ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ประธานรัฐสภา"

จาก ฐานข้อมูลการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า
Panu (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Panu (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัดที่ 9: บรรทัดที่ 9:
==ที่มาของประธานรัฐสภา==
==ที่มาของประธานรัฐสภา==


ในประเทศที่ใช้ระบบรัฐสภาคู่อย่างประเทศไทยนั้นประธานรัฐสภาอาจจะมาจาก[[ประธานสภาผู้แทนราษฎร]]หรือ[[ประธานวุฒิสภา]]ก็ได้ ขึ้นอยู่กับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ในอดีตที่ผ่านมารัฐธรรมนูญหลายฉบับที่บัญญัติให้ประธานวุฒิสภาเป็นประธานรัฐสภา และประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นรองประธานรัฐสภา เช่น รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2521 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2534 ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2535 ได้มีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2534 (ฉบับที่ 1) ให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นประธานรัฐสภา ประธานวุฒิสภา เป็นรองประธานรัฐสภา และ หลังจากนั้นเป็นต้นมาก็มีการบัญญัติให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นประธานรัฐสภาและประธานวุฒิสภาเป็นรองประธานรัฐสภาในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ฉบับปัจจุบัน
ในประเทศที่ใช้ระบบรัฐสภาคู่อย่างประเทศไทยนั้นประธานรัฐสภาอาจจะมาจาก[[ประธานสภาผู้แทนราษฎร]]หรือ[[ประธานวุฒิสภา]]ก็ได้ ขึ้นอยู่กับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ในอดีตที่ผ่านมารัฐธรรมนูญหลายฉบับที่บัญญัติให้ประธานวุฒิสภาเป็นประธานรัฐสภา และประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นรองประธานรัฐสภา เช่น รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2521 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2534 ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2535 ได้มีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2534 (ฉบับที่ 1) ให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นประธานรัฐสภา ประธานวุฒิสภา เป็นรองประธานรัฐสภา และ หลังจากนั้นเป็นต้นมาก็มีการบัญญัติให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นประธานรัฐสภาและประธานวุฒิสภาเป็นรองประธานรัฐสภาในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ฉบับปัจจุบัน


==การดำรงตำแหน่งของประธานรัฐสภา==
==การดำรงตำแหน่งของประธานรัฐสภา==
บรรทัดที่ 39: บรรทัดที่ 39:
     (1)ส่งร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญที่รัฐสภาให้ความเห็นชอบแล้วไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ
     (1)ส่งร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญที่รัฐสภาให้ความเห็นชอบแล้วไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ


     (2)ส่งความเห็นในกรณีที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา หรือสมาชิกของทั้งสองสภารวมกันมีจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภาเห็นว่าร่างพระราชบัญญัติที่รัฐสภาให้ความเห็นชอบแล้ว แต่นายกรัฐมนตรียังไม่ได้นำขึ้นทูลเกล้าเพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย มีข้อความขัดหรือแย้งหรือตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ
     (2)ส่งความเห็นในกรณีที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา หรือสมาชิกของทั้งสองสภารวมกันมีจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภาเห็นว่าร่างพระราชบัญญัติที่รัฐสภาให้ความเห็นชอบแล้ว แต่นายกรัฐมนตรียังไม่ได้นำขึ้นทูลเกล้าเพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย มีข้อความขัดหรือแย้งหรือตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ
     (3) ส่งความเห็นในกรณีที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภาหรือสมาชิกของทั้งสองสภารวมกันมีจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภาเห็นว่าร่างข้อบังคับการประชุมรัฐสภาที่รัฐสภาให้ความเห็นชอบแล้ว แต่ยังมิได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษามีข้อความขัดหรือแย้ง หรือตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ
     (3) ส่งความเห็นในกรณีที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภาหรือสมาชิกของทั้งสองสภารวมกันมีจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภาเห็นว่าร่างข้อบังคับการประชุมรัฐสภาที่รัฐสภาให้ความเห็นชอบแล้ว แต่ยังมิได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษามีข้อความขัดหรือแย้ง หรือตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ
บรรทัดที่ 53: บรรทัดที่ 53:
     (1) เป็นผู้ประกาศในพระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย์ แต่งตั้งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ตามความเห็นชอบของรัฐสภา ในกรณีที่พระมหากษัตริย์มิได้ทรงแต่งตั้งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ตามมาตรา 18 หรือในกรณีที่พระมหากษัตริย์ไม่สามารถทรงแต่งตั้งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ เพราะยังไม่ทรงบรรลุนิติภาวะหรือเพราะเหตุอื่น
     (1) เป็นผู้ประกาศในพระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย์ แต่งตั้งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ตามความเห็นชอบของรัฐสภา ในกรณีที่พระมหากษัตริย์มิได้ทรงแต่งตั้งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ตามมาตรา 18 หรือในกรณีที่พระมหากษัตริย์ไม่สามารถทรงแต่งตั้งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ เพราะยังไม่ทรงบรรลุนิติภาวะหรือเพราะเหตุอื่น


     (2) เป็นผู้อัญเชิญองค์พระรัชทายาทขึ้นทรงราชย์เป็นพระมหากษัตริย์ในกรณีที่ราชบัลลังก์ว่างลง แต่หากเป็นกรณีที่พระมหากษัตริย์มิได้ทรงแต่งตั้งพระรัชทายาท ประธานรัฐสภาจะเป็นผู้อัญเชิญองค์ผู้สืบราชสันตติวงศ์ขึ้นทรงราชย์เป็นพระมหากษัตริย์สืบไปตามที่รัฐสภาให้ความเห็นชอบตามที่องคมนตรีเสนอผ่านคณะรัฐมนตรีแล้ว ประธานรัฐสภาต้องประกาศให้ประชาชนทราบ
     (2) เป็นผู้อัญเชิญองค์พระรัชทายาทขึ้นทรงราชย์เป็นพระมหากษัตริย์ในกรณีที่ราชบัลลังก์ว่างลง แต่หากเป็นกรณีที่พระมหากษัตริย์มิได้ทรงแต่งตั้งพระรัชทายาท ประธานรัฐสภาจะเป็นผู้อัญเชิญองค์ผู้สืบราชสันตติวงศ์ขึ้นทรงราชย์เป็นพระมหากษัตริย์สืบไปตามที่รัฐสภาให้ความเห็นชอบตามที่องคมนตรีเสนอผ่านคณะรัฐมนตรีแล้ว ประธานรัฐสภาต้องประกาศให้ประชาชนทราบ


     (3) เป็นผู้บรรจุญัตติเปิดอภิปรายทั่วไปในที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาเมื่อคณะรัฐมนตรีเห็นสมควรจะรับฟังความคิดเห็นของสมาชิกรัฐสภา ซึ่งรัฐสภาจะลงมติในปัญหาที่อภิปรายไม่ได้
     (3) เป็นผู้บรรจุญัตติเปิดอภิปรายทั่วไปในที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาเมื่อคณะรัฐมนตรีเห็นสมควรจะรับฟังความคิดเห็นของสมาชิกรัฐสภา ซึ่งรัฐสภาจะลงมติในปัญหาที่อภิปรายไม่ได้
บรรทัดที่ 81: บรรทัดที่ 81:
3.1 เป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของส่วนราชการสังกัดรัฐสภา
3.1 เป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของส่วนราชการสังกัดรัฐสภา


3.2 เป็นประธานคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายรัฐสภา (ก.ร.) ซึ่งเป็นองค์กรกลางการบริหารงานบุคคลของข้าราชการฝ่ายรัฐสภา ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ในการกำหนดกฎเกณฑ์เกี่ยวกับการบรรจุ แต่งตั้ง การรับเงินเดือน การเลื่อนขั้น การเลื่อนตำแหน่ง ตลอดถึงเรื่องวินัยของข้าราชการฝ่ายรัฐสภา
3.2 เป็นประธานคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายรัฐสภา (ก.ร.) ซึ่งเป็นองค์กรกลางการบริหารงานบุคคลของข้าราชการฝ่ายรัฐสภา ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ในการกำหนดกฎเกณฑ์เกี่ยวกับการบรรจุ แต่งตั้ง การรับเงินเดือน การเลื่อนขั้น การเลื่อนตำแหน่ง ตลอดถึงเรื่องวินัยของข้าราชการฝ่ายรัฐสภา


