ผลต่างระหว่างรุ่นของ "กองทุนการเงินระหว่างประเทศ"
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัดที่ 1: | บรรทัดที่ 1: | ||
'''ผู้เรียบเรียง''' ''':''' ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พิชญ์อาภา พิศุทธ์เศรณี | |||
'''ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ''' ''':''' ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.ไชยวัฒน์ ค้ำชู | |||
| |||
'''IMF''' | |||
| |||
< | กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International Monetary Fund: IMF) เป็นองค์การระหว่างประเทศ<br/> ซึ่งทำหน้าที่ดูแลอัตราแลกเปลี่ยนและรักษาเสถียรภาพของการเงินโลก สนับสนุนการค้าระหว่างประเทศให้ขยายตัวอย่างสมดุล และสามารถให้เงินกู้ฉุกเฉินแก่ประเทศสมาชิกที่ต้องการนำไปแก้ไขปัญหาภายในประเทศ<br/> โดย IMF มีสำนักงานอยู่ที่กรุงวอชิงตัน ดีซี สหรัฐอเมริกา และในปัจจุบัน IMF มีสมาชิกจำนวน 190 ประเทศ[[#_edn1|[1]]] | ||
| |||
'''ความเป็นมา''' | |||
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ International Monetary Fund (IMF) ถูกก่อตั้งขึ้นเมื่อ 22 กรกฎาคม ค.ศ.1944 จากการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการเงินและการคลัง (United Nations Monetary and Financial Conference) อันมีผลมาจากการอ่อนแอของอังกฤษผู้เป็นมหาอำนาจในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อสงครามโลกสิ้นสุดลงสหรัฐอเมริกาจึงได้เข้ามาควบคุมการเงินโลกโดยได้คิดค้นระบบเบรตตันวูดส์ (Bretton Woods System) เพื่อแก้ไขปัญหาการเงินโลกและได้วางหลักการใหม่ 3 หลักการ (Holy Trinity) ที่มีความศักดิ์สิทธิ์และสำคัญมากที่สุดต่่อระบบเบรตตันวูดส์ โดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ถูกก่อตั้งขึ้น<br/> เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของหลักการใหม่[[#_edn2|[2]]] | |||
< | ทั้งนี้ สหรัฐอเมริกา อังกฤษ และประเทศฝ่ายสัมพันธมิตรที่ ได้สรุปว่าปัญหาทางเศรษฐกิจและการเมือง<br/> ที่เป็นสาเหตุของสงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2 คือ การลดค่าเงินจนอัตราแลกเปลี่ยนไม่แน่นอนนำไปสู่ความปั่นป่วนของระบบการเงินของโลก และ การแข่งขันทางการค้าโดยการตั้งกำแพงภาษีศุลกากร เพื่อกีดกันสินค้าของประเทศอื่น ก่อให้เกิดความขัดแย้งและลุกลามไปเพิ่มเชื้อไฟให้ความขัดแย้งด้านอื่นๆ ดังนั้น เพื่อป้องกันความขัดแย้ง<br/> ทางเศรษฐกิจ สหรัฐอเมริกาและประเทศฝ่ายสัมพันธมิตร จำนวน 44 ประเทศ จึงได้จัดประชุมที่เมือง<br/> เบรตเตน วู๊ดส์ (Bretten Woods) รัฐนิวแฮมเชอร์ สหรัฐอเมริกา ระหว่าง 1 – 22 กรกฎาคม ค.ศ.1944<br/> เพื่อจัดระบบทางการเงินของโลก การประชุมในครั้งนั้นจึงได้ลงมติทำข้อตกลงที่รู้จักในชื่อ “ข้อตกลง<br/> เบรตเตน วู๊ดส์” (Bretten Woods Agreement) เพื่อจัดระเบียบการเงินโลกหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยได้วางหลักการใหม่ 3 หลักการ (holy trinity) ดังนี้ 1.กำหนดระบอบอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ (fixed exchange rate regime) โดยตกลงให้ทองคำและเงินสกุลดอลลาร์ของสหรัฐฯ เป็นเงินสำรองระกว่างประเทศ เป็นการเริ่มใช้ระบบมาตรฐานปริวรรตทองคำ (gold exchange standard) ส่วนเงินสกุลอื่น ๆ ให้เทียบค่าในอัตราแลกเปลี่ยนที่แน่นอนคงที่กับดอลลาร์สหรัฐฯ หรือทองคำ ทั้งนี้โดยมีความยืดหยุ่นผันผวนได้ร้อยละ 1 เท่านั้น 2.ตั้งกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International Monetary Fund หรือ IMF) เพื่อดูแลอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศ การเงินและการคลังของประเทศสมาชิก เพื่อรักษาเสถียรภาพของอัตราแลกเปลี่ยนของระบบการเงินระหว่างประเทศ 3.ตั้งธนาคารระหว่างประเทศเพื่อการบูรณะฟื้นฟูและการพัฒนา (International Bank for Reconstruction and Development หรือ IBRD) หรือมีชื่อสั้นๆว่า “ธนาคารโลก” (world bank) เพื่อทำหน้าที่ให้ความช่วยเหลือในการฟื้นฟูบูรณะประเทศที่เสียหายจากสงครามและช่วยเหลือประเทศสมาชิกในการพัฒนาเศรษฐกิจ[[#_edn3|[3]]] | ||
IMF เริ่มดำเนินงานตั้งแต่ ค.ศ.1947 โดยมีวัตถุประสงค์ คือ 1.ส่งเสริมเสถียรภาพและความเป็นระเบียบของอัตราแลกเปลี่ยนของเงินตราสกุลต่างๆ และป้องกันการแข่งขันในการลดค่าเงิน 2.ส่งเสริมความร่วมมือ<br/> ทางการเงินระหว่างประเทศ โดยจัดตั้งข้อตกลงแลกเปลี่ยนทางการเงินระหว่างสมาชิก และสนับสนุนให้เกิดการชำระเงินหลายฝ่าย (multilateral system of payment) และพยายามขจัดการควบคุมแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศอันเป็นอุปสรรคต่อความเจริญเติบโตของการค้าโลก 3.อำนวยความสะดวกและส่งเสริมการขยายตัวทางการค้าระหว่างประเทศอย่างสมดุล ซึ่งจะช่วยพัฒนาการใช้ทรัพยากรวัตถุดิบอย่างมีประสิทธิภาพ 4.ช่วยแก้ไขปัญหาขาดดุลการชำระเงินของประเทศสมาขิก เพื่อมิให้ส่งผลกระทบต่อระบบการเงินโลก 5.สร้างความเชื่อมั่นแก่ประเทศสมาขิกและให้ประเทศสมาขิกมีสิทธิใช้ทรัพยากรของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ เพื่อปรับปรุงดุลการชำระเงินให้มีเสถียรภาพ[[#_edn4|[4]]] | |||
อย่างไรก็ดี องค์ประกอบสำคัญที่สุดของระบบเบรตตัน วู๊ดส์ ได้ล่มลง ใน ค.ศ.1971 เมื่อสหรัฐฯ ประกาศยกเลิกการผูกอัตราแลกเปลี่ยนเงินดอลลาร์กับทองคำ ทำให้ดอลลาร์ลอยตัว และถือเป็นการสิ้นสุดของระบบอัตราแลกเปลี่ยนแบบคงที่ และต่อมาเงินสกุลอื่นๆ ของประเทศร่ำรวยก็ถูกปล่อยให้ลอยตัว คือ เงินปอนด์ลอยตัวในเดือนมิถุนายน ค.ศ.1972 เงินฟรังก์สวิสลอยตัวในเดือนมกราคม ค.ศ.1973 ดังนั้น นับตั้งแต่ ค.ศ.1973<br/> จนถึงปัจจุบัน ระบบอัตราแลกเปลี่ยนของโลกเป็นระบบลอยตัว (floating exchange rate) เป็นส่วนใหญ่แต่ละประเทศได้ดำเนินนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนตามความเหมาะสมของเศรษฐกิจการเมืองของตน[[#_edn5|[5]]] แต่ถึงกระนั้น IMF ก็ยังคงอยู่ ไม่ได้ล้มไป | |||
ในการดำเนินการของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ มีเงินทุนหรือทรัพยากร (resources) ซึ่งมาจาก โควต้าและเงินกู้พิเศษ โดยประเทศสมาชิกต้องนำทุนสำรองส่วนหนึ่งฝากไว้กับ IMF ทุนสำรองนี้จะเป็นทองคำจำนวนหนึ่งและเงินตราของประเทศตนเองจำนวนหนึ่ง ทุนสำรองในรูปเงินฝากกับ IMF นี้ เรียกว่า โควตา ขึ้นอยู่กับปัจจัยทางเศรษฐกิจของประเทศนั้น เช่น ขนาดการค้า ขนาดทุนสำรอง และระดับรายได้ประชาชาติ ส่วนเงินกู้พิเศษ ได้มาจากการกู้ยืมจากกลุ่ม G-1 ซึ่งเป็นประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ 7 ประเทศ ต่อมาใน ค.ศ.1967 กองทุนการเงินระหว่างประเทศได้จัดทำสินเชื่อพิเศษเรียกว่า SDR หรือ “สิทธิพิเศษในการถอนเงิน” (Special Drawing Rights) ซึ่งเป็นหน่วยบัญชีสินเชื่อพิเศษ มีค่าประดุจเงินตรา ความเชื่อถือใน SDR อยู่บนรากฐานของการยอมรับข้อตกลงระหว่างชาติที่ให้ไว้กับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ SDR จะเป็นเงินสำรองอีกรูปแบบหนึ่ง และเป็นเครื่องมือในการแก้ไขปัญหาการขาดดุลชำระเงินของประเทศสมาชิก เดิมค่าของ SDR จะเท่ากับค่าเฉลี่ยของเงินสกุลสำคัญของโลก 16 สกุล แต่ต่อมาได้เทียบค่ากับ “ตะกร้าเงิน” ของสกุลหลักเพียง 1.375 เหรียญสหรัฐฯ ประเทศที่มีปัญหาค่าเงินตกต่ำ อาจกู้ยืมเงิน SDR อยู่ไม่มากนัก เพียง 11.9 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งเป็นจำนวนน้อยมากเมื่อเทียบกับปัญหาทางการเงินที่หลายๆประเทศประสบอยู่ ต่อมาในทศวรรษที่ 1990 กองทุนการเงินระหว่างประเทศได้เข้าไปช่วยเหลือประเทศที่กำลังปรับเปลี่ยนระบบเศรษฐกิจจากสังคมนิยมมาเป็นทุนนิยม<br/> เช่น รัสเซียและสาธารณรัฐที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียตโดยได้ให้กู้ยืมเงินไปปรับโครงสร้างเศรษฐกิจประมาณ 39.9 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ[[#_edn6|[6]]] | |||
< | ต่อมาใน ค.ศ.1997 ประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียหลายประเทศ เช่น ประเทศไทย อินโดนีเซีย<br/> ประสบวิกฤตทางการเงิน จนต้องลดค่าเงิน วิกฤตนี้ได้ลุกลามขยายตัวไปยังประเทศในเอเชียอื่นๆรวมทั้งเกาหลีใต้ ทำให้กองทุนการเงินระหว่างประเทศต้องเข้ามามีบทบาทในการระดมเงินเกือบ 100 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ<br/> เพื่อแก้ไขวิกฤตการณ์และฟื้นฟูเศรษฐกิจ กองทุนการเงินระหว่างประเทศได้กลายเป็น “เจ้าหน้าพิจารณาเงินกู้<br/> ของโลก” (World Loan Officer) ซึ่งได้คำแนะนำแก่นายทุนระหว่างชาติว่า ควรให้เงินกู้ หรือควรเจรจาผ่อนผันการชำระหนี้ หรือไม่ควรให้กู้อีกต่อไป[[#_edn7|[7]]] | ||
ได้อนุมัติเงินทุนฉุกเฉินจำนวน 1,400 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อช่วยเหลือยูเครน โดยความช่วยเหลือครั้งนี้จึงมีเงื่อนไขว่ายูเครนจะต้องร่วมกับ IMF เพื่อออกแบบโครงการเศรษฐกิจที่เหมาะสมโดยเน้นที่การฟื้นฟูและการสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจภายหลังการสงบลงของสงคราม | |||
G7 ได้ยืนหยัดช่วยเหลือยูเครนและต่อต้านรัสเซียซึ่งเป็นประเทศคู่สงครามของยูเครน โดยการออกมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อรัสเซีย ทำให้สถานการณ์ในระบบเศรษฐกิจโลกอยู่ในภาวะที่ตึงเครียดผันผวน จนคาดเดาอนาคตได้ยากอย่างยิ่ง </ | '''IMF กับข้อวิจารณ์''' | ||
แม้ว่ากองทุนการเงินระหว่างประเทศจะแสดงบทบาทสำคัญในการรักษาเสถียรภาพของระบบการเงินโลก แต่ประเทศสมาชิกจำนวนมากได้วิจารณ์ IMF อย่างกว้างขวางทั้งในเวทีการประชุมระหว่างประเทศและในรัฐสภาของประเทศสมาชิก ดังนี้ | |||
ข้อวิจารณ์ประการแรก คือ การลงมติตัดสินในปัญหาสำคัญของสภาผู้ว่าการขึ้นอยู่กับปริมาณโควตา<br/> หรือสัดส่วนของเงินลงทุนของประเทศตนในกองทุนฯส่งผลให้สหรัฐอเมริกา “เสียงดัง” ที่สุด เพราะมีปริมาณ<br/> ถึงร้อยละ 20 ของเสียงทั้งหมด ส่วนสหราชอาณาจักร (อังกฤษ) ฝรั่งเศส เยอรมนี และญี่ปุ่น แต่ละประเทศมีร้อยละ 4-7 ประเทศเหล่านี้รวมทั้งซาอุดิอาระเบียซึ่งมีเสียงร้อยละ 3.4 จะมีเสียงมากกว่าครึ่งหนึ่งของทั้งหมด<br/> ในขณะเดียวกันประเทศเกือบ 40 ประเทศในแอฟริกามีคะแนนเสียงรวมกันเพียงร้อยละ 5 ของทั้งหมด<br/> ความแตกต่างเหลื่อมล้ำดังกล่าวทำให้ประเทศกำลังพัฒนาทั้งหลายวิจารณ์ว่า กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ถูกควบคุมโดยประเทศอุตสาหกรรมและเป็นเครื่องมือของสหรัฐอเมริกาในการครอบงำและควบคุมประเทศกำลังพัฒนาและประเทศยากจน[[#_edn8|[8]]] | |||
ข้อวิจารณ์ที่สอง คือ กองทุนการเงินระหว่างประเทศกำหนดเงือนไขที่ค่อนข้าง “โหด” ทั้งไม่ยุติธรรม<br/> และไม่เหมาะสมต่อประเทศที่ขอใช้เงินกู้ของกองทุนเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ บางมาตรการอาจดีและจำเป็นต่อการแก้ปัญหา แต่หลายๆมาตรการไม่เหมาะสม และยังสร้างปัญหาให้กับรัฐบาลและประชาชนโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนยากจน ทั้งนี้ เงื่อนไขของกองทุนการเงินระหว่างประเทศที่ถูกวิจารณ์บ่อยๆ เช่น เรียกร้องให้รัฐบาล<br/> ของประเทศที่กำลังพัฒนาลดบทบาทในการแทรกแซงทางเศรษฐกิจ ทั้งในภาคการผลิตและการวางแผน โดยให้เป็นไปตามกลไกตลาดอย่างเสรี และให้มีการแปรรูปรัฐวิสาหกิจเป็นของเอกชน หรือเรียกร้องให้กับประเทศที่กำลังพัฒนาเปิดระบบเศรษฐกิจให้เสรีมากขึ้นต่อการลงทุนของต่างชาติและต่อการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งดูเหมือนว่าประโยชน์ส่วนใหญ่จะตกกับระบบทุนนิยมโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศอุตสาหกรรมทุนนิยมตะวันตก แม้ว่ากองทุนจะตระหนักถึงความยากลำบากที่จำเป็นในการปรับโครสร้างเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนในระยะยาว แต่ในความเป็นจริง มาตรการที่เข้มงวดเหล่านี้อาจเพื่อให้สามารถกู้คืนเงินกู้และจ่ายคือหนี้สินต่างๆ ให้กับธนาคารของประเทศอุตสาหกรรม[[#_edn9|[9]]] | |||
นอกจากนั้น กองทุนการเงินระหว่างประเทศมักกดดันให้มีการปฏิรูประบบเศรษฐกิจ ดังเช่นที่ปรากฏ<br/> ในการจัดการวิกฤตการณ์ทางการเงินที่เกิดขึ้นในหลายประเทศ เช่น เม็กซิโก (ค.ศ.1995) ไทย อินโดนีเซีย<br/> และเกาหลีใต้ (ค.ศ.1997) ซึ่งนำไปสู่การเพิ่มพูนความสามารถของรัฐบาลในการหารายได้มาคืนเงินกู้ยืม มากกว่าความยากลำบากของประชาชน ทำให้เกิดผลกระทบทางสังคม เช่น ลดการนำเข้า ระงับการซื้อเงินค่าจ้าง<br/> เพิ่มภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือลดรายจ่ายของรัฐบาลในด้านต่างๆ ลง แม้ว่ามาตรการเหล่านี้จะเป็นมาตรการที่อาจถูกต้องในสายตา IMF ในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ แต่ในทางปฏิบัติแล้ว มาตรการเหล่านี้มีจุดอ่อนหลายประการและนำไปสู่ความยากลำบากทางสังคมและความไร้เสถียรภาพทางการเมืองของประเทศผู้ขอความช่วยเหลือ<br/> ยังเป็นลดระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในประเทศเหล่านั้นอีกด้วย เนื่องจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจ<br/> อาจลดลง อีกทั้งรัฐบาลถูกบังคับให้ตัดงบประมาณด้านบริการต่างๆเพื่อจัดงบประมาณให้สมดุล การแช่แข็งค่าจ้างแรงงานสร้างปัญหากับสหภาพแรงงานและกลุ่มพลังงานทางการเมืองได้ และส่งต่อเสถียรภาพของการปกครองแบบประชาธิปไตยที่กำลังพัฒนาในประเทศเหล่านี้ การกำหนดเงื่อนไขเหล่านี้ยังถูกวิจารณ์ว่า เป็นการละเมิดอธิปไตยและแทรกแซงกระบวนการกำหนดนโยบายของประเทศที่กำลังพัฒนาเหล่านี้อีกด้วย[[#_edn10|[10]]] | |||
ปัจจุบัน IMF ประสบกับความท้าทายจากสถานการณ์การเมืองระหว่างประเทศในปัจจุบัน สถานการณ์แรกคือสงครามระหว่างยูเครนและรัสเซีย ซึ่งยูเครนเป็น หนึ่งในประเทศสมาชิก IMF ทำให้ IMF<br/> ได้อนุมัติเงินทุนฉุกเฉินจำนวน 1,400 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อช่วยเหลือยูเครน โดยความช่วยเหลือครั้งนี้จึงมีเงื่อนไขว่ายูเครนจะต้องร่วมกับ IMF เพื่อออกแบบโครงการเศรษฐกิจที่เหมาะสมโดยเน้นที่การฟื้นฟูและการสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจภายหลังการสงบลงของสงคราม[[#_edn11|[11]]]<sup> </sup>สถานการณ์ที่สองคือเศรษฐกิจโลกยังคงอยู่ในภาวะอ่อนแอจากวิกฤตการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 สถานการณ์ที่สามคือสหรัฐอเมริกาและกลุ่มประเทศ<br/> G7 ได้ยืนหยัดช่วยเหลือยูเครนและต่อต้านรัสเซียซึ่งเป็นประเทศคู่สงครามของยูเครน โดยการออกมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อรัสเซีย ทำให้สถานการณ์ในระบบเศรษฐกิจโลกอยู่ในภาวะที่ตึงเครียดผันผวน จนคาดเดาอนาคตได้ยากอย่างยิ่ง | |||
| |||
<div> | |||
---- | |||
<div id="edn1"> | |||
[[#_ednref1|[1]]]ธนาคารแห่งประเทศไทย. “กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International Monetary Fund: IMF).” สืบค้นเมื่อ 7 พฤษภาคม 2565, https://www.bot.or.th/th/our-roles/international-cooperation/interorg/imf.html | |||
</div> <div id="edn2"> | |||
[[#_ednref2|[2]]]U.S. Department of State, n.d. The Bretton Woods Conference, 1944. Retrieved May 7, 2022, from [https://2001-2009.state.gov/r/pa/ho/time/wwii/98681.htm https://2001-2009.state.gov/r/pa/ho/time/wwii/98681.htm] | |||
</div> <div id="edn3"> | |||
[[#_ednref3|[3]]] Benjamin J. Cohen, “A Brief History of International Monetary Relations,” in ,” in '''International Political Economy: Perspectives on Global Power and Wealth''', Jeffry A. Frieden and David A. Lake, eds. (London: Routledge, 1995), pp. 218-223. | |||
</div> <div id="edn4"> | |||
[[#_ednref4|[4]]] กองทุนการเงินระหว่างประเทศ. '''กองทุนการเงินระหว่างประเทศคืออะไร(ฉบับภาษาไทย)'''. หน้า 11. สืบค้นวันที่ 22 พฤษภาคม 2565. [https://www.imf.org/external/pubs/ft/exrp/what/tha/whatt.pdf https://www.imf.org/external/pubs/ft/exrp/what/tha/whatt.pdf] | |||
</div> <div id="edn5"> | |||
[[#_ednref5|[5]]] Benjamin J. Cohen, “The Triad and Unholy Trinity: Problems of International Monetary Coopertion,” in ,” in '''International Political Economy: Perspectives on Global Power and Wealth''', Jeffry A. Frieden and David A. Lake, eds. (London: Routledge, 1995), pp. 256-257 | |||
</div> <div id="edn6"> | |||
[[#_ednref6|[6]]] จุลชีพ ชินวรรโณ, 2544, สู่สหัสวรรษที่ 3 กระแสเศรษฐกิจการเมืองโลกที่ไร้พรมแดน. กรุงเทพมหานคร: ชวนพิมพ์, หน้า 81-85. | |||
</div> <div id="edn7"> | |||
[[#_ednref7|[7]]] จุลชีพ ชินวรรโณ, 2544, '''สู่สหัสวรรษที่ 3 กระแสเศรษฐกิจการเมืองโลกที่ไร้พรมแดน'''. กรุงเทพมหานคร: ชวนพิมพ์, หน้า 85-90. | |||
</div> <div id="edn8"> | |||
[[#_ednref8|[8]]] William N. Gianaris, 1990, “Weighted Voting in the International Monetary Fund and the World Bank,” '''Fordham International Law Journal'''. Volume 14, Issue 4, pages 910-945. | |||
</div> <div id="edn9"> | |||
[[#_ednref9|[9]]] Valentin Lang, 2021, “The economics of the democratic deficit: The effect of IMF programs on inequality.” '''The Review of International Organizations. '''volume 16, pages 599–623. | |||
</div> <div id="edn10"> | |||
[[#_ednref10|[10]]]จุลชีพ ชินวรรโณ, 2544, '''สู่สหัสวรรษที่ 3 กระแสเศรษฐกิจการเมืองโลกที่ไร้พรมแดน.''' กรุงเทพมหานคร: ชวนพิมพ์, หน้า 116-121. | |||
</div> <div id="edn11"> | |||
[[#_ednref11|[11]]] ประชาชาติธุรกิจ, “IMF อนุมัติเงิน 1,400 ล้านเหรียญ ช่วยยูเครน.” Retrieved May 7, 2022, from [https://www.prachachat.net/world-news/news-883369 https://www.prachachat.net/world-news/news-883369] | |||
</div> </div> |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 16:56, 30 สิงหาคม 2566
ผู้เรียบเรียง : ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พิชญ์อาภา พิศุทธ์เศรณี
ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ : ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.ไชยวัฒน์ ค้ำชู
IMF
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International Monetary Fund: IMF) เป็นองค์การระหว่างประเทศ
ซึ่งทำหน้าที่ดูแลอัตราแลกเปลี่ยนและรักษาเสถียรภาพของการเงินโลก สนับสนุนการค้าระหว่างประเทศให้ขยายตัวอย่างสมดุล และสามารถให้เงินกู้ฉุกเฉินแก่ประเทศสมาชิกที่ต้องการนำไปแก้ไขปัญหาภายในประเทศ
โดย IMF มีสำนักงานอยู่ที่กรุงวอชิงตัน ดีซี สหรัฐอเมริกา และในปัจจุบัน IMF มีสมาชิกจำนวน 190 ประเทศ[1]
ความเป็นมา
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ International Monetary Fund (IMF) ถูกก่อตั้งขึ้นเมื่อ 22 กรกฎาคม ค.ศ.1944 จากการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการเงินและการคลัง (United Nations Monetary and Financial Conference) อันมีผลมาจากการอ่อนแอของอังกฤษผู้เป็นมหาอำนาจในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อสงครามโลกสิ้นสุดลงสหรัฐอเมริกาจึงได้เข้ามาควบคุมการเงินโลกโดยได้คิดค้นระบบเบรตตันวูดส์ (Bretton Woods System) เพื่อแก้ไขปัญหาการเงินโลกและได้วางหลักการใหม่ 3 หลักการ (Holy Trinity) ที่มีความศักดิ์สิทธิ์และสำคัญมากที่สุดต่่อระบบเบรตตันวูดส์ โดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ถูกก่อตั้งขึ้น
เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของหลักการใหม่[2]
ทั้งนี้ สหรัฐอเมริกา อังกฤษ และประเทศฝ่ายสัมพันธมิตรที่ ได้สรุปว่าปัญหาทางเศรษฐกิจและการเมือง
ที่เป็นสาเหตุของสงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2 คือ การลดค่าเงินจนอัตราแลกเปลี่ยนไม่แน่นอนนำไปสู่ความปั่นป่วนของระบบการเงินของโลก และ การแข่งขันทางการค้าโดยการตั้งกำแพงภาษีศุลกากร เพื่อกีดกันสินค้าของประเทศอื่น ก่อให้เกิดความขัดแย้งและลุกลามไปเพิ่มเชื้อไฟให้ความขัดแย้งด้านอื่นๆ ดังนั้น เพื่อป้องกันความขัดแย้ง
ทางเศรษฐกิจ สหรัฐอเมริกาและประเทศฝ่ายสัมพันธมิตร จำนวน 44 ประเทศ จึงได้จัดประชุมที่เมือง
เบรตเตน วู๊ดส์ (Bretten Woods) รัฐนิวแฮมเชอร์ สหรัฐอเมริกา ระหว่าง 1 – 22 กรกฎาคม ค.ศ.1944
เพื่อจัดระบบทางการเงินของโลก การประชุมในครั้งนั้นจึงได้ลงมติทำข้อตกลงที่รู้จักในชื่อ “ข้อตกลง
เบรตเตน วู๊ดส์” (Bretten Woods Agreement) เพื่อจัดระเบียบการเงินโลกหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยได้วางหลักการใหม่ 3 หลักการ (holy trinity) ดังนี้ 1.กำหนดระบอบอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ (fixed exchange rate regime) โดยตกลงให้ทองคำและเงินสกุลดอลลาร์ของสหรัฐฯ เป็นเงินสำรองระกว่างประเทศ เป็นการเริ่มใช้ระบบมาตรฐานปริวรรตทองคำ (gold exchange standard) ส่วนเงินสกุลอื่น ๆ ให้เทียบค่าในอัตราแลกเปลี่ยนที่แน่นอนคงที่กับดอลลาร์สหรัฐฯ หรือทองคำ ทั้งนี้โดยมีความยืดหยุ่นผันผวนได้ร้อยละ 1 เท่านั้น 2.ตั้งกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International Monetary Fund หรือ IMF) เพื่อดูแลอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศ การเงินและการคลังของประเทศสมาชิก เพื่อรักษาเสถียรภาพของอัตราแลกเปลี่ยนของระบบการเงินระหว่างประเทศ 3.ตั้งธนาคารระหว่างประเทศเพื่อการบูรณะฟื้นฟูและการพัฒนา (International Bank for Reconstruction and Development หรือ IBRD) หรือมีชื่อสั้นๆว่า “ธนาคารโลก” (world bank) เพื่อทำหน้าที่ให้ความช่วยเหลือในการฟื้นฟูบูรณะประเทศที่เสียหายจากสงครามและช่วยเหลือประเทศสมาชิกในการพัฒนาเศรษฐกิจ[3]
IMF เริ่มดำเนินงานตั้งแต่ ค.ศ.1947 โดยมีวัตถุประสงค์ คือ 1.ส่งเสริมเสถียรภาพและความเป็นระเบียบของอัตราแลกเปลี่ยนของเงินตราสกุลต่างๆ และป้องกันการแข่งขันในการลดค่าเงิน 2.ส่งเสริมความร่วมมือ
ทางการเงินระหว่างประเทศ โดยจัดตั้งข้อตกลงแลกเปลี่ยนทางการเงินระหว่างสมาชิก และสนับสนุนให้เกิดการชำระเงินหลายฝ่าย (multilateral system of payment) และพยายามขจัดการควบคุมแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศอันเป็นอุปสรรคต่อความเจริญเติบโตของการค้าโลก 3.อำนวยความสะดวกและส่งเสริมการขยายตัวทางการค้าระหว่างประเทศอย่างสมดุล ซึ่งจะช่วยพัฒนาการใช้ทรัพยากรวัตถุดิบอย่างมีประสิทธิภาพ 4.ช่วยแก้ไขปัญหาขาดดุลการชำระเงินของประเทศสมาขิก เพื่อมิให้ส่งผลกระทบต่อระบบการเงินโลก 5.สร้างความเชื่อมั่นแก่ประเทศสมาขิกและให้ประเทศสมาขิกมีสิทธิใช้ทรัพยากรของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ เพื่อปรับปรุงดุลการชำระเงินให้มีเสถียรภาพ[4]
อย่างไรก็ดี องค์ประกอบสำคัญที่สุดของระบบเบรตตัน วู๊ดส์ ได้ล่มลง ใน ค.ศ.1971 เมื่อสหรัฐฯ ประกาศยกเลิกการผูกอัตราแลกเปลี่ยนเงินดอลลาร์กับทองคำ ทำให้ดอลลาร์ลอยตัว และถือเป็นการสิ้นสุดของระบบอัตราแลกเปลี่ยนแบบคงที่ และต่อมาเงินสกุลอื่นๆ ของประเทศร่ำรวยก็ถูกปล่อยให้ลอยตัว คือ เงินปอนด์ลอยตัวในเดือนมิถุนายน ค.ศ.1972 เงินฟรังก์สวิสลอยตัวในเดือนมกราคม ค.ศ.1973 ดังนั้น นับตั้งแต่ ค.ศ.1973
จนถึงปัจจุบัน ระบบอัตราแลกเปลี่ยนของโลกเป็นระบบลอยตัว (floating exchange rate) เป็นส่วนใหญ่แต่ละประเทศได้ดำเนินนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนตามความเหมาะสมของเศรษฐกิจการเมืองของตน[5] แต่ถึงกระนั้น IMF ก็ยังคงอยู่ ไม่ได้ล้มไป
ในการดำเนินการของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ มีเงินทุนหรือทรัพยากร (resources) ซึ่งมาจาก โควต้าและเงินกู้พิเศษ โดยประเทศสมาชิกต้องนำทุนสำรองส่วนหนึ่งฝากไว้กับ IMF ทุนสำรองนี้จะเป็นทองคำจำนวนหนึ่งและเงินตราของประเทศตนเองจำนวนหนึ่ง ทุนสำรองในรูปเงินฝากกับ IMF นี้ เรียกว่า โควตา ขึ้นอยู่กับปัจจัยทางเศรษฐกิจของประเทศนั้น เช่น ขนาดการค้า ขนาดทุนสำรอง และระดับรายได้ประชาชาติ ส่วนเงินกู้พิเศษ ได้มาจากการกู้ยืมจากกลุ่ม G-1 ซึ่งเป็นประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ 7 ประเทศ ต่อมาใน ค.ศ.1967 กองทุนการเงินระหว่างประเทศได้จัดทำสินเชื่อพิเศษเรียกว่า SDR หรือ “สิทธิพิเศษในการถอนเงิน” (Special Drawing Rights) ซึ่งเป็นหน่วยบัญชีสินเชื่อพิเศษ มีค่าประดุจเงินตรา ความเชื่อถือใน SDR อยู่บนรากฐานของการยอมรับข้อตกลงระหว่างชาติที่ให้ไว้กับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ SDR จะเป็นเงินสำรองอีกรูปแบบหนึ่ง และเป็นเครื่องมือในการแก้ไขปัญหาการขาดดุลชำระเงินของประเทศสมาชิก เดิมค่าของ SDR จะเท่ากับค่าเฉลี่ยของเงินสกุลสำคัญของโลก 16 สกุล แต่ต่อมาได้เทียบค่ากับ “ตะกร้าเงิน” ของสกุลหลักเพียง 1.375 เหรียญสหรัฐฯ ประเทศที่มีปัญหาค่าเงินตกต่ำ อาจกู้ยืมเงิน SDR อยู่ไม่มากนัก เพียง 11.9 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งเป็นจำนวนน้อยมากเมื่อเทียบกับปัญหาทางการเงินที่หลายๆประเทศประสบอยู่ ต่อมาในทศวรรษที่ 1990 กองทุนการเงินระหว่างประเทศได้เข้าไปช่วยเหลือประเทศที่กำลังปรับเปลี่ยนระบบเศรษฐกิจจากสังคมนิยมมาเป็นทุนนิยม
เช่น รัสเซียและสาธารณรัฐที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียตโดยได้ให้กู้ยืมเงินไปปรับโครงสร้างเศรษฐกิจประมาณ 39.9 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ[6]
ต่อมาใน ค.ศ.1997 ประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียหลายประเทศ เช่น ประเทศไทย อินโดนีเซีย
ประสบวิกฤตทางการเงิน จนต้องลดค่าเงิน วิกฤตนี้ได้ลุกลามขยายตัวไปยังประเทศในเอเชียอื่นๆรวมทั้งเกาหลีใต้ ทำให้กองทุนการเงินระหว่างประเทศต้องเข้ามามีบทบาทในการระดมเงินเกือบ 100 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ
เพื่อแก้ไขวิกฤตการณ์และฟื้นฟูเศรษฐกิจ กองทุนการเงินระหว่างประเทศได้กลายเป็น “เจ้าหน้าพิจารณาเงินกู้
ของโลก” (World Loan Officer) ซึ่งได้คำแนะนำแก่นายทุนระหว่างชาติว่า ควรให้เงินกู้ หรือควรเจรจาผ่อนผันการชำระหนี้ หรือไม่ควรให้กู้อีกต่อไป[7]
IMF กับข้อวิจารณ์
แม้ว่ากองทุนการเงินระหว่างประเทศจะแสดงบทบาทสำคัญในการรักษาเสถียรภาพของระบบการเงินโลก แต่ประเทศสมาชิกจำนวนมากได้วิจารณ์ IMF อย่างกว้างขวางทั้งในเวทีการประชุมระหว่างประเทศและในรัฐสภาของประเทศสมาชิก ดังนี้
ข้อวิจารณ์ประการแรก คือ การลงมติตัดสินในปัญหาสำคัญของสภาผู้ว่าการขึ้นอยู่กับปริมาณโควตา
หรือสัดส่วนของเงินลงทุนของประเทศตนในกองทุนฯส่งผลให้สหรัฐอเมริกา “เสียงดัง” ที่สุด เพราะมีปริมาณ
ถึงร้อยละ 20 ของเสียงทั้งหมด ส่วนสหราชอาณาจักร (อังกฤษ) ฝรั่งเศส เยอรมนี และญี่ปุ่น แต่ละประเทศมีร้อยละ 4-7 ประเทศเหล่านี้รวมทั้งซาอุดิอาระเบียซึ่งมีเสียงร้อยละ 3.4 จะมีเสียงมากกว่าครึ่งหนึ่งของทั้งหมด
ในขณะเดียวกันประเทศเกือบ 40 ประเทศในแอฟริกามีคะแนนเสียงรวมกันเพียงร้อยละ 5 ของทั้งหมด
ความแตกต่างเหลื่อมล้ำดังกล่าวทำให้ประเทศกำลังพัฒนาทั้งหลายวิจารณ์ว่า กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ถูกควบคุมโดยประเทศอุตสาหกรรมและเป็นเครื่องมือของสหรัฐอเมริกาในการครอบงำและควบคุมประเทศกำลังพัฒนาและประเทศยากจน[8]
ข้อวิจารณ์ที่สอง คือ กองทุนการเงินระหว่างประเทศกำหนดเงือนไขที่ค่อนข้าง “โหด” ทั้งไม่ยุติธรรม
และไม่เหมาะสมต่อประเทศที่ขอใช้เงินกู้ของกองทุนเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ บางมาตรการอาจดีและจำเป็นต่อการแก้ปัญหา แต่หลายๆมาตรการไม่เหมาะสม และยังสร้างปัญหาให้กับรัฐบาลและประชาชนโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนยากจน ทั้งนี้ เงื่อนไขของกองทุนการเงินระหว่างประเทศที่ถูกวิจารณ์บ่อยๆ เช่น เรียกร้องให้รัฐบาล
ของประเทศที่กำลังพัฒนาลดบทบาทในการแทรกแซงทางเศรษฐกิจ ทั้งในภาคการผลิตและการวางแผน โดยให้เป็นไปตามกลไกตลาดอย่างเสรี และให้มีการแปรรูปรัฐวิสาหกิจเป็นของเอกชน หรือเรียกร้องให้กับประเทศที่กำลังพัฒนาเปิดระบบเศรษฐกิจให้เสรีมากขึ้นต่อการลงทุนของต่างชาติและต่อการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งดูเหมือนว่าประโยชน์ส่วนใหญ่จะตกกับระบบทุนนิยมโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศอุตสาหกรรมทุนนิยมตะวันตก แม้ว่ากองทุนจะตระหนักถึงความยากลำบากที่จำเป็นในการปรับโครสร้างเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนในระยะยาว แต่ในความเป็นจริง มาตรการที่เข้มงวดเหล่านี้อาจเพื่อให้สามารถกู้คืนเงินกู้และจ่ายคือหนี้สินต่างๆ ให้กับธนาคารของประเทศอุตสาหกรรม[9]
นอกจากนั้น กองทุนการเงินระหว่างประเทศมักกดดันให้มีการปฏิรูประบบเศรษฐกิจ ดังเช่นที่ปรากฏ
ในการจัดการวิกฤตการณ์ทางการเงินที่เกิดขึ้นในหลายประเทศ เช่น เม็กซิโก (ค.ศ.1995) ไทย อินโดนีเซีย
และเกาหลีใต้ (ค.ศ.1997) ซึ่งนำไปสู่การเพิ่มพูนความสามารถของรัฐบาลในการหารายได้มาคืนเงินกู้ยืม มากกว่าความยากลำบากของประชาชน ทำให้เกิดผลกระทบทางสังคม เช่น ลดการนำเข้า ระงับการซื้อเงินค่าจ้าง
เพิ่มภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือลดรายจ่ายของรัฐบาลในด้านต่างๆ ลง แม้ว่ามาตรการเหล่านี้จะเป็นมาตรการที่อาจถูกต้องในสายตา IMF ในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ แต่ในทางปฏิบัติแล้ว มาตรการเหล่านี้มีจุดอ่อนหลายประการและนำไปสู่ความยากลำบากทางสังคมและความไร้เสถียรภาพทางการเมืองของประเทศผู้ขอความช่วยเหลือ
ยังเป็นลดระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในประเทศเหล่านั้นอีกด้วย เนื่องจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
อาจลดลง อีกทั้งรัฐบาลถูกบังคับให้ตัดงบประมาณด้านบริการต่างๆเพื่อจัดงบประมาณให้สมดุล การแช่แข็งค่าจ้างแรงงานสร้างปัญหากับสหภาพแรงงานและกลุ่มพลังงานทางการเมืองได้ และส่งต่อเสถียรภาพของการปกครองแบบประชาธิปไตยที่กำลังพัฒนาในประเทศเหล่านี้ การกำหนดเงื่อนไขเหล่านี้ยังถูกวิจารณ์ว่า เป็นการละเมิดอธิปไตยและแทรกแซงกระบวนการกำหนดนโยบายของประเทศที่กำลังพัฒนาเหล่านี้อีกด้วย[10]
ปัจจุบัน IMF ประสบกับความท้าทายจากสถานการณ์การเมืองระหว่างประเทศในปัจจุบัน สถานการณ์แรกคือสงครามระหว่างยูเครนและรัสเซีย ซึ่งยูเครนเป็น หนึ่งในประเทศสมาชิก IMF ทำให้ IMF
ได้อนุมัติเงินทุนฉุกเฉินจำนวน 1,400 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อช่วยเหลือยูเครน โดยความช่วยเหลือครั้งนี้จึงมีเงื่อนไขว่ายูเครนจะต้องร่วมกับ IMF เพื่อออกแบบโครงการเศรษฐกิจที่เหมาะสมโดยเน้นที่การฟื้นฟูและการสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจภายหลังการสงบลงของสงคราม[11] สถานการณ์ที่สองคือเศรษฐกิจโลกยังคงอยู่ในภาวะอ่อนแอจากวิกฤตการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 สถานการณ์ที่สามคือสหรัฐอเมริกาและกลุ่มประเทศ
G7 ได้ยืนหยัดช่วยเหลือยูเครนและต่อต้านรัสเซียซึ่งเป็นประเทศคู่สงครามของยูเครน โดยการออกมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อรัสเซีย ทำให้สถานการณ์ในระบบเศรษฐกิจโลกอยู่ในภาวะที่ตึงเครียดผันผวน จนคาดเดาอนาคตได้ยากอย่างยิ่ง
[1]ธนาคารแห่งประเทศไทย. “กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International Monetary Fund: IMF).” สืบค้นเมื่อ 7 พฤษภาคม 2565, https://www.bot.or.th/th/our-roles/international-cooperation/interorg/imf.html
[2]U.S. Department of State, n.d. The Bretton Woods Conference, 1944. Retrieved May 7, 2022, from https://2001-2009.state.gov/r/pa/ho/time/wwii/98681.htm
[3] Benjamin J. Cohen, “A Brief History of International Monetary Relations,” in ,” in International Political Economy: Perspectives on Global Power and Wealth, Jeffry A. Frieden and David A. Lake, eds. (London: Routledge, 1995), pp. 218-223.
[4] กองทุนการเงินระหว่างประเทศ. กองทุนการเงินระหว่างประเทศคืออะไร(ฉบับภาษาไทย). หน้า 11. สืบค้นวันที่ 22 พฤษภาคม 2565. https://www.imf.org/external/pubs/ft/exrp/what/tha/whatt.pdf
[5] Benjamin J. Cohen, “The Triad and Unholy Trinity: Problems of International Monetary Coopertion,” in ,” in International Political Economy: Perspectives on Global Power and Wealth, Jeffry A. Frieden and David A. Lake, eds. (London: Routledge, 1995), pp. 256-257
[6] จุลชีพ ชินวรรโณ, 2544, สู่สหัสวรรษที่ 3 กระแสเศรษฐกิจการเมืองโลกที่ไร้พรมแดน. กรุงเทพมหานคร: ชวนพิมพ์, หน้า 81-85.
[7] จุลชีพ ชินวรรโณ, 2544, สู่สหัสวรรษที่ 3 กระแสเศรษฐกิจการเมืองโลกที่ไร้พรมแดน. กรุงเทพมหานคร: ชวนพิมพ์, หน้า 85-90.
[8] William N. Gianaris, 1990, “Weighted Voting in the International Monetary Fund and the World Bank,” Fordham International Law Journal. Volume 14, Issue 4, pages 910-945.
[9] Valentin Lang, 2021, “The economics of the democratic deficit: The effect of IMF programs on inequality.” The Review of International Organizations. volume 16, pages 599–623.
[10]จุลชีพ ชินวรรโณ, 2544, สู่สหัสวรรษที่ 3 กระแสเศรษฐกิจการเมืองโลกที่ไร้พรมแดน. กรุงเทพมหานคร: ชวนพิมพ์, หน้า 116-121.
[11] ประชาชาติธุรกิจ, “IMF อนุมัติเงิน 1,400 ล้านเหรียญ ช่วยยูเครน.” Retrieved May 7, 2022, from https://www.prachachat.net/world-news/news-883369