจการวุฒิสภา และมีอำนาจแต่งตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนสี่คน สมาชิกวุฒิสภา จำนวนสามคน ผู้เคยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนหนึ่งคน และผู้เคยเป็นสมาชิกวุฒิสภา จำนวนหนึ่งคน โดยให้เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เป็นกรรมการและเลขานุการ และเลขาธิการวุฒิสภาเป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ (กรรมการที่ประธานรัฐสภาแต่งตั้งมีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละสี่ปี)


คณะกรรมการดังกล่าว มีอำนาจกำหนดนโยบาย กำกับดูแลจัดหาผลประโยชน์ของเงินกองทุนฯ ออกระเบียบต่าง ๆ อนุมัติการจ่ายเงินสงเคราะห์ อนุมัติประมาณการค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของกองทุน และพิจารณาวินิจฉัยชี้ขาดปัญหาในการปฏิบัติงานโดยมีรายได้จากงบประมาณรายจ่ายประจำปี เงินหรือทรัพย์สินที่ได้รับบริจาค  เงินที่ได้รับจากการหักเงินประจำตำแหน่งของสมาชิกรัฐสภารายละห้าร้อยบาทต่อเดือน เงินดอกผลของกองทุน โดยเงินกองทุนกำหนดให้ใช้จ่ายให้แก่ผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภาในด้านการรักษาพยาบาล การศึกษาของบุตร การสงเคราะห์ครอบครัว กรณีผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภาถึงแก่กรรม และด้านอื่นๆ ตามที่คณะกรรมการอนุมัติ
คณะกรรมการดังกล่าว มีอำนาจกำหนดนโยบาย กำกับดูแลจัดหาผลประโยชน์ของเงินกองทุนฯ ออกระเบียบต่าง ๆ อนุมัติการจ่ายเงินสงเคราะห์ อนุมัติประมาณการค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของกองทุน และพิจารณาวินิจฉัยชี้ขาดปัญหาในการปฏิบัติงานโดยมีรายได้จากงบประมาณรายจ่ายประจำปี เงินหรือทรัพย์สินที่ได้รับบริจาค  เงินที่ได้รับจากการหักเงินประจำตำแหน่งของสมาชิกรัฐสภารายละห้าร้อยบาทต่อเดือน เงินดอกผลของกองทุน โดยเงินกองทุนกำหนดให้ใช้จ่ายให้แก่ผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภาในด้านการรักษาพยาบาล การศึกษาของบุตร การสงเคราะห์ครอบครัว กรณีผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภาถึงแก่กรรม และด้านอื่นๆ ตามที่คณะกรรมการอนุมัติ


.เป็นประธานมูลนิธิพระบรมราชานุสรณ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี โดยมติของคณะกรรมการมูลนิธิฯ (ตราสารมูลนิธิพระบรมราชานุสรณ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี) ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนการศึกษา และให้ความช่วยเหลือแก่นักศึกษาที่ขัดสน สนับสนุนสถาบันการแพทย์ เผยแพร่พระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ร่วมมือส่งเสริมและประสานงานกับสถาบันการศึกษาอื่น ปัจจุบันมูลนิธิฯ มีโครงการให้ทุนแก่นิสิตนักศึกษามหาวิทยาลัยของรัฐ นักศึกษาวิทยาลัยพยาบาล นิสิตนักศึกษาปริญญาโท-เอกเพื่อการค้นคว้า วิจัย และโครงการให้ทุนแก่บุตรข้าราชการและลูกจ้างของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรและสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา
4.5 เป็นประธานมูลนิธิพระบรมราชานุสรณ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี โดยมติของคณะกรรมการมูลนิธิฯ (ตราสารมูลนิธิพระบรมราชานุสรณ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี) ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนการศึกษา และให้ความช่วยเหลือแก่นักศึกษาที่ขัดสน สนับสนุนสถาบันการแพทย์ เผยแพร่พระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ร่วมมือส่งเสริมและประสานงานกับสถาบันการศึกษาอื่น ปัจจุบันมูลนิธิฯ มีโครงการให้ทุนแก่นิสิตนักศึกษามหาวิทยาลัยของรัฐ นักศึกษาวิทยาลัยพยาบาล นิสิตนักศึกษาปริญญาโท-เอกเพื่อการค้นคว้า วิจัย และโครงการให้ทุนแก่บุตรข้าราชการและลูกจ้างของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรและสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา


. ภารกิจด้านต่างประเทศ เป็นประธานหน่วยประจำชาติไทยในสหภาพรัฐสภา  สหภาพสมาชิกรัฐสภาเอเชียและแปซิฟิก และสมัชชารัฐสภาอาเซียนโดยตำแหน่ง  มีอำนาจดำเนินการให้เป็นไปตามธรรมนูญแห่งสหภาพรัฐสภา กฎบัตรสหภาพสมาชิกรัฐสภาเอเซียและแปซิฟิก และธรรมนูญรัฐสภาอาเซียน รวมทั้งตามข้อบังคับหน่วยประจำชาติดังกล่าว
5. ภารกิจด้านต่างประเทศ เป็นประธานหน่วยประจำชาติไทยในสหภาพรัฐสภา  สหภาพสมาชิกรัฐสภาเอเชียและแปซิฟิก และสมัชชารัฐสภาอาเซียนโดยตำแหน่ง  มีอำนาจดำเนินการให้เป็นไปตามธรรมนูญแห่งสหภาพรัฐสภา กฎบัตรสหภาพสมาชิกรัฐสภาเอเซียและแปซิฟิก และธรรมนูญรัฐสภาอาเซียน รวมทั้งตามข้อบังคับหน่วยประจำชาติดังกล่าว


. ภารกิจด้านพระราชพิธี รัฐพิธี และพิธีการต่างๆ ของประธานรัฐสภาในฐานะที่ดำรงตำแหน่งประมุขของฝ่ายนิติบัญญัติ มีภารกิจที่สำคัญ ดังนี้
6. ภารกิจด้านพระราชพิธี รัฐพิธี และพิธีการต่างๆ ของประธานรัฐสภาในฐานะที่ดำรงตำแหน่งประมุขของฝ่ายนิติบัญญัติ มีภารกิจที่สำคัญ ดังนี้


