ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ศาลาเฉลิมกรุง (ม.ร.ว.พฤทธิสาณ ชุมพล)"
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัดที่ 1: | บรรทัดที่ 1: | ||
'''ผู้เรียบเรียง''' '':''' '''''ม.ร.ว.พฤทธิสาณ ชุมพล<br/> '''ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ | '''ผู้เรียบเรียง''' '':''' '''''ม.ร.ว.พฤทธิสาณ ชุมพล<br/> '''ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ ''':รองศาสตราจารย์ ดร.สนธิ เตชานันท์ | ||
'''สภาพโรงภาพยนตร์ก่อนมีศาลาเฉลิมกรุง''' | ''''''สภาพโรงภาพยนตร์ก่อนมีศาลาเฉลิมกรุง'''''' | ||
แต่เดิมมาจนในช่วงต้นๆ ของสมัยรัชกาลที่ ๗ โรงภาพยนตร์เกือบทั้งหมดในกรุงเทพฯ และในสยามเป็นโรงขนาดเล็กที่ดูซอมซ่อ คือเป็นอาคารไม้หลังคามุงสังกะสี แม้แต่โรงภาพยนตร์พัฒนาการซึ่งตั้งอยู่บนถนนเจริญกรุงที่สามแยกซึ่งดีที่สุดก็เป็นเช่นนั้น โรงนี้เป็นของสยามภาพยนตร์บริษัท ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ในเวลานั้น ส่วนโรงอื่นๆ มีเช่น โรงพัฒนารมย์บนถนนเจริญกรุงเช่นกัน โรงบางรัก โรงบางลำพู โรงนางเลิ้ง โรงสาธร โรงนาครเกษมที่เวิ้งวัดตึก เป็นต้น[[#_ftn1|[๑]]] | ''' ''' แต่เดิมมาจนในช่วงต้นๆ ของสมัยรัชกาลที่ ๗ โรงภาพยนตร์เกือบทั้งหมดในกรุงเทพฯ และในสยามเป็นโรงขนาดเล็กที่ดูซอมซ่อ คือเป็นอาคารไม้หลังคามุงสังกะสี แม้แต่โรงภาพยนตร์พัฒนาการซึ่งตั้งอยู่บนถนนเจริญกรุงที่สามแยกซึ่งดีที่สุดก็เป็นเช่นนั้น โรงนี้เป็นของสยามภาพยนตร์บริษัท ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ในเวลานั้น ส่วนโรงอื่นๆ มีเช่น โรงพัฒนารมย์บนถนนเจริญกรุงเช่นกัน โรงบางรัก โรงบางลำพู โรงนางเลิ้ง โรงสาธร โรงนาครเกษมที่เวิ้งวัดตึก เป็นต้น[[#_ftn1|[๑]]]''' | ||
'''กำเนิดศาลาเฉลิมกรุง''' | ''''''กำเนิดศาลาเฉลิมกรุง'''''' | ||
เมื่อพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินประพาสเกาะชวา ใน พ.ศ. ๒๔๗๒ พระองค์ได้เสด็จฯ ไปทอดพระเนตรภาพยนตร์ที่โรงภาพยนตร์ในเมืองบันดุงเมื่อวันที่ ๑๕ สิงหาคม ทรงไว้ในพระราชหัตถเลขาส่วนพระองค์ว่า โรงหนังก่อนเป็นตึก... “โรงหนังของเราเมื่อไรจะมีดีๆ เสียบ้างก็ไม่ทราบ เงินก็ได้เป็นกอง เดี่ยวนี้ออกจะน่าขายหน้าเต็มที ไม่สมควรกับเมืองหลวงของประเทศที่ “ซิวิไลส์” เลย”[[#_ftn2|[๒]]] | ''' ''' เมื่อพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินประพาสเกาะชวา ใน พ.ศ. ๒๔๗๒ พระองค์ได้เสด็จฯ ไปทอดพระเนตรภาพยนตร์ที่โรงภาพยนตร์ในเมืองบันดุงเมื่อวันที่ ๑๕ สิงหาคม ทรงไว้ในพระราชหัตถเลขาส่วนพระองค์ว่า โรงหนังก่อนเป็นตึก... “โรงหนังของเราเมื่อไรจะมีดีๆ เสียบ้างก็ไม่ทราบ เงินก็ได้เป็นกอง เดี่ยวนี้ออกจะน่าขายหน้าเต็มที ไม่สมควรกับเมืองหลวงของประเทศที่ “ซิวิไลส์” เลย”[[#_ftn2|[๒]]] | ||
ครั้นเสด็จฯ กลับมา ทรงมีพระราชดำริจะสร้างโรงภาพยนตร์ที่ทันสมัยขึ้น แผนการเป็นรูปเป็นร่างแล้ว จึงมีรายงานข่าวอย่างละเอียดในหน้าหนังสือพิมพ์เมื่อเดือนมกราคม พ.ศ. ๒๔๗๓ ว่าจะเป็นโรงตึกทันสมัย สร้างที่เวิ้งสนามน้ำจืด ตรงที่ถนนเจริญกรุงตัดกับถนนตรีเพชร | ''' ''' ครั้นเสด็จฯ กลับมา ทรงมีพระราชดำริจะสร้างโรงภาพยนตร์ที่ทันสมัยขึ้น แผนการเป็นรูปเป็นร่างแล้ว จึงมีรายงานข่าวอย่างละเอียดในหน้าหนังสือพิมพ์เมื่อเดือนมกราคม พ.ศ. ๒๔๗๓ ว่าจะเป็นโรงตึกทันสมัย สร้างที่เวิ้งสนามน้ำจืด ตรงที่ถนนเจริญกรุงตัดกับถนนตรีเพชร | ||
ศาลาเฉลิมกรุงนี้ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นในวโรกาสเฉลิมพระนครครบ ๑๕๐ ปี เพื่อเป็นศรีสง่าแก่พระนคร มีหม่อมเจ้าสมัยเฉลิม กฤดากร ทรงเป็นสถาปนิกออกแบบและควบคุมการก่อสร้าง นายนารถ โพธิปราสาท เป็นวิศวกร | ''' ''' ศาลาเฉลิมกรุงนี้ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นในวโรกาสเฉลิมพระนครครบ ๑๕๐ ปี เพื่อเป็นศรีสง่าแก่พระนคร มีหม่อมเจ้าสมัยเฉลิม กฤดากร ทรงเป็นสถาปนิกออกแบบและควบคุมการก่อสร้าง นายนารถ โพธิปราสาท เป็นวิศวกร | ||
'''สถาปัตยกรรม''' | ''''''สถาปัตยกรรม'''''' | ||
สถาปัตยกรรมเป็นแบบเรียบง่ายผสมผสานระหว่างแบบตะวันตกกับแบบไทย เรียกว่า International หรือ Modern Style ตัวอาคารมีพื้นที่ 400 ตารางวา จำนวน 3 ชั้น ภายในตกแต่งอย่างวิจิตรงดงามด้วยศิลปแบบไทย กลางห้องโถงใหญ่จะเห็นแผ่นฉลุลายเทพพนมปฐมพรหมสี่หน้า คล้ายหนังตะลุง ซึ่งเป็นท่ารำเบื้องต้นของผู้ที่เรียนนาฏศิลป์ประดับอยู่บนฝาผนัง มีระบบไฟและระบบเสียงที่สมบูรณ์ มีระบบเปิด-ปิดม่านอัตโนมัต มีการใช้เครื่องปรับอากาศเป็นแห่งแรกของเมื่องไทย ความโดดเด่นคือไม่มีเสากลางห้องที่อาจบังสายตาเวลาชมภาพยนตร์ จัดฉายภาพยนตร์ต่างชาติเสียงในฟิล์ม เป็นโรงภาพยนตร์ที่ “สวยที่สุดในเอเซียตะวันออก” และ “เก๋มาก…เหมือนอยู่ในปารีส” ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยาศรีพิพัฒน์ รัตนราชโกษาธิบดี (หม่อมราชวงศ์ มูล ดารากร) เป็นผู้แทนพระองค์ ประกอบพิธีเปิด ในวันที่ ๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๖ มีการฉายภาพยนตร์คือ มหาภัยใต้ทะเล | ''' '''สถาปัตยกรรมเป็นแบบเรียบง่ายผสมผสานระหว่างแบบตะวันตกกับแบบไทย เรียกว่า International หรือ Modern Style ตัวอาคารมีพื้นที่ 400 ตารางวา จำนวน 3 ชั้น ภายในตกแต่งอย่างวิจิตรงดงามด้วยศิลปแบบไทย กลางห้องโถงใหญ่จะเห็นแผ่นฉลุลายเทพพนมปฐมพรหมสี่หน้า คล้ายหนังตะลุง ซึ่งเป็นท่ารำเบื้องต้นของผู้ที่เรียนนาฏศิลป์ประดับอยู่บนฝาผนัง มีระบบไฟและระบบเสียงที่สมบูรณ์ มีระบบเปิด-ปิดม่านอัตโนมัต มีการใช้เครื่องปรับอากาศเป็นแห่งแรกของเมื่องไทย ความโดดเด่นคือไม่มีเสากลางห้องที่อาจบังสายตาเวลาชมภาพยนตร์ จัดฉายภาพยนตร์ต่างชาติเสียงในฟิล์ม เป็นโรงภาพยนตร์ที่ “สวยที่สุดในเอเซียตะวันออก” และ “เก๋มาก…เหมือนอยู่ในปารีส” ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยาศรีพิพัฒน์ รัตนราชโกษาธิบดี (หม่อมราชวงศ์ มูล ดารากร) เป็นผู้แทนพระองค์ ประกอบพิธีเปิด ในวันที่ ๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๖ มีการฉายภาพยนตร์คือ มหาภัยใต้ทะเล | ||
'''ศาลาเฉลิมกรุงยุคแรก''' | ''''''ศาลาเฉลิมกรุงยุคแรก'''''' | ||
นอกเหนือจากการสร้างศาลาเฉลิมกรุงแล้วพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวยังทรงเห็นว่าการดำเนินการโรงภาพยนตร์จำเป็นต้องมีผู้ดูแลและบริหารงาน | ''' '''นอกเหนือจากการสร้างศาลาเฉลิมกรุงแล้วพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวยังทรงเห็นว่าการดำเนินการโรงภาพยนตร์จำเป็นต้องมีผู้ดูแลและบริหารงาน จึงทรงมีพระราชดำริให้จัดตั้งบริษัทและโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามให้ว่า “บริษัทสหศินีมา จำกัด (The United Cinema Company Limited)” จดทะเบียนการค้าเมื่อวันที่ ๑๗ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๕ เนื่องเพราะสยามภาพยนตร์บริษัทประสบความขาดทุนมีหนี้สินล้นพ้น และได้โอนกิจการให้แก่บริษัทสหศินิมา จำกัด ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่อแก่โรงภาพยนตร์ในเครือให้คล้องจองกับชื่อเฉลิมกรุง ว่าเฉลิมบุรี (สิงคโปร์เดิม) เฉลิมธานี (นางเลิ้งเดิม) เฉลิมเวียง เฉลิมนคร เฉลิมรัฐ และเฉลิมราษฎร์[[#_ftn3|[๓]]]''' | ||
ระหว่าง พ.ศ. ๒๔๗๖-๒๔๘๖ ศาลาเฉลิมกรุงจัดฉายภาพยนตร์เสียงในฟิล์มจากต่างประเทศเท่านั้น | ''' ''' ระหว่าง พ.ศ. ๒๔๗๖-๒๔๘๖ ศาลาเฉลิมกรุงจัดฉายภาพยนตร์เสียงในฟิล์มจากต่างประเทศเท่านั้น | ||
'''ศาลาเฉลิมกรุงยุคเฟื่องฟู''' | ''''''ศาลาเฉลิมกรุงยุคเฟื่องฟู'''''' | ||
หลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ เป็นยุคทองของภาพยนตร์ที่ผลิตเองในประเทศไทย โรงภาพยนตร์เฉลิมกรุงจัดฉายภาพยนตร์ไทยหลายต่อหลายเรื่อง ทั้งยังเกิดธรรมเนียมใหม่คือการจัดรอบปฐมทัศน์เพื่อโปรโมทภาพยนตร์และมีการแสดงดนตรีก่อนฉาย ศาลาเฉลิมกรุงจึงเป็นที่นัดพบกันระหว่างดารา นักแสดง ผู้กับกับภาพยนตร์ ฯลฯ | ''' ''' หลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ เป็นยุคทองของภาพยนตร์ที่ผลิตเองในประเทศไทย โรงภาพยนตร์เฉลิมกรุงจัดฉายภาพยนตร์ไทยหลายต่อหลายเรื่อง ทั้งยังเกิดธรรมเนียมใหม่คือการจัดรอบปฐมทัศน์เพื่อโปรโมทภาพยนตร์และมีการแสดงดนตรีก่อนฉาย ศาลาเฉลิมกรุงจึงเป็นที่นัดพบกันระหว่างดารา นักแสดง ผู้กับกับภาพยนตร์ ฯลฯ | ||
'''ศาลาเฉลิมกรุงยุคปัจจุบัน''' | ''''''ศาลาเฉลิมกรุงยุคปัจจุบัน''' ''' | ||
ปัจจุบัน ศาลาเฉลิมกรุงซึ่งบริษัทสหศินิมา จำกัด ในสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์เป็นผู้จัดการดูแลยังคงทำหน้าที่ฉายภาพยนตร์และจัดการแสดงต่างๆ เช่นละครเวที คอนเสริท์ ชั้นแรกจะเป็นห้องโถงใหญ่ที่มีห้องจำหน่ายตั๋วเข้าชมภาพยนตร์หรือละครเวทีต่าง ชั้น ๒ ของอาคารประกอบด้วยห้องรับรองชื่อว่าห้องเมขลา ภายในมีพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวประดิษฐานอยู่กลางผนัง และมีตู้โชว์อุปกรณ์เครื่องใช้ที่เกี่ยวข้องกับวงการภาพยนตร์ไทย อาทิ เครื่องคิดเลข แผ่นกระจกโฆษณาในสมัยอดีต เครื่องพิมพ์ดีด เป็นต้น ตรงข้ามกับห้องเมขลาเป็นโรงภาพยนตร์ของศาลาเฉลิมกรุงซึ่งมีเพียงห้องเดียวซึ่งในอดีตถือว่าใหญ่และทันสมัยมากที่สุด ปัจจุบันได้ทำการปรับปรุงพื้นใหม่ให้เหลือ ๖๐๐ ที่นั่งจากเดิม แบ่งเป็นด้านล่าง ๔๘๐ ที่นั่ง ด้านบน ๑๒๐ ที่นั่ง โดยทั้งข้างซ้ายและข้างขวาจะมีประตูลายรดน้ำ ส่วนชั้น 3 เป็นห้องโถงใหญ่ซึ่งเป็นที่ทำงานของมูลนิธิศาลาเฉลิมกรุง และแบ่งอีกห้องหนึ่งซึ่งแต่เดิมเป็นห้องชมภาพยนตร์ขนาดเล็กซึ่งจัดถวายพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ประดับประดาอย่างสวยงามและคงสภาพเดิมไว้ให้ได้มากที่สุด | ''' ''' ปัจจุบัน ศาลาเฉลิมกรุงซึ่งบริษัทสหศินิมา จำกัด ในสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์เป็นผู้จัดการดูแลยังคงทำหน้าที่ฉายภาพยนตร์และจัดการแสดงต่างๆ เช่นละครเวที คอนเสริท์ ชั้นแรกจะเป็นห้องโถงใหญ่ที่มีห้องจำหน่ายตั๋วเข้าชมภาพยนตร์หรือละครเวทีต่าง ชั้น ๒ ของอาคารประกอบด้วยห้องรับรองชื่อว่าห้องเมขลา ภายในมีพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวประดิษฐานอยู่กลางผนัง และมีตู้โชว์อุปกรณ์เครื่องใช้ที่เกี่ยวข้องกับวงการภาพยนตร์ไทย อาทิ เครื่องคิดเลข แผ่นกระจกโฆษณาในสมัยอดีต เครื่องพิมพ์ดีด เป็นต้น ตรงข้ามกับห้องเมขลาเป็นโรงภาพยนตร์ของศาลาเฉลิมกรุงซึ่งมีเพียงห้องเดียวซึ่งในอดีตถือว่าใหญ่และทันสมัยมากที่สุด ปัจจุบันได้ทำการปรับปรุงพื้นใหม่ให้เหลือ ๖๐๐ ที่นั่งจากเดิม แบ่งเป็นด้านล่าง ๔๘๐ ที่นั่ง ด้านบน ๑๒๐ ที่นั่ง โดยทั้งข้างซ้ายและข้างขวาจะมีประตูลายรดน้ำ ส่วนชั้น 3 เป็นห้องโถงใหญ่ซึ่งเป็นที่ทำงานของมูลนิธิศาลาเฉลิมกรุง และแบ่งอีกห้องหนึ่งซึ่งแต่เดิมเป็นห้องชมภาพยนตร์ขนาดเล็กซึ่งจัดถวายพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ประดับประดาอย่างสวยงามและคงสภาพเดิมไว้ให้ได้มากที่สุด | ||
| ''' ''' | ||
'''บรรณานุกรม''' | ''''''บรรณานุกรม'''''' | ||
โดม สุขวงศ์. (๒๕๓๗). พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ กับภาพยนตร์ ในเอกสารประกอบการประชุมวิชาการเนื่องในวาระครบรอบ ๑๐๐ ปี พระราชสมภพพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เรื่อง สังคมไทยในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว จัดทำโดยสถาบันไทยคดีศึกษาและฝ่ายวิจัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วันที่ ๗-๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๓๗. | ''' ''' โดม สุขวงศ์. (๒๕๓๗). พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ กับภาพยนตร์ ในเอกสารประกอบการประชุมวิชาการเนื่องในวาระครบรอบ ๑๐๐ ปี พระราชสมภพพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เรื่อง สังคมไทยในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว จัดทำโดยสถาบันไทยคดีศึกษาและฝ่ายวิจัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วันที่ ๗-๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๓๗. | ||
พระปกเกล้า, พระบาทสมเด็จพระ. (๒๔๙๒). พระราชหัตถเลขาพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชทานพระธิดาสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระนครสวรรค์พินิตในคราวเสด็จพระพาสเกาะชวา เมื่อปีมะเส็ง พ.ศ. ๒๔๗๒. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์อักษรนิติ. | ''' ''' พระปกเกล้า, พระบาทสมเด็จพระ. (๒๔๙๒). พระราชหัตถเลขาพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชทานพระธิดาสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระนครสวรรค์พินิตในคราวเสด็จพระพาสเกาะชวา เมื่อปีมะเส็ง พ.ศ. ๒๔๗๒. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์อักษรนิติ. | ||
'''<u>เว็บไซต์</u>''' | ''''''<u>เว็บไซต์</u>'''''' | ||
ศาลาเฉลิมกรุง: www. salachalermkrung.com | ศาลาเฉลิมกรุง: www. salachalermkrung.com | ||
บรรทัดที่ 46: | บรรทัดที่ 46: | ||
สมคิด แซ่คู : [http://www.dailynews.co.th/entertainment/326824 http://www.dailynews.co.th/entertainment/326824] | สมคิด แซ่คู : [http://www.dailynews.co.th/entertainment/326824 http://www.dailynews.co.th/entertainment/326824] | ||
'''อ้างอิง ''' | ''''''อ้างอิง '''''' | ||
<div> | <div> | ||
---- | ---- | ||
<div id="ftn1"> | <div id="ftn1"> | ||
[[#_ftnref1|[๑]]] โดม สุขวงศ์. (๒๕๓๗). พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ กับภาพยนตร์ ในเอกสารประกอบการประชุมวิชาการเนื่องในวาระครบรอบ ๑๐๐ ปี พระราชสมภพพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เรื่อง สังคมไทยในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว จัดทำโดยสถาบันไทยคดีศึกษาและฝ่ายวิจัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วันที่ ๗-๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๓๗, หน้า ๓๑-๓๒. | [[#_ftnref1|[๑]]]'''โดม สุขวงศ์. (๒๕๓๗). พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ กับภาพยนตร์ ในเอกสารประกอบการประชุมวิชาการเนื่องในวาระครบรอบ ๑๐๐ ปี พระราชสมภพพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เรื่อง สังคมไทยในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว จัดทำโดยสถาบันไทยคดีศึกษาและฝ่ายวิจัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วันที่ ๗-๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๓๗, หน้า ๓๑-๓๒. | ||
</div> <div id="ftn2"> | </div> <div id="ftn2"> | ||
[[#_ftnref2|[๒]]] พระปกเกล้า, พระบาทสมเด็จพระ. (๒๔๙๒). พระราชหัตถเลขาพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชทานพระธิดาสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระนครสวรรค์พินิตในคราวเสด็จพระพาสเกาะชวา เมื่อปีมะเส็ง พ.ศ. ๒๔๗๒. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์อักษรนิติ, หน้า ๖๖. | [[#_ftnref2|[๒]]] พระปกเกล้า, พระบาทสมเด็จพระ. (๒๔๙๒). พระราชหัตถเลขาพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชทานพระธิดาสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระนครสวรรค์พินิตในคราวเสด็จพระพาสเกาะชวา เมื่อปีมะเส็ง พ.ศ. ๒๔๗๒. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์อักษรนิติ, หน้า ๖๖. | ||
บรรทัดที่ 57: | บรรทัดที่ 57: | ||
| | ||
</div> </div> | </div> </div> | ||
[[Category:พระปกเกล้าศึกษา]] | |||
[[ |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 11:58, 19 พฤษภาคม 2560
ผู้เรียบเรียง : ม.ร.ว.พฤทธิสาณ ชุมพล
ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ :รองศาสตราจารย์ ดร.สนธิ เตชานันท์
'สภาพโรงภาพยนตร์ก่อนมีศาลาเฉลิมกรุง'
แต่เดิมมาจนในช่วงต้นๆ ของสมัยรัชกาลที่ ๗ โรงภาพยนตร์เกือบทั้งหมดในกรุงเทพฯ และในสยามเป็นโรงขนาดเล็กที่ดูซอมซ่อ คือเป็นอาคารไม้หลังคามุงสังกะสี แม้แต่โรงภาพยนตร์พัฒนาการซึ่งตั้งอยู่บนถนนเจริญกรุงที่สามแยกซึ่งดีที่สุดก็เป็นเช่นนั้น โรงนี้เป็นของสยามภาพยนตร์บริษัท ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ในเวลานั้น ส่วนโรงอื่นๆ มีเช่น โรงพัฒนารมย์บนถนนเจริญกรุงเช่นกัน โรงบางรัก โรงบางลำพู โรงนางเลิ้ง โรงสาธร โรงนาครเกษมที่เวิ้งวัดตึก เป็นต้น[๑]
'กำเนิดศาลาเฉลิมกรุง'
เมื่อพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินประพาสเกาะชวา ใน พ.ศ. ๒๔๗๒ พระองค์ได้เสด็จฯ ไปทอดพระเนตรภาพยนตร์ที่โรงภาพยนตร์ในเมืองบันดุงเมื่อวันที่ ๑๕ สิงหาคม ทรงไว้ในพระราชหัตถเลขาส่วนพระองค์ว่า โรงหนังก่อนเป็นตึก... “โรงหนังของเราเมื่อไรจะมีดีๆ เสียบ้างก็ไม่ทราบ เงินก็ได้เป็นกอง เดี่ยวนี้ออกจะน่าขายหน้าเต็มที ไม่สมควรกับเมืองหลวงของประเทศที่ “ซิวิไลส์” เลย”[๒]
ครั้นเสด็จฯ กลับมา ทรงมีพระราชดำริจะสร้างโรงภาพยนตร์ที่ทันสมัยขึ้น แผนการเป็นรูปเป็นร่างแล้ว จึงมีรายงานข่าวอย่างละเอียดในหน้าหนังสือพิมพ์เมื่อเดือนมกราคม พ.ศ. ๒๔๗๓ ว่าจะเป็นโรงตึกทันสมัย สร้างที่เวิ้งสนามน้ำจืด ตรงที่ถนนเจริญกรุงตัดกับถนนตรีเพชร
ศาลาเฉลิมกรุงนี้ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นในวโรกาสเฉลิมพระนครครบ ๑๕๐ ปี เพื่อเป็นศรีสง่าแก่พระนคร มีหม่อมเจ้าสมัยเฉลิม กฤดากร ทรงเป็นสถาปนิกออกแบบและควบคุมการก่อสร้าง นายนารถ โพธิปราสาท เป็นวิศวกร
'สถาปัตยกรรม'
สถาปัตยกรรมเป็นแบบเรียบง่ายผสมผสานระหว่างแบบตะวันตกกับแบบไทย เรียกว่า International หรือ Modern Style ตัวอาคารมีพื้นที่ 400 ตารางวา จำนวน 3 ชั้น ภายในตกแต่งอย่างวิจิตรงดงามด้วยศิลปแบบไทย กลางห้องโถงใหญ่จะเห็นแผ่นฉลุลายเทพพนมปฐมพรหมสี่หน้า คล้ายหนังตะลุง ซึ่งเป็นท่ารำเบื้องต้นของผู้ที่เรียนนาฏศิลป์ประดับอยู่บนฝาผนัง มีระบบไฟและระบบเสียงที่สมบูรณ์ มีระบบเปิด-ปิดม่านอัตโนมัต มีการใช้เครื่องปรับอากาศเป็นแห่งแรกของเมื่องไทย ความโดดเด่นคือไม่มีเสากลางห้องที่อาจบังสายตาเวลาชมภาพยนตร์ จัดฉายภาพยนตร์ต่างชาติเสียงในฟิล์ม เป็นโรงภาพยนตร์ที่ “สวยที่สุดในเอเซียตะวันออก” และ “เก๋มาก…เหมือนอยู่ในปารีส” ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยาศรีพิพัฒน์ รัตนราชโกษาธิบดี (หม่อมราชวงศ์ มูล ดารากร) เป็นผู้แทนพระองค์ ประกอบพิธีเปิด ในวันที่ ๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๖ มีการฉายภาพยนตร์คือ มหาภัยใต้ทะเล
'ศาลาเฉลิมกรุงยุคแรก'
นอกเหนือจากการสร้างศาลาเฉลิมกรุงแล้วพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวยังทรงเห็นว่าการดำเนินการโรงภาพยนตร์จำเป็นต้องมีผู้ดูแลและบริหารงาน จึงทรงมีพระราชดำริให้จัดตั้งบริษัทและโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามให้ว่า “บริษัทสหศินีมา จำกัด (The United Cinema Company Limited)” จดทะเบียนการค้าเมื่อวันที่ ๑๗ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๕ เนื่องเพราะสยามภาพยนตร์บริษัทประสบความขาดทุนมีหนี้สินล้นพ้น และได้โอนกิจการให้แก่บริษัทสหศินิมา จำกัด ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่อแก่โรงภาพยนตร์ในเครือให้คล้องจองกับชื่อเฉลิมกรุง ว่าเฉลิมบุรี (สิงคโปร์เดิม) เฉลิมธานี (นางเลิ้งเดิม) เฉลิมเวียง เฉลิมนคร เฉลิมรัฐ และเฉลิมราษฎร์[๓]
ระหว่าง พ.ศ. ๒๔๗๖-๒๔๘๖ ศาลาเฉลิมกรุงจัดฉายภาพยนตร์เสียงในฟิล์มจากต่างประเทศเท่านั้น
'ศาลาเฉลิมกรุงยุคเฟื่องฟู'
หลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ เป็นยุคทองของภาพยนตร์ที่ผลิตเองในประเทศไทย โรงภาพยนตร์เฉลิมกรุงจัดฉายภาพยนตร์ไทยหลายต่อหลายเรื่อง ทั้งยังเกิดธรรมเนียมใหม่คือการจัดรอบปฐมทัศน์เพื่อโปรโมทภาพยนตร์และมีการแสดงดนตรีก่อนฉาย ศาลาเฉลิมกรุงจึงเป็นที่นัดพบกันระหว่างดารา นักแสดง ผู้กับกับภาพยนตร์ ฯลฯ
'ศาลาเฉลิมกรุงยุคปัจจุบัน'
ปัจจุบัน ศาลาเฉลิมกรุงซึ่งบริษัทสหศินิมา จำกัด ในสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์เป็นผู้จัดการดูแลยังคงทำหน้าที่ฉายภาพยนตร์และจัดการแสดงต่างๆ เช่นละครเวที คอนเสริท์ ชั้นแรกจะเป็นห้องโถงใหญ่ที่มีห้องจำหน่ายตั๋วเข้าชมภาพยนตร์หรือละครเวทีต่าง ชั้น ๒ ของอาคารประกอบด้วยห้องรับรองชื่อว่าห้องเมขลา ภายในมีพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวประดิษฐานอยู่กลางผนัง และมีตู้โชว์อุปกรณ์เครื่องใช้ที่เกี่ยวข้องกับวงการภาพยนตร์ไทย อาทิ เครื่องคิดเลข แผ่นกระจกโฆษณาในสมัยอดีต เครื่องพิมพ์ดีด เป็นต้น ตรงข้ามกับห้องเมขลาเป็นโรงภาพยนตร์ของศาลาเฉลิมกรุงซึ่งมีเพียงห้องเดียวซึ่งในอดีตถือว่าใหญ่และทันสมัยมากที่สุด ปัจจุบันได้ทำการปรับปรุงพื้นใหม่ให้เหลือ ๖๐๐ ที่นั่งจากเดิม แบ่งเป็นด้านล่าง ๔๘๐ ที่นั่ง ด้านบน ๑๒๐ ที่นั่ง โดยทั้งข้างซ้ายและข้างขวาจะมีประตูลายรดน้ำ ส่วนชั้น 3 เป็นห้องโถงใหญ่ซึ่งเป็นที่ทำงานของมูลนิธิศาลาเฉลิมกรุง และแบ่งอีกห้องหนึ่งซึ่งแต่เดิมเป็นห้องชมภาพยนตร์ขนาดเล็กซึ่งจัดถวายพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ประดับประดาอย่างสวยงามและคงสภาพเดิมไว้ให้ได้มากที่สุด
'บรรณานุกรม'
โดม สุขวงศ์. (๒๕๓๗). พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ กับภาพยนตร์ ในเอกสารประกอบการประชุมวิชาการเนื่องในวาระครบรอบ ๑๐๐ ปี พระราชสมภพพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เรื่อง สังคมไทยในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว จัดทำโดยสถาบันไทยคดีศึกษาและฝ่ายวิจัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วันที่ ๗-๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๓๗.
พระปกเกล้า, พระบาทสมเด็จพระ. (๒๔๙๒). พระราชหัตถเลขาพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชทานพระธิดาสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระนครสวรรค์พินิตในคราวเสด็จพระพาสเกาะชวา เมื่อปีมะเส็ง พ.ศ. ๒๔๗๒. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์อักษรนิติ.
'เว็บไซต์'
ศาลาเฉลิมกรุง: www. salachalermkrung.com
สมคิด แซ่คู : http://www.dailynews.co.th/entertainment/326824
'อ้างอิง '
[๑]โดม สุขวงศ์. (๒๕๓๗). พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ กับภาพยนตร์ ในเอกสารประกอบการประชุมวิชาการเนื่องในวาระครบรอบ ๑๐๐ ปี พระราชสมภพพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เรื่อง สังคมไทยในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว จัดทำโดยสถาบันไทยคดีศึกษาและฝ่ายวิจัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วันที่ ๗-๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๓๗, หน้า ๓๑-๓๒.
[๒] พระปกเกล้า, พระบาทสมเด็จพระ. (๒๔๙๒). พระราชหัตถเลขาพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชทานพระธิดาสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระนครสวรรค์พินิตในคราวเสด็จพระพาสเกาะชวา เมื่อปีมะเส็ง พ.ศ. ๒๔๗๒. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์อักษรนิติ, หน้า ๖๖.
[๓] โดม สุขวงศ์. (๒๕๓๗). พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ กับภาพยนตร์ ในเอกสารประกอบการประชุมวิชาการเนื่องในวาระครบรอบ ๑๐๐ ปี พระราชสมภพพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เรื่อง สังคมไทยในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว จัดทำโดยสถาบันไทยคดีศึกษาและฝ่ายวิจัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วันที่ ๗-๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๓๗, หน้า ๓๖.