ผลต่างระหว่างรุ่นของ "พระราชดำริ “การศึกษาไม่ควรแยกออกจากวัด”"

จาก ฐานข้อมูลการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า
Apirom (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Suksan (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
 
บรรทัดที่ 1: บรรทัดที่ 1:
พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชประสงค์ที่จะให้เยาวชนได้ใกล้ชิดกับศาสนาเช่นที่เคยเป็นมา ด้วยทรงมีพระราชดำริว่าศาสนาจะสามารถช่วยให้เยาวชนได้ประพฤติปฏิบัติดี และดังนั้น "การศึกษาไม่ควรแยกออกจากวัด"  ด้วยเหตุนี้จึงทรงมีพระราชปรารภวิงวอนพระภิกษุสงฆ์ให้เป็นธุระในการอบรมสั่งสอนศีลธรรมจรรยา ความประพฤติแก่เยาวชน เพื่อการนี้สมเด็จพระสังฆราชเจ้า ทรงออกประกาศให้พระภิกษุสงฆ์ทำการสอนจรรยาแก่นักเรียนตามโรงเรียน และด้วยพระราชประสงค์ในพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวที่จะส่งเสริมให้เยาวชนมีความเข้าใจจริงและศรัทธาในพระพุทธศาสนาจึงโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้พิมพ์พระนิพนธ์ของสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส เรื่อง พุทธมามกะ พระราชทานเป็นประเดิมในปี ๒๔๗๐ แล้วให้ราชบัณฑิตยสภาจัดประกวดแต่งหนังสือสอนพระพุทธศาสนาแก่เด็กปีละครั้ง โดยแต่งตามหลักในพระไตรปิฎกและมิให้กล่าวอธิบายความในลักษณะย่ำยีศาสนาอื่น อีกทั้งต้องให้ง่ายพอที่เด็กอายุ ๑๐ ขวบจะเข้าใจได้
[[พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว]]ทรงมีพระราชประสงค์ที่จะให้เยาวชนได้ใกล้ชิดกับศาสนาเช่นที่เคยเป็นมา ด้วยทรงมีพระราชดำริว่าศาสนาจะสามารถช่วยให้เยาวชนได้ประพฤติปฏิบัติดี และดังนั้น "การศึกษาไม่ควรแยกออกจากวัด"  ด้วยเหตุนี้จึงทรงมีพระราชปรารภวิงวอนพระภิกษุสงฆ์ให้เป็นธุระในการอบรมสั่งสอนศีลธรรมจรรยา ความประพฤติแก่เยาวชน เพื่อการนี้สมเด็จพระสังฆราชเจ้า ทรงออกประกาศให้พระภิกษุสงฆ์ทำการสอนจรรยาแก่นักเรียนตามโรงเรียน และด้วยพระราชประสงค์ในพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวที่จะส่งเสริมให้เยาวชนมีความเข้าใจจริงและศรัทธาในพระพุทธศาสนาจึงโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้พิมพ์พระนิพนธ์ของสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส เรื่อง พุทธมามกะ พระราชทานเป็นประเดิมในปี ๒๔๗๐ แล้วให้ราชบัณฑิตยสภาจัดประกวดแต่งหนังสือสอนพระพุทธศาสนาแก่เด็กปีละครั้ง โดยแต่งตามหลักในพระไตรปิฎกและมิให้กล่าวอธิบายความในลักษณะย่ำยีศาสนาอื่น อีกทั้งต้องให้ง่ายพอที่เด็กอายุ ๑๐ ขวบจะเข้าใจได้


หนังสือที่ได้รับรางวัลที่หนึ่งและตีพิมพ์พระราชทานในรัชกาลในปี  ๒๔๗๑ ถึง ๒๔๗๗ มี ๖ เรื่อง คือ เรื่องสาสนคุณ  เรื่องอริยทรัพย์  เรื่องทิศ ๖  เรื่องอบายมุข ๖ เรื่องทิฏฐธัมมิกัตถประโยชน์ ๙ ประการ และเรื่องสัมปรายิทัตถะประโยชน์ ๔ ประการ  
หนังสือที่ได้รับรางวัลที่หนึ่งและตีพิมพ์พระราชทานในรัชกาลในปี  ๒๔๗๑ ถึง ๒๔๗๗ มี ๖ เรื่อง คือ เรื่องสาสนคุณ  เรื่องอริยทรัพย์  เรื่องทิศ ๖  เรื่องอบายมุข ๖ เรื่องทิฏฐธัมมิกัตถประโยชน์ ๙ ประการ และเรื่องสัมปรายิทัตถะประโยชน์ ๔ ประการ  

รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 16:00, 11 กุมภาพันธ์ 2559

พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชประสงค์ที่จะให้เยาวชนได้ใกล้ชิดกับศาสนาเช่นที่เคยเป็นมา ด้วยทรงมีพระราชดำริว่าศาสนาจะสามารถช่วยให้เยาวชนได้ประพฤติปฏิบัติดี และดังนั้น "การศึกษาไม่ควรแยกออกจากวัด" ด้วยเหตุนี้จึงทรงมีพระราชปรารภวิงวอนพระภิกษุสงฆ์ให้เป็นธุระในการอบรมสั่งสอนศีลธรรมจรรยา ความประพฤติแก่เยาวชน เพื่อการนี้สมเด็จพระสังฆราชเจ้า ทรงออกประกาศให้พระภิกษุสงฆ์ทำการสอนจรรยาแก่นักเรียนตามโรงเรียน และด้วยพระราชประสงค์ในพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวที่จะส่งเสริมให้เยาวชนมีความเข้าใจจริงและศรัทธาในพระพุทธศาสนาจึงโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้พิมพ์พระนิพนธ์ของสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส เรื่อง พุทธมามกะ พระราชทานเป็นประเดิมในปี ๒๔๗๐ แล้วให้ราชบัณฑิตยสภาจัดประกวดแต่งหนังสือสอนพระพุทธศาสนาแก่เด็กปีละครั้ง โดยแต่งตามหลักในพระไตรปิฎกและมิให้กล่าวอธิบายความในลักษณะย่ำยีศาสนาอื่น อีกทั้งต้องให้ง่ายพอที่เด็กอายุ ๑๐ ขวบจะเข้าใจได้

หนังสือที่ได้รับรางวัลที่หนึ่งและตีพิมพ์พระราชทานในรัชกาลในปี ๒๔๗๑ ถึง ๒๔๗๗ มี ๖ เรื่อง คือ เรื่องสาสนคุณ เรื่องอริยทรัพย์ เรื่องทิศ ๖ เรื่องอบายมุข ๖ เรื่องทิฏฐธัมมิกัตถประโยชน์ ๙ ประการ และเรื่องสัมปรายิทัตถะประโยชน์ ๔ ประการ ทั้งนี้ได้ ทรงพระราชนิพนธ์คำนำด้วยพระองค์เองไว้อย่างน่าสนใจจำนวนทั้งสิ้น ๖ องค์ การส่งเสริมพระพุทธศาสนาสำหรับเด็กและเยาวชนในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวนั้นนับเป็นพระบรมราโชบายที่สำคัญยิ่งสำหรับการพัฒนาเยาวชนของชาติและยังคงมีการดำเนินการสืบมาจนปัจจุบัน

ที่มา

บทสารคดี “ปกเกล้าธรรมราชา” สารคดีเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่ในวโรกาสครบ ๑๒๐ ปี แห่งวันพระบรมราชสมภพและเป็นบุคคลสำคัญของโลก โดยองค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ประจำปี ๒๕๕๖