.ด้านพระราชพิธี
6.1 ด้านพระราชพิธี


() ร่วมงานพระราชพิธีต่างๆ ตามหมายรับสั่งในฐานะประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ
(1) ร่วมงานพระราชพิธีต่างๆ ตามหมายรับสั่งในฐานะประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ


() เป็นผู้กล่าวถวายพระพรชัยมงคลในวโรกาสต่างๆ อาทิ พระราชพิธีวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หรือพระราชพิธีต่างๆ
(2) เป็นผู้กล่าวถวายพระพรชัยมงคลในวโรกาสต่างๆ อาทิ พระราชพิธีวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หรือพระราชพิธีต่างๆ


.ด้านรัฐพิธี เช่น
6.2 ด้านรัฐพิธี เช่น


() พิธีวางพวงมาลาถวายราชสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และพิธีบำเพ็ญกุศลทักษิณานุปทานอุทิศถวายแด่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี เนื่องในวันที่ระลึกพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (๓๐ พฤษภาคม)
(1) พิธีวางพวงมาลาถวายราชสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และพิธีบำเพ็ญกุศลทักษิณานุปทานอุทิศถวายแด่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี เนื่องในวันที่ระลึกพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (30 พฤษภาคม)


() วันคล้ายวันสถาปนารัฐสภา ณ พระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว หน้าตึกรัฐสภา (๒๘ มิ.ย.)
(2) วันคล้ายวันสถาปนารัฐสภา ณ พระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว หน้าตึกรัฐสภา (28 มิ.ย.)


() รัฐพิธีฉลองวันพระราชทานรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ณ พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว หน้าตึกรัฐสภา (๑๐ ธ.ค.)
(3) รัฐพิธีฉลองวันพระราชทานรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ณ พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว หน้าตึกรัฐสภา (10 ธ.ค.)


.ด้านพิธีการต่างๆ
6.3 ด้านพิธีการต่างๆ


ได้รับเชิญจากหน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน เอกชน และบุคคลทั่วไป ในฐานะประมุขของฝ่ายนิติบัญญัติ  เช่น  เป็นประธานในงานต่างๆ เป็นองค์ปาฐกหรือวิทยากรบรรยาย  เป็นต้น
ได้รับเชิญจากหน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน เอกชน และบุคคลทั่วไป ในฐานะประมุขของฝ่ายนิติบัญญัติ  เช่น  เป็นประธานในงานต่างๆ เป็นองค์ปาฐกหรือวิทยากรบรรยาย  เป็นต้น
บรรทัดที่ 163: บรรทัดที่ 163:
|-
|-
!1  
!1  
|1 ||เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี  ||ประธานสภาผู้แทนราษฎร ||๒๘ มิ.ย. ๒๔๗๕ - ก.ย. ๒๔๗๕
|1 ||เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี  ||ประธานสภาผู้แทนราษฎร ||28 มิ.ย. 2475 - 1 ก.ย. 2475
|-
|-
!2  
!2  
|2 ||เจ้าพระยาพิชัยญาติ ||ประธานสภาผู้แทนราษฎร ||ก.ย. ๒๔๗๕ - ๑๐ ธ.ค. ๒๔๗๖
|2 ||เจ้าพระยาพิชัยญาติ ||ประธานสภาผู้แทนราษฎร ||2 ก.ย. 2475 - 10 ธ.ค. 2476
|-
|-
!1/2  
!1/2  
|3 ||เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี ||ประธานสภาผู้แทนราษฎร ||๑๕ ธ.ค. ๒๔๗๖ - ๒๖ ก.พ. ๒๔๗๖**
|3 ||เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี ||ประธานสภาผู้แทนราษฎร ||15 ธ.ค. 2476 - 26 ก.พ. 2476**
|-
|-
!3  
!3  
|4 ||พลเรือตรี พระยาศรยุทธเสนี ||ประธานสภาผู้แทนราษฎร ||๒๖ ก.พ. ๒๔๗๖ - ๒๒ ก.ย. ๒๔๗๗
|4 ||พลเรือตรี พระยาศรยุทธเสนี ||ประธานสภาผู้แทนราษฎร ||27 ก.พ. 2476 - 22 ก.ย. 2477
|-
|-
!4  
!4  
|5 ||เจ้าพระยาศรีธรรมาธิเบศ ||ประธานสภาผู้แทนราษฎร ||๒๒ ก.ย. ๒๔๗๗ - ๑๕ ธ.ค. ๒๔๗๗
|5 ||เจ้าพระยาศรีธรรมาธิเบศ ||ประธานสภาผู้แทนราษฎร ||22 ก.ย. 2477 - 15 ธ.ค. 2477
|-
|-
!  
!  
| || || ||๑๗ ธ.ค. ๒๔๗๗ - ๓๑ ก.ค. ๒๔๗๘
| || || ||17 ธ.ค. 2477 - 31 ก.ค. 2478
|-
|-
!  
!  
| || || ||ส.ค. ๒๔๗๘ - ๓๑ ก.ค. ๒๔๗๙
| || || ||2 ส.ค. 2478 - 31 ก.ค. 2479
|-
|-
!5
!5
|6 ||พระยามานวราชเสวี  ||ประธานสภาผู้แทนราษฎร ||ส.ค. ๒๔๗๙ - ๑๐ ธ.ค. ๒๔๘๐
|6 ||พระยามานวราชเสวี  ||ประธานสภาผู้แทนราษฎร ||3 ส.ค. 2479 - 10 ธ.ค. 2480
|-
|-
!  
!  
| || || ||๑๐ ธ.ค. ๒๔๘๐ - ๒๔ มิ.ย. ๒๔๘๑
| || || ||10 ธ.ค. 2480 - 24 มิ.ย. 2481
|-
|-
!  
!  
บรรทัดที่ 361: บรรทัดที่ 361:
|-
|-
!28
!28
|40 ||นายชัย  ชิดชอบ ||ประธานสภาผู้แทนราษฎร ||๑๕ พ.ค. ๒๕๕๑ – ปัจจุบัน
|40 ||นายชัย  ชิดชอบ ||ประธานสภาผู้แทนราษฎร ||๑๕ พ.ค. ๒๕๕๑ – ปัจจุบัน <!--ในปี พ.ศ. ๒๔๘๓ ได้มีการเปลี่ยนปีปฏิทินวันขึ้นปีใหม่ จาก ๑ เมษายน เป็น ๑ มกราคม-->
|}
|}
* กลุ่มงานพิพิธภัณฑ์และจดหมายเหตุ สำนักวิชาการ
** ในปี พ.ศ. 2483 ได้มีการเปลี่ยนปีปฏิทินวันขึ้นปีใหม่ จาก 1 เมษายน เป็น 1 มกราคม


