ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ท้องถิ่นดิจิทัล (Digital for Local)"

จาก ฐานข้อมูลการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า
Adminkpi (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Adminkpi (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัดที่ 7: บรรทัดที่ 7:
'''<big>ท้องถิ่นดิจิทัล (Digital for Local)</big>'''
'''<big>ท้องถิ่นดิจิทัล (Digital for Local)</big>'''


'''                                         ท้องถิ่นดิจิทัล''' คือ การพยายามเปลี่ยนผ่านการดำเนินงานและบริการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (local government digital transformation) สู่การเป็นดิจิทัลอันเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างรัฐบาลดิจิทัลที่ต้องการให้การดำเนินงานของรัฐควรสะดวก ใช้งานได้ และเชื่อถือได้ สามารถทำธุรกรรมผ่านระบบดิจิทัลที่ใช้งานสะดวกและทำได้ทุกที่ทุกเวลา และมีระบบรักษาความปลอดภัยของข้อมูลและธุรกรรม<sup>[1]</sup> การเป็นท้องถิ่นดิจิทัลถือเป็นส่วนหนึ่งของการอภิบาลอิเล็กทรอนิกส์ (electronic governance: e-governance) อันหมายถึงการรวมกันของกรอบการอภิบาลที่อิงกับกระบวนการ (process-oriented framework of governance) ที่ให้ความสำคัญกับหน้าที่ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และพลวัตรทางอำนาจ ผสานเข้ากับข้อมูลข่าวสารและเทคโนโลยีการสื่อสาร (information and communication technology) ที่สนับสนุนและเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับกระบวนการข้อมูลข่าวสารและการสื่อสารระหว่างผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่าง ๆ กล่าวได้ว่า e-governance ถือเป็นการอภิบาลรูปแบบหนึ่งที่พยายามใช้ประโยชน์จากกระบวนการและโครงสร้างของเทคโนโลยีดิจิทัลในทุกระดับของการปกครอง รวมถึงทำงานร่วมกับหุ้นส่วน ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และเครือข่ายต่าง ๆ เพื่อให้เกิดผลลัพท์ทางนโยบายขึ้นมาให้เกิดความโปร่งใส ความมีประสิทธิภาพ และความสะดวกรวดเร็ว<sup>[2]</sup> ในปัจจุบันเมืองจำนวนมากได้อาศัย e-governance เพื่อสร้างความเป็นเมืองอัจฉริยะ (smart city) เพื่อเอื้อให้สภาพแวดล้อมของเมืองมีเทคโนโลยีดิจิทัลที่สามารถใช้งานเพื่อการอภิบาลและจัดบริการสาธารณะของตัวแสดงจำนวนมาก เพื่อแก้ไขปัญหาความท้าทายของเมืองที่สัมพันธ์กับการใช้ชีวิตและเครือข่ายอันซับซ้อนของระบบสารสนเทศ ตัวอย่างเช่น สารสนเทศเมือง (urban informatics) ที่ใช้ในการวางผังเมืองอย่างการวิเคราะห์ข้อมูลอย่างเส้นทางการคมนาคม การจัดโซนของผังเมือง การวิเคราะห์สื่อสังคมออนไลน์ที่อิงกับพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ เป็นต้น<sup>[3]</sup>
'''                                        ท้องถิ่นดิจิทัล''' คือ การพยายามเปลี่ยนผ่านการดำเนินงานและบริการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (local government digital transformation) สู่การเป็นดิจิทัลอันเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างรัฐบาลดิจิทัลที่ต้องการให้การดำเนินงานของรัฐควรสะดวก ใช้งานได้ และเชื่อถือได้ สามารถทำธุรกรรมผ่านระบบดิจิทัลที่ใช้งานสะดวกและทำได้ทุกที่ทุกเวลา และมีระบบรักษาความปลอดภัยของข้อมูลและธุรกรรม<sup>[1]</sup> การเป็นท้องถิ่นดิจิทัลถือเป็นส่วนหนึ่งของการอภิบาลอิเล็กทรอนิกส์ (electronic governance: e-governance) อันหมายถึงการรวมกันของกรอบการอภิบาลที่อิงกับกระบวนการ (process-oriented framework of governance) ที่ให้ความสำคัญกับหน้าที่ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และพลวัตรทางอำนาจ ผสานเข้ากับข้อมูลข่าวสารและเทคโนโลยีการสื่อสาร (information and communication technology) ที่สนับสนุนและเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับกระบวนการข้อมูลข่าวสารและการสื่อสารระหว่างผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่าง ๆ กล่าวได้ว่า e-governance ถือเป็นการอภิบาลรูปแบบหนึ่งที่พยายามใช้ประโยชน์จากกระบวนการและโครงสร้างของเทคโนโลยีดิจิทัลในทุกระดับของการปกครอง รวมถึงทำงานร่วมกับหุ้นส่วน ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และเครือข่ายต่าง ๆ เพื่อให้เกิดผลลัพท์ทางนโยบายขึ้นมาให้เกิดความโปร่งใส ความมีประสิทธิภาพ และความสะดวกรวดเร็ว<sup>[2]</sup> ในปัจจุบันเมืองจำนวนมากได้อาศัย e-governance เพื่อสร้างความเป็นเมืองอัจฉริยะ (smart city) เพื่อเอื้อให้สภาพแวดล้อมของเมืองมีเทคโนโลยีดิจิทัลที่สามารถใช้งานเพื่อการอภิบาลและจัดบริการสาธารณะของตัวแสดงจำนวนมาก เพื่อแก้ไขปัญหาความท้าทายของเมืองที่สัมพันธ์กับการใช้ชีวิตและเครือข่ายอันซับซ้อนของระบบสารสนเทศ ตัวอย่างเช่น สารสนเทศเมือง (urban informatics) ที่ใช้ในการวางผังเมืองอย่างการวิเคราะห์ข้อมูลอย่างเส้นทางการคมนาคม การจัดโซนของผังเมือง การวิเคราะห์สื่อสังคมออนไลน์ที่อิงกับพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ เป็นต้น<sup>[3]</sup>


'''          '''         '''          '''          ในการสร้างท้องถิ่นดิจิทัลควรให้ความสำคัญกับ  
''' '''                                       ในการสร้างท้องถิ่นดิจิทัลควรให้ความสำคัญกับ  


'''''          '''''          '''          '''         ''1) การแสวงหานวัตกรรมที่เหมาะสมกับท้องถิ่น''
''' '''                                       ''1) การแสวงหานวัตกรรมที่เหมาะสมกับท้องถิ่น''


'''''          '''''          '''          '''         ''2) การเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน''
''' '''                                       ''2) การเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน''


'''''          '''''          '''          '''         ''3) การมุ่งเน้นประสบการณ์ที่ได้รับของประชาชน''
''' '''                                       ''3) การมุ่งเน้นประสบการณ์ที่ได้รับของประชาชน''


'''''          '''''          '''          '''         ''4) ระบบไอทีต้องมีความทันสมัย''
''' '''                                       ''4) ระบบไอทีต้องมีความทันสมัย''


'''''          '''''          '''          '''         ''5) การรักษาความปลอดภัยต้องปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง และ''
''' '''                                       ''5) การรักษาความปลอดภัยต้องปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง และ''


'''''          '''''          '''          '''         ''6) ความคล่องตัวเป็นแกนหลัก<sup>[4]</sup>''  
''' '''                                       ''6) ความคล่องตัวเป็นแกนหลัก<sup>[4]</sup>''  


'''          '''         รวมถึงมุ่งเป้าการเป็นท้องถิ่นดิจิทัลไปยังกลุ่มเป้าหมายหลัก ได้แก่ ประชาชนผู้ใช้บริการที่ควรเข้าถึงบริการที่หลากหลายผ่านช่องทางเดียวได้อย่างสะดวกและตลอดเวลา สามารถติดตามสถานะการดำเนินงานของธุรกรรมที่ตนทำกับท้องถิ่น และช่วยลดค่าใช้จ่ายและประหยัดเวลาจากการทำธุรกรรม และ[[องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น]] ต้องใช้ความเป็นดิจิทัลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานทั้งการบริหารจัดการและการให้บริการ สามารถจัดเก็บข้อมูล ติดตามการให้บริการ และลดต้นทุนการดำเนินงานได้<sup>[5]</sup>
''' '''                                       รวมถึงมุ่งเป้าการเป็นท้องถิ่นดิจิทัลไปยังกลุ่มเป้าหมายหลัก ได้แก่ ประชาชนผู้ใช้บริการที่ควรเข้าถึงบริการที่หลากหลายผ่านช่องทางเดียวได้อย่างสะดวกและตลอดเวลา สามารถติดตามสถานะการดำเนินงานของธุรกรรมที่ตนทำกับท้องถิ่น และช่วยลดค่าใช้จ่ายและประหยัดเวลาจากการทำธุรกรรม และ[[องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น]] ต้องใช้ความเป็นดิจิทัลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานทั้งการบริหารจัดการและการให้บริการ สามารถจัดเก็บข้อมูล ติดตามการให้บริการ และลดต้นทุนการดำเนินงานได้<sup>[5]</sup>


'''          '''         ทั้งนี้ การให้บริการของท้องถิ่นดิจิทัลจะดำเนินการผ่านระบบบริการหลัก 5 แบบสำหรับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไทยเป็นอย่างน้อย คือ
''' '''                                       ทั้งนี้ การให้บริการของท้องถิ่นดิจิทัลจะดำเนินการผ่านระบบบริการหลัก 5 แบบสำหรับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไทยเป็นอย่างน้อย คือ


'''                     1) ระบบบริหารจัดการจุดเดียวเบ็ดเสร็จ (one stop services: OSS)''' คือ ระบบบริการที่ให้ประชาชนสามารถยื่นคำร้องออนไลน์ด้วยตนเองได้ทุกเรื่องผ่านช่องทางออนไลน์เพียงช่องทางเดียวประชาชนสามารถติดตามกระบวนการการดำเนินงานทางเอกสารต่าง ๆ อละสามารถได้รับการแจ้งเตือนถึงขั้นตอนและผลการดำเนินงานผ่านระบบออนไลน์ที่หลากหลาย (อาทิ ทาง SMS หรือ E-mail) รวมถึงสามารถให้คะแนนประเมินความพึงพอใจได้ ทั้งนี้ทางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควรจัดตั้งหน่วยนงานรับเรื่องร้องทุกข์ที่สามารถประสานและแจ้งต่อหน่วยงานที่รับผิดชอบเพื่อแก้ไขปัญหาจากเรื่องที่ได้รับแจ้งผ่าน OSS รวมถึงจัดเก็บข้อมูลและจัดทำสถิติเรื่องที่ผ่านทางระบบ OSS ไว้ด้วย
'''                                        1) ระบบบริหารจัดการจุดเดียวเบ็ดเสร็จ (one stop services: OSS)''' คือ ระบบบริการที่ให้ประชาชนสามารถยื่นคำร้องออนไลน์ด้วยตนเองได้ทุกเรื่องผ่านช่องทางออนไลน์เพียงช่องทางเดียวประชาชนสามารถติดตามกระบวนการการดำเนินงานทางเอกสารต่าง ๆ อละสามารถได้รับการแจ้งเตือนถึงขั้นตอนและผลการดำเนินงานผ่านระบบออนไลน์ที่หลากหลาย (อาทิ ทาง SMS หรือ E-mail) รวมถึงสามารถให้คะแนนประเมินความพึงพอใจได้ ทั้งนี้ทางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควรจัดตั้งหน่วยนงานรับเรื่องร้องทุกข์ที่สามารถประสานและแจ้งต่อหน่วยงานที่รับผิดชอบเพื่อแก้ไขปัญหาจากเรื่องที่ได้รับแจ้งผ่าน OSS รวมถึงจัดเก็บข้อมูลและจัดทำสถิติเรื่องที่ผ่านทางระบบ OSS ไว้ด้วย


'''                     2) ระบบขอใบอนุญาตการก่อสร้าง''' คือ ระบบที่ประชาชนสามารถขอใบอนุญาตก่อสร้างด้วยตนเองและสามารถปักหมุดสถานที่ก่อสร้างที่ต้องการขออนุญาตผ่านระบบออนไลน์ สามารถแนบเอกสาร การติดตามสถานะการดำเนินงาน ได้รับการแจ้งเตือนถึงขั้นตอน/ผลการดำเนินงาน และประเมินความพึงพอใจได้เหมือนระบบ OSS
'''                                        2) ระบบขอใบอนุญาตการก่อสร้าง''' คือ ระบบที่ประชาชนสามารถขอใบอนุญาตก่อสร้างด้วยตนเองและสามารถปักหมุดสถานที่ก่อสร้างที่ต้องการขออนุญาตผ่านระบบออนไลน์ สามารถแนบเอกสาร การติดตามสถานะการดำเนินงาน ได้รับการแจ้งเตือนถึงขั้นตอน/ผลการดำเนินงาน และประเมินความพึงพอใจได้เหมือนระบบ OSS


'''                     3) ระบบออกหนังสือรับรองแจ้งสถานที่จำหน่ายอาหาร''' คือ ระบบที่ประชาชนสามารถขอหนังสือรับรองฯ ได้ด้วยตนเองผ่านระบบออนไลน์ สามารถแนบเอกสาร การติดตามสถานะการดำเนินงาน ได้รับการแจ้งเตือนถึงขั้นตอน/ผลการดำเนินงาน และประเมินความพึงพอใจได้เหมือนระบบ OSS
'''                                        3) ระบบออกหนังสือรับรองแจ้งสถานที่จำหน่ายอาหาร''' คือ ระบบที่ประชาชนสามารถขอหนังสือรับรองฯ ได้ด้วยตนเองผ่านระบบออนไลน์ สามารถแนบเอกสาร การติดตามสถานะการดำเนินงาน ได้รับการแจ้งเตือนถึงขั้นตอน/ผลการดำเนินงาน และประเมินความพึงพอใจได้เหมือนระบบ OSS


'''                     4) ระบบชำระค่าธรรมเนียมขยะ/บำบัดน้ำเสีย''' คือ ระบบที่ประชาชนสามารถชำระค่าธรรมเนียมผ่านออนไลน์ โดยสามารถสแกน QR Code หรือเลือกช่องทางชำระออนไลน์รูปแบบอื่นได้ สามารถแนบหลักฐานการชำระเงิน ติดตามสถานการณ์ชำระเงิน การรับใบเสร็จ และให้คะแนนความพึงพอใจของการใช้บริการ
'''                                        4) ระบบชำระค่าธรรมเนียมขยะ/บำบัดน้ำเสีย''' คือ ระบบที่ประชาชนสามารถชำระค่าธรรมเนียมผ่านออนไลน์ โดยสามารถสแกน QR Code หรือเลือกช่องทางชำระออนไลน์รูปแบบอื่นได้ สามารถแนบหลักฐานการชำระเงิน ติดตามสถานการณ์ชำระเงิน การรับใบเสร็จ และให้คะแนนความพึงพอใจของการใช้บริการ


'''                     5) ระบบสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์ (E-Office)''' คือ ระบบที่หน่วยงานและเจ้าหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถใช้งานระบบสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์ที่สอดคล้องกับระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยงานสารบรรณฉบับปัจจุบัน และรองรับการเชื่อมโยงรับ-ส่งหนังสือสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์กับหน่วยงานภาครัฐอื่น ๆ ได้ รวมถึงการจัดเก็บเอกสาร การลงนามเอกสารผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ และการจัดลำดับชั้นการเข้าถึงเอกสาร<sup>[6]</sup>   
'''                                        5) ระบบสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์ (E-Office)''' คือ ระบบที่หน่วยงานและเจ้าหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถใช้งานระบบสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์ที่สอดคล้องกับระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยงานสารบรรณฉบับปัจจุบัน และรองรับการเชื่อมโยงรับ-ส่งหนังสือสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์กับหน่วยงานภาครัฐอื่น ๆ ได้ รวมถึงการจัดเก็บเอกสาร การลงนามเอกสารผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ และการจัดลำดับชั้นการเข้าถึงเอกสาร<sup>[6]</sup>   






'''          '''         ส่วนผลลัพท์ของการเป็นท้องถิ่นดิจิทัล Local Government Association (LGA) เสนอว่าสามารถแบ่งออกเป็น 12 ด้านที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควรบรรลุถึงผลลัพท์ดังกล่าว
''' '''                                       ส่วนผลลัพท์ของการเป็นท้องถิ่นดิจิทัล Local Government Association (LGA) เสนอว่าสามารถแบ่งออกเป็น 12 ด้านที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควรบรรลุถึงผลลัพท์ดังกล่าว


'''''           '''''         ''1) การเชื่อมต่อ (connectivity)'' องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถสนับสนุนผู้อยู่อาศัยในท้องถิ่น ธุรกิจเอกชน และบุคลากรของท้องถิ่นให้เข้าถึงอินเทอร์เน็ตและบริการสาธารณะของท้องถิ่นผ่านดิจิทัลไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ที่ไหนก็ตาม
''' '''                                       ''1) การเชื่อมต่อ (connectivity)'' องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถสนับสนุนผู้อยู่อาศัยในท้องถิ่น ธุรกิจเอกชน และบุคลากรของท้องถิ่นให้เข้าถึงอินเทอร์เน็ตและบริการสาธารณะของท้องถิ่นผ่านดิจิทัลไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ที่ไหนก็ตาม


'''''           '''''         ''2) ข้อมูล (data)'' แนวปฏิบัติด้านข้อมูลขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควรเป็นไปตามมาตรฐานที่ให้ความสำคัญกับการปรับปรุงการบริการและนโยบายการให้ข้อมูล ทั้งนี้ ความโปร่งใสเป็นหัวใจหลักของแนวปฏิบัติด้านข้อมูลที่จะช่วยทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลและทราบถึงแหล่งที่มาของข้อมูล ซึ่งจะช่วยเสริมประชาธิปไตยและการมีส่วนร่วมได้อีกทางด้วย
''' '''                                       ''2) ข้อมูล (data)'' แนวปฏิบัติด้านข้อมูลขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควรเป็นไปตามมาตรฐานที่ให้ความสำคัญกับการปรับปรุงการบริการและนโยบายการให้ข้อมูล ทั้งนี้ ความโปร่งใสเป็นหัวใจหลักของแนวปฏิบัติด้านข้อมูลที่จะช่วยทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลและทราบถึงแหล่งที่มาของข้อมูล ซึ่งจะช่วยเสริมประชาธิปไตยและการมีส่วนร่วมได้อีกทางด้วย


'''''           '''''         ''3) ประชาธิปไตยและการมีส่วนร่วม (democracy and participation)'' องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควรใช้เทคโนโลยีดิจิทัลให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการสนับสนุนการประชุมสภาท้องถิ่น การสร้างความโปร่งใส การสร้างการตัดสินใจที่เป็นประชาธิปไตยด้วยแง่ดี และการเพิ่มความเกี่ยวพันและการประสานความร่วมมือของชุมชน  
''' '''                                       ''3) ประชาธิปไตยและการมีส่วนร่วม (democracy and participation)'' องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควรใช้เทคโนโลยีดิจิทัลให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการสนับสนุนการประชุมสภาท้องถิ่น การสร้างความโปร่งใส การสร้างการตัดสินใจที่เป็นประชาธิปไตยด้วยแง่ดี และการเพิ่มความเกี่ยวพันและการประสานความร่วมมือของชุมชน  


'''''           '''''         ''4) ผลิตภาพและการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ (economic productivity and growth)'' องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควรสนับสนุนการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลของธุรกิจเอกชนในท้องถิ่น หุ้นส่วน และองค์กรที่อยู่นอกภาครัฐและเอกชน
''' '''                                       ''4) ผลิตภาพและการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ (economic productivity and growth)'' องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควรสนับสนุนการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลของธุรกิจเอกชนในท้องถิ่น หุ้นส่วน และองค์กรที่อยู่นอกภาครัฐและเอกชน


'''''           '''''         ''5) จริยธรรมและความยั่งยืน (ethics and sustainability)'' องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควรใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อบรรลุถึงประโยชน์ร่วมกันและไม่สร้างภัยคุกคาม เทคโนโลยีดิจิทัลควรมีเพื่อคุ้มครองมนุษย์ ความเป็นธรรม ความโปร่งใส และสิ่งแวดล้อม  
''' '''                                       ''5) จริยธรรมและความยั่งยืน (ethics and sustainability)'' องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควรใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อบรรลุถึงประโยชน์ร่วมกันและไม่สร้างภัยคุกคาม เทคโนโลยีดิจิทัลควรมีเพื่อคุ้มครองมนุษย์ ความเป็นธรรม ความโปร่งใส และสิ่งแวดล้อม  


'''''           '''''         ''6) การไม่ทิ้งใครไว้เบื้องหลัง (inclusion)'' องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควรส่งเสริมประโยชน์ของอินเทอร์เน็ต เทคโนโลยีดิจิทัล และบริการดิจิทัลในทางที่ทำให้คนทุกคนสามารถใช้งานได้และเข้าถึงได้
''' '''                                       ''6) การไม่ทิ้งใครไว้เบื้องหลัง (inclusion)'' องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควรส่งเสริมประโยชน์ของอินเทอร์เน็ต เทคโนโลยีดิจิทัล และบริการดิจิทัลในทางที่ทำให้คนทุกคนสามารถใช้งานได้และเข้าถึงได้


'''''           '''''         ''7) ภาวะผู้นำ (leadership)'' ภาวะผู้นำขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นขับเคลื่อนได้โดยเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อบรรลุเป้าหมายเชิงกลยุทธ์และเป้าหมายเชิงปฏิบัติการ และเอื้ออำนวยต่อการสร้างความเปลี่ยนแปลงขององค์กร
''' '''                                       ''7) ภาวะผู้นำ (leadership)'' ภาวะผู้นำขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นขับเคลื่อนได้โดยเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อบรรลุเป้าหมายเชิงกลยุทธ์และเป้าหมายเชิงปฏิบัติการ และเอื้ออำนวยต่อการสร้างความเปลี่ยนแปลงขององค์กร


'''''           '''''         ''8) ศักยภาพองค์กร (organizational capability)'' องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควรทำให้เทคโนโลยีดิจิทัลเป็นหัวใจสำคัญของการทำงานและฝึกอบรมกำลังแรงงาน และสร้างบุคลากรที่มีความพร้อม (talent pipelines) ที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งและสับเปลี่ยนหมุนเวียนตำแหน่งในองค์กร และช่วยลดแรงกดดันของการคัดเลือกบุคลากร
''' '''                                       ''8) ศักยภาพองค์กร (organizational capability)'' องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควรทำให้เทคโนโลยีดิจิทัลเป็นหัวใจสำคัญของการทำงานและฝึกอบรมกำลังแรงงาน และสร้างบุคลากรที่มีความพร้อม (talent pipelines) ที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งและสับเปลี่ยนหมุนเวียนตำแหน่งในองค์กร และช่วยลดแรงกดดันของการคัดเลือกบุคลากร


'''''           '''''         ''9) พันธมิตร (partnership)'' องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควรทำงานร่วมกับภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคส่วนนอกภาครัฐและเอกชน เพื่อสร้างการบูรณาการ การเชื่อมโยงอย่างเหนียวแน่น และเน้นตัวแบบการทำงานที่ให้ความสำคัญกับผู้อยู่อาศัยในท้องถิ่นต่อการสร้างการเปลี่ยนผ่านทางเทคโนโลยีดิจิทัลของท้องถิ่นและการจัดบริการสาธารณะ
''' '''                                       ''9) พันธมิตร (partnership)'' องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควรทำงานร่วมกับภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคส่วนนอกภาครัฐและเอกชน เพื่อสร้างการบูรณาการ การเชื่อมโยงอย่างเหนียวแน่น และเน้นตัวแบบการทำงานที่ให้ความสำคัญกับผู้อยู่อาศัยในท้องถิ่นต่อการสร้างการเปลี่ยนผ่านทางเทคโนโลยีดิจิทัลของท้องถิ่นและการจัดบริการสาธารณะ


'''''           '''''         ''10) ความปลอดภัยและความยืดหยุ่น (security and resilience)'' เครือข่าย โครงสร้างพื้นฐาน ข้อมูล และการบริการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควรมีความปลอดภัย และท้องถิ่นควรมีความยืดหยุ่นในการรับมือกับภัยคุกคามทางไซเบอร์
''' '''                                       ''10) ความปลอดภัยและความยืดหยุ่น (security and resilience)'' เครือข่าย โครงสร้างพื้นฐาน ข้อมูล และการบริการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควรมีความปลอดภัย และท้องถิ่นควรมีความยืดหยุ่นในการรับมือกับภัยคุกคามทางไซเบอร์


'''''           '''''         ''11) บริการ (services)'' บริการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควรถูกออกแบบเพื่อตอบสนองความจำเป็นของผู้พักอาศัยและผู้ใช้งาน และควรสอดคล้องกับหลักการและมาตรฐานที่ภาครัฐกำหนด การบริการที่เกิดจากการนำดิจิทัลมาช่วยปรับปรุงควรเพิ่มประสิทธิภาพและความรวดเร็วให้มากขึ้นด้วย
''' '''                                       ''11) บริการ (services)'' บริการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควรถูกออกแบบเพื่อตอบสนองความจำเป็นของผู้พักอาศัยและผู้ใช้งาน และควรสอดคล้องกับหลักการและมาตรฐานที่ภาครัฐกำหนด การบริการที่เกิดจากการนำดิจิทัลมาช่วยปรับปรุงควรเพิ่มประสิทธิภาพและความรวดเร็วให้มากขึ้นด้วย


'''''           '''''         ''12) คุณค่า (value)'' องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควรจัดสรรทรัพยากรอย่างมีประสิทธิผลเพื่อควบคุมให้เกิดโอกาสของเทคโนโลยีดิจิทัล<sup>[7]</sup>
''' '''                                       ''12) คุณค่า (value)'' องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควรจัดสรรทรัพยากรอย่างมีประสิทธิผลเพื่อควบคุมให้เกิดโอกาสของเทคโนโลยีดิจิทัล<sup>[7]</sup>


''' '''                                      นอกจากผลลัพท์ของการพัฒนาความเป็นดิจิทัลท้องถิ่นที่ได้กล่าวมาข้างต้น ท้องถิ่นดิจิทัลยังช่วยกำหนดชื่อเสียง (reputation) ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้งด้านการรับรู้และความคาดหวังที่ผู้คนมีต่อองค์กร ความมีชื่อเสียงดังกล่าวจะกำหนดพฤติกรรมและการกระทำของตัวองค์กร<sup>[8]</sup> แต่ทั้งนี้ต้องตระหนักว่าสภาพความเป็นดิจิทัลสามารถสร้างประโยชน์หรือเป็นภัยคุกคามทำลายชื่อเสียงขององค์กรก็ได้ ในด้านประโยชน์การมี''ระบบการมีชื่อเสียง (reputation systems)'' ผ่านช่องทางดิจิทัลที่เข้าถึงได้สามารถเป็นตัวกลางและเอื้ออำนวยให้เกิดการใช้ข้อมูลข่าวสารที่มีคุณค่าต่อการตัดสินใจ ผ่านการมีระบบสนับสนุนและการยืนยันตัวเลือกของการตัดสินใจ กล่าวคือ ความเป็นดิจิทัลจะสร้างความโปร่งใสและแสดงความเป็นสาธารณะต่อบรรดาตัวเลือกเชิงนโยบายของปัจเจกบุคคลหรือขององค์กร (เพราะประชาชนรับทราบว่าผู้บริหารหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตัดสินใจจากทางเลือกนโยบายแบบใดจากข้อมูลที่ปรากฎผ่านดิจิทัล อย่างเช่น ทำไมท้องถิ่นถึงเลือกใช้งบประมาณตัดถนนแทนที่จะสร้างสวนสาธารณะ) แต่ในอีกด้านระบบการสร้างชื่อเสียงอาจเป็นภัยคุกคาม เพราะทำให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากตัวเลือกเชิงนโยบายดังกล่าวมีความอดทนต่อผลกระทบดังกล่าวน้อยลงและมีประสบการณ์เชิงลบต่อตัวเลือกเหล่านั้น (เนื่องจากประชาชนรับรู้ข่าวสารการดำเนินงานของท้องถิ่นที่โปร่งใสมากขึ้น) ดังนั้น ระบบการมีชื่อเสียงขององค์กรผ่านดิจิทัลในอีกด้านจึงเปรียบเสมือนแบรนด์ (brand) ที่จะให้คำมั่นสัญญาถึงสิ่งที่องค์กรถูกคาดหวังว่าควรจะดำเนินการ และจากคำมั่นดังกล่าวทำให้ประชาชนคาดหวังการทำงานขององค์กรอยู่บนฐานของความเป็นจริงมากขึ้นด้วย (เพราะประชาชนรับรู้ว่าองค์กรให้สัญญาแบบใดไว้ พวกเขาจึงคาดหวังว่าองค์กรควรทำตามสัญญาแต่ก็ไม่ได้ตั้งความหวังไว้ในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้) แต่ในทางกลับกัน ระบบการมีชื่อเสียงผ่านดิจิทัลกลับเป็นประเด็นที่ท้าทายเพราะองค์กรอาจสร้างภาพลักษณ์ไว้เกินเลยกว่าความเป็นจริงก็ได้ (สิ่งที่อยู่ในอินเทอร์เน็ตสวนทางกับประสบการณ์ที่ประชาชนในพื้นที่เจอ) การสร้างภาพลักษณ์ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นย่อมมีความสำคัญในอนาคตเนื่องจากพลเมือง/ลูกค้าจะเลือกใช้บริการขององค์กรและบริการสาธารณะของท้องถิ่นหรือไม่ขึ้นอยู่กับระดับของการประกอบสร้างภาพลักษณ์ในโลกออนไลน์ในสามมิติ คือ หนึ่ง การสร้างการรับรู้ถึงความเป็นกันเองขององค์กร (niceness) สอง การสร้างความโดดเด่นในการกระทำขององค์กร (noteworthiness) และ สาม การกำหนดจุดยืนเชิงค่านิยมบนสื่อสังคมออนไลน์ (position of value)<sup>[9]</sup> 


''' '''                                      อย่างไรก็ดี ความเป็นดิจิทัลของท้องถิ่นไม่ได้เป็นสิ่งที่ทำให้ท้องถิ่นและผู้คนตัดขาดออกจากพื้นที่ทางกายภาพของเมืองอย่างการพักผ่อนในสวนสาธารณะหรือการเผชิญหน้าและสัมผัสระหว่างกันของมนุษย์ ตัวอย่างเช่นพื้นที่และบริบทของการละเล่น (play) ภายในเมืองที่เอื้อให้เมืองสามารถเกิดกิจกรรมการละเล่นได้ ดิจิทัลสามารถสร้างพื้นที่ผสมสำหรับการเล่นเกมดิจิทัลในเมือง กล่าวคือทำให้พื้นที่เมืองกลายเป็นพื้นที่ที่ผสมโลกจริงและโลกเสมือนเข้าด้วยกัน ''เกมส์ดิจิทัลในเมือง (urban digital games)'' เกิดขึ้นพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโ,ยีที่สร้างเกมดิจิทัลที่มีปฏิบัติการภายในพื้นที่แบบผสม โดยผสานเอาปฏิสัมพันธ์ของมนุษย์กับโครงสร้างพื้นฐานของเมืองในโลกจริงเข้ากับโลกเสมือนที่ผสานผ่านเทคโนโลยีโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบสมาร์ตโฟนมาใช้เพื่อสร้าง “เกมส์ที่มีปฏิสัมพันธ์กับบรรดาสิ่งของในเมือง”<sup>[10]</sup> ตัวอย่างเช่น '''เกมส์โปเกมอนโก (Pokémon GO)''' ที่มีชื่อเสียงของบริษัท Niantic ได้นำเอาเค้าโครงจากการ์ตูนและเกมส์โปเกมอนที่ผู้จับโปเกมอนสามารถโยนมอนสเตอร์บอลเพื่อจับโปเกมอนมาดัดแปลงเป็นเกมส์เสมือนจริงที่ผู้เล่นใช้ศัพท์มือถือของตนเพื่อจับตัวโปเกมอนที่ปรากฎตามสถานที่ต่าง ๆ การละเล่นดังกล่าวจึงผสานเอาพื้นที่ในโลกจริงกับพื้นที่เสมือน ดังที่พบผู้จับโปเกมม่อนเล่นเกมส์ตามสถานที่สาธารณะของเมืองที่แตกต่างกัน หรือเกมส์อื่นอย่าง'''เกมบีตเดอะสตรีต (Beat the Street)''' ของสหราชอาณาจักรที่อาศัยแนวคิดเดียวกันเพื่อพัฒนาเกมส์เพื่อเน้นการส่งเสริมสุขภาพและการลดน้ำหนักผ่านการละเล่นในพื้นที่เมือง<sup>[11]</sup> หรือ'''เกมส์ชตัดต์ฟลูคต์ (Stadtflucht)''' ของเยอรมนีที่มุ่งหวังเพื่อสร้างเสริมสุขภาพ ประสบการณ์จากการเล่นเกมส์จะช่วยกระตุ้นกิจกรรมนันทนาการให้กับสภาพแวดล้อมของเมือง เอื้ออำนวยต่อการประเมินการรับรู้ของผู้เล่นเกมส์ และกระตุ้นให้ผู้เล่นให้เข้าไปมีสว่วนร่วมในกระบวนการวางแผนของเมือง สอดคล้องกับการวิจัยเชิงทดลองกับผู้เล่นเกมส์นี้ในนครแฟรงก์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนีที่การละเล่นเกมส์ดังกล่าวในพื้นที่สาธาณณะของเมือง และเสนอว่าผู้ออกแบบเมืองควรเรียนรู้จากการออกแบบเกมส์เกี่ยวกับการสร้างมโนทัศน์เชิงพื้นที่ (conception of space) ที่เอื้อให้เกิดปฏิสัมพันธ์เชิงการละเล่นและมีอิสระในสภาพแวดล้อมที่ถูกสร้างขึ้นมา<sup>[12]</sup>


'''           '''          นอกจากผลลัพท์ของการพัฒนาความเป็นดิจิทัลท้องถิ่นที่ได้กล่าวมาข้างต้น ท้องถิ่นดิจิทัลยังช่วยกำหนดชื่อเสียง (reputation) ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้งด้านการรับรู้และความคาดหวังที่ผู้คนมีต่อองค์กร ความมีชื่อเสียงดังกล่าวจะกำหนดพฤติกรรมและการกระทำของตัวองค์กร<sup>[8]</sup> แต่ทั้งนี้ต้องตระหนักว่าสภาพความเป็นดิจิทัลสามารถสร้างประโยชน์หรือเป็นภัยคุกคามทำลายชื่อเสียงขององค์กรก็ได้ ในด้านประโยชน์การมี''ระบบการมีชื่อเสียง (reputation systems)'' ผ่านช่องทางดิจิทัลที่เข้าถึงได้สามารถเป็นตัวกลางและเอื้ออำนวยให้เกิดการใช้ข้อมูลข่าวสารที่มีคุณค่าต่อการตัดสินใจ ผ่านการมีระบบสนับสนุนและการยืนยันตัวเลือกของการตัดสินใจ กล่าวคือ ความเป็นดิจิทัลจะสร้างความโปร่งใสและแสดงความเป็นสาธารณะต่อบรรดาตัวเลือกเชิงนโยบายของปัจเจกบุคคลหรือขององค์กร (เพราะประชาชนรับทราบว่าผู้บริหารหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตัดสินใจจากทางเลือกนโยบายแบบใดจากข้อมูลที่ปรากฎผ่านดิจิทัล อย่างเช่น ทำไมท้องถิ่นถึงเลือกใช้งบประมาณตัดถนนแทนที่จะสร้างสวนสาธารณะ) แต่ในอีกด้านระบบการสร้างชื่อเสียงอาจเป็นภัยคุกคาม เพราะทำให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากตัวเลือกเชิงนโยบายดังกล่าวมีความอดทนต่อผลกระทบดังกล่าวน้อยลงและมีประสบการณ์เชิงลบต่อตัวเลือกเหล่านั้น (เนื่องจากประชาชนรับรู้ข่าวสารการดำเนินงานของท้องถิ่นที่โปร่งใสมากขึ้น) ดังนั้น ระบบการมีชื่อเสียงขององค์กรผ่านดิจิทัลในอีกด้านจึงเปรียบเสมือนแบรนด์ (brand) ที่จะให้คำมั่นสัญญาถึงสิ่งที่องค์กรถูกคาดหวังว่าควรจะดำเนินการ และจากคำมั่นดังกล่าวทำให้ประชาชนคาดหวังการทำงานขององค์กรอยู่บนฐานของความเป็นจริงมากขึ้นด้วย (เพราะประชาชนรับรู้ว่าองค์กรให้สัญญาแบบใดไว้ พวกเขาจึงคาดหวังว่าองค์กรควรทำตามสัญญาแต่ก็ไม่ได้ตั้งความหวังไว้ในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้) แต่ในทางกลับกัน ระบบการมีชื่อเสียงผ่านดิจิทัลกลับเป็นประเด็นที่ท้าทายเพราะองค์กรอาจสร้างภาพลักษณ์ไว้เกินเลยกว่าความเป็นจริงก็ได้ (สิ่งที่อยู่ในอินเทอร์เน็ตสวนทางกับประสบการณ์ที่ประชาชนในพื้นที่เจอ) การสร้างภาพลักษณ์ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นย่อมมีความสำคัญในอนาคตเนื่องจากพลเมือง/ลูกค้าจะเลือกใช้บริการขององค์กรและบริการสาธารณะของท้องถิ่นหรือไม่ขึ้นอยู่กับระดับของการประกอบสร้างภาพลักษณ์ในโลกออนไลน์ในสามมิติ คือ หนึ่ง การสร้างการรับรู้ถึงความเป็นกันเองขององค์กร (niceness) สอง การสร้างความโดดเด่นในการกระทำขององค์กร (noteworthiness) และ สาม การกำหนดจุดยืนเชิงค่านิยมบนสื่อสังคมออนไลน์ (position of value)<sup>[9]</sup> 
'''                                                                                              ภาพที่ 1: เกมส์โปเกมอนโก (Pokémon GO)'''
 
'''          '''          อย่างไรก็ดี ความเป็นดิจิทัลของท้องถิ่นไม่ได้เป็นสิ่งที่ทำให้ท้องถิ่นและผู้คนตัดขาดออกจากพื้นที่ทางกายภาพของเมืองอย่างการพักผ่อนในสวนสาธารณะหรือการเผชิญหน้าและสัมผัสระหว่างกันของมนุษย์ ตัวอย่างเช่นพื้นที่และบริบทของการละเล่น (play) ภายในเมืองที่เอื้อให้เมืองสามารถเกิดกิจกรรมการละเล่นได้ ดิจิทัลสามารถสร้างพื้นที่ผสมสำหรับการเล่นเกมดิจิทัลในเมือง กล่าวคือทำให้พื้นที่เมืองกลายเป็นพื้นที่ที่ผสมโลกจริงและโลกเสมือนเข้าด้วยกัน ''เกมส์ดิจิทัลในเมือง (urban digital games)'' เกิดขึ้นพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโ,ยีที่สร้างเกมดิจิทัลที่มีปฏิบัติการภายในพื้นที่แบบผสม โดยผสานเอาปฏิสัมพันธ์ของมนุษย์กับโครงสร้างพื้นฐานของเมืองในโลกจริงเข้ากับโลกเสมือนที่ผสานผ่านเทคโนโลยีโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบสมาร์ตโฟนมาใช้เพื่อสร้าง “เกมส์ที่มีปฏิสัมพันธ์กับบรรดาสิ่งของในเมือง”<sup>[10]</sup> ตัวอย่างเช่น '''เกมส์โปเกมอนโก (Pokémon GO)''' ที่มีชื่อเสียงของบริษัท Niantic ได้นำเอาเค้าโครงจากการ์ตูนและเกมส์โปเกมอนที่ผู้จับโปเกมอนสามารถโยนมอนสเตอร์บอลเพื่อจับโปเกมอนมาดัดแปลงเป็นเกมส์เสมือนจริงที่ผู้เล่นใช้ศัพท์มือถือของตนเพื่อจับตัวโปเกมอนที่ปรากฎตามสถานที่ต่าง ๆ การละเล่นดังกล่าวจึงผสานเอาพื้นที่ในโลกจริงกับพื้นที่เสมือน ดังที่พบผู้จับโปเกมม่อนเล่นเกมส์ตามสถานที่สาธารณะของเมืองที่แตกต่างกัน หรือเกมส์อื่นอย่าง'''เกมบีตเดอะสตรีต (Beat the Street)''' ของสหราชอาณาจักรที่อาศัยแนวคิดเดียวกันเพื่อพัฒนาเกมส์เพื่อเน้นการส่งเสริมสุขภาพและการลดน้ำหนักผ่านการละเล่นในพื้นที่เมือง<sup>[11]</sup> หรือ'''เกมส์ชตัดต์ฟลูคต์ (Stadtflucht)''' ของเยอรมนีที่มุ่งหวังเพื่อสร้างเสริมสุขภาพ ประสบการณ์จากการเล่นเกมส์จะช่วยกระตุ้นกิจกรรมนันทนาการให้กับสภาพแวดล้อมของเมือง เอื้ออำนวยต่อการประเมินการรับรู้ของผู้เล่นเกมส์ และกระตุ้นให้ผู้เล่นให้เข้าไปมีสว่วนร่วมในกระบวนการวางแผนของเมือง สอดคล้องกับการวิจัยเชิงทดลองกับผู้เล่นเกมส์นี้ในนครแฟรงก์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนีที่การละเล่นเกมส์ดังกล่าวในพื้นที่สาธาณณะของเมือง และเสนอว่าผู้ออกแบบเมืองควรเรียนรู้จากการออกแบบเกมส์เกี่ยวกับการสร้างมโนทัศน์เชิงพื้นที่ (conception of space) ที่เอื้อให้เกิดปฏิสัมพันธ์เชิงการละเล่นและมีอิสระในสภาพแวดล้อมที่ถูกสร้างขึ้นมา<sup>[12]</sup>
 
'''ภาพที่ 1: เกมส์โปเกมอนโก (Pokémon GO)'''
[[ไฟล์:ท้องถิ่นดิจิทัล (Digital for Local).jpg|border|center|628x628px]]
[[ไฟล์:ท้องถิ่นดิจิทัล (Digital for Local).jpg|border|center|628x628px]]
'''ที่มา: pokemongolive.com'''
'''ที่มา: pokemongolive.com'''
บรรทัดที่ 77: บรรทัดที่ 75:




'''          '''         การละเล่นของเมืองที่ผสานกับดิจิทัลข้างต้นยังเป็นประโยชน์ต่อการสร้างเมืองอัจฉริยะ (smart city) เพราะการละเล่นดังกล่าวสามารถให้ข้อมูลอันเกิดจากการละเล่นและสามารถนำมาใช้ในการออกแบบเมืองใน 3 แนวคิด คือ หนึ่ง ข้อมูลจากปฏิสัมพันธ์ผ่านการละเล่นทำให้ออกแบบเมืองอัจฉริยะที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลางมากขึ้น โปร่งใสมากขึ้น และมีความเป็นประชาธิปไตย สอง การละเล่นช่วยให้ผู้คนเข้ามามีส่วนร่วมและเข้าใจสภาพแวดล้อมของเมืองมากขึ้น ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาเมืองและสร้างเสริมสุขภาพด้วย และ สาม การละเล่นช่วยให้เมืองมีความสุขและน่าอยู่อาศัยมากขึ้น<sup>[13]</sup>    
''' '''                                       การละเล่นของเมืองที่ผสานกับดิจิทัลข้างต้นยังเป็นประโยชน์ต่อการสร้างเมืองอัจฉริยะ (smart city) เพราะการละเล่นดังกล่าวสามารถให้ข้อมูลอันเกิดจากการละเล่นและสามารถนำมาใช้ในการออกแบบเมืองใน 3 แนวคิด คือ หนึ่ง ข้อมูลจากปฏิสัมพันธ์ผ่านการละเล่นทำให้ออกแบบเมืองอัจฉริยะที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลางมากขึ้น โปร่งใสมากขึ้น และมีความเป็นประชาธิปไตย สอง การละเล่นช่วยให้ผู้คนเข้ามามีส่วนร่วมและเข้าใจสภาพแวดล้อมของเมืองมากขึ้น ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาเมืองและสร้างเสริมสุขภาพด้วย และ สาม การละเล่นช่วยให้เมืองมีความสุขและน่าอยู่อาศัยมากขึ้น<sup>[13]</sup>    
 




บรรทัดที่ 93: บรรทัดที่ 92:


โร, เจนนี. ให้นครเยียวยาใจ. ธาม โสธรประภากร (แปล). กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์มติชน, 2566.
โร, เจนนี. ให้นครเยียวยาใจ. ธาม โสธรประภากร (แปล). กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์มติชน, 2566.
----<sup>[1]</sup> จีรณา น้อยมณี และคณะ, ท้องถิ่นดิจิทัล (กรุงเทพมหานคร: พีเอเอ็น (ไทยแลนด์), 2566), 12.
----<sup>[1]</sup> จีรณา น้อยมณี และคณะ, ท้องถิ่นดิจิทัล (กรุงเทพมหานคร: พีเอเอ็น (ไทยแลนด์), 2566), 12.



รุ่นแก้ไขเมื่อ 14:28, 11 มิถุนายน 2568

ผู้เรียบเรียงบทความ : ผู้ช่วยศาสตราจารย์ เอกวีร์ มีสุข

ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ : ศาสตราจารย์ ดร.สิริพรรณ นกสวน สวัสดี


ท้องถิ่นดิจิทัล (Digital for Local)

  ท้องถิ่นดิจิทัล คือ การพยายามเปลี่ยนผ่านการดำเนินงานและบริการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (local government digital transformation) สู่การเป็นดิจิทัลอันเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างรัฐบาลดิจิทัลที่ต้องการให้การดำเนินงานของรัฐควรสะดวก ใช้งานได้ และเชื่อถือได้ สามารถทำธุรกรรมผ่านระบบดิจิทัลที่ใช้งานสะดวกและทำได้ทุกที่ทุกเวลา และมีระบบรักษาความปลอดภัยของข้อมูลและธุรกรรม[1] การเป็นท้องถิ่นดิจิทัลถือเป็นส่วนหนึ่งของการอภิบาลอิเล็กทรอนิกส์ (electronic governance: e-governance) อันหมายถึงการรวมกันของกรอบการอภิบาลที่อิงกับกระบวนการ (process-oriented framework of governance) ที่ให้ความสำคัญกับหน้าที่ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และพลวัตรทางอำนาจ ผสานเข้ากับข้อมูลข่าวสารและเทคโนโลยีการสื่อสาร (information and communication technology) ที่สนับสนุนและเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับกระบวนการข้อมูลข่าวสารและการสื่อสารระหว่างผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่าง ๆ กล่าวได้ว่า e-governance ถือเป็นการอภิบาลรูปแบบหนึ่งที่พยายามใช้ประโยชน์จากกระบวนการและโครงสร้างของเทคโนโลยีดิจิทัลในทุกระดับของการปกครอง รวมถึงทำงานร่วมกับหุ้นส่วน ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และเครือข่ายต่าง ๆ เพื่อให้เกิดผลลัพท์ทางนโยบายขึ้นมาให้เกิดความโปร่งใส ความมีประสิทธิภาพ และความสะดวกรวดเร็ว[2] ในปัจจุบันเมืองจำนวนมากได้อาศัย e-governance เพื่อสร้างความเป็นเมืองอัจฉริยะ (smart city) เพื่อเอื้อให้สภาพแวดล้อมของเมืองมีเทคโนโลยีดิจิทัลที่สามารถใช้งานเพื่อการอภิบาลและจัดบริการสาธารณะของตัวแสดงจำนวนมาก เพื่อแก้ไขปัญหาความท้าทายของเมืองที่สัมพันธ์กับการใช้ชีวิตและเครือข่ายอันซับซ้อนของระบบสารสนเทศ ตัวอย่างเช่น สารสนเทศเมือง (urban informatics) ที่ใช้ในการวางผังเมืองอย่างการวิเคราะห์ข้อมูลอย่างเส้นทางการคมนาคม การจัดโซนของผังเมือง การวิเคราะห์สื่อสังคมออนไลน์ที่อิงกับพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ เป็นต้น[3]

  ในการสร้างท้องถิ่นดิจิทัลควรให้ความสำคัญกับ

  1) การแสวงหานวัตกรรมที่เหมาะสมกับท้องถิ่น

  2) การเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน

  3) การมุ่งเน้นประสบการณ์ที่ได้รับของประชาชน

  4) ระบบไอทีต้องมีความทันสมัย

  5) การรักษาความปลอดภัยต้องปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง และ

  6) ความคล่องตัวเป็นแกนหลัก[4]

  รวมถึงมุ่งเป้าการเป็นท้องถิ่นดิจิทัลไปยังกลุ่มเป้าหมายหลัก ได้แก่ ประชาชนผู้ใช้บริการที่ควรเข้าถึงบริการที่หลากหลายผ่านช่องทางเดียวได้อย่างสะดวกและตลอดเวลา สามารถติดตามสถานะการดำเนินงานของธุรกรรมที่ตนทำกับท้องถิ่น และช่วยลดค่าใช้จ่ายและประหยัดเวลาจากการทำธุรกรรม และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ต้องใช้ความเป็นดิจิทัลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานทั้งการบริหารจัดการและการให้บริการ สามารถจัดเก็บข้อมูล ติดตามการให้บริการ และลดต้นทุนการดำเนินงานได้[5]

  ทั้งนี้ การให้บริการของท้องถิ่นดิจิทัลจะดำเนินการผ่านระบบบริการหลัก 5 แบบสำหรับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไทยเป็นอย่างน้อย คือ

  1) ระบบบริหารจัดการจุดเดียวเบ็ดเสร็จ (one stop services: OSS) คือ ระบบบริการที่ให้ประชาชนสามารถยื่นคำร้องออนไลน์ด้วยตนเองได้ทุกเรื่องผ่านช่องทางออนไลน์เพียงช่องทางเดียวประชาชนสามารถติดตามกระบวนการการดำเนินงานทางเอกสารต่าง ๆ อละสามารถได้รับการแจ้งเตือนถึงขั้นตอนและผลการดำเนินงานผ่านระบบออนไลน์ที่หลากหลาย (อาทิ ทาง SMS หรือ E-mail) รวมถึงสามารถให้คะแนนประเมินความพึงพอใจได้ ทั้งนี้ทางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควรจัดตั้งหน่วยนงานรับเรื่องร้องทุกข์ที่สามารถประสานและแจ้งต่อหน่วยงานที่รับผิดชอบเพื่อแก้ไขปัญหาจากเรื่องที่ได้รับแจ้งผ่าน OSS รวมถึงจัดเก็บข้อมูลและจัดทำสถิติเรื่องที่ผ่านทางระบบ OSS ไว้ด้วย

  2) ระบบขอใบอนุญาตการก่อสร้าง คือ ระบบที่ประชาชนสามารถขอใบอนุญาตก่อสร้างด้วยตนเองและสามารถปักหมุดสถานที่ก่อสร้างที่ต้องการขออนุญาตผ่านระบบออนไลน์ สามารถแนบเอกสาร การติดตามสถานะการดำเนินงาน ได้รับการแจ้งเตือนถึงขั้นตอน/ผลการดำเนินงาน และประเมินความพึงพอใจได้เหมือนระบบ OSS

  3) ระบบออกหนังสือรับรองแจ้งสถานที่จำหน่ายอาหาร คือ ระบบที่ประชาชนสามารถขอหนังสือรับรองฯ ได้ด้วยตนเองผ่านระบบออนไลน์ สามารถแนบเอกสาร การติดตามสถานะการดำเนินงาน ได้รับการแจ้งเตือนถึงขั้นตอน/ผลการดำเนินงาน และประเมินความพึงพอใจได้เหมือนระบบ OSS

  4) ระบบชำระค่าธรรมเนียมขยะ/บำบัดน้ำเสีย คือ ระบบที่ประชาชนสามารถชำระค่าธรรมเนียมผ่านออนไลน์ โดยสามารถสแกน QR Code หรือเลือกช่องทางชำระออนไลน์รูปแบบอื่นได้ สามารถแนบหลักฐานการชำระเงิน ติดตามสถานการณ์ชำระเงิน การรับใบเสร็จ และให้คะแนนความพึงพอใจของการใช้บริการ

  5) ระบบสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์ (E-Office) คือ ระบบที่หน่วยงานและเจ้าหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถใช้งานระบบสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์ที่สอดคล้องกับระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยงานสารบรรณฉบับปัจจุบัน และรองรับการเชื่อมโยงรับ-ส่งหนังสือสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์กับหน่วยงานภาครัฐอื่น ๆ ได้ รวมถึงการจัดเก็บเอกสาร การลงนามเอกสารผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ และการจัดลำดับชั้นการเข้าถึงเอกสาร[6] 


  ส่วนผลลัพท์ของการเป็นท้องถิ่นดิจิทัล Local Government Association (LGA) เสนอว่าสามารถแบ่งออกเป็น 12 ด้านที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควรบรรลุถึงผลลัพท์ดังกล่าว

  1) การเชื่อมต่อ (connectivity) องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถสนับสนุนผู้อยู่อาศัยในท้องถิ่น ธุรกิจเอกชน และบุคลากรของท้องถิ่นให้เข้าถึงอินเทอร์เน็ตและบริการสาธารณะของท้องถิ่นผ่านดิจิทัลไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ที่ไหนก็ตาม

  2) ข้อมูล (data) แนวปฏิบัติด้านข้อมูลขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควรเป็นไปตามมาตรฐานที่ให้ความสำคัญกับการปรับปรุงการบริการและนโยบายการให้ข้อมูล ทั้งนี้ ความโปร่งใสเป็นหัวใจหลักของแนวปฏิบัติด้านข้อมูลที่จะช่วยทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลและทราบถึงแหล่งที่มาของข้อมูล ซึ่งจะช่วยเสริมประชาธิปไตยและการมีส่วนร่วมได้อีกทางด้วย

  3) ประชาธิปไตยและการมีส่วนร่วม (democracy and participation) องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควรใช้เทคโนโลยีดิจิทัลให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการสนับสนุนการประชุมสภาท้องถิ่น การสร้างความโปร่งใส การสร้างการตัดสินใจที่เป็นประชาธิปไตยด้วยแง่ดี และการเพิ่มความเกี่ยวพันและการประสานความร่วมมือของชุมชน

  4) ผลิตภาพและการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ (economic productivity and growth) องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควรสนับสนุนการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลของธุรกิจเอกชนในท้องถิ่น หุ้นส่วน และองค์กรที่อยู่นอกภาครัฐและเอกชน

  5) จริยธรรมและความยั่งยืน (ethics and sustainability) องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควรใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อบรรลุถึงประโยชน์ร่วมกันและไม่สร้างภัยคุกคาม เทคโนโลยีดิจิทัลควรมีเพื่อคุ้มครองมนุษย์ ความเป็นธรรม ความโปร่งใส และสิ่งแวดล้อม

  6) การไม่ทิ้งใครไว้เบื้องหลัง (inclusion) องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควรส่งเสริมประโยชน์ของอินเทอร์เน็ต เทคโนโลยีดิจิทัล และบริการดิจิทัลในทางที่ทำให้คนทุกคนสามารถใช้งานได้และเข้าถึงได้

  7) ภาวะผู้นำ (leadership) ภาวะผู้นำขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นขับเคลื่อนได้โดยเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อบรรลุเป้าหมายเชิงกลยุทธ์และเป้าหมายเชิงปฏิบัติการ และเอื้ออำนวยต่อการสร้างความเปลี่ยนแปลงขององค์กร

  8) ศักยภาพองค์กร (organizational capability) องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควรทำให้เทคโนโลยีดิจิทัลเป็นหัวใจสำคัญของการทำงานและฝึกอบรมกำลังแรงงาน และสร้างบุคลากรที่มีความพร้อม (talent pipelines) ที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งและสับเปลี่ยนหมุนเวียนตำแหน่งในองค์กร และช่วยลดแรงกดดันของการคัดเลือกบุคลากร

  9) พันธมิตร (partnership) องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควรทำงานร่วมกับภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคส่วนนอกภาครัฐและเอกชน เพื่อสร้างการบูรณาการ การเชื่อมโยงอย่างเหนียวแน่น และเน้นตัวแบบการทำงานที่ให้ความสำคัญกับผู้อยู่อาศัยในท้องถิ่นต่อการสร้างการเปลี่ยนผ่านทางเทคโนโลยีดิจิทัลของท้องถิ่นและการจัดบริการสาธารณะ

  10) ความปลอดภัยและความยืดหยุ่น (security and resilience) เครือข่าย โครงสร้างพื้นฐาน ข้อมูล และการบริการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควรมีความปลอดภัย และท้องถิ่นควรมีความยืดหยุ่นในการรับมือกับภัยคุกคามทางไซเบอร์

  11) บริการ (services) บริการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควรถูกออกแบบเพื่อตอบสนองความจำเป็นของผู้พักอาศัยและผู้ใช้งาน และควรสอดคล้องกับหลักการและมาตรฐานที่ภาครัฐกำหนด การบริการที่เกิดจากการนำดิจิทัลมาช่วยปรับปรุงควรเพิ่มประสิทธิภาพและความรวดเร็วให้มากขึ้นด้วย

  12) คุณค่า (value) องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควรจัดสรรทรัพยากรอย่างมีประสิทธิผลเพื่อควบคุมให้เกิดโอกาสของเทคโนโลยีดิจิทัล[7]

  นอกจากผลลัพท์ของการพัฒนาความเป็นดิจิทัลท้องถิ่นที่ได้กล่าวมาข้างต้น ท้องถิ่นดิจิทัลยังช่วยกำหนดชื่อเสียง (reputation) ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้งด้านการรับรู้และความคาดหวังที่ผู้คนมีต่อองค์กร ความมีชื่อเสียงดังกล่าวจะกำหนดพฤติกรรมและการกระทำของตัวองค์กร[8] แต่ทั้งนี้ต้องตระหนักว่าสภาพความเป็นดิจิทัลสามารถสร้างประโยชน์หรือเป็นภัยคุกคามทำลายชื่อเสียงขององค์กรก็ได้ ในด้านประโยชน์การมีระบบการมีชื่อเสียง (reputation systems) ผ่านช่องทางดิจิทัลที่เข้าถึงได้สามารถเป็นตัวกลางและเอื้ออำนวยให้เกิดการใช้ข้อมูลข่าวสารที่มีคุณค่าต่อการตัดสินใจ ผ่านการมีระบบสนับสนุนและการยืนยันตัวเลือกของการตัดสินใจ กล่าวคือ ความเป็นดิจิทัลจะสร้างความโปร่งใสและแสดงความเป็นสาธารณะต่อบรรดาตัวเลือกเชิงนโยบายของปัจเจกบุคคลหรือขององค์กร (เพราะประชาชนรับทราบว่าผู้บริหารหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตัดสินใจจากทางเลือกนโยบายแบบใดจากข้อมูลที่ปรากฎผ่านดิจิทัล อย่างเช่น ทำไมท้องถิ่นถึงเลือกใช้งบประมาณตัดถนนแทนที่จะสร้างสวนสาธารณะ) แต่ในอีกด้านระบบการสร้างชื่อเสียงอาจเป็นภัยคุกคาม เพราะทำให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากตัวเลือกเชิงนโยบายดังกล่าวมีความอดทนต่อผลกระทบดังกล่าวน้อยลงและมีประสบการณ์เชิงลบต่อตัวเลือกเหล่านั้น (เนื่องจากประชาชนรับรู้ข่าวสารการดำเนินงานของท้องถิ่นที่โปร่งใสมากขึ้น) ดังนั้น ระบบการมีชื่อเสียงขององค์กรผ่านดิจิทัลในอีกด้านจึงเปรียบเสมือนแบรนด์ (brand) ที่จะให้คำมั่นสัญญาถึงสิ่งที่องค์กรถูกคาดหวังว่าควรจะดำเนินการ และจากคำมั่นดังกล่าวทำให้ประชาชนคาดหวังการทำงานขององค์กรอยู่บนฐานของความเป็นจริงมากขึ้นด้วย (เพราะประชาชนรับรู้ว่าองค์กรให้สัญญาแบบใดไว้ พวกเขาจึงคาดหวังว่าองค์กรควรทำตามสัญญาแต่ก็ไม่ได้ตั้งความหวังไว้ในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้) แต่ในทางกลับกัน ระบบการมีชื่อเสียงผ่านดิจิทัลกลับเป็นประเด็นที่ท้าทายเพราะองค์กรอาจสร้างภาพลักษณ์ไว้เกินเลยกว่าความเป็นจริงก็ได้ (สิ่งที่อยู่ในอินเทอร์เน็ตสวนทางกับประสบการณ์ที่ประชาชนในพื้นที่เจอ) การสร้างภาพลักษณ์ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นย่อมมีความสำคัญในอนาคตเนื่องจากพลเมือง/ลูกค้าจะเลือกใช้บริการขององค์กรและบริการสาธารณะของท้องถิ่นหรือไม่ขึ้นอยู่กับระดับของการประกอบสร้างภาพลักษณ์ในโลกออนไลน์ในสามมิติ คือ หนึ่ง การสร้างการรับรู้ถึงความเป็นกันเองขององค์กร (niceness) สอง การสร้างความโดดเด่นในการกระทำขององค์กร (noteworthiness) และ สาม การกำหนดจุดยืนเชิงค่านิยมบนสื่อสังคมออนไลน์ (position of value)[9] 

  อย่างไรก็ดี ความเป็นดิจิทัลของท้องถิ่นไม่ได้เป็นสิ่งที่ทำให้ท้องถิ่นและผู้คนตัดขาดออกจากพื้นที่ทางกายภาพของเมืองอย่างการพักผ่อนในสวนสาธารณะหรือการเผชิญหน้าและสัมผัสระหว่างกันของมนุษย์ ตัวอย่างเช่นพื้นที่และบริบทของการละเล่น (play) ภายในเมืองที่เอื้อให้เมืองสามารถเกิดกิจกรรมการละเล่นได้ ดิจิทัลสามารถสร้างพื้นที่ผสมสำหรับการเล่นเกมดิจิทัลในเมือง กล่าวคือทำให้พื้นที่เมืองกลายเป็นพื้นที่ที่ผสมโลกจริงและโลกเสมือนเข้าด้วยกัน เกมส์ดิจิทัลในเมือง (urban digital games) เกิดขึ้นพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโ,ยีที่สร้างเกมดิจิทัลที่มีปฏิบัติการภายในพื้นที่แบบผสม โดยผสานเอาปฏิสัมพันธ์ของมนุษย์กับโครงสร้างพื้นฐานของเมืองในโลกจริงเข้ากับโลกเสมือนที่ผสานผ่านเทคโนโลยีโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบสมาร์ตโฟนมาใช้เพื่อสร้าง “เกมส์ที่มีปฏิสัมพันธ์กับบรรดาสิ่งของในเมือง”[10] ตัวอย่างเช่น เกมส์โปเกมอนโก (Pokémon GO) ที่มีชื่อเสียงของบริษัท Niantic ได้นำเอาเค้าโครงจากการ์ตูนและเกมส์โปเกมอนที่ผู้จับโปเกมอนสามารถโยนมอนสเตอร์บอลเพื่อจับโปเกมอนมาดัดแปลงเป็นเกมส์เสมือนจริงที่ผู้เล่นใช้ศัพท์มือถือของตนเพื่อจับตัวโปเกมอนที่ปรากฎตามสถานที่ต่าง ๆ การละเล่นดังกล่าวจึงผสานเอาพื้นที่ในโลกจริงกับพื้นที่เสมือน ดังที่พบผู้จับโปเกมม่อนเล่นเกมส์ตามสถานที่สาธารณะของเมืองที่แตกต่างกัน หรือเกมส์อื่นอย่างเกมบีตเดอะสตรีต (Beat the Street) ของสหราชอาณาจักรที่อาศัยแนวคิดเดียวกันเพื่อพัฒนาเกมส์เพื่อเน้นการส่งเสริมสุขภาพและการลดน้ำหนักผ่านการละเล่นในพื้นที่เมือง[11] หรือเกมส์ชตัดต์ฟลูคต์ (Stadtflucht) ของเยอรมนีที่มุ่งหวังเพื่อสร้างเสริมสุขภาพ ประสบการณ์จากการเล่นเกมส์จะช่วยกระตุ้นกิจกรรมนันทนาการให้กับสภาพแวดล้อมของเมือง เอื้ออำนวยต่อการประเมินการรับรู้ของผู้เล่นเกมส์ และกระตุ้นให้ผู้เล่นให้เข้าไปมีสว่วนร่วมในกระบวนการวางแผนของเมือง สอดคล้องกับการวิจัยเชิงทดลองกับผู้เล่นเกมส์นี้ในนครแฟรงก์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนีที่การละเล่นเกมส์ดังกล่าวในพื้นที่สาธาณณะของเมือง และเสนอว่าผู้ออกแบบเมืองควรเรียนรู้จากการออกแบบเกมส์เกี่ยวกับการสร้างมโนทัศน์เชิงพื้นที่ (conception of space) ที่เอื้อให้เกิดปฏิสัมพันธ์เชิงการละเล่นและมีอิสระในสภาพแวดล้อมที่ถูกสร้างขึ้นมา[12]

    ภาพที่ 1: เกมส์โปเกมอนโก (Pokémon GO)

ที่มา: pokemongolive.com


  การละเล่นของเมืองที่ผสานกับดิจิทัลข้างต้นยังเป็นประโยชน์ต่อการสร้างเมืองอัจฉริยะ (smart city) เพราะการละเล่นดังกล่าวสามารถให้ข้อมูลอันเกิดจากการละเล่นและสามารถนำมาใช้ในการออกแบบเมืองใน 3 แนวคิด คือ หนึ่ง ข้อมูลจากปฏิสัมพันธ์ผ่านการละเล่นทำให้ออกแบบเมืองอัจฉริยะที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลางมากขึ้น โปร่งใสมากขึ้น และมีความเป็นประชาธิปไตย สอง การละเล่นช่วยให้ผู้คนเข้ามามีส่วนร่วมและเข้าใจสภาพแวดล้อมของเมืองมากขึ้น ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาเมืองและสร้างเสริมสุขภาพด้วย และ สาม การละเล่นช่วยให้เมืองมีความสุขและน่าอยู่อาศัยมากขึ้น[13] 


บรรณานุกรม

Behrooz, Arman, and Albert Meijer. "E-Governance: Concept, Practive and Ethics." In Public Management and Governance Fourth Edition. Edited by Bovaird Tony and Elke Loeffler. London and New York: Routledge, 2024.

Canel, M.J., and V. Luoma-aho. Public Sector Communication: Closing Gaps between Citizens and Public Organizations: Wiley, 2018.

Local Government Association. "12 Local Government Digitalisation Outcomes." 2024. Accessed 7 June, 2024. https://www.investopedia.com/terms/p/private-sector.asp.

Miranda, Marianne Halblaub, and Martin Knöll. "Stadtflucht: Learning About Healthy Places with a Location-Based Game." Navigationen - Zeitschrift für Medien- und Kulturwissenschaften 16, no. 1 (2016): 101-18. https://dx.doi.org/10.25969/mediarep/1613.

จีรณา น้อยมณี, สุดเขต เชยกลิ่นเทศ, ณัฐวัฒน์ วรสิทธิ์ตระกูล, กฤตพันธ์ ก้าวสัมพันธ์, และ ณัฐฐา สักกะวงศ์. ท้องถิ่นดิจิทัล. กรุงเทพมหานคร: พีเอเอ็น (ไทยแลนด์), 2566.

โร, เจนนี. ให้นครเยียวยาใจ. ธาม โสธรประภากร (แปล). กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์มติชน, 2566.


[1] จีรณา น้อยมณี และคณะ, ท้องถิ่นดิจิทัล (กรุงเทพมหานคร: พีเอเอ็น (ไทยแลนด์), 2566), 12.

[2] Arman Behrooz, and Albert Meijer, "E-Governance: Concept, Practive and Ethics," in Public Management and Governance Fourth Edition, ed. Bovaird Tony and Elke Loeffler (London and New York: Routledge, 2024), 259-60.

[3] Behrooz, and Meijer,  in Public Management and Governance Fourth Edition, 261-62.

[4] จีรณา น้อยมณี และคณะ, 14.

[5] จีรณา น้อยมณี และคณะ, 20.

[6] จีรณา น้อยมณี และคณะ, 20, 24, 30.

[7] Local Government Association, "12 Local Government Digitalisation Outcomes," 2024, accessed 7 June, 2024, https://www.investopedia.com/terms/p/private-sector.asp.

[8] M.J. Canel, and V. Luoma-aho, Public Sector Communication: Closing Gaps between Citizens and Public Organizations (Wiley, 2018), 124.

[9] ดัดแปลงจาก Canel, and Luoma-aho, 122-23.

[10] เจนนี โร, ให้นครเยียวยาใจ, ธาม โสธรประภากร (แปล) (กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์มติชน, 2566), 305, 08.

[11] โร, 308.

[12] Marianne Halblaub Miranda, and Martin Knöll, "Stadtflucht: Learning About Healthy Places with a Location-Based Game," Navigationen - Zeitschrift für Medien- und Kulturwissenschaften 16, no. 1 (2016): 115, https://dx.doi.org/10.25969/mediarep/1613.

[13] โร, 312-13. index.php?title=หมวดหมู่:การปกครองท้องถิ่น