ในระหว่างที่รัฐสภาสิ้นอายุหรือถูกยุบ ประธานรัฐสภาและรองประธานรัฐสภาจะยังคงดำรงตำแหน่งประธาน ก.ร. และรองประธาน ก.ร.อยู่ต่อไปจนกว่าจะได้ทรงแต่งตั้งประธานรัฐสภาและรองประธานรัฐสภาคนใหม่แล้ว จึงให้พ้นจากตำแหน่ง เนื่องจากตำแหน่งประธาน ก.ร. และรองประธาน ก.ร. เป็นตำแหน่งเกี่ยวกับงานด้านบริหารบุคคลของราชการประจำ ซึ่งจำเป็นต้องปฏิบัติต่อเนื่องจะหยุดชะงักขาดตอนไม่ได้<ref>สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, สำนักประชาสัมพันธ์, '''พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายรัฐสภา พ.ศ.2518 พระราชบัญญัติจัดระเบียบปฏิบัติราชการฝ่ายรัฐสภา พ.ศ.2518 รวมกฎ ก.ร.,''' (กรุงเทพมหานคร : สำนักการพิมพ์ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร 2551), หน้า 14-28.</ref>
ในระหว่างที่รัฐสภาสิ้นอายุหรือถูกยุบ ประธานรัฐสภาและรองประธานรัฐสภาจะยังคงดำรงตำแหน่งประธาน ก.ร. และรองประธาน ก.ร.อยู่ต่อไปจนกว่าจะได้ทรงแต่งตั้งประธานรัฐสภาและรองประธานรัฐสภาคนใหม่แล้ว จึงให้พ้นจากตำแหน่ง เนื่องจากตำแหน่งประธาน ก.ร. และรองประธาน ก.ร. เป็นตำแหน่งเกี่ยวกับงานด้านบริหารบุคคลของราชการประจำ ซึ่งจำเป็นต้องปฏิบัติต่อเนื่องจะหยุดชะงักขาดตอนไม่ได้<ref>สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, สำนักประชาสัมพันธ์, '''พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายรัฐสภา พ.ศ.2518 พระราชบัญญัติจัดระเบียบปฏิบัติราชการฝ่ายรัฐสภา พ.ศ.2518 รวมกฎ ก.ร.,''' (กรุงเทพมหานคร : สำนักการพิมพ์ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร 2551), หน้า 14-28.</ref>
บรรทัดที่ 131: บรรทัดที่ 131:
&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;(1) เป็นประธานกรรมการของคณะกรรมการกองทุนสงเคราะห์ผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภา มีรองประธานรัฐสภาเป็นรองประธานกรรมการส่วนกรรมการประกอบด้วย ประธานคณะกรรมาธิการกิจการสภาผู้แทนราษฎร ประธานคณะกรรมาธิการกิจการวุฒิสภา และมีอำนาจแต่งตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนสี่คน สมาชิกวุฒิสภา จำนวนสามคน ผู้เคยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนหนึ่งคน และผู้เคยเป็นสมาชิกวุฒิสภา จำนวนหนึ่งคน โดยให้เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เป็นกรรมการและเลขานุการ และเลขาธิการวุฒิสภาเป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ (กรรมการที่ประธานรัฐสภาแต่งตั้งมีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละสี่ปี)
&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;(1) เป็นประธานกรรมการของคณะกรรมการกองทุนสงเคราะห์ผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภา มีรองประธานรัฐสภาเป็นรองประธานกรรมการส่วนกรรมการประกอบด้วย ประธานคณะกรรมาธิการกิจการสภาผู้แทนราษฎร ประธานคณะกรรมาธิการกิจการวุฒิสภา และมีอำนาจแต่งตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนสี่คน สมาชิกวุฒิสภา จำนวนสามคน ผู้เคยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนหนึ่งคน และผู้เคยเป็นสมาชิกวุฒิสภา จำนวนหนึ่งคน โดยให้เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เป็นกรรมการและเลขานุการ และเลขาธิการวุฒิสภาเป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ (กรรมการที่ประธานรัฐสภาแต่งตั้งมีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละสี่ปี)


&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;(2) คณะกรรมการดังกล่าว มีอำนาจกำหนดนโยบาย กำกับดูแลจัดหาผลประโยชน์ของเงินกองทุนฯ ออกระเบียบต่าง ๆ อนุมัติการจ่ายเงินสงเคราะห์ อนุมัติประมาณการค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของกองทุน และพิจารณาวินิจฉัยชี้ขาดปัญหาในการปฏิบัติงานโดยมีรายได้จากงบประมาณรายจ่ายประจำปี เงินหรือทรัพย์สินที่ได้รับบริจาค เงินที่ได้รับจากการหักเงินประจำตำแหน่งของสมาชิกรัฐสภารายละห้าร้อยบาทต่อเดือน เงินดอกผลของกองทุน โดยเงินกองทุนกำหนดให้ใช้จ่ายให้แก่ผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภาในด้านการรักษาพยาบาล การศึกษาของบุตร การสงเคราะห์ครอบครัว กรณีผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภาถึงแก่กรรม และด้านอื่นๆ ตามที่คณะกรรมการอนุมัติ
&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;(2) คณะกรรมการดังกล่าว มีอำนาจกำหนดนโยบาย กำกับดูแลจัดหาผลประโยชน์ของเงินกองทุนฯ ออกระเบียบต่าง ๆ อนุมัติการจ่ายเงินสงเคราะห์ อนุมัติประมาณการค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของกองทุน และพิจารณาวินิจฉัยชี้ขาดปัญหาในการปฏิบัติงานโดยมีรายได้จากงบประมาณรายจ่ายประจำปี เงินหรือทรัพย์สินที่ได้รับบริจาค เงินที่ได้รับจากการหักเงินประจำตำแหน่งของสมาชิกรัฐสภารายละห้าร้อยบาทต่อเดือน เงินดอกผลของกองทุน โดยเงินกองทุนกำหนดให้ใช้จ่ายให้แก่ผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภาในด้านการรักษาพยาบาล การศึกษาของบุตร การสงเคราะห์ครอบครัว กรณีผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภาถึงแก่กรรม และด้านอื่นๆ ตามที่คณะกรรมการอนุมัติ


4.5 เป็นประธานมูลนิธิพระบรมราชานุสรณ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี โดยมติของคณะกรรมการมูลนิธิฯ (ตราสารมูลนิธิพระบรมราชานุสรณ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี) ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนการศึกษา และให้ความช่วยเหลือแก่นักศึกษาที่ขัดสน สนับสนุนสถาบันการแพทย์ เผยแพร่พระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ร่วมมือส่งเสริมและประสานงานกับสถาบันการศึกษาอื่น ปัจจุบันมูลนิธิฯ มีโครงการให้ทุนแก่นิสิตนักศึกษามหาวิทยาลัยของรัฐ นักศึกษาวิทยาลัยพยาบาล นิสิตนักศึกษาปริญญาโท-เอกเพื่อการค้นคว้า วิจัย และโครงการให้ทุนแก่บุตรข้าราชการและลูกจ้างของ[[สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร]]และสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา
4.5 เป็นประธานมูลนิธิพระบรมราชานุสรณ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี โดยมติของคณะกรรมการมูลนิธิฯ (ตราสารมูลนิธิพระบรมราชานุสรณ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี) ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนการศึกษา และให้ความช่วยเหลือแก่นักศึกษาที่ขัดสน สนับสนุนสถาบันการแพทย์ เผยแพร่พระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ร่วมมือส่งเสริมและประสานงานกับสถาบันการศึกษาอื่น ปัจจุบันมูลนิธิฯ มีโครงการให้ทุนแก่นิสิตนักศึกษามหาวิทยาลัยของรัฐ นักศึกษาวิทยาลัยพยาบาล นิสิตนักศึกษาปริญญาโท-เอกเพื่อการค้นคว้า วิจัย และโครงการให้ทุนแก่บุตรข้าราชการและลูกจ้างของ[[สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร]]และสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา


5. ภารกิจด้านต่างประเทศ เป็นประธานหน่วยประจำชาติไทยในสหภาพรัฐสภา สหภาพสมาชิกรัฐสภาเอเชียและแปซิฟิก และสมัชชารัฐสภาอาเซียนโดยตำแหน่ง มีอำนาจดำเนินการให้เป็นไปตามธรรมนูญแห่งสหภาพรัฐสภา กฎบัตรสหภาพสมาชิกรัฐสภาเอเซียและแปซิฟิก และธรรมนูญรัฐสภาอาเซียน รวมทั้งตามข้อบังคับหน่วยประจำชาติดังกล่าว
5. ภารกิจด้านต่างประเทศ เป็นประธานหน่วยประจำชาติไทยในสหภาพรัฐสภา สหภาพสมาชิกรัฐสภาเอเชียและแปซิฟิก และสมัชชารัฐสภาอาเซียนโดยตำแหน่ง มีอำนาจดำเนินการให้เป็นไปตามธรรมนูญแห่งสหภาพรัฐสภา กฎบัตรสหภาพสมาชิกรัฐสภาเอเซียและแปซิฟิก และธรรมนูญรัฐสภาอาเซียน รวมทั้งตามข้อบังคับหน่วยประจำชาติดังกล่าว


6. ภารกิจด้านพระราชพิธี รัฐพิธี และพิธีการต่างๆ ของประธานรัฐสภาในฐานะที่ดำรงตำแหน่งประมุขของฝ่ายนิติบัญญัติ มีภารกิจที่สำคัญ ดังนี้
6. ภารกิจด้านพระราชพิธี รัฐพิธี และพิธีการต่างๆ ของประธานรัฐสภาในฐานะที่ดำรงตำแหน่งประมุขของฝ่ายนิติบัญญัติ มีภารกิจที่สำคัญ ดังนี้
บรรทัดที่ 155: บรรทัดที่ 155:
6.3 ด้านพิธีการต่างๆ
6.3 ด้านพิธีการต่างๆ


ได้รับเชิญจากหน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน เอกชน และบุคคลทั่วไป ในฐานะประมุขของฝ่ายนิติบัญญัติ เช่น เป็นประธานในงานต่างๆ เป็นองค์ปาฐกหรือวิทยากรบรรยาย   เป็นต้น
ได้รับเชิญจากหน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน เอกชน และบุคคลทั่วไป ในฐานะประมุขของฝ่ายนิติบัญญัติ เช่น เป็นประธานในงานต่างๆ เป็นองค์ปาฐกหรือวิทยากรบรรยาย เป็นต้น


{| border="1" cellpadding="2"
{| border="1" cellpadding="2"
บรรทัดที่ 163: บรรทัดที่ 163:
|-
|-
!1  
!1  
|1 ||เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี   ||ประธานสภาผู้แทนราษฎร ||28 มิ.ย. 2475 - 1 ก.ย. 2475
|1 ||เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี ||ประธานสภาผู้แทนราษฎร ||28 มิ.ย. 2475 - 1 ก.ย. 2475
|-
|-
!2  
!2  
บรรทัดที่ 184: บรรทัดที่ 184:
|-
|-
!5
!5
|6 ||พระยามานวราชเสวี ||ประธานสภาผู้แทนราษฎร ||3 ส.ค. 2479 - 10 ธ.ค. 2480
|6 ||พระยามานวราชเสวี ||ประธานสภาผู้แทนราษฎร ||3 ส.ค. 2479 - 10 ธ.ค. 2480
|-
|-
!  
!  
บรรทัดที่ 193: บรรทัดที่ 193:
|-
|-
!  
!  
| || || ||12 ธ.ค. 2481 - 24 มิ.ย. 2482
| || || ||12 ธ.ค. 2481 - 24 มิ.ย. 2482
|-
|-
!  
!  
บรรทัดที่ 199: บรรทัดที่ 199:
|-
|-
!  
!  
| || || ||1 ก.ค. 2483 - 24 มิ.ย. 2484
| || || ||1 ก.ค. 2483 - 24 มิ.ย. 2484
|-
|-
!  
!  
| || || ||1 ก.ค. 2484 - 24 มิ.ย. 2485
| || || ||1 ก.ค. 2484 - 24 มิ.ย. 2485
|-
|-
!  
!  
| || || ||30 มิ.ย. 2485 - 24 มิ.ย. 2486
| || || ||30 มิ.ย. 2485 - 24 มิ.ย. 2486
|-
|-
!3/2
!3/2
|7 ||พลเรือตรี พระยาศรยุทธเสนี ||ประธานสภาผู้แทนราษฎร ||6 ก.ค. 2486 - 24 มิ.ย. 2487
|7 ||พลเรือตรี พระยาศรยุทธเสนี ||ประธานสภาผู้แทนราษฎร ||6 ก.ค. 2486 - 24 มิ.ย. 2487
|-
|-
!5/2
!5/2
|8 ||พระยามานวราชเสวี ||ประธานสภาผู้แทนราษฎร ||2 ก.ค. 2487 - 24 มิ.ย. 2488
|8 ||พระยามานวราชเสวี ||ประธานสภาผู้แทนราษฎร ||2 ก.ค. 2487 - 24 มิ.ย. 2488
|-
|-
!  
!  
บรรทัดที่ 217: บรรทัดที่ 217:
|-
|-
!  
!  
| || || ||26 ม.ค. 2489 - 9 พ.ค. 2489
| || || ||26 ม.ค. 2489 - 9 พ.ค. 2489
|-
|-
!6
!6
|9 ||พันตรี วิลาศ โอสถานนท์   ||ประธานพฤฒสภา ||4 มิ.ย. 2489 - 24 ส.ค. 2489  
|9 ||พันตรี วิลาศ โอสถานนท์ ||ประธานพฤฒสภา ||4 มิ.ย. 2489 - 24 ส.ค. 2489  
|-
|-
!3/3
!3/3
บรรทัดที่ 226: บรรทัดที่ 226:
|-
|-
!
!
| || || ||15 พ.ค. 2490 - 8 พ.ย. 2490  
| || || ||15 พ.ค. 2490 - 8 พ.ย. 2490  
|-
|-
!4/2
!4/2
|11 ||เจ้าพระยาศรีธรรมาธิเบศ   ||ประธานวุฒิสภา ||26 พ.ย. 2490 - 18 ก.พ. 2491
|11 ||เจ้าพระยาศรีธรรมาธิเบศ ||ประธานวุฒิสภา ||26 พ.ย. 2490 - 18 ก.พ. 2491
|-
|-
!
!
| || || ||20 ก.พ. 2491 - 14 มิ.ย. 2492
| || || ||20 ก.พ. 2491 - 14 มิ.ย. 2492
|-
|-
!
!
บรรทัดที่ 241: บรรทัดที่ 241:
|-
|-
!7
!7
|12 ||พลเอก พระประจนปัจจนึก   ||ประธานสภาผู้แทนราษฎร ||1 ธ.ค. 2494 - 17 มี.ค. 2495
|12 ||พลเอก พระประจนปัจจนึก ||ประธานสภาผู้แทนราษฎร ||1 ธ.ค. 2494 - 17 มี.ค. 2495
|-
|-
!
!
| || || ||22 มี.ค. 2495 - 23 มิ.ย. 2495
| || || ||22 มี.ค. 2495 - 23 มิ.ย. 2495
|-
|-
!
!
บรรทัดที่ 262: บรรทัดที่ 262:
|-
|-
!
!
| || || ||16 มี.ค. 2500 - 23 มิ.ย. 2500
| || || ||16 มี.ค. 2500 - 23 มิ.ย. 2500
|-
|-
!
!
| || || ||28 มิ.ย. 2500 - 16 ก.ย. 2500
| || || ||28 มิ.ย. 2500 - 16 ก.ย. 2500
|-
|-
!8
!8
|13 ||พลเอก หลวงสุทธิสารรณกร ||ประธานสภาผู้แทนราษฎร ||20 ก.ย. 2500 - 14 ธ.ค. 2500
|13 ||พลเอก หลวงสุทธิสารรณกร ||ประธานสภาผู้แทนราษฎร ||20 ก.ย. 2500 - 14 ธ.ค. 2500
|-
|-
!7/2
!7/2
|14 ||พลเอก พระประจนปัจจนึก   ||ประธานสภาผู้แทนราษฎร ||27 ธ.ค. 2500 - 23 มิ.ย. 2501
|14 ||พลเอก พระประจนปัจจนึก ||ประธานสภาผู้แทนราษฎร ||27 ธ.ค. 2500 - 23 มิ.ย. 2501
|-
|-
!
!
| || || ||25 มิ.ย. 2501 - 20 ต.ค. 2501
| || || ||25 มิ.ย. 2501 - 20 ต.ค. 2501
|-
|-
!8/2
!8/2
|15 ||พลเอก หลวงสุทธิสารรณกร ||ประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญ ||6 ก.พ. 2502 - 17 เม.ย. 2511
|15 ||พลเอก หลวงสุทธิสารรณกร ||ประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญ ||6 ก.พ. 2502 - 17 เม.ย. 2511
|-
|-
!9
!9
|16 ||นายทวี บุณยเกตุ ||ประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญ ||2 พ.ค. 2511 - 20 มิ.ย. 2511
|16 ||นายทวี บุณยเกตุ ||ประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญ ||2 พ.ค. 2511 - 20 มิ.ย. 2511
|-
|-
!10
!10
|17 ||พันเอก นายวรการบัญชา   ||ประธานวุฒิสภา ||22 ก.ค. 2511 - 6 ก.ค. 2514
|17 ||พันเอก นายวรการบัญชา ||ประธานวุฒิสภา ||22 ก.ค. 2511 - 6 ก.ค. 2514
|-
|-
!
!
| || || ||7 ก.ค. 2514 - 17 พ.ย. 2514
| || || ||7 ก.ค. 2514 - 17 พ.ย. 2514
|-
|-
!11
!11
|18 ||พลตรี ศิริ สิริโยธิน   ||ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ||18 ธ.ค. 2515 - 11 ธ.ค. 2516
|18 ||พลตรี ศิริ สิริโยธิน ||ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ||18 ธ.ค. 2515 - 11 ธ.ค. 2516
|-
|-
!12
!12
|19 ||พลตรี หม่อมราชวงศ์ คึกฤทธิ์ปราโมช ||ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ||29 ธ.ค. 2516- 7 ต.ค. 2517
|19 ||พลตรี หม่อมราชวงศ์ คึกฤทธิ์ปราโมช ||ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ||29 ธ.ค. 2516- 7 ต.ค. 2517
|-
|-
!13
!13
|20 ||นายประภาศน์ อวยชัย ||ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ||17 ต.ค. 2517 - 25 ม.ค. 2518
|20 ||นายประภาศน์ อวยชัย ||ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ||17 ต.ค. 2517 - 25 ม.ค. 2518
|-
|-
!14
!14
|21 ||นายประสิทธิ์ กาญจนวัฒน์ ||ประธานสภาผู้แทนราษฎร ||7 ก.พ. 2518 - 12 ม.ค. 2519
|21 ||นายประสิทธิ์ กาญจนวัฒน์ ||ประธานสภาผู้แทนราษฎร ||7 ก.พ. 2518 - 12 ม.ค. 2519
|-
|-
!15
!15
|22 ||นายอุทัย พิมพ์ใจชน ||ประธานสภาผู้แทนราษฎร ||19 เม.ย. 2519 - 6 ต.ค. 2519
|22 ||นายอุทัย พิมพ์ใจชน ||ประธานสภาผู้แทนราษฎร ||19 เม.ย. 2519 - 6 ต.ค. 2519
|-
|-
!16
!16
|23<br> ||พลอากาศเอก กมลเดชะตุงคะ ||ประธานที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี<br>ทำหน้าที่สภาปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ||27 ต.ค. 2519 - 20 พ.ย. 2519  
|23<br> ||พลอากาศเอก กมลเดชะตุงคะ ||ประธานที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี<br>ทำหน้าที่สภาปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ||27 ต.ค. 2519 - 20 พ.ย. 2519  
|-
|-
!17
!17
|24 ||พลอากาศเอก หะริน หงสกุล ||ประธานสภาปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ||28 พ.ย. 2519 - 20 ต.ค. 2520
|24 ||พลอากาศเอก หะริน หงสกุล ||ประธานสภาปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ||28 พ.ย. 2519 - 20 ต.ค. 2520
|-
|-
!17/2
!17/2
บรรทัดที่ 313: บรรทัดที่ 313:
|-
|-
!17/3
!17/3
|26 ||พลอากาศเอก หะรินหงสกุล ||ประธานวุฒิสภา ||9 พ.ค. 2522 - 19 มี.ค. 2526
|26 ||พลอากาศเอก หะรินหงสกุล ||ประธานวุฒิสภา ||9 พ.ค. 2522 - 19 มี.ค. 2526
|-
|-
!18
!18
|27 ||นายจารุบุตร เรืองสุวรรณ ||ประธานวุฒิสภา ||26 เม.ย. 2526 - 19 มี.ค. 2527  
|27 ||นายจารุบุตร เรืองสุวรรณ ||ประธานวุฒิสภา ||26 เม.ย. 2526 - 19 มี.ค. 2527  
|-
|-
!19
!19
|28 ||นายอุกฤษ มงคลนาวิน ||ประธานวุฒิสภา ||30 เม.ย. 2527 - 30 เม.ย. 2528
|28 ||นายอุกฤษ มงคลนาวิน ||ประธานวุฒิสภา ||30 เม.ย. 2527 - 30 เม.ย. 2528
|-
|-
!
!
บรรทัดที่ 328: บรรทัดที่ 328:
|-
|-
!20
!20
|29 ||ร้อยตำรวจตรี วรรณ ชันซื่อ ||ประธานวุฒิสภา ||4 พ.ค. 2532 - 23 ก.พ. 2534  
|29 ||ร้อยตำรวจตรี วรรณ ชันซื่อ ||ประธานวุฒิสภา ||4 พ.ค. 2532 - 23 ก.พ. 2534  
|-
|-
!19/2
!19/2
|30 ||นายอุกฤษ มงคลนาวิน ||ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ||2 เม.ย. 2534 - 21 มี.ค. 2535  
|30 ||นายอุกฤษ มงคลนาวิน ||ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ||2 เม.ย. 2534 - 21 มี.ค. 2535  
|-
|-
!19/3
!19/3
|31 ||นายอุกฤษ มงคลนาวิน ||ประธานวุฒิสภา ||3 เม.ย. 2535 - 26 พ.ค. 2535  
|31 ||นายอุกฤษ มงคลนาวิน ||ประธานวุฒิสภา ||3 เม.ย. 2535 - 26 พ.ค. 2535  
|-
|-
!21
!21
|32 ||นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ||ประธานวุฒิสภา ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ||28 มิ.ย. 2535 - 30 มิ.ย. 2535
|32 ||นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ||ประธานวุฒิสภา ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ||28 มิ.ย. 2535 - 30 มิ.ย. 2535
|-
|-
!22
!22
|33 ||นายมารุต บุนนาค ||ประธานสภาผู้แทนราษฎร ||22 ก.ย. 2535 - 19 พ.ค. 2538
|33 ||นายมารุต บุนนาค ||ประธานสภาผู้แทนราษฎร ||22 ก.ย. 2535 - 19 พ.ค. 2538
|-
|-
!23
!23
|34 ||นายบุญเอื้อ ประเสริฐสุวรรณ ||ประธานสภาผู้แทนราษฎร ||11 ก.ค. 2538- 27 ก.ย. 2539
|34 ||นายบุญเอื้อ ประเสริฐสุวรรณ ||ประธานสภาผู้แทนราษฎร ||11 ก.ค. 2538- 27 ก.ย. 2539  
|-
|-
!24
!24
บรรทัดที่ 349: บรรทัดที่ 349:
|-
|-
!25
!25
|36 ||นายพิชัย รัตตกุล ||ประธานสภาผู้แทนราษฎร ||30 มิ.ย. 2543 - 8 พ.ย. 2543
|36 ||นายพิชัย รัตตกุล ||ประธานสภาผู้แทนราษฎร ||30 มิ.ย. 2543 - 8 พ.ย. 2543
|-
|-
!15/1
!15/1
บรรทัดที่ 355: บรรทัดที่ 355:
|-
|-
!26
!26
|38 ||นายโภคิน พลกุล ||ประธานสภาผู้แทนราษฎร ||8 มี.ค. 2548 – 24 ก.พ. 2549
|38 ||นายโภคิน พลกุล ||ประธานสภาผู้แทนราษฎร ||8 มี.ค. 2548 – 24 ก.พ. 2549
|-
|-
!27
!27
|39 ||นายยงยุทธ ติยะไพรัช ||ประธานสภาผู้แทนราษฎร ||23 ม.ค. 2551 – 30 เม.ย. 2551
|39 ||นายยงยุทธ ติยะไพรัช ||ประธานสภาผู้แทนราษฎร ||23 ม.ค. 2551 – 30 เม.ย. 2551
|-
|-
!28
!28
|40 ||นายชัย ชิดชอบ ||ประธานสภาผู้แทนราษฎร ||15 พ.ค. 2551 – ปัจจุบัน  
|40 ||[[ชัย ชิดชอบ|นายชัย ชิดชอบ]] ||ประธานสภาผู้แทนราษฎร ||15 พ.ค. 2551 – ปัจจุบัน  
|}
|}



รุ่นแก้ไขเมื่อ 15:01, 15 ตุลาคม 2552

ผู้เรียบเรียง ตวงรัตน์ เลาหัตถพงษ์ภูริ

ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร จเร พันธุ์เปรื่อง


ประธานรัฐสภา ถือเป็นตำแหน่งสูงสุดของฝ่ายนิติบัญญัติมีฐานะและศักดิ์ศรีเทียบได้กับนายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นหัวหน้าฝ่ายบริหาร และประธานศาลฎีกาซึ่งเป็นหัวหน้าฝ่ายตุลาการ ประธานรัฐสภามีอำนาจหน้าที่ตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ และดำเนินกิจการของรัฐสภาในกรณีประชุมร่วมกันให้เป็นไปตามข้อบังคับการประชุมรัฐสภา นอกจากนี้ยังมีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายอื่น ทั้งยังเป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการฝ่ายรัฐสภาทั้งข้าราชการรัฐสภาสามัญและข้าราชการรัฐสภาฝ่ายการเมือง

ที่มาของประธานรัฐสภา

ในประเทศที่ใช้ระบบรัฐสภาคู่อย่างประเทศไทยนั้นประธานรัฐสภาอาจจะมาจากประธานสภาผู้แทนราษฎรหรือประธานวุฒิสภาก็ได้ ขึ้นอยู่กับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ในอดีตที่ผ่านมารัฐธรรมนูญหลายฉบับที่บัญญัติให้ประธานวุฒิสภาเป็นประธานรัฐสภา และประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นรองประธานรัฐสภา เช่น รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2521 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2534 ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2535 ได้มีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2534 (ฉบับที่ 1) ให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นประธานรัฐสภา ประธานวุฒิสภา เป็นรองประธานรัฐสภา และ หลังจากนั้นเป็นต้นมาก็มีการบัญญัติให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นประธานรัฐสภาและประธานวุฒิสภาเป็นรองประธานรัฐสภาในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ฉบับปัจจุบัน

การดำรงตำแหน่งของประธานรัฐสภา

การดำรงตำแหน่งประธานรัฐสภา จะเป็นโดยตำแหน่งไม่ได้เป็นโดยวิธีการเลือกในที่ประชุมสภา คือ ถ้ารัฐธรรมนูญบัญญัติว่า ประธานสภาผุ้แทนราษฎรเป็นประธานรัฐสภา ประธานวุฒิสภาเป็นรองประธานรัฐสภา ผู้ที่ดำรงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรก็จะมีฐานะเป็นประธานรัฐสภา และผู้ดำรงตำแหน่งประธานวุฒิสภาก็จะมีฐานะเป็นรองประธานรัฐสภาด้วย แต่ถ้ารัฐธรรมนูญบัญญัติว่าประธานวุฒิเป็นประธานรัฐสภา ผู้ที่ดำรงตำแหน่งประธานวุฒิสภาก็จะมีฐานะเป็นประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎรก็จะมีฐานะเป็นรองประธานรัฐสภา

การพ้นจากตำแหน่งของประธานรัฐสภา

ในกรณีที่รัฐธรรมนูญบัญญัติให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นประธานรัฐสภา และประธานวุฒิสภาเป็นรองประธานรัฐสภา เมื่อบุคคลผู้ดำรงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรต้องพ้นจากตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร ก็เท่ากับพ้นจากตำแหน่งประธานรัฐสภาด้วย หรือเมื่อบุคคลผู้ดำรงตำแหน่งประธานวุฒิสภาต้องพ้นจากตำแหน่งประธานวุฒิสภา ก็เท่ากับพ้นจากตำแหน่งรองประธานรัฐสภาด้วยเช่นกัน

อำนาจหน้าที่ของประธานรัฐสภา

รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับปัจจุบันบัญญัติให้ ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานรัฐสภา ประธานวุฒิสภาเป็นรองประธานรัฐสภา[1] โดยประธานรัฐสภามีอำนาจหน้าที่สรุปได้ดังนี้[2]

1. อำนาจหน้าที่ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ

1.1 เป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ ดังต่อไปนี้

     (1)ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการแต่งตั้งประธานองคมนตรีหรือให้ประธานองคมนตรีพ้นจากตำแหน่ง

     (2)ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการแต่งตั้งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ (มาตรา 18)

     (3)ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการและแจ้งให้รัฐสภาทราบกรณีมีการแก้ไขเพิ่มเติมกฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ พุทธศักราช 2467

     (4)เป็นผู้นำความกราบบังคมทูลและลงนามรับสนองพระบรมราชโองการประกาศเรียกประชุมสมัยวิสามัญ กรณีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาทั้งสองสภารวมกัน หรือสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร มีจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสามของสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภาเข้าชื่อร้องขอ

1.2 เป็นผู้ส่งเรื่อง ส่งความเห็น เสนอเรื่องพร้อมความเห็น และส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัย ดังนี้

     (1)ส่งร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญที่รัฐสภาให้ความเห็นชอบแล้วไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ

     (2)ส่งความเห็นในกรณีที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา หรือสมาชิกของทั้งสองสภารวมกันมีจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภาเห็นว่าร่างพระราชบัญญัติที่รัฐสภาให้ความเห็นชอบแล้ว แต่นายกรัฐมนตรียังไม่ได้นำขึ้นทูลเกล้าเพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย มีข้อความขัดหรือแย้งหรือตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ

     (3) ส่งความเห็นในกรณีที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภาหรือสมาชิกของทั้งสองสภารวมกันมีจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภาเห็นว่าร่างข้อบังคับการประชุมรัฐสภาที่รัฐสภาให้ความเห็นชอบแล้ว แต่ยังมิได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษามีข้อความขัดหรือแย้ง หรือตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ

     (4) ส่งความเห็นในกรณีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาทั้งสองสภารวมกันมีจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภาเห็นว่าหนังสือสัญญาใดมีปัญหาตามมาตรา 190 วรรคสอง

     (5) เสนอเรื่องพร้อมความเห็นในกรณีมีความขัดแย้งในอำนาจหน้าที่ระหว่างรัฐสภา คณะรัฐมนตรี หรือองค์กรตามรัฐธรรมนูญที่มิใช่ศาลตั้งแต่สององค์กรขึ้นไป

     (6) ส่งคำร้องในกรณีที่มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา หรือสมาชิกของทั้งสองสภารวมกันมีจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา ร้องขอต่อประธานรัฐสภาว่ากรรมการการเลือกตั้งคนใดคนหนึ่งขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามหรือกระทำการอันต้องห้ามตามมาตรา 230 ภายใน 3 วัน นับแต่วันที่ได้รับคำร้อง

1.3 อำนาจหน้าที่อื่น

     (1) เป็นผู้ประกาศในพระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย์ แต่งตั้งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ตามความเห็นชอบของรัฐสภา ในกรณีที่พระมหากษัตริย์มิได้ทรงแต่งตั้งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ตามมาตรา 18 หรือในกรณีที่พระมหากษัตริย์ไม่สามารถทรงแต่งตั้งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ เพราะยังไม่ทรงบรรลุนิติภาวะหรือเพราะเหตุอื่น

     (2) เป็นผู้อัญเชิญองค์พระรัชทายาทขึ้นทรงราชย์เป็นพระมหากษัตริย์ในกรณีที่ราชบัลลังก์ว่างลง แต่หากเป็นกรณีที่พระมหากษัตริย์มิได้ทรงแต่งตั้งพระรัชทายาท ประธานรัฐสภาจะเป็นผู้อัญเชิญองค์ผู้สืบราชสันตติวงศ์ขึ้นทรงราชย์เป็นพระมหากษัตริย์สืบไปตามที่รัฐสภาให้ความเห็นชอบตามที่องคมนตรีเสนอผ่านคณะรัฐมนตรีแล้ว ประธานรัฐสภาต้องประกาศให้ประชาชนทราบ

     (3) เป็นผู้บรรจุญัตติเปิดอภิปรายทั่วไปในที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาเมื่อคณะรัฐมนตรีเห็นสมควรจะรับฟังความคิดเห็นของสมาชิกรัฐสภา ซึ่งรัฐสภาจะลงมติในปัญหาที่อภิปรายไม่ได้

     (4) จัดให้มีการบันทึกการออกเสียงลงคะแนนของสมาชิกแต่ละคนและเปิดเผยบันทึกดังกล่าวไว้ในที่ประชาชนอาจเข้าไปตรวจสอบได้

     (5) รับเรื่องราวร้องทุกข์และแจ้งผลการพิจารณาภายในเวลาอันรวดเร็ว

2. อำนาจหน้าที่ตามข้อบังคับการประชุมรัฐสภา[3]

2.1 เป็นประธานของที่ประชุมรัฐสภา

2.2 กำหนดการประชุมรัฐสภา

2.3 ควบคุมและดำเนินกิจการของรัฐสภา

2.4 รักษาความสงบเรียบร้อยในที่ประชุมรัฐสภา ตลอดถึงบริเวณของรัฐสภา

2.5 เป็นผู้แทนรัฐสภาในกิจการภายนอก

2.6 แต่งตั้งกรรมการเพื่อดำเนินการใด ๆ

2.7 อำนาจและหน้าที่อื่นตามที่มีกฎหมายบัญญัติไว้หรือตามที่กำหนดไว้ในข้อบังคับการประชุมรัฐสภา

3. อำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายรัฐสภา พ.ศ. 2518

3.1 เป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของส่วนราชการสังกัดรัฐสภา

3.2 เป็นประธานคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายรัฐสภา (ก.ร.) ซึ่งเป็นองค์กรกลางการบริหารงานบุคคลของข้าราชการฝ่ายรัฐสภา ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ในการกำหนดกฎเกณฑ์เกี่ยวกับการบรรจุ แต่งตั้ง การรับเงินเดือน การเลื่อนขั้น การเลื่อนตำแหน่ง ตลอดถึงเรื่องวินัยของข้าราชการฝ่ายรัฐสภา

ในระหว่างที่รัฐสภาสิ้นอายุหรือถูกยุบ ประธานรัฐสภาและรองประธานรัฐสภาจะยังคงดำรงตำแหน่งประธาน ก.ร. และรองประธาน ก.ร.อยู่ต่อไปจนกว่าจะได้ทรงแต่งตั้งประธานรัฐสภาและรองประธานรัฐสภาคนใหม่แล้ว จึงให้พ้นจากตำแหน่ง เนื่องจากตำแหน่งประธาน ก.ร. และรองประธาน ก.ร. เป็นตำแหน่งเกี่ยวกับงานด้านบริหารบุคคลของราชการประจำ ซึ่งจำเป็นต้องปฏิบัติต่อเนื่องจะหยุดชะงักขาดตอนไม่ได้[4]

3.3 เป็นผู้มีอำนาจสั่งบรรจุและแต่งตั้งข้าราชการฝ่ายรัฐสภาให้ดำรงตำแหน่ง ดังนี้

     (1) สั่งบรรจุข้าราชการรัฐสภาสามัญ ระดับ 10 และระดับ 11 ด้วยความเห็นชอบของ ก.ร. และนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง

     (2) แต่งตั้งข้าราชการรัฐสภาฝ่ายการเมือง เช่นที่ปรึกษาประธานรัฐสภา 1 ตำแหน่ง เลขานุการประธานรัฐสภา 1 ตำแหน่ง

3.4 เป็นผู้มีอำนาจอนุญาตหรือสั่งให้ข้าราชการสามัญรัฐสภาพ้นจากตำแหน่ง และเป็นผู้มีอำนาจสั่งให้ข้าราชการฝ่ายการเมืองพ้นจากตำแหน่ง

3.5 เป็นผู้นำความกราบบังคมทูลเพื่อขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้แก่ข้าราชการฝ่ายรัฐสภา ตามที่ ก.ร.พิจารณาตามระเบียบว่าด้วยการขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์

4. อำนาจหน้าที่ตามกฎหมายอื่นกำหนด

4.1 อำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเข้าชื่อเสนอกฎหมาย พ.ศ. 2542[5]

     (1) เมื่อได้รับเรื่องการเข้าชื่อเสนอกฎหมายแล้วให้มีการตรวจสอบความถูกต้องของเอกสาร ถ้าเห็นว่าถูกต้องก็จัดให้มีการปิดประกาศรายชื่อผู้เข้าชื่อเสนอกฎหมายไว้ในเขตท้องที่ที่ผู้เข้าชื่อเสนอกฎหมายผู้นั้นมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน

     (2) รับคำร้องคัดค้านจากผู้เข้าชื่อเสนอกฎหมายว่ามิได้ร่วมเข้าชื่อเสนอกฎหมายด้วย

     (3) ถ้ามีจำนวนรายชื่อของผู้เข้าชื่อเสนอกฎหมายไม่ครบหนึ่งหมื่นคนให้แจ้งให้ผู้แทนเสนอกฎหมายทราบเพื่อดำเนินการจัดให้มีการเข้าชื่อเสนอกฎหมายเพิ่มเติมให้ครบภายในสามสิบวันหากพ้นกำหนดระยะเวลาดังกล่าวให้สั่งจำหน่ายเรื่อง

4.2 อำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติสถาบันพระปกเกล้า พ.ศ. 2541[6]

1. กำกับดูแลสถาบันพระปกเกล้า

2. เป็นประธานสภาสถาบันพระปกเกล้า

3. เป็นประธานในที่ประชุมสภาสถาบัน

4. มีอำนาจออกเสียงชี้ขาดในกรณีการประชุมสภาสถาบัน ถ้าคณะกรรมการสถภาสถาบันลงคะแนนเสียงเท่ากัน ให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกเสียงหนึ่งเป็นเสียงชี้ขาด

5. มีอำนาจลงนามในข้อบังคับของสถาบัน หลักเกณฑ์และวิธีการเลือกกรรมการสภาสถาบันและคุณสมบัติของกรรมการสภาสถาบัน

6. มีอำนาจลงนามในข้อบังคับของสถาบันเกี่ยวกับการประชุมสภาสถาบันและข้อบังคับอื่นซึ่งออกตามมติที่ประชุมสภาสถาบัน

7. มีอำนาจลงนามแต่งตั้งและถอดถอนเลขาธิการและรองเลขาธิการ แต่งตั้งคณะกรรมการหรือคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณาหรือปฏิบัติการอย่างใดอย่างหนึ่งตามที่สภาสถาบันมอบหมาย และมีอำนาจแต่งตั้งคณะกรรมการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงานของสถาบัน

4.3 อำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติสภาพัฒนาการเมือง พ.ศ. 2551[7]

     (1) ประกาศรายชื่อผู้ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาพัฒนาการเมืองและบัญชีรายชื่อสำรองในราชกิจจานุเบกษา

     (2) แต่งตั้งบุคคลเป็นประธานสภาพัฒนาการเมือง ผู้แทนองค์กรชุมชนตามกฎหมายว่าด้วยสภาองค์กรชุมชน จำนวนสามคน ผู้แทนองค์กรภาคประชาสังคม จำนวนสามคน และผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวนห้าคน เป็นกรรมการ ในวาระเริ่มแรก

4.4 อำนาจหน้าที่ตามระเบียบว่าด้วยกองทุนสงเคราะห์ผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภา พ.ศ. 2543

     (1) เป็นประธานกรรมการของคณะกรรมการกองทุนสงเคราะห์ผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภา มีรองประธานรัฐสภาเป็นรองประธานกรรมการส่วนกรรมการประกอบด้วย ประธานคณะกรรมาธิการกิจการสภาผู้แทนราษฎร ประธานคณะกรรมาธิการกิจการวุฒิสภา และมีอำนาจแต่งตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนสี่คน สมาชิกวุฒิสภา จำนวนสามคน ผู้เคยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนหนึ่งคน และผู้เคยเป็นสมาชิกวุฒิสภา จำนวนหนึ่งคน โดยให้เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เป็นกรรมการและเลขานุการ และเลขาธิการวุฒิสภาเป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ (กรรมการที่ประธานรัฐสภาแต่งตั้งมีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละสี่ปี)

     (2) คณะกรรมการดังกล่าว มีอำนาจกำหนดนโยบาย กำกับดูแลจัดหาผลประโยชน์ของเงินกองทุนฯ ออกระเบียบต่าง ๆ อนุมัติการจ่ายเงินสงเคราะห์ อนุมัติประมาณการค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของกองทุน และพิจารณาวินิจฉัยชี้ขาดปัญหาในการปฏิบัติงานโดยมีรายได้จากงบประมาณรายจ่ายประจำปี เงินหรือทรัพย์สินที่ได้รับบริจาค เงินที่ได้รับจากการหักเงินประจำตำแหน่งของสมาชิกรัฐสภารายละห้าร้อยบาทต่อเดือน เงินดอกผลของกองทุน โดยเงินกองทุนกำหนดให้ใช้จ่ายให้แก่ผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภาในด้านการรักษาพยาบาล การศึกษาของบุตร การสงเคราะห์ครอบครัว กรณีผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภาถึงแก่กรรม และด้านอื่นๆ ตามที่คณะกรรมการอนุมัติ

4.5 เป็นประธานมูลนิธิพระบรมราชานุสรณ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี โดยมติของคณะกรรมการมูลนิธิฯ (ตราสารมูลนิธิพระบรมราชานุสรณ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี) ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนการศึกษา และให้ความช่วยเหลือแก่นักศึกษาที่ขัดสน สนับสนุนสถาบันการแพทย์ เผยแพร่พระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ร่วมมือส่งเสริมและประสานงานกับสถาบันการศึกษาอื่น ปัจจุบันมูลนิธิฯ มีโครงการให้ทุนแก่นิสิตนักศึกษามหาวิทยาลัยของรัฐ นักศึกษาวิทยาลัยพยาบาล นิสิตนักศึกษาปริญญาโท-เอกเพื่อการค้นคว้า วิจัย และโครงการให้ทุนแก่บุตรข้าราชการและลูกจ้างของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรและสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา

5. ภารกิจด้านต่างประเทศ เป็นประธานหน่วยประจำชาติไทยในสหภาพรัฐสภา สหภาพสมาชิกรัฐสภาเอเชียและแปซิฟิก และสมัชชารัฐสภาอาเซียนโดยตำแหน่ง มีอำนาจดำเนินการให้เป็นไปตามธรรมนูญแห่งสหภาพรัฐสภา กฎบัตรสหภาพสมาชิกรัฐสภาเอเซียและแปซิฟิก และธรรมนูญรัฐสภาอาเซียน รวมทั้งตามข้อบังคับหน่วยประจำชาติดังกล่าว

6. ภารกิจด้านพระราชพิธี รัฐพิธี และพิธีการต่างๆ ของประธานรัฐสภาในฐานะที่ดำรงตำแหน่งประมุขของฝ่ายนิติบัญญัติ มีภารกิจที่สำคัญ ดังนี้

6.1 ด้านพระราชพิธี

     (1) ร่วมงานพระราชพิธีต่างๆ ตามหมายรับสั่งในฐานะประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ

     (2) เป็นผู้กล่าวถวายพระพรชัยมงคลในวโรกาสต่างๆ อาทิ พระราชพิธีวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หรือพระราชพิธีต่างๆ

6.2 ด้านรัฐพิธี เช่น

     (1) พิธีวางพวงมาลาถวายราชสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และพิธีบำเพ็ญกุศลทักษิณานุปทานอุทิศถวายแด่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี เนื่องในวันที่ระลึกพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (30 พฤษภาคม)

     (2) วันคล้ายวันสถาปนารัฐสภา ณ พระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว หน้าตึกรัฐสภา (28 มิ.ย.)

     (3) รัฐพิธีฉลองวันพระราชทานรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ณ พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว หน้าตึกรัฐสภา (10 ธ.ค.)

6.3 ด้านพิธีการต่างๆ

ได้รับเชิญจากหน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน เอกชน และบุคคลทั่วไป ในฐานะประมุขของฝ่ายนิติบัญญัติ เช่น เป็นประธานในงานต่างๆ เป็นองค์ปาฐกหรือวิทยากรบรรยาย เป็นต้น

รายนามประธานสภา
คนที่ ลำดับที่ รายชื่อ ตำแหน่ง ระยะเวลาการดำรงตำแหน่ง
1 1 เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี ประธานสภาผู้แทนราษฎร 28 มิ.ย. 2475 - 1 ก.ย. 2475
2 2 เจ้าพระยาพิชัยญาติ ประธานสภาผู้แทนราษฎร 2 ก.ย. 2475 - 10 ธ.ค. 2476
1/2 3 เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี ประธานสภาผู้แทนราษฎร 15 ธ.ค. 2476 - 26 ก.พ. 2476 **
3 4 พลเรือตรี พระยาศรยุทธเสนี ประธานสภาผู้แทนราษฎร 27 ก.พ. 2476 - 22 ก.ย. 2477
4 5 เจ้าพระยาศรีธรรมาธิเบศ ประธานสภาผู้แทนราษฎร 22 ก.ย. 2477 - 15 ธ.ค. 2477
17 ธ.ค. 2477 - 31 ก.ค. 2478
2 ส.ค. 2478 - 31 ก.ค. 2479
5 6 พระยามานวราชเสวี ประธานสภาผู้แทนราษฎร 3 ส.ค. 2479 - 10 ธ.ค. 2480
10 ธ.ค. 2480 - 24 มิ.ย. 2481
28 มิ.ย. 2481 - 10 ธ.ค. 2481
12 ธ.ค. 2481 - 24 มิ.ย. 2482
28 มิ.ย. 2482 - 24 มิ.ย. 2483
1 ก.ค. 2483 - 24 มิ.ย. 2484
1 ก.ค. 2484 - 24 มิ.ย. 2485
30 มิ.ย. 2485 - 24 มิ.ย. 2486
3/2 7 พลเรือตรี พระยาศรยุทธเสนี ประธานสภาผู้แทนราษฎร 6 ก.ค. 2486 - 24 มิ.ย. 2487
5/2 8 พระยามานวราชเสวี ประธานสภาผู้แทนราษฎร 2 ก.ค. 2487 - 24 มิ.ย. 2488
29 มิ.ย. 2488 - 15 ต.ค. 2488
26 ม.ค. 2489 - 9 พ.ค. 2489
6 9 พันตรี วิลาศ โอสถานนท์ ประธานพฤฒสภา 4 มิ.ย. 2489 - 24 ส.ค. 2489
3/3 10 พลเรือตรี พระยาศรยุทธเสนี ประธานพฤฒสภา 31 ส.ค. 2489 - 10 พ.ค. 2490
15 พ.ค. 2490 - 8 พ.ย. 2490
4/2 11 เจ้าพระยาศรีธรรมาธิเบศ ประธานวุฒิสภา 26 พ.ย. 2490 - 18 ก.พ. 2491
20 ก.พ. 2491 - 14 มิ.ย. 2492
15 มิ.ย. 2492 - 1 ต.ค. 2493
22 พ.ย. 2493 - 29 พ.ย. 2494
7 12 พลเอก พระประจนปัจจนึก ประธานสภาผู้แทนราษฎร 1 ธ.ค. 2494 - 17 มี.ค. 2495
22 มี.ค. 2495 - 23 มิ.ย. 2495
28 มิ.ย. 2495 - 23 มิ.ย. 2496
2 ก.ค. 2496 - 23 มิ.ย. 2497
29 มิ.ย. 2497 - 23 มิ.ย. 2498
2 ก.ค. 2498 - 23 มิ.ย. 2499
30 มิ.ย. 2499 - 25 ก.พ. 2500
16 มี.ค. 2500 - 23 มิ.ย. 2500
28 มิ.ย. 2500 - 16 ก.ย. 2500
8 13 พลเอก หลวงสุทธิสารรณกร ประธานสภาผู้แทนราษฎร 20 ก.ย. 2500 - 14 ธ.ค. 2500
7/2 14 พลเอก พระประจนปัจจนึก ประธานสภาผู้แทนราษฎร 27 ธ.ค. 2500 - 23 มิ.ย. 2501
25 มิ.ย. 2501 - 20 ต.ค. 2501
8/2 15 พลเอก หลวงสุทธิสารรณกร ประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญ 6 ก.พ. 2502 - 17 เม.ย. 2511
9 16 นายทวี บุณยเกตุ ประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญ 2 พ.ค. 2511 - 20 มิ.ย. 2511
10 17 พันเอก นายวรการบัญชา ประธานวุฒิสภา 22 ก.ค. 2511 - 6 ก.ค. 2514
7 ก.ค. 2514 - 17 พ.ย. 2514
11 18 พลตรี ศิริ สิริโยธิน ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ 18 ธ.ค. 2515 - 11 ธ.ค. 2516
12 19 พลตรี หม่อมราชวงศ์ คึกฤทธิ์ปราโมช ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ 29 ธ.ค. 2516- 7 ต.ค. 2517
13 20 นายประภาศน์ อวยชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ 17 ต.ค. 2517 - 25 ม.ค. 2518
14 21 นายประสิทธิ์ กาญจนวัฒน์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร 7 ก.พ. 2518 - 12 ม.ค. 2519
15 22 นายอุทัย พิมพ์ใจชน ประธานสภาผู้แทนราษฎร 19 เม.ย. 2519 - 6 ต.ค. 2519
16 23
พลอากาศเอก กมลเดชะตุงคะ ประธานที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี
ทำหน้าที่สภาปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน
27 ต.ค. 2519 - 20 พ.ย. 2519
17 24 พลอากาศเอก หะริน หงสกุล ประธานสภาปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน 28 พ.ย. 2519 - 20 ต.ค. 2520
17/2 25 พลอากาศเอก หะริน หงสกุล ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ 25 พ.ย. 2520 - 22 เม.ย. 2522
17/3 26 พลอากาศเอก หะรินหงสกุล ประธานวุฒิสภา 9 พ.ค. 2522 - 19 มี.ค. 2526
18 27 นายจารุบุตร เรืองสุวรรณ ประธานวุฒิสภา 26 เม.ย. 2526 - 19 มี.ค. 2527
19 28 นายอุกฤษ มงคลนาวิน ประธานวุฒิสภา 30 เม.ย. 2527 - 30 เม.ย. 2528
1 พ.ค. 2528 - 23 เม.ย. 2530
24 เม.ย. 2530 - 21 เม.ย. 2532
20 29 ร้อยตำรวจตรี วรรณ ชันซื่อ ประธานวุฒิสภา 4 พ.ค. 2532 - 23 ก.พ. 2534
19/2 30 นายอุกฤษ มงคลนาวิน ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ 2 เม.ย. 2534 - 21 มี.ค. 2535
19/3 31 นายอุกฤษ มงคลนาวิน ประธานวุฒิสภา 3 เม.ย. 2535 - 26 พ.ค. 2535
21 32 นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานวุฒิสภา ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ 28 มิ.ย. 2535 - 30 มิ.ย. 2535
22 33 นายมารุต บุนนาค ประธานสภาผู้แทนราษฎร 22 ก.ย. 2535 - 19 พ.ค. 2538
23 34 นายบุญเอื้อ ประเสริฐสุวรรณ ประธานสภาผู้แทนราษฎร 11 ก.ค. 2538- 27 ก.ย. 2539
24 35 นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร 24 พ.ย. 2539 - 27 มิ.ย. 2543
25 36 นายพิชัย รัตตกุล ประธานสภาผู้แทนราษฎร 30 มิ.ย. 2543 - 8 พ.ย. 2543
15/1 37 นายอุทัย พิมพ์ใจชน ประธานสภาผู้แทนราษฏร 6 ก.พ. 2544 - 5 ม.ค. 2548
26 38 นายโภคิน พลกุล ประธานสภาผู้แทนราษฎร 8 มี.ค. 2548 – 24 ก.พ. 2549
27 39 นายยงยุทธ ติยะไพรัช ประธานสภาผู้แทนราษฎร 23 ม.ค. 2551 – 30 เม.ย. 2551
28 40 นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร 15 พ.ค. 2551 – ปัจจุบัน

* กลุ่มงานพิพิธภัณฑ์และจดหมายเหตุ สำนักวิชาการ

** ในปี พ.ศ. 2483 ได้มีการเปลี่ยนปีปฏิทินวันขึ้นปีใหม่ จาก 1 เมษายน เป็น 1 มกราคม


อ้างอิง

  1. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 89
  2. สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, คณะกรรมการจัดทำเอกสารสาระสำคัญเกี่ยวกับภารกิจและสิทธิประโยชน์ของประธานรัฐสภา ประธานและรองประธานสภาผู้แทนราษฎร, สาระสำคัญเกี่ยวกับภารกิจและสิทธิประโยชน์ของประธานรัฐสภา ประธานและรองประธานสภาผู้แทนราษฎร. (กรุงเทพมหานคร : สำนักการพิมพ์ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2551), หน้า 1-16.
  3. ข้อบังคับการประชุมรัฐสภา พ.ศ. 2544 มาตรา 5.
  4. สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, สำนักประชาสัมพันธ์, พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายรัฐสภา พ.ศ.2518 พระราชบัญญัติจัดระเบียบปฏิบัติราชการฝ่ายรัฐสภา พ.ศ.2518 รวมกฎ ก.ร., (กรุงเทพมหานคร : สำนักการพิมพ์ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร 2551), หน้า 14-28.
  5. “พระราชบัญญัติว่าด้วยการเข้าชื่อเสนอกฎหมาย พ.ศ. 2542,” ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 116 ตอนที่ 20 ก.” (25 มีนาคม 2542) : หน้า 32.
  6. พระราชบัญญัติสถาบันพระปกเกล้า,” ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 115 ตอนที่ 57 ก (4 กันยายน 2541) : หน้า 21-28.
  7. “พระราชบัญญัติสภาพัฒนาการเมือง,” ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 125 ตอนที่ 24 ก (29 มกราคม 2551) : หน้า 5, 13.

บรรณานุกรม

“พระราชบัญญัติว่าด้วยการเข้าชื่อเสนอกฎหมาย พ.ศ.2542.” ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 116 ตอนที่ 20ก (25 มีนาคม 2542) : หน้า 32.

“พระราชบัญญัติสภาพัฒนาการเมือง.” ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 125 ตอนที่ 24ก (29 มกราคม 2551) : หน้า 5, 13.

“ระเบียบว่าด้วยกองทุนสงเคราะห์ผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภา พ.ศ.2543.” ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 117 ตอนพิเศษ 21 ง (7 มีนาคม 2543) : หน้า 9-14.

สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. กองการประชาสัมพันธ์. ข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2544 ข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรมของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและกรรมาธิการ พ.ศ. 2542 ข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา พ.ศ. 2544 ข้อบังคับการประชุมรัฐสภา พ.ศ. 2544. กรุงเทพมหานคร : กองการพิมพ์ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. 2544.

สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. คณะกรรมการจัดทำเอกสารสาระสำคัญเกี่ยวกับภารกิจและสิทธิประโยชน์ของประธานรัฐสภา ประธานและรองประธานผู้แทนราษฎร. สาระสำคัญเกี่ยวกับภารกิจและสิทธิประโยชน์ของประธานรัฐสภา ประธานและรองประธานสภาผู้แทนราษฎร. กรุงเทพมหานคร : สำนักการพิมพ์ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. 2551.

สำนักงานเลขาธิการรัฐสภา ศูนย์บริการเอกสารและค้นคว้า. ระบบงานรัฐสภาไทย. กรุงเทพมหานคร : กองการพิมพ์ สำนักงานเลขาธิการรัฐสภา 2530.

สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. สำนักประชาสัมพันธ์. พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการ่ายรัฐสภา พ.ศ. 2518 พระราชบัญญัติจัดระเบียบปฏิบัติราชการฝ่ายรัฐสภา พ.ศ. 2518 รวมกฎ ก.ร. กรุงเทพมหานคร : สำนักการพิมพ์ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. 2551.

สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, สำนักประชาสัมพันธ์, รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย, กรุงเทพมหานคร : สำนักการพิมพ์ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2550.

สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. สำนักประชาสัมพันธ์. 77 ปี รัฐสภาไทย. กรุงเทพมหานคร : สำนักการพิมพ์ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร