ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ลูกเสือชาวบ้านกับการเมืองไทย"
หน้าที่ถูกสร้างด้วย ''''ผู้เรียบเรียง''' พิสิษฐิกุล แก้วงาม ---- '''ผู้ทรงคุณ...' |
ลไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัดที่ 51: | บรรทัดที่ 51: | ||
จดหมายพระสุรินทร์ วัดพรหมโลก กิ่ง อ.พรหมคีรี นครศรีธรรมราช วันที่ 24 ตุลาคม 2520 http://www.2519.net/autopage/show_page.php?t=3&s_id=48&d_id=49 | จดหมายพระสุรินทร์ วัดพรหมโลก กิ่ง อ.พรหมคีรี นครศรีธรรมราช วันที่ 24 ตุลาคม 2520 http://www.2519.net/autopage/show_page.php?t=3&s_id=48&d_id=49 | ||
[[หมวดหมู่:เหตุการณ์สำคัญทางการเมืองไทย สมัย พ.ศ. 2501-2519]] | [[หมวดหมู่:เหตุการณ์สำคัญทางการเมืองไทย สมัย พ.ศ. 2501-2519]] |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 14:17, 29 มีนาคม 2554
ผู้เรียบเรียง พิสิษฐิกุล แก้วงาม
ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ รองศาสตราจารย์นรนิติ เศรษฐบุตร และ รองศาสตราจารย์ ดร.นิยม รัฐอมฤต
กิจการลูกเสือชาวบ้าน เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ พ.ศ. 2512 บุคคลที่มีบทบาทในการก่อตั้งคือ พลตำรวจตรี สมควร หริกุล ผู้กำกับตำรวจชายแดนเขต 4 พลตำรวจตรี เจริญฤทธิ์ จำรัสโรมรัน รองผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ร่วมมือกับข้าราชการท้องถิ่นอีกหลายคน ได้จัดการอบรมลูกเสือชาวบ้านรุ่นที่ 1 เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2514 ที่อำเภอบ้านเหล่ากอหก ตำบลแสงพา อำเภอนาแห้ว (ด่านซ้าย) จังหวัดเลย จุดมุ่งหมายเริ่มแรกของการจัดตั้งลูกเสือชาวบ้านก็คือ การสร้างความสามัคคีในหมู่ข้าราชการ และประชาชน เพื่อให้ประชาชนช่วยส่งข่าวและรวบรวมข้อมูลให้กับทางราชการเกี่ยวกับคอมมิวนิสต์ ด้วยการทดลองจัดตั้งสมาชิกอาสาตำรวจตระเวนชายแดน การจัดตั้งชุดคุ้มครองตำบล การฝึกชาวบ้านให้รู้จักรักษาความปลอดภัยในหมู่บ้านของตนเอง นำเอาวิธีการลูกเสือ มาประยุกต์ใช้และเริ่มดำเนินการฝึกอบรมครั้งแรก เมื่อวันที่ 9 - 12 สิงหาคม พ.ศ. 2514 ที่ และในวันที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2515ได้รับพระมหากรุณาธิคุณ จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถเสด็จทอดพระเนตรกิจกรรม และฟังบรรยายสรุปถวาย ณ กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนเขต 4 (ปัจจุบันคือ กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 24) ค่ายเสนีย์รณยุทธ อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี พระองค์ทรงรับกิจการลูกเสือชาวบ้าน ไว้ในพระราชานุเคราะห์ พร้อมทั้งพระราชทานผ้าผูกคอพระราชทานลูกเสือ ชาวบ้าน และยังพระราชทานธงประจำรุ่น ให้แก่ลูกเสือชาวบ้านทุกรุ่น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระบรมราชินี โปรดเกล้าฯให้สมุหราชองครักษ์ ทำหนังสือถึงกระทรวงมหาดไทย ตามหนังสือของกรมราชองครักษ์ที่ กห.0204/2477 ลงวันที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2515 ให้แจ้งให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด สนับสนุนกิจการลูกเสือชาวบ้าน โดยให้ความร่วมมือกับตำรวจตระเวนชายแดน
ผู้เข้ารับการฝึกเป็นลูกเสือชาวบ้านแต่ละกลุ่มประกอบด้วยผู้ใหญ่ 300-500 คน แต่ละกลุ่มจะได้รับการฝึกเป็นเวลา 5 วันโดยผู้นำ 30 - 50 คน อยู่ใต้คำสั่งของ ตชด.โดยตรง แต่ละกลุ่มจะถูกแบ่งออกเป็นกลุ่มย่อย กลุ่มละ 10 คนระหว่างการฝึกฝน พวกเขาทำงานและเล่นด้วยกัน พวกเขารำไทยและร้องเพลงไทย และถูกปลูกฝังให้อุทิศตัวให้สามสถาบันของรัฐอย่างถวายหัว สามสถาบันนี้ได้แก่ ชาติ ศาสนา และกษัตริย์ ซึ่งกระบวนการดังกล่าวเคยถูกใช้มาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2463 เพื่อระดมพลชาวนาและกรรมกรเพื่อบรรลุจุดประสงค์ของรัฐ
ขบวนการนี้ยังได้อ้างเรื่องความเป็นเชื้อชาติไทย ชาวบ้านที่เข้ารับการฝึกคนหนึ่งให้ข้อสังเกต วิทยากรที่อบรมเขาได้รับการฝึกวิชาจิตวิทยามา เห็นได้ชัดว่ามันเป็นปฏิบัติการการรบเชิงจิตวิทยาที่ได้มาจากหน่วยรบเชิงจิตวิทยาของสหรัฐฯที่ดำเนินการต่อต้านการก่อการร้ายในประเทศไทยมาเป็นเวลาหลายปี ในวันสุดท้ายของการอบรม ลูกเสือชาวบ้านถวายสัตย์ปฏิญาณว่าพวกเขาจะร่วมมือกันดูแลประเทศและจะปกป้องประเทศจากพวก"คอมมิวนิสต์" มีผู้วิเคราะห์ว่าลูกเสือชาวบ้านไทยเป็นความพยายามของชนชั้นสูงที่ล้มละลายทางสังคมที่ต้องการสร้างสัญลักษณ์ทางชาติพันธุ์ขึ้นมาเพื่อชักชวนให้ผู้ที่ถูกรังแกยอมรับสังคมแห่งการกดขี่ ในระยะหลังเหตุการณ์ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2516 กิจการลูกเสือชาวบ้านจึงขยายตัวอย่างมาก และมีนายทหารและนักการเมืองสำคัญเข้าร่วมหลายคน เช่น พลตรีชาติชาย ชุณหะวัณ ซึ่งเป็นผู้ตรวจการลูกเสือชาวบ้าน นายธรรมนูญ เทียนเงิน เป็นผู้อำนวยการลูกเสือชาวบ้านพระนคร
ช่วง พ.ศ. 2519 ลูกเสือชาวบ้านทั่วประเทศมีจำนวนหลายล้านคน มีทั้งเด็กผู้ใหญ่จนถึงคนชรา ส่วนมากแล้วจะถูกปลุกให้ยึดมั่นอยู่กับ”ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์” และกระหายจะกวาดล้างคอมมิวนิสต์หรือผู้ที่ที่คิดว่าเป็นคอมมิวนิสต์ ด้วยเหตุนี้ในกรณี 6 ตุลาคม เมื่อถูกปลุกว่านักศึกษาเป็นคอมมิวนิสต์ และหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ลูกเสือชาวบ้านก็กลายเป็นกำลังสำคัญที่ร่วมชุมนุมต่อต้านนักศึกษาที่พระบรมรูปทรงม้า จากข้อกล่าวหาดังกล่าว พลตำรวจโท สมควร หริกุล หนึ่งในผู้ก่อตั้งและแกนนำลูกเสือชาวบ้าน ให้สัมภาษณ์ถึงภารกิจของลูกเสือชาวบ้านในเหตุการณ์ครั้งนั้นไว้ว่า
“ที่ลูกเสือชาวบ้านมาเกี่ยวข้องในเหตุการณ์วันที่ 6 ตุลา เนื่องจากมีการแสดงละครที่ธรรมศาสตร์ โดยตัวละครที่แขวนคออยู่นั้น แต่งหน้าให้ดูเสมือนองค์รัชทายาท ทราบข่าวได้โดยหนังสือพิมพ์แพร่ข่าวออกมาให้เราเห็น ฉบับแรกคือ บางกอกโพสต์ ต่อมาจึงมีดาวสยาม ตอนที่เห็นรู้สึกตกใจมาก เราก็สืบสวนว่าใครมีแผนการอย่างไรในเรื่องนี้ เราไม่รู้ว่าใครทำ รู้แต่ว่าการทำอย่างนี้ไม่ได้เป็นผลดี เป็นผลเสีย ล่วงก้าวเข้าไปสู่สถาบันพระมหากษัตริย์ ราชบัลลังก์แล้ว ผมสืบสวนหลายทางก็ปรากฏว่า มีการดำเนินการเรื่องนี้ขึ้น เราก็ขอร้องให้ลูกเสือชาวบ้านมารวมตัว ลูกเสือชาวบ้านต้องการเพียงแต่ว่าอย่าให้สิ่งเหล่านี้เกี่ยวพันไปถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะเป็นที่รวมชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และจารีตประเพณี วัฒนธรรม การที่ลูกเสือชาวบ้านมารวมตัวกัน มีการเรียกชุมนุม เป็นความรู้สึกของเขาเอง เขามากันเอง มาคิดว่าจะทำอย่างไรกันดีที่จะไม่ให้มีการระคายเคืองต่อพระมหากษัตริย์และราชบัลลังก์ เราก็ได้ปรึกษากัน เราก็บอกเขาอย่าออกมาเพ่นพ่าน อย่ามาทำอะไรรุนแรง เราเพียงแต่มาชุมนุมแสดงเจตนารมณ์ของลูกเสือชาวบ้านที่เขาดิน ที่สนามม้านางเลิ้ง ที่วังสราญรมย์ และมีส่วนหนึ่งมาที่วัดบวรนิเวศฯ ซึ่งมีข่าวว่าจะถูกเผา เพราะว่ามีท่านจอมพลประภาสและจอมพลถนอมอยู่ที่นั่น เท่านั้นเอง”
พลตำรวจโทสมควร กล่าวว่า การชุมนุมของลูกเสือชาวบ้านเป็นการชุมนุมอย่างสงบ ไม่ได้ใช้ความรุนแรงแต่อย่างใด แต่อดีตแกนนำลูกเสือชาวบ้านมีมุมมองว่า กลุ่มพลังทุกฝ่ายรักชาติรักบ้านเมือง มีความคิดที่แตกต่างกัน
“ตอนนั้นเป็นความขัดแย้งทางความคิดอย่างเดียว คือ เรื่องความคิดเรา ต้องยอมรับว่านักศึกษาเขาไม่ใช่คนชั่วเลยนะ เพราะนักศึกษาทุกคนสนิทกัน พูดง่าย ๆ ว่าพูดกันเข้าใจ ไม่เคยขัดแย้งกับใครเลย นักศึกษา 50-60 คนเคยไปอยู่ที่อุดรฯ เขาไปเผยแพร่ประชาธิปไตย เราไม่เคยขัดแย้งกัน เรามีความเข้าใจ ทุกคนก็รักชาติบ้านเมือง ผู้ก่อการร้ายทุกคนก็รักชาติบ้านเมือง ผมมีความรู้สึกว่าทุกคนก็หวังดีต่อประเทศชาติทั้งนั้น ไม่มีใครเกลียดชังบ้านเมืองหรือเกลียดชังใคร แต่ความคิดต่างกันเท่านั้นเอง ตอนนั้นผมมองนักศึกษาที่ชุมนุมประท้วง ผมไม่ได้คิดตำหนิเขา ไม่ได้เห็นว่าเขาเสียหายอะไร แต่มีความคิดอย่างเดียวว่าล่วงเกินพระเจ้าอยู่หัวนะ ล่วงเกินราชบัลลังก์แล้ว ก็ไม่อยากให้ล่วงล้ำไป เพราะถ้าล่วงล้ำตรงนี้เราก็ไม่มีที่ยึดเหนี่ยวแล้ว เพราะในบ้านเมืองเราเชื่อใครไม่ได้อีกแล้ว คนอื่นเราเชื่อไม่ได้เลย มีองค์เดียวที่เราเชื่ออยู่ เป็นหลักให้เรา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระบรมฯ อย่าไปล่วงล้ำ ผมไม่ได้ตำหนิใครเลย ไม่ได้ว่าคนนั้นไม่ดี คนนี้เลวเลย ไม่ได้คิดเลย เพราะว่าเราทำใจได้ เราทำงานด้านประชาชน เรารู้ว่าเขาคิดอย่างไร เราคิดอย่างไร ความจริงผู้ก่อการร้ายเขารักชาติเหมือนกับเรานี่แหละ เราก็รัก แต่คนละทางกัน”
พลตำรวจโทสมควร ยังกล่าวด้วยว่าก่อนหน้าเกิดเหตุการณ์ 6 ตุลา มีการขโมยผ้าพันคอลูกเสือชาวบ้านไป และความรุนแรงที่เกิดขึ้นในวันนั้นไม่ใช่การกระทำของกลุ่มลูกเสือชาวบ้าน แต่มีมือที่สามเข้ามาแทรกแซง
“วันที่ 6 ตุลา มีลูกเสือชาวบ้านบางส่วนไปที่ธรรมศาสตร์ ไปดูเขา ผมอยู่ที่นี่ไม่ได้ไป มีคนอื่นไป แต่มีลูกเสือชาวบ้านคนหนึ่งไปตาย ตายเพราะถูกยิง ถูกใครยิงไม่ทราบ ที่ว่าในเหตุการณ์ 6 ตุลา มีภาพคนใส่ชุดลูกเสือชาวบ้าน และเอาผ้าพันคอไปลากศพคนข้างในนั้น ผมไม่เห็น คืออย่างนี้ ตอนนั้นผ้าพันคอเราหายไป ไม่ได้หายที่นี่นะ หายที่เพชรบูรณ์ หายไปหลายร้อยผืน ก่อน 6 ตุลาไม่นานเท่าไหร่ โดยที่ตำรวจนำไปแล้วถูกขโมย และในขณะนั้นผ้าพันคอมีการซื้อขายกันราคาตั้ง 5,000 บาท ลูกเสือชาวบ้านไม่ทำแน่ เพราะเราสอนเขาในลักษณะสร้างสรรค์มากกว่า เรื่องนี้ไม่มี เชื่อว่าไม่มี แต่คนที่แปลกปลอมเข้าไปเชื่อว่ามี ผมเชื่อว่าไม่ใช่ลูกเสือชาวบ้านที่ทำ ต้องมีมือที่สามเข้ามาแน่ ๆ อย่างภาพที่มีคนใส่ชุดลูกเสือชาวบ้านลากศพไป ผมไม่เห็นเลย ไม่ได้เห็น เขาว่ามีการถ่ายทอดภาพออกไป เห็นภาพผ้าพันคอลูกเสือชาวบ้านด้วย จนกระทั่งระดับโลกเขาประท้วงนะ ว่าลูกเสือเข้ามายุ่งกับการเมือง ความจริงมันไม่ใช่ลูกเสือชาวบ้าน เรามีความรู้สึกว่า นักศึกษาบางคนเขาเลื่อมใสลัทธิคอมมิวนิสต์จริง ๆ นะ เพราะว่าผมเข้าไปธรรมศาสตร์ ข้างตึกเศรษฐศาสตร์ เห็นบรรยากาศแล้วรู้สึกเป็นห่วง เพราะเขาไม่ได้เรียนกันจริง ๆ เขาวิเคราะห์วัฒนธรรม เขาวิเคราะห์สถาบันพระมหากษัตริย์ เขาวิเคราะห์ศาสนา เขาวิเคราะห์สถาบันทางสังคม อะไรต่าง ๆ มีแต่การวิเคราะห์ แล้วมีแต่เหมาเจ๋อตงเต็มไปหมดเลย รุนแรงมาก ที่ ดร.ป๋วย ต้องออกไปนอกประเทศ ก็เพราะว่าลูกศิษย์นี่แหละ ตัวท่านดีจะตายไป ไม่มีปัญหา”
พลตำรวจโทสมควร เห็นว่า สาเหตุของความรุนแรงขณะนั้นคือการยั่วยุให้เกิดความเกลียดชังกัน มีการนำลัทธิคอมมิวนิสต์เข้ามาในประเทศ หากลัทธินี้เข้ามา ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และจารีต ธรรมเนียมประเพณีทุกอย่างอันประกอบเป็นรากฐานของชาติต้องสูญสิ้นไป ซึ่งเป็นเรื่องที่คนไทยและลูกเสือชาวบ้านยอมไม่ได้ อย่างไรเสียนักข่าวที่อยู่ในเหตุการณ์ 6 ตุลาคม รายงานว่าลูกเสือชาวบ้านเป็นหนึ่งในพวกที่บุกเข้าไปที่เข้าร่วมการเผาทั้งเป็น การควักลูกตา และการฆ่าแขวนคอนักศึกษา ในช่วง 7.00 น. – 10.00 น. และในเวลา 12.00 น. ลูกเสือชาวบ้านกลุ่มมี่ชุมนุมที่ลานพระบรมรูปทรงม้า เรียกร้องให้รัฐบาลปลด นายสุรินทร์ มาศดิตถ์ , นายชวน หลีกภัย , นายดำรง ลัทธพิพัฒน์ ที่มีข่าวว่าให้การสนับสนุนเงินทุนกับ ศนท. ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีและให้แต่งตั้ง นายสมบุญ ศิริธร และ นายสมัคร สุนทรเวช ให้อยู่ในตำแหน่งเดิมต่อไป ลูกเสือชาวบ้านยังคงชุมนุมอยู่จนถึงเวลาเย็นวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519 จึงได้สลายก่อนการรัฐประหารเพียงเล็กน้อย หลังเหตุการณ์วันที่ 6 ตุลาคม สมาชิกกลุ่มกระทิงแดง นวพล และตำรวจ ที่เข้าปราบปรามทั้งหมดได้รับการพ้นโทษ จากกฎหมายนิรโทษกรรม และ ตำรวจ กลุ่มกระทิงแดง ลูกเสือชาวบ้าน และกลุ่มนวพล ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ ได้รับกระเช้าเยี่ยมพระราชทาน ปัจจุบันกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทยคือผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการของกิจกรรมลูกเสือชาวบ้าน
ที่มา
http://www.2519.net/autopage/show_page.php?t=10&s_id=29&d_id=1&page=40&start=31
Village scout : The King’s Finest. Indochina Chronicles No. 54 (Jan – Feb 1977) http://thaipoliticalprisoners.files.wordpress.com/2009/01/indochina-chronicle_1977.pdf
ใจ อึ๊งภากรณ์ , 6 ตุลาเกิดขึ้นได้อย่างไร http://www.2519.net/autopage/show_page.php?t=10&s_id=29&d_id=1&page=40&start=39
กรมการปกครองกับกิจกรรมลูกเสือชาวบ้าน http://www.dopa.go.th/web_pages/bisa/scout/p00.htm
จดหมายของสุรินทร์ มาศดิตถ์ รัฐมนตรีก่อนเหตุการณ์ 6 ต.ค. http://www.sappasan.com/node/1073
นิตยสารสารคดี ปีที่ 12 ฉบับที่ 140 ประจำเดือนตุลาคม 2539
บทสัมภาษณ์ พล.ต.ท.สมควร หริกุลผู้นำลูกเสือชาวบ้าน http://www.2519.net/newweb/doc/content3/14.doc
รุ่งอรุณแห่งการสังหาร 6 ตุลาคม 2519 http://www.sappasan.com/node/1071
จดหมายพระสุรินทร์ วัดพรหมโลก กิ่ง อ.พรหมคีรี นครศรีธรรมราช วันที่ 24 ตุลาคม 2520 http://www.2519.net/autopage/show_page.php?t=3&s_id=48&d_id=49