==อ้างอิง==
==อ้างอิง==

รุ่นแก้ไขเมื่อ 12:58, 4 สิงหาคม 2552

ผู้เรียบเรียง ตวงรัตน์ เลาหัตถพงษ์ภูริ

ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร จเร พันธุ์เปรื่อง


ประธานรัฐสภา ถือเป็นตำแหน่งสูงสุดของฝ่ายนิติบัญญัติมีฐานะและศักดิ์ศรีเทียบได้กับนายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นหัวหน้าฝ่ายบริหาร และประธานศาลฎีกาซึ่งเป็นหัวหน้าฝ่ายตุลาการ ประธานรัฐสภามีอำนาจหน้าที่ตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ และดำเนินกิจการของรัฐสภาในกรณีประชุมร่วมกันให้เป็นไปตามข้อบังคับการประชุมรัฐสภา นอกจากนี้ยังมีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายอื่น ทั้งยังเป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการฝ่ายรัฐสภาทั้งข้าราชการรัฐสภาสามัญและข้าราชการรัฐสภาฝ่ายการเมือง

ที่มาของประธานรัฐสภา

ในประเทศที่ใช้ระบบรัฐสภาคู่อย่างประเทศไทยนั้นประธานรัฐสภาอาจจะมาจากประธานสภาผู้แทนราษฎรหรือประธานวุฒิสภาก็ได้ ขึ้นอยู่กับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ในอดีตที่ผ่านมารัฐธรรมนูญหลายฉบับที่บัญญัติให้ประธานวุฒิสภาเป็นประธานรัฐสภา และประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นรองประธานรัฐสภา เช่น รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2521 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2534 ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2535 ได้มีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2534 (ฉบับที่ 1) ให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นประธานรัฐสภา ประธานวุฒิสภา เป็นรองประธานรัฐสภา และ หลังจากนั้นเป็นต้นมาก็มีการบัญญัติให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นประธานรัฐสภาและประธานวุฒิสภาเป็นรองประธานรัฐสภาในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ฉบับปัจจุบัน

การดำรงตำแหน่งของประธานรัฐสภา

การดำรงตำแหน่งประธานรัฐสภา จะเป็นโดยตำแหน่งไม่ได้เป็นโดยวิธีการเลือกในที่ประชุมสภา คือ ถ้ารัฐธรรมนูญบัญญัติว่า ประธานสภาผุ้แทนราษฎรเป็นประธานรัฐสภา ประธานวุฒิสภาเป็นรองประธานรัฐสภา ผู้ที่ดำรงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรก็จะมีฐานะเป็นประธานรัฐสภา และผู้ดำรงตำแหน่งประธานวุฒิสภาก็จะมีฐานะเป็นรองประธานรัฐสภาด้วย แต่ถ้ารัฐธรรมนูญบัญญัติว่าประธานวุฒิเป็นประธานรัฐสภา ผู้ที่ดำรงตำแหน่งประธานวุฒิสภาก็จะมีฐานะเป็นประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎรก็จะมีฐานะเป็นรองประธานรัฐสภา

การพ้นจากตำแหน่งของประธานรัฐสภา

ในกรณีที่รัฐธรรมนูญบัญญัติให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นประธานรัฐสภา และประธานวุฒิสภาเป็นรองประธานรัฐสภา เมื่อบุคคลผู้ดำรงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรต้องพ้นจากตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร ก็เท่ากับพ้นจากตำแหน่งประธานรัฐสภาด้วย หรือเมื่อบุคคลผู้ดำรงตำแหน่งประธานวุฒิสภาต้องพ้นจากตำแหน่งประธานวุฒิสภา ก็เท่ากับพ้นจากตำแหน่งรองประธานรัฐสภาด้วยเช่นกัน

อำนาจหน้าที่ของประธานรัฐสภา

รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับปัจจุบันบัญญัติให้ ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานรัฐสภา ประธานวุฒิสภาเป็นรองประธานรัฐสภา[1] โดยประธานรัฐสภามีอำนาจหน้าที่สรุปได้ดังนี้[2]

1. อำนาจหน้าที่ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ

1.1 เป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ ดังต่อไปนี้

(1)ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการแต่งตั้งประธานองคมนตรีหรือให้ประธานองคมนตรีพ้นจากตำแหน่ง

(2)ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการแต่งตั้งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ (มาตรา 18)

(3)ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการและแจ้งให้รัฐสภาทราบกรณีมีการแก้ไขเพิ่มเติมกฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ พุทธศักราช 2467

(4)เป็นผู้นำความกราบบังคมทูลและลงนามรับสนองพระบรมราชโองการประกาศเรียกประชุมสมัยวิสามัญ กรณีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาทั้งสองสภารวมกัน หรือสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร มีจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสามของสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภาเข้าชื่อร้องขอ

1.2 เป็นผู้ส่งเรื่อง ส่งความเห็น เสนอเรื่องพร้อมความเห็น และส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัย ดังนี้

(1)ส่งร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญที่รัฐสภาให้ความเห็นชอบแล้วไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ

(2)ส่งความเห็นในกรณีที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา หรือสมาชิกของทั้งสองสภารวมกันมีจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภาเห็นว่าร่างพระราชบัญญัติที่รัฐสภาให้ความเห็นชอบแล้ว แต่นายกรัฐมนตรียังไม่ได้นำขึ้นทูลเกล้าเพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย มีข้อความขัดหรือแย้งหรือตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ

(3) ส่งความเห็นในกรณีที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภาหรือสมาชิกของทั้งสองสภารวมกันมีจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภาเห็นว่าร่างข้อบังคับการประชุมรัฐสภาที่รัฐสภาให้ความเห็นชอบแล้ว แต่ยังมิได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษามีข้อความขัดหรือแย้ง หรือตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ

(4) ส่งความเห็นในกรณีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาทั้งสองสภารวมกันมีจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภาเห็นว่าหนังสือสัญญาใดมีปัญหาตามมาตรา 190 วรรคสอง

(5) เสนอเรื่องพร้อมความเห็นในกรณีมีความขัดแย้งในอำนาจหน้าที่ระหว่างรัฐสภา คณะรัฐมนตรี หรือองค์กรตามรัฐธรรมนูญที่มิใช่ศาลตั้งแต่สององค์กรขึ้นไป

(6) ส่งคำร้องในกรณีที่มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา หรือสมาชิกของทั้งสองสภารวมกันมีจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา ร้องขอต่อประธานรัฐสภาว่ากรรมการการเลือกตั้งคนใดคนหนึ่งขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามหรือกระทำการอันต้องห้ามตามมาตรา 230 ภายใน 3 วัน นับแต่วันที่ได้รับคำร้อง

1.3 อำนาจหน้าที่อื่น

(1) เป็นผู้ประกาศในพระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย์ แต่งตั้งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ตามความเห็นชอบของรัฐสภา ในกรณีที่พระมหากษัตริย์มิได้ทรงแต่งตั้งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ตามมาตรา 18 หรือในกรณีที่พระมหากษัตริย์ไม่สามารถทรงแต่งตั้งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ เพราะยังไม่ทรงบรรลุนิติภาวะหรือเพราะเหตุอื่น

(2) เป็นผู้อัญเชิญองค์พระรัชทายาทขึ้นทรงราชย์เป็นพระมหากษัตริย์ในกรณีที่ราชบัลลังก์ว่างลง แต่หากเป็นกรณีที่พระมหากษัตริย์มิได้ทรงแต่งตั้งพระรัชทายาท ประธานรัฐสภาจะเป็นผู้อัญเชิญองค์ผู้สืบราชสันตติวงศ์ขึ้นทรงราชย์เป็นพระมหากษัตริย์สืบไปตามที่รัฐสภาให้ความเห็นชอบตามที่องคมนตรีเสนอผ่านคณะรัฐมนตรีแล้ว ประธานรัฐสภาต้องประกาศให้ประชาชนทราบ

(3) เป็นผู้บรรจุญัตติเปิดอภิปรายทั่วไปในที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาเมื่อคณะรัฐมนตรีเห็นสมควรจะรับฟังความคิดเห็นของสมาชิกรัฐสภา ซึ่งรัฐสภาจะลงมติในปัญหาที่อภิปรายไม่ได้

(4) จัดให้มีการบันทึกการออกเสียงลงคะแนนของสมาชิกแต่ละคนและเปิดเผยบันทึกดังกล่าวไว้ในที่ประชาชนอาจเข้าไปตรวจสอบได้

(5) รับเรื่องราวร้องทุกข์และแจ้งผลการพิจารณาภายในเวลาอันรวดเร็ว

2. อำนาจหน้าที่ตามข้อบังคับการประชุมรัฐสภา[3]

2.1 เป็นประธานของที่ประชุมรัฐสภา

2.2 กำหนดการประชุมรัฐสภา

2.3 ควบคุมและดำเนินกิจการของรัฐสภา

2.4 รักษาความสงบเรียบร้อยในที่ประชุมรัฐสภา ตลอดถึงบริเวณของรัฐสภา

2.5 เป็นผู้แทนรัฐสภาในกิจการภายนอก

2.6 แต่งตั้งกรรมการเพื่อดำเนินการใด ๆ

2.7 อำนาจและหน้าที่อื่นตามที่มีกฎหมายบัญญัติไว้หรือตามที่กำหนดไว้ในข้อบังคับการประชุมรัฐสภา

3. อำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายรัฐสภา พ.ศ. 2518

3.1 เป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของส่วนราชการสังกัดรัฐสภา

3.2 เป็นประธานคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายรัฐสภา (ก.ร.) ซึ่งเป็นองค์กรกลางการบริหารงานบุคคลของข้าราชการฝ่ายรัฐสภา ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ในการกำหนดกฎเกณฑ์เกี่ยวกับการบรรจุ แต่งตั้ง การรับเงินเดือน การเลื่อนขั้น การเลื่อนตำแหน่ง ตลอดถึงเรื่องวินัยของข้าราชการฝ่ายรัฐสภา

ในระหว่างที่รัฐสภาสิ้นอายุหรือถูกยุบ ประธานรัฐสภาและรองประธานรัฐสภาจะยังคงดำรงตำแหน่งประธาน ก.ร. และรองประธาน ก.ร.อยู่ต่อไปจนกว่าจะได้ทรงแต่งตั้งประธานรัฐสภาและรองประธานรัฐสภาคนใหม่แล้ว จึงให้พ้นจากตำแหน่ง เนื่องจากตำแหน่งประธาน ก.ร. และรองประธาน ก.ร. เป็นตำแหน่งเกี่ยวกับงานด้านบริหารบุคคลของราชการประจำ ซึ่งจำเป็นต้องปฏิบัติต่อเนื่องจะหยุดชะงักขาดตอนไม่ได้[4]

3.3 เป็นผู้มีอำนาจสั่งบรรจุและแต่งตั้งข้าราชการฝ่ายรัฐสภาให้ดำรงตำแหน่ง ดังนี้

(1) สั่งบรรจุข้าราชการรัฐสภาสามัญ ระดับ 10 และระดับ 11 ด้วยความเห็นชอบของ ก.ร. และนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง

(2) แต่งตั้งข้าราชการรัฐสภาฝ่ายการเมือง เช่นที่ปรึกษาประธานรัฐสภา 1 ตำแหน่ง เลขานุการประธานรัฐสภา 1 ตำแหน่ง

3.4 เป็นผู้มีอำนาจอนุญาตหรือสั่งให้ข้าราชการสามัญรัฐสภาพ้นจากตำแหน่ง และเป็นผู้มีอำนาจสั่งให้ข้าราชการฝ่ายการเมืองพ้นจากตำแหน่ง

3.5 เป็นผู้นำความกราบบังคมทูลเพื่อขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้แก่ข้าราชการฝ่ายรัฐสภา ตามที่ ก.ร.พิจารณาตามระเบียบว่าด้วยการขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์

4. อำนาจหน้าที่ตามกฎหมายอื่นกำหนด

4.1 อำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเข้าชื่อเสนอกฎหมาย พ.ศ. 2542[5]

(1) เมื่อได้รับเรื่องการเข้าชื่อเสนอกฎหมายแล้วให้มีการตรวจสอบความถูกต้องของเอกสาร ถ้าเห็นว่าถูกต้องก็จัดให้มีการปิดประกาศรายชื่อผู้เข้าชื่อเสนอกฎหมายไว้ในเขตท้องที่ที่ผู้เข้าชื่อเสนอกฎหมายผู้นั้นมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน

(2) รับคำร้องคัดค้านจากผู้เข้าชื่อเสนอกฎหมายว่ามิได้ร่วมเข้าชื่อเสนอกฎหมายด้วย

(3) ถ้ามีจำนวนรายชื่อของผู้เข้าชื่อเสนอกฎหมายไม่ครบหนึ่งหมื่นคนให้แจ้งให้ผู้แทนเสนอกฎหมายทราบเพื่อดำเนินการจัดให้มีการเข้าชื่อเสนอกฎหมายเพิ่มเติมให้ครบภายในสามสิบวันหากพ้นกำหนดระยะเวลาดังกล่าวให้สั่งจำหน่ายเรื่อง

4.2 อำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติสถาบันพระปกเกล้า พ.ศ. 2541[6]

1. กำกับดูแลสถาบันพระปกเกล้า

2. เป็นประธานสภาสถาบันพระปกเกล้า

3. เป็นประธานในที่ประชุมสภาสถาบัน

4. มีอำนาจออกเสียงชี้ขาดในกรณีการประชุมสภาสถาบัน ถ้าคณะกรรมการสถภาสถาบันลงคะแนนเสียงเท่ากัน ให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกเสียงหนึ่งเป็นเสียงชี้ขาด

5. มีอำนาจลงนามในข้อบังคับของสถาบัน หลักเกณฑ์และวิธีการเลือกกรรมการสภาสถาบันและคุณสมบัติของกรรมการสภาสถาบัน

6. มีอำนาจลงนามในข้อบังคับของสถาบันเกี่ยวกับการประชุมสภาสถาบันและข้อบังคับอื่นซึ่งออกตามมติที่ประชุมสภาสถาบัน

7. มีอำนาจลงนามแต่งตั้งและถอดถอนเลขาธิการและรองเลขาธิการ แต่งตั้งคณะกรรมการหรือคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณาหรือปฏิบัติการอย่างใดอย่างหนึ่งตามที่สภาสถาบันมอบหมาย และมีอำนาจแต่งตั้งคณะกรรมการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงานของสถาบัน

4.3 อำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติสภาพัฒนาการเมือง พ.ศ. 2551[7]

(1) ประกาศรายชื่อผู้ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาพัฒนาการเมืองและบัญชีรายชื่อสำรองในราชกิจจานุเบกษา

(2) แต่งตั้งบุคคลเป็นประธานสภาพัฒนาการเมือง ผู้แทนองค์กรชุมชนตามกฎหมายว่าด้วยสภาองค์กรชุมชน จำนวนสามคน ผู้แทนองค์กรภาคประชาสังคม จำนวนสามคน และผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวนห้าคน เป็นกรรมการ ในวาระเริ่มแรก

4.4 อำนาจหน้าที่ตามระเบียบว่าด้วยกองทุนสงเคราะห์ผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภา พ.ศ. 2543

(1) เป็นประธานกรรมการของคณะกรรมการกองทุนสงเคราะห์ผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภา มีรองประธานรัฐสภาเป็นรองประธานกรรมการส่วนกรรมการประกอบด้วย ประธานคณะกรรมาธิการกิจการสภาผู้แทนราษฎร ประธานคณะกรรมาธิการกิจการวุฒิสภา และมีอำนาจแต่งตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนสี่คน สมาชิกวุฒิสภา จำนวนสามคน ผู้เคยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนหนึ่งคน และผู้เคยเป็นสมาชิกวุฒิสภา จำนวนหนึ่งคน โดยให้เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เป็นกรรมการและเลขานุการ และเลขาธิการวุฒิสภาเป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ (กรรมการที่ประธานรัฐสภาแต่งตั้งมีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละสี่ปี)

คณะกรรมการดังกล่าว มีอำนาจกำหนดนโยบาย กำกับดูแลจัดหาผลประโยชน์ของเงินกองทุนฯ ออกระเบียบต่าง ๆ อนุมัติการจ่ายเงินสงเคราะห์ อนุมัติประมาณการค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของกองทุน และพิจารณาวินิจฉัยชี้ขาดปัญหาในการปฏิบัติงานโดยมีรายได้จากงบประมาณรายจ่ายประจำปี เงินหรือทรัพย์สินที่ได้รับบริจาค เงินที่ได้รับจากการหักเงินประจำตำแหน่งของสมาชิกรัฐสภารายละห้าร้อยบาทต่อเดือน เงินดอกผลของกองทุน โดยเงินกองทุนกำหนดให้ใช้จ่ายให้แก่ผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภาในด้านการรักษาพยาบาล การศึกษาของบุตร การสงเคราะห์ครอบครัว กรณีผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภาถึงแก่กรรม และด้านอื่นๆ ตามที่คณะกรรมการอนุมัติ

4.5 เป็นประธานมูลนิธิพระบรมราชานุสรณ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี โดยมติของคณะกรรมการมูลนิธิฯ (ตราสารมูลนิธิพระบรมราชานุสรณ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี) ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนการศึกษา และให้ความช่วยเหลือแก่นักศึกษาที่ขัดสน สนับสนุนสถาบันการแพทย์ เผยแพร่พระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ร่วมมือส่งเสริมและประสานงานกับสถาบันการศึกษาอื่น ปัจจุบันมูลนิธิฯ มีโครงการให้ทุนแก่นิสิตนักศึกษามหาวิทยาลัยของรัฐ นักศึกษาวิทยาลัยพยาบาล นิสิตนักศึกษาปริญญาโท-เอกเพื่อการค้นคว้า วิจัย และโครงการให้ทุนแก่บุตรข้าราชการและลูกจ้างของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรและสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา

5. ภารกิจด้านต่างประเทศ เป็นประธานหน่วยประจำชาติไทยในสหภาพรัฐสภา สหภาพสมาชิกรัฐสภาเอเชียและแปซิฟิก และสมัชชารัฐสภาอาเซียนโดยตำแหน่ง มีอำนาจดำเนินการให้เป็นไปตามธรรมนูญแห่งสหภาพรัฐสภา กฎบัตรสหภาพสมาชิกรัฐสภาเอเซียและแปซิฟิก และธรรมนูญรัฐสภาอาเซียน รวมทั้งตามข้อบังคับหน่วยประจำชาติดังกล่าว

6. ภารกิจด้านพระราชพิธี รัฐพิธี และพิธีการต่างๆ ของประธานรัฐสภาในฐานะที่ดำรงตำแหน่งประมุขของฝ่ายนิติบัญญัติ มีภารกิจที่สำคัญ ดังนี้

6.1 ด้านพระราชพิธี

(1) ร่วมงานพระราชพิธีต่างๆ ตามหมายรับสั่งในฐานะประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ

(2) เป็นผู้กล่าวถวายพระพรชัยมงคลในวโรกาสต่างๆ อาทิ พระราชพิธีวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หรือพระราชพิธีต่างๆ

6.2 ด้านรัฐพิธี เช่น

(1) พิธีวางพวงมาลาถวายราชสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และพิธีบำเพ็ญกุศลทักษิณานุปทานอุทิศถวายแด่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี เนื่องในวันที่ระลึกพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (30 พฤษภาคม)

(2) วันคล้ายวันสถาปนารัฐสภา ณ พระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว หน้าตึกรัฐสภา (28 มิ.ย.)

(3) รัฐพิธีฉลองวันพระราชทานรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ณ พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว หน้าตึกรัฐสภา (10 ธ.ค.)

6.3 ด้านพิธีการต่างๆ

ได้รับเชิญจากหน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน เอกชน และบุคคลทั่วไป ในฐานะประมุขของฝ่ายนิติบัญญัติ เช่น เป็นประธานในงานต่างๆ เป็นองค์ปาฐกหรือวิทยากรบรรยาย เป็นต้น

รายนามประธานสภา
คนที่ ลำดับที่ รายชื่อ ตำแหน่ง ระยะเวลาการดำรงตำแหน่ง
1 1 เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี ประธานสภาผู้แทนราษฎร 28 มิ.ย. 2475 - 1 ก.ย. 2475
2 2 เจ้าพระยาพิชัยญาติ ประธานสภาผู้แทนราษฎร 2 ก.ย. 2475 - 10 ธ.ค. 2476
1/2 3 เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี ประธานสภาผู้แทนราษฎร 15 ธ.ค. 2476 - 26 ก.พ. 2476**
3 4 พลเรือตรี พระยาศรยุทธเสนี ประธานสภาผู้แทนราษฎร 27 ก.พ. 2476 - 22 ก.ย. 2477
4 5 เจ้าพระยาศรีธรรมาธิเบศ ประธานสภาผู้แทนราษฎร 22 ก.ย. 2477 - 15 ธ.ค. 2477
17 ธ.ค. 2477 - 31 ก.ค. 2478
2 ส.ค. 2478 - 31 ก.ค. 2479
5 6 พระยามานวราชเสวี ประธานสภาผู้แทนราษฎร 3 ส.ค. 2479 - 10 ธ.ค. 2480
10 ธ.ค. 2480 - 24 มิ.ย. 2481
๒๘ มิ.ย. ๒๔๘๑ - ๑๐ ธ.ค. ๒๔๘๑
๑๒ ธ.ค. ๒๔๘๑ - ๒๔ มิ.ย. ๒๔๘๒
๒๘ มิ.ย. ๒๔๘๒ - ๒๔ มิ.ย. ๒๔๘๓
๑ ก.ค. ๒๔๘๓ - ๒๔ มิ.ย. ๒๔๘๔
๑ ก.ค.๒๔๘๔ - ๒๔ มิ.ย. ๒๔๘๕
๓๐ มิ.ย. ๒๔๘๕ - ๒๔ มิ.ย. ๒๔๘๖
3/2 7 พลเรือตรี พระยาศรยุทธเสนี ประธานสภาผู้แทนราษฎร ๖ ก.ค. ๒๔๘๖ - ๒๔ มิ.ย. ๒๔๘๗
5/2 8 พระยามานวราชเสวี ประธานสภาผู้แทนราษฎร ๒ ก.ค. ๒๔๘๗ - ๒๔ มิ.ย. ๒๔๘๘
๒๙ มิ.ย. ๒๔๘๘ - ๑๕ ต.ค. ๒๔๘๘
๒๖ ม.ค. ๒๔๘๙ - ๙ พ.ค. ๒๔๘๙
6 9 พันตรี วิลาศ โอสถานนท์ ประธานพฤฒสภา ๔ มิ.ย. ๒๔๘๙ - ๒๔ ส.ค. ๒๔๘๙
3/3 10 พลเรือตรี พระยาศรยุทธเสนี ประธานพฤฒสภา ๓๑ ส.ค. ๒๔๘๙ - ๑๐ พ.ค. ๒๔๙๐
๑๕ พ.ค. ๒๔๙๐ - ๘ พ.ย. ๒๔๙๐
4/2 11 เจ้าพระยาศรีธรรมาธิเบศ ประธานวุฒิสภา ๒๖ พ.ย. ๒๔๙๐ - ๑๘ ก.พ. ๒๔๙๑
๒๐ ก.พ. ๒๔๙๑ - ๑๔ มิ.ย. ๒๔๙๒
๑๕ มิ.ย. ๒๔๙๒ - ๑ ต.ค. ๒๔๙๓
๒๒ พ.ย. ๒๔๙๓ - ๒๙ พ.ย. ๒๔๙๔
7 12 พลเอก พระประจนปัจจนึก ประธานสภาผู้แทนราษฎร ๑ ธ.ค. ๒๔๙๔ - ๑๗ มี.ค. ๒๔๙๕
๒๒ มี.ค. ๒๔๙๕ - ๒๓ มิ.ย. ๒๔๙๕
๒๘ มิ.ย. ๒๔๙๕ - ๒๓ มิ.ย. ๒๔๙๖
๒ ก.ค. ๒๔๙๖ - ๒๓ มิ.ย. ๒๔๙๗
๒๙ มิ.ย. ๒๔๙๗ - ๒๓ มิ.ย. ๒๔๙๘
๒ ก.ค. ๒๔๙๘ - ๒๓ มิ.ย. ๒๔๙๙
๓๐ มิ.ย. ๒๔๙๙ - ๒๕ ก.พ. ๒๕๐๐
๑๖ มี.ค. ๒๕๐๐ - ๒๓ มิ.ย. ๒๕๐๐
๒๘ มิ.ย. ๒๕๐๐ - ๑๖ ก.ย. ๒๕๐๐
8 13 พลเอก หลวงสุทธิสารรณกร ประธานสภาผู้แทนราษฎร ๒๐ ก.ย. ๒๕๐๐ - ๑๔ ธ.ค. ๒๕๐๐
7/2 14 พลเอก พระประจนปัจจนึก ประธานสภาผู้แทนราษฎร ๒๗ ธ.ค. ๒๕๐๐ - ๒๓ มิ.ย. ๒๕๐๑
๒๕ มิ.ย. ๒๕๐๑ - ๒๐ ต.ค. ๒๕๐๑
8/2 15 พลเอก หลวงสุทธิสารรณกร ประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญ ๖ ก.พ. ๒๕๐๒ - ๑๗ เม.ย. ๒๕๑๑
9 16 นายทวี บุณยเกตุ ประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญ ๒ พ.ค. ๒๕๑๑ - ๒๐ มิ.ย. ๒๕๑๑
10 17 พันเอก นายวรการบัญชา ประธานวุฒิสภา ๒๒ ก.ค. ๒๕๑๑ - ๖ ก.ค. ๒๕๑๔
๗ ก.ค. ๒๕๑๔ - ๑๗ พ.ย. ๒๕๑๔
11 18 พลตรี ศิริ สิริโยธิน ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ๑๘ ธ.ค. ๒๕๑๕ - ๑๑ ธ.ค. ๒๕๑๖
12 19 พลตรี หม่อมราชวงศ์ คึกฤทธิ์ปราโมช ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ๒๙ ธ.ค. ๒๕๑๖- ๗ ต.ค. ๒๕๑๗
13 20 นายประภาศน์ อวยชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ๑๗ ต.ค. ๒๕๑๗ - ๒๕ ม.ค. ๒๕๑๘
14 21 นายประสิทธิ์ กาญจนวัฒน์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ๗ ก.พ. ๒๕๑๘ - ๑๒ ม.ค. ๒๕๑๙
15 22 นายอุทัย พิมพ์ใจชน ประธานสภาผู้แทนราษฎร ๑๙ เม.ย. ๒๕๑๙ - ๖ ต.ค. ๒๕๑๙
16 23
พลอากาศเอก กมลเดชะตุงคะ
ประธานที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี
ทำหน้าที่สภาปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน
๒๗ ต.ค. ๒๕๑๙ - ๒๐ พ.ย. ๒๕๑๙
17 24 พลอากาศเอก หะริน หงสกุล ประธานสภาปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ๒๘ พ.ย. ๒๕๑๙ - ๒๐ ต.ค. ๒๕๒๐
17/2 25 พลอากาศเอก หะริน หงสกุล ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ๒๕ พ.ย. ๒๕๒๐ - ๒๒ เม.ย. ๒๕๒๒
17/3 26 พลอากาศเอก หะรินหงสกุล ประธานวุฒิสภา ๙ พ.ค. ๒๕๒๒ - ๑๙ มี.ค. ๒๕๒๖
18 27 นายจารุบุตร เรืองสุวรรณ ประธานวุฒิสภา ๒๖ เม.ย. ๒๕๒๖ - ๑๙ มี.ค. ๒๕๒๗
19 28 นายอุกฤษ มงคลนาวิน ประธานวุฒิสภา ๓๐ เม.ย. ๒๕๒๗ - ๓๐ เม.ย. ๒๕๒๘
๑ พ.ค. ๒๕๒๘ - ๒๓ เม.ย. ๒๕๓๐
๒๔ เม.ย. ๒๕๓๐ - ๒๑ เม.ย. ๒๕๓๒
20 29 ร้อยตำรวจตรี วรรณ ชันซื่อ ประธานวุฒิสภา ๔ พ.ค. ๒๕๓๒ - ๒๓ ก.พ. ๒๕๓๔
19/2 30 นายอุกฤษ มงคลนาวิน ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ๒ เม.ย. ๒๕๓๔ - ๒๑ มี.ค. ๒๕๓๕
19/3 31 นายอุกฤษ มงคลนาวิน ประธานวุฒิสภา ๓ เม.ย. ๒๕๓๕ - ๒๖ พ.ค. ๒๕๓๕
21 32 นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานวุฒิสภา ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ๒๘ มิ.ย. ๒๕๓๕ - ๓๐ มิ.ย. ๒๕๓๕
22 33 นายมารุต บุนนาค ประธานสภาผู้แทนราษฎร ๒๒ ก.ย. ๒๕๓๕ - ๑๙ พ.ค. ๒๕๓๘
23 34 นายบุญเอื้อ ประเสริฐสุวรรณ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ๑๑ ก.ค. ๒๕๓๘- ๒๗ ก.ย. ๒๕๓๙
24 35 นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ๒๔ พ.ย. ๒๕๓๙ - ๒๗ มิ.ย. ๒๕๔๓
25 36 นายพิชัย รัตตกุล ประธานสภาผู้แทนราษฎร ๓๐ มิ.ย.๒๕๔๓ - ๘ พ.ย. ๒๕๔๓
15/1 37 นายอุทัย พิมพ์ใจชน ประธานสภาผู้แทนราษฏร ๖ ก.พ.๒๕๔๔ - ๕ ม.ค. ๒๕๔๘
26 38 นายโภคิน พลกุล ประธานสภาผู้แทนราษฎร ๘ มี.ค. ๒๕๔๘ – ๒๔ ก.พ. ๒๕๔๙
27 39 นายยงยุทธ ติยะไพรัช ประธานสภาผู้แทนราษฎร ๒๓ ม.ค. ๒๕๕๑ – ๓๐ เม.ย. ๒๕๕๑
28 40 นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ๑๕ พ.ค. ๒๕๕๑ – ปัจจุบัน

* กลุ่มงานพิพิธภัณฑ์และจดหมายเหตุ สำนักวิชาการ

** ในปี พ.ศ. 2483 ได้มีการเปลี่ยนปีปฏิทินวันขึ้นปีใหม่ จาก 1 เมษายน เป็น 1 มกราคม


อ้างอิง

  1. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 89
  2. สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, คณะกรรมการจัดทำเอกสารสาระสำคัญเกี่ยวกับภารกิจและสิทธิประโยชน์ของประธานรัฐสภา ประธานและรองประธานสภาผู้แทนราษฎร, สาระสำคัญเกี่ยวกับภารกิจและสิทธิประโยชน์ของประธานรัฐสภา ประธานและรองประธานสภาผู้แทนราษฎร. (กรุงเทพมหานคร : สำนักการพิมพ์ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2551), หน้า 1-16.
  3. ข้อบังคับการประชุมรัฐสภา พ.ศ. 2544 มาตรา 5.
  4. สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, สำนักประชาสัมพันธ์, พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายรัฐสภา พ.ศ.2518 พระราชบัญญัติจัดระเบียบปฏิบัติราชการฝ่ายรัฐสภา พ.ศ.2518 รวมกฎ ก.ร., (กรุงเทพมหานคร : สำนักการพิมพ์ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร 2551), หน้า 14-28.
  5. “พระราชบัญญัติว่าด้วยการเข้าชื่อเสนอกฎหมาย พ.ศ. 2542,” ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 116 ตอนที่ 20 ก.” (25 มีนาคม 2542) : หน้า 32.
  6. พระราชบัญญัติสถาบันพระปกเกล้า,” ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 115 ตอนที่ 57 ก (4 กันยายน 2541) : หน้า 21-28.
  7. “พระราชบัญญัติสภาพัฒนาการเมือง,” ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 125 ตอนที่ 24 ก (29 มกราคม 2551) : หน้า 5, 13.

บรรณานุกรม

“พระราชบัญญัติว่าด้วยการเข้าชื่อเสนอกฎหมาย พ.ศ.๒๕๔๒.” ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๑๖ ตอนที่ ๒๐ก (๒๕ มีนาคม ๒๕๔๒) : หน้า ๓๒.

“พระราชบัญญัติสภาพัฒนาการเมือง.” ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๕ ตอนที่ ๒๔ก (๒๙ มกราคม ๒๕๕๑) : หน้า ๕, ๑๓.

“ระเบียบว่าด้วยกองทุนสงเคราะห์ผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภา พ.ศ.๒๕๔๓.” ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๑๗ ตอนพิเศษ ๒๑ ง (๗ มีนาคม ๒๕๔๓) : หน้า ๙ – ๑๔.

สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. กองการประชาสัมพันธ์. ข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.๒๕๔๔ ข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรมของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและกรรมาธิการ พ.ศ. ๒๕๔๒ ข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา พ.ศ.๒๕๔๔ ข้อบังคับการประชุมรัฐสภา พ.ศ.๒๕๔๔. กรุงเทพมหานคร : กองการพิมพ์ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. ๒๕๔๔.

สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. คณะกรรมการจัดทำเอกสารสาระสำคัญเกี่ยวกับภารกิจและสิทธิประโยชน์ของประธานรัฐสภา ประธานและรองประธานผู้แทนราษฎร. สาระสำคัญเกี่ยวกับภารกิจและสิทธิประโยชน์ของประธานรัฐสภา ประธานและรองประธานสภาผู้แทนราษฎร. กรุงเทพมหานคร : สำนักการพิมพ์ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. ๒๕๕๑.

สำนักงานเลขาธิการรัฐสภา ศูนย์บริการเอกสารและค้นคว้า. ระบบงานรัฐสภาไทย. กรุงเทพมหานคร : กองการพิมพ์ สำนักงานเลขาธิการรัฐสภา ๒๕๓๐.

สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. สำนักประชาสัมพันธ์. พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการ่ายรัฐสภา พ.ศ.๒๕๑๘ พระราชบัญญัติจัดระเบียบปฏิบัติราชการฝ่ายรัฐสภา พ.ศ.๒๕๑๘ รวมกฎ ก.ร. กรุงเทพมหานคร : สำนักการพิมพ์ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. ๒๕๕๑.

สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, สำนักประชาสัมพันธ์, รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย, กรุงเทพมหานคร : สำนักการพิมพ์ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, ๒๕๕๐.

สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. สำนักประชาสัมพันธ์. ๗๗ ปี รัฐสภาไทย. กรุงเทพมหานคร : สำนัก การพิมพ์ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร