ผลต่างระหว่างรุ่นของ "การเลือกตั้ง"
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัดที่ 1: | บรรทัดที่ 1: | ||
'''ผู้เรียบเรียง''' มาลินี คงรื่น | |||
'''ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ''' รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร จเร พันธุ์เปรื่อง | |||
---- | ---- | ||
การปกครองระบอบประชาธิปไตยเป็นระบอบการปกครองที่เหมาะสมที่สุดในปัจจุบัน เพราะเป็นระบอบการปกครองที่ยอมรับสิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาคของประชาชน เปิดโอกาสให้ประชาชนทุกคนมีส่วนร่วมในการใช้อำนาจปกครองประเทศอย่างทั่วถึง และมีกลไกที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันการผูกขาดอำนาจทางการเมืองของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง หลักการปกครองในระบอบประชาธิปไตย คือ ประชาชนมีอำนาจในการปกครองตนเอง แต่ในทางปฏิบัติประชาชนทุกคนไม่สามารถเข้าไปร่วมปกครองประเทศได้ทั้งหมด จึงต้องใช้วิธีเลือกตัวแทนเข้าไปดำเนินการแทน สำหรับประเทศไทยการเลือกตั้งผู้แทนประชาชนในระดับชาติ ได้แก่ การเลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และการเลือกสมาชิกวุฒิสภาเพื่อทำหน้าที่ด้านนิติบัญญัตินั้นคือการออกกฎหมายต่าง ๆ ในการปกครองประเทศ และเลือกสรรบุคคลจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเพื่อเป็นนายกรัฐมนตรีทำหน้าที่เป็นผู้นำคณะรัฐมนตรีบริหารราชการแผ่นดิน การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาจึงเป็นวิธีการที่ทำให้ประชาชนทุกคนมีส่วนร่วมในการปกครองประเทศอย่างเสมอภาค | |||
ด้วยเหตุนี้เมื่อรัฐสภาผ่านกฎหมายใด ๆ และได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ประชาชนจะปฏิเสธว่าตนไม่เห็นชอบด้วยไม่ได้ เพราะผู้ออกกฎหมาย ก็คือตัวแทนของประชาชนนั่นเอง นอกจากนี้การเลือกตั้งยังทำให้คณะผู้บริหารหรือคณะรัฐมนตรีเข้ามาบริหารประเทศด้วยความชอบธรรมเพราะเป็นตัวแทนของประชาชนที่ประชาชนเลือกเข้ามาทำหน้าที่ในรัฐสภา การเลือกตั้งจึงเป็นกระบวนการทางประชาธิปไตยที่มีความสำคัญยิ่งเพราะเป็นการแสดงเจตนารมณ์ ของประชาชนเจ้าของประเทศที่มอบความไว้วางใจให้ตัวแทนของประชาชนไปทำหน้าที่ปกครองประเทศ รวมทั้งแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เป็นความเดือดร้อนของประชาชน | |||
==การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในอดีต== | |||
การเลือกตั้งครั้งแรกของประเทศไทย ประเทศไทยจัดให้มีการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยาม พุทธศักราช ๒๔๗๕ โดยมีการเลือกตั้งครั้งแรกเมื่อวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๔๗๖ วิธีการเลือกตั้งเป็นแบบทางอ้อม ซึ่งได้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวน ๗๘ คน เป็นสมาชิกประเภทที่ ๑ สมาชิกประเภทที่ ๑ หมายถึงผู้ที่ราษฎรเลือกตั้ง โดยราษฎรเลือกผู้แทนตำบลก่อน จากนั้นผู้แทนตำบลจึงไปเลือกตั้งผู้แทนราษฎรเป็นลำดับต่อไป สำหรับสถิติการเลือกตั้งที่น่าสนใจของการเลือกตั้งครั้งแรกของประเทศไทยคือ มีประชาชนที่มีสิทธิ์เลือกตั้งจำนวน ๔,๒๗๘,๒๓๑ คน และประชาชนมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งจำนวน ๑,๗๗๓,๕๓๒ คน จังหวัดที่มีผู้ใช้สิทธิ์มากที่สุดคือจังหวัดเพชรบุรี หลังจากนั้นประเทศไทยได้มีการเลือกตั้งจนถึงปัจจุบันรวมทั้งสิ้น ๒๒ ครั้ง | |||
สถิติการเลือกตั้งทั่วไปของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร [๑] | |||
==การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตามรัฐธรรมนูญปัจจุบัน== | |||
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช ๒๕๕๐ ได้กำหนดให้สภาผู้แทนราษฎร ประกอบด้วยสมาชิกจำนวน ๔๘๐ คน มาจากการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง จำนวน ๔๐๐ คน และจากการเลือกตั้งแบบสัดส่วน (กลุ่มจังหวัด) จำนวน ๘๐ คน [๒] ดังนี้ | |||
'''๑. การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง''' | |||
ผู้มีสิทธิเลือกตั้งมีสิทธิลงคะแนนเลือกผู้สมัครได้เท่ากับจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่จะพึงมีได้ในแต่ละเขตเลือกตั้ง โดยการแบ่งเขตเลือกตั้งนั้น มีวิธีการคือนำจำนวน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ๔๐๐ คน ไปหารจำนวนประชากรตามหลักฐานการทะเบียนราษฎรที่ประกาศในปีสุดท้ายก่อนปีที่มีการเลือกตั้งเพื่อให้ได้ค่าเฉลี่ยประชากรต่อสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ๑ คน แล้วนำไปคำนวณจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่แต่ละจังหวัดจะพึงมี โดยจังหวัดที่มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ไม่เกิน ๓ คน ให้ถือเขตจังหวัดเป็นเขตเลือกตั้งและจังหวัดที่มี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้มากกว่า ๓ คน ให้แบ่งเขตจังหวัดเป็นเขตเลือกตั้งโดยแต่ละเขตจะมี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ไม่เกิน ๓ คน ในกรณีที่แบ่งเขตเลือกตั้งในจังหวัดหนึ่งให้มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครบ ๓ คนทุกเขตไม่ได้ ให้แบ่งเขตเลือกตั้งออกเป็นเขตเลือกตั้งที่มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเขตละ ๓ คนเสียก่อน และเขตเลือกตั้งที่เหลือต้องมี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไม่น้อยกว่า ๒ คน | |||
'''๒. การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบสัดส่วน''' | |||
ผู้มีสิทธิเลือกตั้งสามารถลงคะแนนเลือกบัญชีรายชื่อผู้สมัครที่พรรคการเมืองจัดทำได้เพียงหนึ่งบัญชีรายชื่อเท่านั้น และการกำหนดเขตเลือกตั้งแบบสัดส่วน จะแบ่งพื้นที่ประเทศไทยเป็น ๘ กลุ่มจังหวัด โดยในแต่ละกลุ่มจังหวัดถือเป็นหนึ่งเขตเลือกตั้งโดยจะมี ส.ส. แบบสัดส่วนได้กลุ่มจังหวัดละ ๑๐ คน โดย ผู้มีสิทธิเลือกตั้งต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้ | |||
(๑) มีสัญชาติไทย กรณีบุคคลแปลงสัญชาติจะต้องได้สัญชาติไทยมาแล้ว ไม่น้อยกว่า ๕ ปี | |||
(๒) มีอายุไม่ต่ำกว่า ๑๘ ปีบริบูรณ์ ในวันที่ ๑ มกราคมของปีที่มีการเลือกตั้ง และ | |||
(๓) มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในเขตเลือกตั้งมาแล้วเป็นเวลาไม่น้อยกว่า ๙๐ วันนับถึงวันเลือกตั้ง ผู้มีสิทธิเลือกตั้งซึ่งอยู่นอกเขตเลือกตั้งที่ตนมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในเขตเลือกตั้งเป็นเวลาน้อยกว่า ๙๐ วันนับถึงวันเลือกตั้งหรือมีถิ่นที่อยู่นอกราชอาณาจักรย่อมมีสิทธิออกเสียงลงคะแนนเลือกตั้งตามหลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขที่บัญญัติไว้ใน พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งวุฒิสภา | |||
'''ส่วนบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิเลือกตั้ง'''ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช ๒๕๕๐ บัญญัติเกี่ยวกับการไปใช้สิทธิเลือกตั้งของบุคคลไว้ด้วยว่า บุคคลดังต่อไปนี้ต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิเลือกตั้ง | |||
(๑) ภิกษุ สามเณร นักพรต หรือนักบวช | |||
(๒) อยู่ในระหว่างเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง | |||
(๓) ต้องคุมขังอยู่โดยหมายของศาลหรือโดยคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย | |||
(๔) วิกลจริต หรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ | |||
ประเทศไทยได้จัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช ๒๕๕๐ เมื่อวันที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๕๐ ผลปรากฎว่ามีผู้มีสิทธิเลือกตั้งมีจำนวนทั้งสิ้น ๔๔,๐๐๒,๕๙๓ คน มีผู้มาใช้สิทธิ ๓๒,๗๕๙,๐๐๙ คน คิดเป็น ๗๔.๔๕ % ถือเป็นการใช้สิทธิมากสุดเป็นประวัติการณ์ สถิติที่น่าสนใจของการเลือกตั้งครั้งปัจจุบันพบว่าจังหวัดที่มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งมากที่สุดคือ จังหวัดลำพูน คิดเป็น ๘๘.๙๐ % ส่วนจังหวัดที่มีผู้มาใช้สิทธิน้อยที่สุดคือ จังหวัดสกลนคร คิดเป็น ๖๖.๗๓ % | |||
==คุณสมบัติของผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร [๓]== | |||
ผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรต้องมีคุณสมบัติสรุปได้ดังนี้ | |||
๑. มีสัญชาติไทยโดยกำเนิด | |||
๒. มีอายุไม่ต่ำกว่ายี่สิบห้าปีบริบรูณ์ในวันเลือกตั้ง | |||
๓. เป็นสมาชิกพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งแต่เพียงพรรคเดียวเป็นเวลาไม่น้อยกว่าเก้าสิบวันนับถึงวันเลือกตั้ง | |||
๔. ผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ต้องมีลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่งดังนี้ | |||
(ก) มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในจังหวัดที่สมัครรับเลือกตั้งมาแล้วติดต่อกันเป็นเวลาไม่น้อยกว่าห้าปีนับถึงวันเลือกตั้ง | |||
(ข) เป็นบุคคลที่เกิดในจังหวัดที่สมัครรับเลือกตั้ง | |||
(ค ) เคยศึกษาในสถานศึกษาที่ตั้งอยู่ในจังหวัดที่สมัครรับเลือกตั้งเป็นเวลาไม่น้อยกว่าห้าปีการศึกษา | |||
(ง ) เคยรับราชการหรือเคยมีชื่ออยู่ในทะเบียบบ้านในจังหวัดที่สมัครรับเลือกตั้ง เป็นเวลาไม่น้อยกว่าห้าปี | |||
==หน้าที่ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร== | |||
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมีหน้าที่สรุปได้ดังนี้ | |||
๑. ออกกฎหมายหรือแก้ไขกฎหมายเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน | |||
๒. เป็นผู้เลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่จะดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี | |||
๓. ควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน เช่น การตั้งกระทู้ถาม | |||
๔. จัดสรรงบประมาณแผ่นดินเพื่อพัฒนาประเทศ | |||
๕. แก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนโดยนำเสนอปัญหาต่อรัฐบาลเพื่อหาทางแก้ไข เช่น การเสนอญัตติตั้งคณะกรรมาธิการพิจารณาศึกษาปัญหาต่างๆ | |||
==การได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา== | |||
ตั้งแต่ประเทศไทยได้เปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ มาเป็นการปกครองระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภา อันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นพระประมุขของชาติ เมื่อพุทธศักราช 2475 เป็นต้นมา รูปแบบของรัฐสภาไทยมีทั้งแบบสภาเดี่ยวและสภาคู่ ซึ่งเปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์ของบ้านเมืองในขณะนั้น สมาชิกวุฒิสภามีหน้าที่สำคัญในการกลั่นกรองกฎหมาย จึงเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ ที่มีความรู้ความชำนาญในวิชาการหรืออาชีพต่างๆ ซึ่งแต่เดิมใช้วิธีแต่งตั้งทั้งหมด โดยพระมหากษัตริย์ [๔] แต่ตามรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน สมาชิกวุฒิสภาจะมาจากการเลือกตั้งและการสรรหา สมาชิกวุฒิสมาชิกมีหน้าที่ทางดานนิติบัญญัติโดยสรุป คือ กลั่นกรองรางกฎหมายที่ผานความเห็นชอบจากสภาผูแทนราษฎรแลว รวมถึงพิจารณาอนุมัติพระราชกําหนดต่างๆ และทำหน้าที่ในการตรวจสอบการบริหารราชการแผ่นดินของคณะรัฐมนตรีในปัญหาสำคัญของประเทศ ตามมาตรา ๑๖๑ แห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ | |||
วุฒิสภาประกอบดวยสมาชิกจํานวน ๑๕๐ คน ซึ่งมาจากการเลือกตั้ง และมาจากการสรรหา ดังนั้น สรุปไดวาวุฒิสภาประกอบดวยสมาชิกที่มีที่มาจาก ๒ ทาง คือ สมาชิกวุฒิสภาที่มาจากการเลือกตั้งในแตละจังหวัด จังหวัดละ ๑ คน มีสมาชิกวุฒิสภาทั้งสิ้น ๗๖ คน และสมาชิกวุฒิสภาที่มาจากการสรรหา จํานวน ๗๔ คน | |||
'''๑. การเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาในแต่ละจังหวัด''' | |||
เมื่อมีพระราชกฤษฎีกาใหมีการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาเปนการเลือกตั้งทั่วไป ใหคณะกรรมการการเลือกตั้งประกาศกําหนดเขตเลือกตั้งและดําเนินการจัดการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา ทั้งนี้ กฎหมายและระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งกําหนดใหนําบทบัญญัติในสวนของ การเลือกตั้งสมาชิกสภาผูแทนราษฎรมาบังคับใชโดยอนุโลม ตั้งแตบททั่วไป เขตเลือกตั้ง หนวยเลือกตั้งและที่เลือกตั้ง เจาพนักงานผูดําเนินการเลือกตั้ง ผูมีสิทธิเลือกตั้งและบัญชีรายชื่อผูมีสิทธิเลือกตั้ง การสมัครรับเลือกตั้ง คาใชจายในการเลือกตั้งและวิธีการหาเสียงเลือกตั้ง การลงคะแนนเลือกตั้ง การนับคะแนนและการประกาศผลการเลือกตั้ง การลงคะแนนเลือกตั้งนอกเขตเลือกตั้ง การดําเนินการกรณีการเลือกตั้งมิไดเปนไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม รวมทั้งการคัดค้านการเลือกตั้ง | |||
๒. การสรรหาสมาชิกวุฒิสภา | |||
ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช ๒๕๕๐ และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ รวมทั้งระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งวาดวยหลักเกณฑและวิธีการลงทะเบียนขององคกรที่มีสิทธิเสนอชื่อบุคคลเขารับการสรรหาเปนสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.๒๕๕๐ กําหนดหลักเกณฑและกระบวนการสรรหาและแตงตั้งสมาชิกวุฒิสภาไว โดยสรุปดังนี้ | |||
(๑) เมื่อมีเหตุตองสรรหาสมาชิกวุฒิสภา ใหคณะกรรมการการเลือกตั้งประกาศใน ราชกิจจานุเบกษากําหนดวันสรรหาภายใน ๓ วันนับแตวันที่มีเหตุใหตองมีการสรรหา และใหประกาศในราชกิจจานุเบกษากําหนดใหองคกรภาควิชาการ ภาครัฐ ภาคเอกชน ภาควิชาชีพ และภาคอื่นมาลงทะเบียนพรอมทั้งเสนอชื่อผูที่สมควรไดรับการสรรหาเปนสมาชิกวุฒิสภา ตอคณะกรรมการการเลือกตั้งใหแลวเสร็จภายใน ๑๕ วันนับแตวันสรรหา ทั้งนี้ แตละองคกรเสนอชื่อได ๑ คน | |||
องคกรตางๆ ที่มีสิทธิเสนอชื่อบุคคลเขารับการสรรหาเปนสมาชิกวุฒิสภาตองเปนนิติบุคคลที่จัดตั้งขึ้นโดยกฎหมาย หรือเปนนิติบุคคลที่ไดรับการรับรอง โดยกฎหมายใหจัดตั้งขึ้นในราชอาณาจักรมาแลวไมนอยกวา ๓ ป และตองมิใชองคกรที่แสวงหาผลกําไรหรือดําเนินกิจกรรมทางการเมือง | |||
บุคคลที่จะไดรับการเสนอชื่อจากองคกรภาคตางๆ ตองเปนบุคคลที่เปนหรือเคยเปนสมาชิกขององคกร หรือปฏิบัติหนาที่หรือเคยปฏิบัติหนาที่ในองคกร ซึ่งมีคุณสมบัติและไมมีลักษณะตองหามตามที่รัฐธรรมนูญกําหนด โดยใหผูที่ไดรับการเสนอชื่อชําระคาธรรมเนียมคนละ ๕,๐๐๐ บาท โดยใหคาธรรมเนียมตกเปนรายไดของรัฐ และบุคคลดังกลาวจะขอถอนชื่อออกจากการเสนอชื่อเขารับการสรรหามิได | |||
(๒) คณะกรรมการการเลือกตั้งรวบรวมรายชื่อบุคคลซึ่งไดรับการเสนอชื่อเสนอตอคณะกรรมการสรรหาสมาชิกวุฒิสภา ภายใน ๕ วันนับแตวันสิ้นสุดระยะเวลาการเสนอชื่อ | |||
ทั้งนี้ คณะกรรมการสรรหาสมาชิกวุฒิสภาประกอบดวยกรรมการ ไดแก ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประธานกรรมการการเลือกตั้ง ประธานผูตรวจการแผนดิน ประธานกรรมการปองกันและปราบปรามการทุจริตแหงชาติ ประธานกรรมการตรวจเงินแผนดิน ผูพิพากษาในศาลฎีกาซึ่งดํารงตําแหนงไมต่ำกวาผูพิพากษาศาลฎีกาที่ที่ประชุมใหญศาลฎีกา มอบหมายจํานวน ๑ คน และตุลาการในศาลปกครองสูงสุดที่ที่ประชุมใหญตุลาการในศาลปกครองสูงสุดมอบหมายจํานวน ๑ คน | |||
(๓) คณะกรรมการสรรหาสมาชิกวุฒิสภาพิจารณาสรรหาและคัดเลือกบุคคลที่มีความเหมาะสมที่จะดํารงตําแหนงสมาชิกวุฒิสภาจากบัญชีรายชื่อที่คณะกรรมการการเลือกตั้งรวบรวมมาจากการเสนอชื่อขององคกรตางๆ จํานวนทั้งสิ้น ๗๔ คน และแจงผลการพิจารณาตอคณะกรรมการการเลือกตั้งภายใน ๓๐ วันนับแตวันที่ไดรับบัญชีรายชื่อ ทั้งนี้ ใหผลการพิจารณาของคณะกรรมการสรรหาเปนที่สุด | |||
ในการสรรหาสมาชิกวุฒิสภาของคณะกรรมการสรรหานั้น ใหคํานึงถึง ความรู ความเชี่ยวชาญ หรือประสบการณที่จะเปนประโยชนในการปฏิบัติงานของวุฒิสภาเปนสําคัญ และใหคํานึงถึงองคประกอบจากบุคคลที่มีความรู ความสามารถในดานตางๆที่แตกตางกัน โอกาสและความเทาเทียมกันทางเพศ สัดสวนของบุคคลในแตละภาค รวมทั้งการใหโอกาสกับผูดอยโอกาสทางสังคมดวย | |||
(๔) คณะกรรมการการเลือกตั้งประกาศผลการสรรหาและแจงผลการสรรหาไปยังประธานรัฐสภา | |||
เพื่อทราบ และประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป | |||
==คุณสมบัติของสมาชิกวุฒิสภา [๕]== | |||
คุณสมบัติและลักษณะตองหามของสมาชิกวุฒิสภา สรุปได้ดังนี้ ผู้สมัครรับเลือกตั้งหรือไดรับการเสนอชื่อเปนสมาชิกวุฒิสภาตองมีอายุไมต่ำากวา ๔๐ ปบริบูรณ และตองจบการศึกษาไมต่ำกวาปริญญาตรีหรือเทียบเทา ผูสมัครรับเลือกตั้งหรือไดรับการเสนอชื่อเปนสมาชิกวุฒิสภา ตองไมเปนบุพการี คูสมรส หรือบุตรของผูดํารงตําแหนงสมาชิกสภาผูแทนราษฎรหรือผูดํารงตําแหนงทางการเมือง ตองไมเปนสมาชิกหรือผูดํารงตําแหนงใดในพรรคการเมืองหรือเคยเปนสมาชิก หรือเคยดํารงตําแหนงและพนจากการเปนสมาชิกหรือการดํารงตําแหนงใด ๆ ในพรรคการเมืองมาแลวยังไมเกิน ๕ ป ตองไมเปนสมาชิกสภาผูแทนราษฎรหรือเคยเปนสมาชิกสภาผูแทนราษฎรและพนจากตําแหนงมาแลวไมเกิน ๕ ป ตองไมเปนรัฐมนตรีหรือผูดํารงตําแหนงทางการเมืองอื่นซึ่งมิใชสมาชิกสภาทองถิ่นหรือผูบริหารทองถิ่น หรือเคยเปนแตพนจาก ตําแหนงดังกลาวมาแลวยังไมเกิน ๕ ป และสมาชิกวุฒิสภาจะเปนรัฐมนตรีผูดํารงตําแหนงทางการเมืองอื่น หรือผูดํารงตําแหนงในองคกรอิสระตามรัฐธรรมนูญมิได อีกทั้ง บุคคลผูเคยดํารงตําแหนงสมาชิกวุฒิสภาและสมาชิกภาพสิ้นสุดลงมาแลวยังไมเกิน ๒ ป จะเปนรัฐมนตรีหรือผูดํารงตําแหนงทางการเมืองมิได | |||
==หน้าที่ของสมาชิกวุฒิสภา [๖]== | |||
อำนาจหน้าที่ของวุฒิสภาตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ สรุปได้ดังนี้ | |||
๑. กลั่นกรองกฎหมาย | |||
๒. ควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน | |||
๓. ให้ความเห็นชอบในเรื่องสำคัญต่าง ๆ | |||
๔. พิจารณาให้บุคคลดำรงตำแหน่ง | |||
๕. ถอดถอนบุคคลออกจากตำแหน่ง | |||
การไปใช้สิทธิเลือกตั้งเป็นหน้าที่สำคัญของปวงชนชาวไทยทุกคน พี่น้องประชาชนควรร่วมมือ ร่วมแรง ร่วมใจกันออกมาแสดงตนเพื่อใช้สิทธิเพราะนอกจากจะได้สมาชิกรัฐสภาที่มีความรู้ความสามารถ และเป็นคนดีตามความตั้งใจแล้วยังเป็นการป้องกันการทุจริตในการซื้อสิทธิ ขายเสียง ได้อีกทางหนึ่งด้วย | |||
==อ้างอิง== | |||
<references/> | |||
==หนังสือแนะนำให้อ่านต่อ== | |||
สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง. ๑๐ ปี กกต. ก้าวต่อไปเพื่อประชาธิปไตยที่ยั่งยืน. กรุงเทพฯ: สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง, ๒๕๕๑. | |||
สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. ๗๕ ปี รัฐสภาไทย. กรุงเทพฯ: สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, ๒๕๕๐. | |||
==บรรณานุกรม== | |||
ความรู้เกี่ยวกับการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ปี ๒๕๕๐. http://www.tddf.or.th/tddf/constitution/readart.php?id=00468 สืบค้นเมื่อวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๕๒. | |||
ปทมา สูบกําปง. วุฒิสภาตามรัฐธรรมนูญแหงราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ .ในสมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย www.sumc.in.th สืบค้นเมื่อ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๕๒. | |||
ผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรยุคปฏิรูปการเมืองใหม่ ๖ มกราคม ๒๕๔๔. กรุงเทพฯ : หอสมุดรัฐสภา สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, ๒๕๔๔. | |||
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช ๒๕๕๐. กรุงเทพฯ: สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, ๒๕๕๐. | |||
สรรสาระรัฐธรรมนูญไทย. กรุงเทพฯ : คณะอนุกรรมการจัดทำหนังสือรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, ม.ป.ป. | |||
อำนาจหน้าที่รัฐสภา ใน หนังสือที่ระลึกในการที่สภาผู้แทนราษฎรได้รับพระราชทานผ้าพระกฐินไปถวายพระภิกษุที่จำพรรษา ณ วัดวัดศรีสุดารามวรวิหาร กรุงเทพมหานคร วันศุกร์ที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๑. กรุงเทพฯ : สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, ๒๕๕๑. | |||
==ดูเพิ่มเติม== | |||
พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญวาดวยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผูแทนราษฎรและการไดมาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. ๒๕๕๐ | |||
พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญวาดวยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ.๒๕๕๐ | |||
ระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งวาดวยการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. ๒๕๕๐ | |||
คุณสมบัติและลักษณะตองหามของสมาชิกวุฒิสภา. http://www.parliament.go.th/mp2550/asset/member_mp_property.pdf สืบค้นเมื่อ ๓ มิถุนายน ๒๕๕๒. | |||
[[category: | [[category:ความรู้เกี่ยวกับรัฐสภาไทย]] |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 14:57, 28 ตุลาคม 2552
ผู้เรียบเรียง มาลินี คงรื่น
ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร จเร พันธุ์เปรื่อง
การปกครองระบอบประชาธิปไตยเป็นระบอบการปกครองที่เหมาะสมที่สุดในปัจจุบัน เพราะเป็นระบอบการปกครองที่ยอมรับสิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาคของประชาชน เปิดโอกาสให้ประชาชนทุกคนมีส่วนร่วมในการใช้อำนาจปกครองประเทศอย่างทั่วถึง และมีกลไกที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันการผูกขาดอำนาจทางการเมืองของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง หลักการปกครองในระบอบประชาธิปไตย คือ ประชาชนมีอำนาจในการปกครองตนเอง แต่ในทางปฏิบัติประชาชนทุกคนไม่สามารถเข้าไปร่วมปกครองประเทศได้ทั้งหมด จึงต้องใช้วิธีเลือกตัวแทนเข้าไปดำเนินการแทน สำหรับประเทศไทยการเลือกตั้งผู้แทนประชาชนในระดับชาติ ได้แก่ การเลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และการเลือกสมาชิกวุฒิสภาเพื่อทำหน้าที่ด้านนิติบัญญัตินั้นคือการออกกฎหมายต่าง ๆ ในการปกครองประเทศ และเลือกสรรบุคคลจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเพื่อเป็นนายกรัฐมนตรีทำหน้าที่เป็นผู้นำคณะรัฐมนตรีบริหารราชการแผ่นดิน การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาจึงเป็นวิธีการที่ทำให้ประชาชนทุกคนมีส่วนร่วมในการปกครองประเทศอย่างเสมอภาค
ด้วยเหตุนี้เมื่อรัฐสภาผ่านกฎหมายใด ๆ และได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ประชาชนจะปฏิเสธว่าตนไม่เห็นชอบด้วยไม่ได้ เพราะผู้ออกกฎหมาย ก็คือตัวแทนของประชาชนนั่นเอง นอกจากนี้การเลือกตั้งยังทำให้คณะผู้บริหารหรือคณะรัฐมนตรีเข้ามาบริหารประเทศด้วยความชอบธรรมเพราะเป็นตัวแทนของประชาชนที่ประชาชนเลือกเข้ามาทำหน้าที่ในรัฐสภา การเลือกตั้งจึงเป็นกระบวนการทางประชาธิปไตยที่มีความสำคัญยิ่งเพราะเป็นการแสดงเจตนารมณ์ ของประชาชนเจ้าของประเทศที่มอบความไว้วางใจให้ตัวแทนของประชาชนไปทำหน้าที่ปกครองประเทศ รวมทั้งแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เป็นความเดือดร้อนของประชาชน
การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในอดีต
การเลือกตั้งครั้งแรกของประเทศไทย ประเทศไทยจัดให้มีการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยาม พุทธศักราช ๒๔๗๕ โดยมีการเลือกตั้งครั้งแรกเมื่อวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๔๗๖ วิธีการเลือกตั้งเป็นแบบทางอ้อม ซึ่งได้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวน ๗๘ คน เป็นสมาชิกประเภทที่ ๑ สมาชิกประเภทที่ ๑ หมายถึงผู้ที่ราษฎรเลือกตั้ง โดยราษฎรเลือกผู้แทนตำบลก่อน จากนั้นผู้แทนตำบลจึงไปเลือกตั้งผู้แทนราษฎรเป็นลำดับต่อไป สำหรับสถิติการเลือกตั้งที่น่าสนใจของการเลือกตั้งครั้งแรกของประเทศไทยคือ มีประชาชนที่มีสิทธิ์เลือกตั้งจำนวน ๔,๒๗๘,๒๓๑ คน และประชาชนมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งจำนวน ๑,๗๗๓,๕๓๒ คน จังหวัดที่มีผู้ใช้สิทธิ์มากที่สุดคือจังหวัดเพชรบุรี หลังจากนั้นประเทศไทยได้มีการเลือกตั้งจนถึงปัจจุบันรวมทั้งสิ้น ๒๒ ครั้ง
สถิติการเลือกตั้งทั่วไปของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร [๑]
การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตามรัฐธรรมนูญปัจจุบัน
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช ๒๕๕๐ ได้กำหนดให้สภาผู้แทนราษฎร ประกอบด้วยสมาชิกจำนวน ๔๘๐ คน มาจากการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง จำนวน ๔๐๐ คน และจากการเลือกตั้งแบบสัดส่วน (กลุ่มจังหวัด) จำนวน ๘๐ คน [๒] ดังนี้
๑. การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง
ผู้มีสิทธิเลือกตั้งมีสิทธิลงคะแนนเลือกผู้สมัครได้เท่ากับจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่จะพึงมีได้ในแต่ละเขตเลือกตั้ง โดยการแบ่งเขตเลือกตั้งนั้น มีวิธีการคือนำจำนวน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ๔๐๐ คน ไปหารจำนวนประชากรตามหลักฐานการทะเบียนราษฎรที่ประกาศในปีสุดท้ายก่อนปีที่มีการเลือกตั้งเพื่อให้ได้ค่าเฉลี่ยประชากรต่อสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ๑ คน แล้วนำไปคำนวณจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่แต่ละจังหวัดจะพึงมี โดยจังหวัดที่มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ไม่เกิน ๓ คน ให้ถือเขตจังหวัดเป็นเขตเลือกตั้งและจังหวัดที่มี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้มากกว่า ๓ คน ให้แบ่งเขตจังหวัดเป็นเขตเลือกตั้งโดยแต่ละเขตจะมี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ไม่เกิน ๓ คน ในกรณีที่แบ่งเขตเลือกตั้งในจังหวัดหนึ่งให้มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครบ ๓ คนทุกเขตไม่ได้ ให้แบ่งเขตเลือกตั้งออกเป็นเขตเลือกตั้งที่มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเขตละ ๓ คนเสียก่อน และเขตเลือกตั้งที่เหลือต้องมี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไม่น้อยกว่า ๒ คน
๒. การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบสัดส่วน
ผู้มีสิทธิเลือกตั้งสามารถลงคะแนนเลือกบัญชีรายชื่อผู้สมัครที่พรรคการเมืองจัดทำได้เพียงหนึ่งบัญชีรายชื่อเท่านั้น และการกำหนดเขตเลือกตั้งแบบสัดส่วน จะแบ่งพื้นที่ประเทศไทยเป็น ๘ กลุ่มจังหวัด โดยในแต่ละกลุ่มจังหวัดถือเป็นหนึ่งเขตเลือกตั้งโดยจะมี ส.ส. แบบสัดส่วนได้กลุ่มจังหวัดละ ๑๐ คน โดย ผู้มีสิทธิเลือกตั้งต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้
(๑) มีสัญชาติไทย กรณีบุคคลแปลงสัญชาติจะต้องได้สัญชาติไทยมาแล้ว ไม่น้อยกว่า ๕ ปี
(๒) มีอายุไม่ต่ำกว่า ๑๘ ปีบริบูรณ์ ในวันที่ ๑ มกราคมของปีที่มีการเลือกตั้ง และ
(๓) มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในเขตเลือกตั้งมาแล้วเป็นเวลาไม่น้อยกว่า ๙๐ วันนับถึงวันเลือกตั้ง ผู้มีสิทธิเลือกตั้งซึ่งอยู่นอกเขตเลือกตั้งที่ตนมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในเขตเลือกตั้งเป็นเวลาน้อยกว่า ๙๐ วันนับถึงวันเลือกตั้งหรือมีถิ่นที่อยู่นอกราชอาณาจักรย่อมมีสิทธิออกเสียงลงคะแนนเลือกตั้งตามหลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขที่บัญญัติไว้ใน พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งวุฒิสภา
ส่วนบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช ๒๕๕๐ บัญญัติเกี่ยวกับการไปใช้สิทธิเลือกตั้งของบุคคลไว้ด้วยว่า บุคคลดังต่อไปนี้ต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิเลือกตั้ง
(๑) ภิกษุ สามเณร นักพรต หรือนักบวช
(๒) อยู่ในระหว่างเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง
(๓) ต้องคุมขังอยู่โดยหมายของศาลหรือโดยคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย
(๔) วิกลจริต หรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ
ประเทศไทยได้จัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช ๒๕๕๐ เมื่อวันที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๕๐ ผลปรากฎว่ามีผู้มีสิทธิเลือกตั้งมีจำนวนทั้งสิ้น ๔๔,๐๐๒,๕๙๓ คน มีผู้มาใช้สิทธิ ๓๒,๗๕๙,๐๐๙ คน คิดเป็น ๗๔.๔๕ % ถือเป็นการใช้สิทธิมากสุดเป็นประวัติการณ์ สถิติที่น่าสนใจของการเลือกตั้งครั้งปัจจุบันพบว่าจังหวัดที่มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งมากที่สุดคือ จังหวัดลำพูน คิดเป็น ๘๘.๙๐ % ส่วนจังหวัดที่มีผู้มาใช้สิทธิน้อยที่สุดคือ จังหวัดสกลนคร คิดเป็น ๖๖.๗๓ %
คุณสมบัติของผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร [๓]
ผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรต้องมีคุณสมบัติสรุปได้ดังนี้
๑. มีสัญชาติไทยโดยกำเนิด
๒. มีอายุไม่ต่ำกว่ายี่สิบห้าปีบริบรูณ์ในวันเลือกตั้ง
๓. เป็นสมาชิกพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งแต่เพียงพรรคเดียวเป็นเวลาไม่น้อยกว่าเก้าสิบวันนับถึงวันเลือกตั้ง
๔. ผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ต้องมีลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่งดังนี้
(ก) มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในจังหวัดที่สมัครรับเลือกตั้งมาแล้วติดต่อกันเป็นเวลาไม่น้อยกว่าห้าปีนับถึงวันเลือกตั้ง
(ข) เป็นบุคคลที่เกิดในจังหวัดที่สมัครรับเลือกตั้ง
(ค ) เคยศึกษาในสถานศึกษาที่ตั้งอยู่ในจังหวัดที่สมัครรับเลือกตั้งเป็นเวลาไม่น้อยกว่าห้าปีการศึกษา
(ง ) เคยรับราชการหรือเคยมีชื่ออยู่ในทะเบียบบ้านในจังหวัดที่สมัครรับเลือกตั้ง เป็นเวลาไม่น้อยกว่าห้าปี
หน้าที่ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมีหน้าที่สรุปได้ดังนี้
๑. ออกกฎหมายหรือแก้ไขกฎหมายเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน
๒. เป็นผู้เลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่จะดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี
๓. ควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน เช่น การตั้งกระทู้ถาม
๔. จัดสรรงบประมาณแผ่นดินเพื่อพัฒนาประเทศ
๕. แก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนโดยนำเสนอปัญหาต่อรัฐบาลเพื่อหาทางแก้ไข เช่น การเสนอญัตติตั้งคณะกรรมาธิการพิจารณาศึกษาปัญหาต่างๆ
การได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา
ตั้งแต่ประเทศไทยได้เปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ มาเป็นการปกครองระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภา อันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นพระประมุขของชาติ เมื่อพุทธศักราช 2475 เป็นต้นมา รูปแบบของรัฐสภาไทยมีทั้งแบบสภาเดี่ยวและสภาคู่ ซึ่งเปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์ของบ้านเมืองในขณะนั้น สมาชิกวุฒิสภามีหน้าที่สำคัญในการกลั่นกรองกฎหมาย จึงเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ ที่มีความรู้ความชำนาญในวิชาการหรืออาชีพต่างๆ ซึ่งแต่เดิมใช้วิธีแต่งตั้งทั้งหมด โดยพระมหากษัตริย์ [๔] แต่ตามรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน สมาชิกวุฒิสภาจะมาจากการเลือกตั้งและการสรรหา สมาชิกวุฒิสมาชิกมีหน้าที่ทางดานนิติบัญญัติโดยสรุป คือ กลั่นกรองรางกฎหมายที่ผานความเห็นชอบจากสภาผูแทนราษฎรแลว รวมถึงพิจารณาอนุมัติพระราชกําหนดต่างๆ และทำหน้าที่ในการตรวจสอบการบริหารราชการแผ่นดินของคณะรัฐมนตรีในปัญหาสำคัญของประเทศ ตามมาตรา ๑๖๑ แห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐
วุฒิสภาประกอบดวยสมาชิกจํานวน ๑๕๐ คน ซึ่งมาจากการเลือกตั้ง และมาจากการสรรหา ดังนั้น สรุปไดวาวุฒิสภาประกอบดวยสมาชิกที่มีที่มาจาก ๒ ทาง คือ สมาชิกวุฒิสภาที่มาจากการเลือกตั้งในแตละจังหวัด จังหวัดละ ๑ คน มีสมาชิกวุฒิสภาทั้งสิ้น ๗๖ คน และสมาชิกวุฒิสภาที่มาจากการสรรหา จํานวน ๗๔ คน
๑. การเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาในแต่ละจังหวัด
เมื่อมีพระราชกฤษฎีกาใหมีการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาเปนการเลือกตั้งทั่วไป ใหคณะกรรมการการเลือกตั้งประกาศกําหนดเขตเลือกตั้งและดําเนินการจัดการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา ทั้งนี้ กฎหมายและระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งกําหนดใหนําบทบัญญัติในสวนของ การเลือกตั้งสมาชิกสภาผูแทนราษฎรมาบังคับใชโดยอนุโลม ตั้งแตบททั่วไป เขตเลือกตั้ง หนวยเลือกตั้งและที่เลือกตั้ง เจาพนักงานผูดําเนินการเลือกตั้ง ผูมีสิทธิเลือกตั้งและบัญชีรายชื่อผูมีสิทธิเลือกตั้ง การสมัครรับเลือกตั้ง คาใชจายในการเลือกตั้งและวิธีการหาเสียงเลือกตั้ง การลงคะแนนเลือกตั้ง การนับคะแนนและการประกาศผลการเลือกตั้ง การลงคะแนนเลือกตั้งนอกเขตเลือกตั้ง การดําเนินการกรณีการเลือกตั้งมิไดเปนไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม รวมทั้งการคัดค้านการเลือกตั้ง
๒. การสรรหาสมาชิกวุฒิสภา
ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช ๒๕๕๐ และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ รวมทั้งระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งวาดวยหลักเกณฑและวิธีการลงทะเบียนขององคกรที่มีสิทธิเสนอชื่อบุคคลเขารับการสรรหาเปนสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.๒๕๕๐ กําหนดหลักเกณฑและกระบวนการสรรหาและแตงตั้งสมาชิกวุฒิสภาไว โดยสรุปดังนี้
(๑) เมื่อมีเหตุตองสรรหาสมาชิกวุฒิสภา ใหคณะกรรมการการเลือกตั้งประกาศใน ราชกิจจานุเบกษากําหนดวันสรรหาภายใน ๓ วันนับแตวันที่มีเหตุใหตองมีการสรรหา และใหประกาศในราชกิจจานุเบกษากําหนดใหองคกรภาควิชาการ ภาครัฐ ภาคเอกชน ภาควิชาชีพ และภาคอื่นมาลงทะเบียนพรอมทั้งเสนอชื่อผูที่สมควรไดรับการสรรหาเปนสมาชิกวุฒิสภา ตอคณะกรรมการการเลือกตั้งใหแลวเสร็จภายใน ๑๕ วันนับแตวันสรรหา ทั้งนี้ แตละองคกรเสนอชื่อได ๑ คน
องคกรตางๆ ที่มีสิทธิเสนอชื่อบุคคลเขารับการสรรหาเปนสมาชิกวุฒิสภาตองเปนนิติบุคคลที่จัดตั้งขึ้นโดยกฎหมาย หรือเปนนิติบุคคลที่ไดรับการรับรอง โดยกฎหมายใหจัดตั้งขึ้นในราชอาณาจักรมาแลวไมนอยกวา ๓ ป และตองมิใชองคกรที่แสวงหาผลกําไรหรือดําเนินกิจกรรมทางการเมือง
บุคคลที่จะไดรับการเสนอชื่อจากองคกรภาคตางๆ ตองเปนบุคคลที่เปนหรือเคยเปนสมาชิกขององคกร หรือปฏิบัติหนาที่หรือเคยปฏิบัติหนาที่ในองคกร ซึ่งมีคุณสมบัติและไมมีลักษณะตองหามตามที่รัฐธรรมนูญกําหนด โดยใหผูที่ไดรับการเสนอชื่อชําระคาธรรมเนียมคนละ ๕,๐๐๐ บาท โดยใหคาธรรมเนียมตกเปนรายไดของรัฐ และบุคคลดังกลาวจะขอถอนชื่อออกจากการเสนอชื่อเขารับการสรรหามิได
(๒) คณะกรรมการการเลือกตั้งรวบรวมรายชื่อบุคคลซึ่งไดรับการเสนอชื่อเสนอตอคณะกรรมการสรรหาสมาชิกวุฒิสภา ภายใน ๕ วันนับแตวันสิ้นสุดระยะเวลาการเสนอชื่อ
ทั้งนี้ คณะกรรมการสรรหาสมาชิกวุฒิสภาประกอบดวยกรรมการ ไดแก ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประธานกรรมการการเลือกตั้ง ประธานผูตรวจการแผนดิน ประธานกรรมการปองกันและปราบปรามการทุจริตแหงชาติ ประธานกรรมการตรวจเงินแผนดิน ผูพิพากษาในศาลฎีกาซึ่งดํารงตําแหนงไมต่ำกวาผูพิพากษาศาลฎีกาที่ที่ประชุมใหญศาลฎีกา มอบหมายจํานวน ๑ คน และตุลาการในศาลปกครองสูงสุดที่ที่ประชุมใหญตุลาการในศาลปกครองสูงสุดมอบหมายจํานวน ๑ คน
(๓) คณะกรรมการสรรหาสมาชิกวุฒิสภาพิจารณาสรรหาและคัดเลือกบุคคลที่มีความเหมาะสมที่จะดํารงตําแหนงสมาชิกวุฒิสภาจากบัญชีรายชื่อที่คณะกรรมการการเลือกตั้งรวบรวมมาจากการเสนอชื่อขององคกรตางๆ จํานวนทั้งสิ้น ๗๔ คน และแจงผลการพิจารณาตอคณะกรรมการการเลือกตั้งภายใน ๓๐ วันนับแตวันที่ไดรับบัญชีรายชื่อ ทั้งนี้ ใหผลการพิจารณาของคณะกรรมการสรรหาเปนที่สุด
ในการสรรหาสมาชิกวุฒิสภาของคณะกรรมการสรรหานั้น ใหคํานึงถึง ความรู ความเชี่ยวชาญ หรือประสบการณที่จะเปนประโยชนในการปฏิบัติงานของวุฒิสภาเปนสําคัญ และใหคํานึงถึงองคประกอบจากบุคคลที่มีความรู ความสามารถในดานตางๆที่แตกตางกัน โอกาสและความเทาเทียมกันทางเพศ สัดสวนของบุคคลในแตละภาค รวมทั้งการใหโอกาสกับผูดอยโอกาสทางสังคมดวย
(๔) คณะกรรมการการเลือกตั้งประกาศผลการสรรหาและแจงผลการสรรหาไปยังประธานรัฐสภา เพื่อทราบ และประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป
คุณสมบัติของสมาชิกวุฒิสภา [๕]
คุณสมบัติและลักษณะตองหามของสมาชิกวุฒิสภา สรุปได้ดังนี้ ผู้สมัครรับเลือกตั้งหรือไดรับการเสนอชื่อเปนสมาชิกวุฒิสภาตองมีอายุไมต่ำากวา ๔๐ ปบริบูรณ และตองจบการศึกษาไมต่ำกวาปริญญาตรีหรือเทียบเทา ผูสมัครรับเลือกตั้งหรือไดรับการเสนอชื่อเปนสมาชิกวุฒิสภา ตองไมเปนบุพการี คูสมรส หรือบุตรของผูดํารงตําแหนงสมาชิกสภาผูแทนราษฎรหรือผูดํารงตําแหนงทางการเมือง ตองไมเปนสมาชิกหรือผูดํารงตําแหนงใดในพรรคการเมืองหรือเคยเปนสมาชิก หรือเคยดํารงตําแหนงและพนจากการเปนสมาชิกหรือการดํารงตําแหนงใด ๆ ในพรรคการเมืองมาแลวยังไมเกิน ๕ ป ตองไมเปนสมาชิกสภาผูแทนราษฎรหรือเคยเปนสมาชิกสภาผูแทนราษฎรและพนจากตําแหนงมาแลวไมเกิน ๕ ป ตองไมเปนรัฐมนตรีหรือผูดํารงตําแหนงทางการเมืองอื่นซึ่งมิใชสมาชิกสภาทองถิ่นหรือผูบริหารทองถิ่น หรือเคยเปนแตพนจาก ตําแหนงดังกลาวมาแลวยังไมเกิน ๕ ป และสมาชิกวุฒิสภาจะเปนรัฐมนตรีผูดํารงตําแหนงทางการเมืองอื่น หรือผูดํารงตําแหนงในองคกรอิสระตามรัฐธรรมนูญมิได อีกทั้ง บุคคลผูเคยดํารงตําแหนงสมาชิกวุฒิสภาและสมาชิกภาพสิ้นสุดลงมาแลวยังไมเกิน ๒ ป จะเปนรัฐมนตรีหรือผูดํารงตําแหนงทางการเมืองมิได
หน้าที่ของสมาชิกวุฒิสภา [๖]
อำนาจหน้าที่ของวุฒิสภาตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ สรุปได้ดังนี้
๑. กลั่นกรองกฎหมาย
๒. ควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน
๓. ให้ความเห็นชอบในเรื่องสำคัญต่าง ๆ
๔. พิจารณาให้บุคคลดำรงตำแหน่ง
๕. ถอดถอนบุคคลออกจากตำแหน่ง
การไปใช้สิทธิเลือกตั้งเป็นหน้าที่สำคัญของปวงชนชาวไทยทุกคน พี่น้องประชาชนควรร่วมมือ ร่วมแรง ร่วมใจกันออกมาแสดงตนเพื่อใช้สิทธิเพราะนอกจากจะได้สมาชิกรัฐสภาที่มีความรู้ความสามารถ และเป็นคนดีตามความตั้งใจแล้วยังเป็นการป้องกันการทุจริตในการซื้อสิทธิ ขายเสียง ได้อีกทางหนึ่งด้วย
อ้างอิง
หนังสือแนะนำให้อ่านต่อ
สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง. ๑๐ ปี กกต. ก้าวต่อไปเพื่อประชาธิปไตยที่ยั่งยืน. กรุงเทพฯ: สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง, ๒๕๕๑.
สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. ๗๕ ปี รัฐสภาไทย. กรุงเทพฯ: สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, ๒๕๕๐.
บรรณานุกรม
ความรู้เกี่ยวกับการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ปี ๒๕๕๐. http://www.tddf.or.th/tddf/constitution/readart.php?id=00468 สืบค้นเมื่อวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๕๒.
ปทมา สูบกําปง. วุฒิสภาตามรัฐธรรมนูญแหงราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ .ในสมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย www.sumc.in.th สืบค้นเมื่อ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๕๒.
ผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรยุคปฏิรูปการเมืองใหม่ ๖ มกราคม ๒๕๔๔. กรุงเทพฯ : หอสมุดรัฐสภา สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, ๒๕๔๔.
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช ๒๕๕๐. กรุงเทพฯ: สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, ๒๕๕๐.
สรรสาระรัฐธรรมนูญไทย. กรุงเทพฯ : คณะอนุกรรมการจัดทำหนังสือรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, ม.ป.ป.
อำนาจหน้าที่รัฐสภา ใน หนังสือที่ระลึกในการที่สภาผู้แทนราษฎรได้รับพระราชทานผ้าพระกฐินไปถวายพระภิกษุที่จำพรรษา ณ วัดวัดศรีสุดารามวรวิหาร กรุงเทพมหานคร วันศุกร์ที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๑. กรุงเทพฯ : สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, ๒๕๕๑.
ดูเพิ่มเติม
พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญวาดวยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผูแทนราษฎรและการไดมาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. ๒๕๕๐
พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญวาดวยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ.๒๕๕๐ ระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งวาดวยการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. ๒๕๕๐
คุณสมบัติและลักษณะตองหามของสมาชิกวุฒิสภา. http://www.parliament.go.th/mp2550/asset/member_mp_property.pdf สืบค้นเมื่อ ๓ มิถุนายน ๒๕๕๒.