ผลต่างระหว่างรุ่นของ "การยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน"

จาก ฐานข้อมูลการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า
Trikao (คุย | ส่วนร่วม)
สร้างหน้าด้วย " '''ผู้เรียบเรียง :''' รองศาสตราจารย์ ดร.ยุทธพร อิสรชัย '''ผู้..."
 
Trikao (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัดที่ 1: บรรทัดที่ 1:


'''ผู้เรียบเรียง :''' รองศาสตราจารย์ ดร.ยุทธพร อิสรชัย
'''ผู้เรียบเรียง :''' รองศาสตราจารย์ ดร.ยุทธพร อิสรชัย


'''ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ''' : ศาสตราจารย์ ดร.บรรเจิด สิงคะเนติ
'''ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ''' : ศาสตราจารย์ ดร.บรรเจิด สิงคะเนติ


 
 
บรรทัดที่ 18: บรรทัดที่ 18:
&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; '''1.2)''' เพื่อเป็นการป้องกันการทุจริตและคัดกรองบุคคลเมื่อเข้าสู่ตำแหน่ง&nbsp;เมื่อผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินแล้ว คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเป็นผู้มีหน้าที่ตรวจสอบความถูกต้องและความมีอยู่จริงของทรัพย์สินและหนี้สินดังกล่าวเพื่อป้องกันมิให้ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สิน และหนี้สินสูงกว่าความเป็นจริง (Over statement)&nbsp;และการตรวจสอบความถูกต้องและความมีอยู่จริง เมื่อผู้ยื่นพ้นจากตำแหน่งก็เพื่อป้องกันมิให้ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่ำกว่าความเป็นจริง (Under statement) นอกจากนั้น การให้ผู้ดำรงตำแหน่งดังกล่าว ยื่นบัญชีเพื่อเข้ารับตำแหน่งแล้วให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติตรวจสอบ&nbsp;ยังเป็นการคัดกรองบุคคลตั้งแต่เบื้องต้นป้องกันมิให้ผู้ที่มีพฤติการณ์ฉ้อฉลเข้ามาใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่แสวงหาประโยชน์โดย มิชอบด้วย เพราะหากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติตรวจสอบพบว่าบุคคลดังกล่าวจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ ก็จะเสนอเรี่องให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองวินิจฉัยให้บุคคลดังกล่าวพ้นจากตำแหน่งอันเป็นการตัดโอกาสบุคคลดังกล่าวที่จะใช้อำนาจหน้าที่ในตำแหน่งแสวงหาประโยชน์<br/> แก่ตนเองหรือบุคคลอื่นตั้งแต่เบื้องต้น
&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; '''1.2)''' เพื่อเป็นการป้องกันการทุจริตและคัดกรองบุคคลเมื่อเข้าสู่ตำแหน่ง&nbsp;เมื่อผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินแล้ว คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเป็นผู้มีหน้าที่ตรวจสอบความถูกต้องและความมีอยู่จริงของทรัพย์สินและหนี้สินดังกล่าวเพื่อป้องกันมิให้ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สิน และหนี้สินสูงกว่าความเป็นจริง (Over statement)&nbsp;และการตรวจสอบความถูกต้องและความมีอยู่จริง เมื่อผู้ยื่นพ้นจากตำแหน่งก็เพื่อป้องกันมิให้ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่ำกว่าความเป็นจริง (Under statement) นอกจากนั้น การให้ผู้ดำรงตำแหน่งดังกล่าว ยื่นบัญชีเพื่อเข้ารับตำแหน่งแล้วให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติตรวจสอบ&nbsp;ยังเป็นการคัดกรองบุคคลตั้งแต่เบื้องต้นป้องกันมิให้ผู้ที่มีพฤติการณ์ฉ้อฉลเข้ามาใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่แสวงหาประโยชน์โดย มิชอบด้วย เพราะหากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติตรวจสอบพบว่าบุคคลดังกล่าวจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ ก็จะเสนอเรี่องให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองวินิจฉัยให้บุคคลดังกล่าวพ้นจากตำแหน่งอันเป็นการตัดโอกาสบุคคลดังกล่าวที่จะใช้อำนาจหน้าที่ในตำแหน่งแสวงหาประโยชน์<br/> แก่ตนเองหรือบุคคลอื่นตั้งแต่เบื้องต้น


&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; '''1.3)''' เพื่อเป็นมาตรการเสริมในการปราบปรามการทุจริตการแก้ไขปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน โดยใช้มาตรการทางกฎหมายด้านปราบปรามเพื่อนำผู้กระทำความผิดมาลงโทษเป็นการยาก โดยเฉพาะการกระทำทุจริตคอร์รัปชัน โดยผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง&nbsp;และเจ้าหน้าที่ของรัฐระดับสูง ดังจะเห็นได้จากที่ผ่านมามีตัวอย่างบุคคลเหล่านี้ถูกลงโทษทางอาญา<br/> โดยกระบวนการยุติธรรมตามปกติน้อย ทั้งนี้เบื้องจากบุคคลดังกล่าวเป็นผู้มีความรู้ มีอำนาจรัฐในมือ มีอิทธิพล&nbsp;มีฐานะทางเศรษฐกิจ มีการสร้างฐานสนับสนุน และสร้างภาพ เจ้าหน้าที่ของรัฐบางส่วนเกรงกลัวและพยานไม่กล้าพูดความจริง ดังนั้น การตรวจสอบทรัพย์สินบุคคลดังกล่าวจึงถือเป็นมาตรการเสริมการปราบปรามการทุจริตอีกด้านหนึ่ง
&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; '''1.3)''' เพื่อเป็นมาตรการเสริมในการปราบปรามการทุจริตการแก้ไขปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน โดยใช้มาตรการทางกฎหมายด้านปราบปรามเพื่อนำผู้กระทำความผิดมาลงโทษเป็นการยาก โดยเฉพาะการกระทำทุจริตคอร์รัปชัน โดยผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง&nbsp;และเจ้าหน้าที่ของรัฐระดับสูง ดังจะเห็นได้จากที่ผ่านมามีตัวอย่างบุคคลเหล่านี้ถูกลงโทษทางอาญาโดยกระบวนการยุติธรรมตามปกติน้อย ทั้งนี้เบื้องจากบุคคลดังกล่าวเป็นผู้มีความรู้ มีอำนาจรัฐในมือ มีอิทธิพล&nbsp;มีฐานะทางเศรษฐกิจ มีการสร้างฐานสนับสนุน และสร้างภาพ เจ้าหน้าที่ของรัฐบางส่วนเกรงกลัวและพยานไม่กล้าพูดความจริง ดังนั้น การตรวจสอบทรัพย์สินบุคคลดังกล่าวจึงถือเป็นมาตรการเสริมการปราบปรามการทุจริตอีกด้านหนึ่ง


&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; '''1.4)''' เพื่อให้สาธารณชนมีส่วนร่วมในการตรวจสอบการเปิดเผยบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองซึ่งถือว่าเป็นบุคคลสาธารณะนั้น&nbsp;รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 และกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มิได้มีวัตถุประสงค์จะให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเท่านั้นเป็นผู้ตรวจสอบ แต่ต้องการให้สาธารณชนซึ่งเป็นต้นทางแห่งการมอบอำนาจให้ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีส่วนร่วมในการตรวจสอบผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่ตนเลือกเข้าไปทำหน้าที่ด้วยว่าขณะดำรงตำแหน่งทางการเมืองนั้นมีผลประโยชน์ในธุรกิจและกิจกรรมทางเศรษฐกิจประเภทใดบ้าง หรือมีความร่ำรวยผิดปกติหรือไม่ เพื่อจะตรวจสอบว่าได้ใช้อำนาจหน้าที่เอื้อประโยชน์แก่ธุรกิจหรือกิจกรรมที่ตนมีผลประโยชน์หรือไม่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ทำให้ตนมีฐานะร่ำรวยผิดปกติหรือไม่
&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; '''1.4)''' เพื่อให้สาธารณชนมีส่วนร่วมในการตรวจสอบการเปิดเผยบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองซึ่งถือว่าเป็นบุคคลสาธารณะนั้น&nbsp;รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 และกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มิได้มีวัตถุประสงค์จะให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเท่านั้นเป็นผู้ตรวจสอบ แต่ต้องการให้สาธารณชนซึ่งเป็นต้นทางแห่งการมอบอำนาจให้ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีส่วนร่วมในการตรวจสอบผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่ตนเลือกเข้าไปทำหน้าที่ด้วยว่าขณะดำรงตำแหน่งทางการเมืองนั้นมีผลประโยชน์ในธุรกิจและกิจกรรมทางเศรษฐกิจประเภทใดบ้าง หรือมีความร่ำรวยผิดปกติหรือไม่ เพื่อจะตรวจสอบว่าได้ใช้อำนาจหน้าที่เอื้อประโยชน์แก่ธุรกิจหรือกิจกรรมที่ตนมีผลประโยชน์หรือไม่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ทำให้ตนมีฐานะร่ำรวยผิดปกติหรือไม่
บรรทัดที่ 44: บรรทัดที่ 44:
&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; (7) ผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูง[[#_ftn3|[3]]]
&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; (7) ผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูง[[#_ftn3|[3]]]


&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; หัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวง/ทบวง/กรม/ส่วนราชการที่มีฐานะเป็นนิติบุคคล ปลัดกระทรวงกลาโหม/ผู้บัญชาการทหารสูงสุด/ผู้บัญชาการเหล่าทัพ/ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;(7.1)&nbsp;หัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวง/ทบวง/กรม/ส่วนราชการที่มีฐานะเป็นนิติบุคคล ปลัดกระทรวงกลาโหม/ผู้บัญชาการทหารสูงสุด/ผู้บัญชาการเหล่าทัพ/ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ


&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; ผู้ว่าราชการจังหวัด
&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;(7.2) ผู้ว่าราชการจังหวัด


&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; ปลัดกรุงเทพมหานคร
&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;(7.3) ปลัดกรุงเทพมหานคร


&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; กรรมการและผู้บริหารสูงสุดของรัฐวิสาหกิจ
&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;(7.4)&nbsp;กรรมการและผู้บริหารสูงสุดของรัฐวิสาหกิจ


&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; หัวหน้าหน่วยงานขององค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ
&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;(7.5)&nbsp;หัวหน้าหน่วยงานขององค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ


&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; กรรมการและผู้บริหารสูงสุดของหน่วยงานอื่นของรัฐ
&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;(7.6)&nbsp;กรรมการและผู้บริหารสูงสุดของหน่วยงานอื่นของรัฐ


&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; ผู้ดำรงตำแหน่งอื่นตามที่กฎหมายกำหนด
&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;(7.7)&nbsp;ผู้ดำรงตำแหน่งอื่นตามที่กฎหมายกำหนด


&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; ผู้ซึ่งดำรงตำแหน่งเทียบเท่า ตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. กำหนด
&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;(7.8)&nbsp;ผู้ซึ่งดำรงตำแหน่งเทียบเท่า ตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. กำหนด


&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; (8) ตำแหน่งอื่น ตามที่กฎหมายอื่นกำหนดให้มีหน้าที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน
&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; (8) ตำแหน่งอื่น ตามที่กฎหมายอื่นกำหนดให้มีหน้าที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน

รุ่นแก้ไขเมื่อ 12:53, 28 มีนาคม 2565

ผู้เรียบเรียง : รองศาสตราจารย์ ดร.ยุทธพร อิสรชัย

ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ : ศาสตราจารย์ ดร.บรรเจิด สิงคะเนติ

 

การยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน

          รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 234 (3) กำหนดให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติมีหน้าที่และอำนาจในการกำหนดให้ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และเจ้าหน้าที่ของรัฐต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของตน คู่สมรส และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ตลอดจนตรวจสอบและเปิดเผยผลการตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สินของบุคคลดังกล่าว โดยในการปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวให้เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติที่จะต้องจัดให้มีมาตรการหรือแนวทางที่จะทำให้การปฏิบัติหน้าที่มีประสิทธิภาพ เกิดความรวดเร็ว สุจริต และเที่ยงธรรม

 

1. วัตถุประสงค์ของการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน[1]

          1.1) เพื่อเป็นการแสดงความโปร่งใสของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และเจ้าหน้าที่รัฐที่ยื่นบัญชีการที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 บัญญัติให้ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และเจ้าหน้าที่ของรัฐระดับสูงต้องยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเพื่อสร้างความโปร่งใสให้สังคมการเมืองและสังคมราชการ (Transparency) เพราะความโปร่งใสช่วยป้องกันการทุจริต การใช้อำนาจโดยมิชอบ ทั้งสร้างวัฒนธรรมใหม่ให้เกิดขึ้นในสังคมการเมืองและสังคมราชการ เพื่อแสดงความโปร่งใสว่าขณะดำรงตำแหน่งมิไต้ใช้อำนาจหน้าที่ไปแสวงหาผลประโยชน์ทำให้มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้น ผิดปกติหรือรารวยผิดปกติ

          1.2) เพื่อเป็นการป้องกันการทุจริตและคัดกรองบุคคลเมื่อเข้าสู่ตำแหน่ง เมื่อผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินแล้ว คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเป็นผู้มีหน้าที่ตรวจสอบความถูกต้องและความมีอยู่จริงของทรัพย์สินและหนี้สินดังกล่าวเพื่อป้องกันมิให้ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สิน และหนี้สินสูงกว่าความเป็นจริง (Over statement) และการตรวจสอบความถูกต้องและความมีอยู่จริง เมื่อผู้ยื่นพ้นจากตำแหน่งก็เพื่อป้องกันมิให้ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่ำกว่าความเป็นจริง (Under statement) นอกจากนั้น การให้ผู้ดำรงตำแหน่งดังกล่าว ยื่นบัญชีเพื่อเข้ารับตำแหน่งแล้วให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติตรวจสอบ ยังเป็นการคัดกรองบุคคลตั้งแต่เบื้องต้นป้องกันมิให้ผู้ที่มีพฤติการณ์ฉ้อฉลเข้ามาใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่แสวงหาประโยชน์โดย มิชอบด้วย เพราะหากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติตรวจสอบพบว่าบุคคลดังกล่าวจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ ก็จะเสนอเรี่องให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองวินิจฉัยให้บุคคลดังกล่าวพ้นจากตำแหน่งอันเป็นการตัดโอกาสบุคคลดังกล่าวที่จะใช้อำนาจหน้าที่ในตำแหน่งแสวงหาประโยชน์
แก่ตนเองหรือบุคคลอื่นตั้งแต่เบื้องต้น

          1.3) เพื่อเป็นมาตรการเสริมในการปราบปรามการทุจริตการแก้ไขปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน โดยใช้มาตรการทางกฎหมายด้านปราบปรามเพื่อนำผู้กระทำความผิดมาลงโทษเป็นการยาก โดยเฉพาะการกระทำทุจริตคอร์รัปชัน โดยผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และเจ้าหน้าที่ของรัฐระดับสูง ดังจะเห็นได้จากที่ผ่านมามีตัวอย่างบุคคลเหล่านี้ถูกลงโทษทางอาญาโดยกระบวนการยุติธรรมตามปกติน้อย ทั้งนี้เบื้องจากบุคคลดังกล่าวเป็นผู้มีความรู้ มีอำนาจรัฐในมือ มีอิทธิพล มีฐานะทางเศรษฐกิจ มีการสร้างฐานสนับสนุน และสร้างภาพ เจ้าหน้าที่ของรัฐบางส่วนเกรงกลัวและพยานไม่กล้าพูดความจริง ดังนั้น การตรวจสอบทรัพย์สินบุคคลดังกล่าวจึงถือเป็นมาตรการเสริมการปราบปรามการทุจริตอีกด้านหนึ่ง

          1.4) เพื่อให้สาธารณชนมีส่วนร่วมในการตรวจสอบการเปิดเผยบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองซึ่งถือว่าเป็นบุคคลสาธารณะนั้น รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 และกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มิได้มีวัตถุประสงค์จะให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเท่านั้นเป็นผู้ตรวจสอบ แต่ต้องการให้สาธารณชนซึ่งเป็นต้นทางแห่งการมอบอำนาจให้ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีส่วนร่วมในการตรวจสอบผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่ตนเลือกเข้าไปทำหน้าที่ด้วยว่าขณะดำรงตำแหน่งทางการเมืองนั้นมีผลประโยชน์ในธุรกิจและกิจกรรมทางเศรษฐกิจประเภทใดบ้าง หรือมีความร่ำรวยผิดปกติหรือไม่ เพื่อจะตรวจสอบว่าได้ใช้อำนาจหน้าที่เอื้อประโยชน์แก่ธุรกิจหรือกิจกรรมที่ตนมีผลประโยชน์หรือไม่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ทำให้ตนมีฐานะร่ำรวยผิดปกติหรือไม่

 

2. บุคคลที่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ

          ตำแหน่งเจ้าหน้าที่รัฐที่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติได้กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 และประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เรื่อง กำหนดตำแหน่งของเจ้าพนักงานของรัฐซึ่งจะยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน

          ในมาตรา 102 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 ได้กำหนดให้ผู้ดำรงตำแหน่งดังต่อไปนี้ ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของตน คู่สมรส[2] และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ

          (1) ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

          (2) ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ

          (3) ผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ

          (4) ตุลาการศาลยุติธรรม ซึ่งดำรงตำแหน่งตั้งแต่อธิบดีผู้พิพากษาขึ้นไป

          (5) ตุลาการศาลปกครอง ซึ่งดำรงตำแหน่งตั้งแต่อธิบดีศาลปกครองชั้นต้นขึ้นไป

          (6) อัยการ ซึ่งดำรงตำแหน่งตั้งแต่อธิบดีอัยการขึ้นไป

          (7) ผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูง[3]

               (7.1) หัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวง/ทบวง/กรม/ส่วนราชการที่มีฐานะเป็นนิติบุคคล ปลัดกระทรวงกลาโหม/ผู้บัญชาการทหารสูงสุด/ผู้บัญชาการเหล่าทัพ/ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

               (7.2) ผู้ว่าราชการจังหวัด

               (7.3) ปลัดกรุงเทพมหานคร

               (7.4) กรรมการและผู้บริหารสูงสุดของรัฐวิสาหกิจ

               (7.5) หัวหน้าหน่วยงานขององค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ

               (7.6) กรรมการและผู้บริหารสูงสุดของหน่วยงานอื่นของรัฐ

               (7.7) ผู้ดำรงตำแหน่งอื่นตามที่กฎหมายกำหนด

               (7.8) ผู้ซึ่งดำรงตำแหน่งเทียบเท่า ตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. กำหนด

          (8) ตำแหน่งอื่น ตามที่กฎหมายอื่นกำหนดให้มีหน้าที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน

          (9) ผู้บริหารท้องถิ่น รองผู้บริหารท้องถิ่น ผู้ช่วยผู้บริหารท้องถิ่น และสมาชิกสภาท้องถิ่น ตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. กำหนด[4]

          และต่อมาคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติได้ออกประกาศกำหนดตำแหน่งของผู้มีหน้าที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินตามมาตรา 102 พ.ศ. 2561 ประกาศกำหนดตำแหน่งผู้บริหารท้องถิ่น รองผู้บริหารท้องถิ่น ผู้ช่วยผู้บริหารท้องถิ่น และสมาชิกสภาท้องถิ่นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินตามมาตรา 102 (9) พ.ศ. 2561 ประกาศกำหนดตำแหน่งของผู้มีหน้าที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินตามมาตรา 102 (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2561 และประกาศกำหนดตำแหน่งของผู้มีหน้าที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินตามมาตรา 102 (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2561

          นอกจากนี้ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 ยังระบุว่าเจ้าพนักงานของรัฐตำแหน่งใดจะต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของตน คู่สมรส และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติกำหนด ตามนัยมาตรา 103 ซึ่งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติได้ออกประกาศกำหนดตำแหน่งของเจ้าพนักงานของรัฐซึ่งจะต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินตามมาตรา 103 พ.ศ. 2561 อีกด้วย

 

อ้างอิง

[1] วรวิทย์ สุขบุญ, ม.ป.ป. การตรวจสอบบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ดำรงตำแหน่งทาง การเมืองและเจ้าหน้าที่ของรัฐ. นนทบุรี: สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ, หน้า 1-2 อ้างถึงใน วันวิสาข์ สัมพันธ์, 2562. “การกำหนดตำแหน่งผู้อํานวยการโรงเรียน และผู้บริหารสถานศึกษาเป็นผู้มีหน้าที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ.” (การศึกษาค้นคว้าอิสระปริญญานิติศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชานิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช), หน้า 25-26.

[2] คู่สมรส ตามมาตรา 102 ยังหมายรวมถึงผู้ที่อยู่กินกันฉันสามีภริยาโดยมิได้จดทะเบียนสมรสด้วย

[3] คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 21/2561 เรื่อง การแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต อ้างถึงใน วันวิสาข์ สัมพันธ์, อ้างแล้ว, หน้า 27.

[4] มีชัย โอ้น, ม.ป.ป. สรุปสาระสำคัญของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 ด้านการตรวจสอบทรัพย์สิน. นนทบุรี: สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ. อ้างถึงใน วันวิสาข์ สัมพันธ์, อ้างแล้ว, หน้า 28.