ผลต่างระหว่างรุ่นของ "รวม วงษ์พันธ์"

จาก ฐานข้อมูลการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า
Apirom (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Apirom (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
 
บรรทัดที่ 6: บรรทัดที่ 6:
----
----
<p style="text-align: center;">'''รวม วงษ์พันธ์&nbsp;: ผู้ถูกคำสั่งมาตรา 17'''</p>  
<p style="text-align: center;">'''รวม วงษ์พันธ์&nbsp;: ผู้ถูกคำสั่งมาตรา 17'''</p>  
เมื่อ พ.ศ. 2460 จักรวรรดิรัสเซียของพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 ได้ถูกกลุ่มบอลเชวิคหรือคอมมิวนิสต์รัสเซียที่นำโดยเลนินนำกำลังพลพรรคบุกเข้ายึดอำนาจล้มรัฐบาลชั่วคราวของ [[นายกรัฐมนตรี]] เคอเรนสกี้ ของรัสเซียและสถาปนาระบบการปกครองของพรรคบอลเชวิคที่ต่อมา คือ พรรคคอมมิวนิสต์ของสหภาพ โซเวียตนั่นเอง เหตุการณ์ครั้งนั้น ทำให้ผู้ปกครองในประเทศต่างๆ ตกใจ และหาทางที่จะป้องกันการเผยแพร่ขยายตัวของแนวความคิดและการปฏิวัติของคอมมิวนิสต์
เมื่อ พ.ศ. 2460 จักรวรรดิรัสเซียของพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 ได้ถูกกลุ่มบอลเชวิคหรือคอมมิวนิสต์รัสเซียที่นำโดยเลนินนำกำลังพลพรรคบุกเข้ายึดอำนาจล้มรัฐบาลชั่วคราวของ [[นายกรัฐมนตรี|นายกรัฐมนตรี]] เคอเรนสกี้ ของรัสเซียและสถาปนาระบบการปกครองของพรรคบอลเชวิคที่ต่อมา คือ พรรคคอมมิวนิสต์ของสหภาพ โซเวียตนั่นเอง เหตุการณ์ครั้งนั้น ทำให้ผู้ปกครองในประเทศต่างๆ ตกใจ และหาทางที่จะป้องกันการเผยแพร่ขยายตัวของแนวความคิดและการปฏิวัติของคอมมิวนิสต์


หลัง[[การเปลี่ยนแปลงการปกครอง_24_มิถุนายน_2475|เปลี่ยนแปลงการปกครองปี 2475]] ในประเทศไทย ไปไม่ทันถึงปี ในเดือนเมษายนปี 2476 ได้มีการประกาศใช้[[กฎหมาย]]เกี่ยวกับคอมมิวนิสต์ขึ้นในประเทศ ดังนั้น จึงแสดงว่าในสังคมไทยได้รับรู้เรื่อง[[คอมมิวนิสต์]] และหวั่นไหวมาตั้งหลายสิบปีแล้ว แม้จะมีกฎหมายนี้กลุ่มผู้นิยมคอมมิวนิสต์ก็ก่อตัวขึ้นในประเทศไทยซึ่งโดยมากมาจากทางสายจีน ที่มีคนจีนเข้ามาดำเนินการในประเทศไทย
หลัง[[การเปลี่ยนแปลงการปกครอง_24_มิถุนายน_2475|เปลี่ยนแปลงการปกครองปี 2475]] ในประเทศไทย ไปไม่ทันถึงปี ในเดือนเมษายนปี 2476 ได้มีการประกาศใช้[[กฎหมาย|กฎหมาย]]เกี่ยวกับคอมมิวนิสต์ขึ้นในประเทศ ดังนั้น จึงแสดงว่าในสังคมไทยได้รับรู้เรื่อง[[คอมมิวนิสต์|คอมมิวนิสต์]] และหวั่นไหวมาตั้งหลายสิบปีแล้ว แม้จะมีกฎหมายนี้กลุ่มผู้นิยมคอมมิวนิสต์ก็ก่อตัวขึ้นในประเทศไทยซึ่งโดยมากมาจากทางสายจีน ที่มีคนจีนเข้ามาดำเนินการในประเทศไทย


ตอนที่[[จอมพล_สฤษดิ์_ธนะรัชต์]] ยึดอำนาจซ้ำในวันที่ [[20_ตุลาคม_พ.ศ._2501|20 ตุลาคม ปี 2501]] ได้มีการอ้างถึง ภัยคอมมิวนิสต์ด้วย ตอนนั้นคือ 10 ปีหลังจากที่เมาเซตุงและพรรคคอมมิวนิสต์จีนได้อำนาจในประเทศจีน ขณะที่สหรัฐอเมริกาประกาศนโยบายสกัดกั้นคอมมิวนิสต์หลัง[[สงครามเกาหลี]]ด้วย การเข้ามามีอำนาจครั้งนี้จอมพล สฤษดิ์ได้ประกาศใช้[[ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร_พุทธศักราช_2502|ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พ.ศ. 2502]] ที่มีมาตรา 17 ให้อำนาจนายกรัฐมนตรีสั่งการลงโทษได้ด้วย และนายกรัฐมนตรีจอมพล สฤษดิ์ ก็ใช้อำนาจตามมาตรา 17 สั่งยิงเป้าคนไปหลายรายทั้งในข้อหาวางเพลิงในข้อหาค้าเฮโรอีน และ ข้อหากระทำการอันเป็นคอมมิวนิสต์ ในกรณีบุคคลที่ต้องข้อหากระทำการอันเป็นคอมมิวนิสต์นั้นมีนายรวม วงษ์พันธ์ อดีตครูโรงเรียนจีนแห่งหนึ่ง<br/> ในพระนครรวมอยู่ด้วย
ตอนที่[[จอมพล_สฤษดิ์_ธนะรัชต์|จอมพล_สฤษดิ์_ธนะรัชต์]] ยึดอำนาจซ้ำในวันที่ [[20_ตุลาคม_พ.ศ._2501|20 ตุลาคม ปี 2501]] ได้มีการอ้างถึง ภัยคอมมิวนิสต์ด้วย ตอนนั้นคือ 10 ปีหลังจากที่เมาเซตุงและพรรคคอมมิวนิสต์จีนได้อำนาจในประเทศจีน ขณะที่สหรัฐอเมริกาประกาศนโยบายสกัดกั้นคอมมิวนิสต์หลัง[[สงครามเกาหลี|สงครามเกาหลี]]ด้วย การเข้ามามีอำนาจครั้งนี้จอมพล สฤษดิ์ได้ประกาศใช้[[ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร_พุทธศักราช_2502|ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พ.ศ. 2502]] ที่มีมาตรา 17 ให้อำนาจนายกรัฐมนตรีสั่งการลงโทษได้ด้วย และนายกรัฐมนตรีจอมพล สฤษดิ์ ก็ใช้อำนาจตามมาตรา 17 สั่งยิงเป้าคนไปหลายรายทั้งในข้อหาวางเพลิงในข้อหาค้าเฮโรอีน และ ข้อหากระทำการอันเป็นคอมมิวนิสต์ ในกรณีบุคคลที่ต้องข้อหากระทำการอันเป็นคอมมิวนิสต์นั้นมีนายรวม วงษ์พันธ์ อดีตครูโรงเรียนจีนแห่งหนึ่งในพระนครรวมอยู่ด้วย


รวม วงษ์พันธ์ เป็นคนจังหวัดสุพรรณบุรี เมืองอู่ข้าวอู่น้ำแห่งหนึ่งของภาคนกลางนี่เอง เกิดเมื่อวันที่ 1 เมษายน ปี 2465 ที่บ้านมะขามล้ม ตำบลมะขามล้ม อำเภอบางปลาม้า มีบิดาชื่อ อยู่ และมารดาชื่อ ไร ทางด้านการศึกษานั้น นายรวมได้เรียนที่โรงเรียนวัดที่อยู่ใกล้บ้าน คือ วัดสุขเกษม จากนั้นก็ได้ไปเรียนต่อที่โรงเรียนสูงสุมารผดุงวิทย์ ที่อำเภอบางปลาม้า นายรวมเป็นผู้ที่เรียนดี จึงหาทางไปเรียนต่อที่โรงเรียนกรรณสูตศึกษาลัย จนจบชั้นมัธยมปีที่ 4 และหาทางเข้ามาเรียนในกรุงเทพฯ ตามที่ประวัติได้บันทึกว่า
รวม วงษ์พันธ์ เป็นคนจังหวัดสุพรรณบุรี เมืองอู่ข้าวอู่น้ำแห่งหนึ่งของภาคนกลางนี่เอง เกิดเมื่อวันที่ 1 เมษายน ปี 2465 ที่บ้านมะขามล้ม ตำบลมะขามล้ม อำเภอบางปลาม้า มีบิดาชื่อ อยู่ และมารดาชื่อ ไร ทางด้านการศึกษานั้น นายรวมได้เรียนที่โรงเรียนวัดที่อยู่ใกล้บ้าน คือ วัดสุขเกษม จากนั้นก็ได้ไปเรียนต่อที่โรงเรียนสูงสุมารผดุงวิทย์ ที่อำเภอบางปลาม้า นายรวมเป็นผู้ที่เรียนดี จึงหาทางไปเรียนต่อที่โรงเรียนกรรณสูตศึกษาลัย จนจบชั้นมัธยมปีที่ 4 และหาทางเข้ามาเรียนในกรุงเทพฯ ตามที่ประวัติได้บันทึกว่า
บรรทัดที่ 16: บรรทัดที่ 16:
''“เพราะใจรักเรียนมาก จึงหนีพ่อแม่เข้ากรุงเทพโดยความช่วยเหลือของปลัด (พระสงฆ์) ได้เข้าอาศัยอยู่วัดเลียบ ที่เชิงสะพานพุทธ ฯ เพราะท่านเห็นว่าเรียนเก่งรักเรียน จึงแนะนำให้สอบเข้าสวนกุหลาบเพราะใกล้วัด เรียนชั้นมัธยมปีที่ 5 และมัธยม 6 เรียนจบอายุได้ 20 พอดี ได้เรียนต่อที่โรงเรียนพาณิชยการพระนคร วังบูรพา พร้อมทั้งทำงานเป็นลูกจ้างร้านรวมแพทย์แถวศาลาเฉลิมกรุง”''
''“เพราะใจรักเรียนมาก จึงหนีพ่อแม่เข้ากรุงเทพโดยความช่วยเหลือของปลัด (พระสงฆ์) ได้เข้าอาศัยอยู่วัดเลียบ ที่เชิงสะพานพุทธ ฯ เพราะท่านเห็นว่าเรียนเก่งรักเรียน จึงแนะนำให้สอบเข้าสวนกุหลาบเพราะใกล้วัด เรียนชั้นมัธยมปีที่ 5 และมัธยม 6 เรียนจบอายุได้ 20 พอดี ได้เรียนต่อที่โรงเรียนพาณิชยการพระนคร วังบูรพา พร้อมทั้งทำงานเป็นลูกจ้างร้านรวมแพทย์แถวศาลาเฉลิมกรุง”''


ต่อมาคุณรวมได้เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยเปิดเมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 2487 และมีข้อมูลว่าในปีเดียวกันนี้ คุณรวมยังได้ไปสมัครเป็นนักศึกษาวิชาการหนังสือพิมพ์โดยเป็นนักศึกษาภาคค่ำของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในขณะที่เรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์นั้นคุณรวมก็เหมือนนักศึกษาของมหาลัยธรรมศาสตร์หลายคนที่ได้ไปทำงานเป็นครูสอนหนังสือในโรงเรียนมัธยม โดยกรณีของคุณรวมนั้น ได้ไปทำงานเป็นครูที่โรงเรียนจีน คือ โรงเรียนฉี่กวงกงสวย ซึ่งเป็นโรงเรียนของสมาคมจีนไหหลำในประเทศไทย เรียนไปทำงานไปได้สี่ปีก็ได้อนุปริญญา ดังนั้น คุณรวมจึงน่าจะได้อนุปริญญาในปี 2491 และคงเรียนต่อมา แต่ที่เรียนไม่ทันจบก็เพราะคุณรวมได้เดินทางไปเมืองจีนตามคำชวนของเพื่อน
ต่อมาคุณรวมได้เข้าเรียนที่[[มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์]] ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยเปิดเมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 2487 และมีข้อมูลว่าในปีเดียวกันนี้ คุณรวมยังได้ไปสมัครเป็นนักศึกษาวิชาการหนังสือพิมพ์โดยเป็นนักศึกษาภาคค่ำของ[[จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย]] ในขณะที่เรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์นั้นคุณรวมก็เหมือนนักศึกษาของมหาลัยธรรมศาสตร์หลายคนที่ได้ไปทำงานเป็นครูสอนหนังสือในโรงเรียนมัธยม โดยกรณีของคุณรวมนั้น ได้ไปทำงานเป็นครูที่โรงเรียนจีน คือ โรงเรียนฉี่กวงกงสวย ซึ่งเป็นโรงเรียนของสมาคมจีนไหหลำในประเทศไทย เรียนไปทำงานไปได้สี่ปีก็ได้อนุปริญญา ดังนั้น คุณรวมจึงน่าจะได้อนุปริญญาในปี 2491 และคงเรียนต่อมา แต่ที่เรียนไม่ทันจบก็เพราะคุณรวมได้เดินทางไปเมืองจีนตามคำชวนของเพื่อน


การไปทำงานเป็นครูที่โรงเรียนจีนทำให้คุณรวมมีเพื่อนครูจำนวนมาก เพราะคุณรวมได้รับการแต่งตั้งเป็นครูใหญ่ฝ่ายไทยด้วยที่โรงเรียนจีนแห่งนี้ และอาชีพครูนี่เองทำให้คุณรวมได้รู้จักครูสตรีท่านหนึ่ง ชื่อครู ประดิษฐ์ สุทธิจิตร์ ซึ่งต่อมาครูรวมก็ได้แต่งงานกันกับครูประดิษฐ์ ในวันที่ 16 ปีนาคมปี 2492 และกล่าวกันว่าหลังจากแต่งงานได้ประมาณ 15 วัน คุณรวมก็ได้รับคำสั่งให้แอบเดินทางไปจีน เพื่อไปศึกษาต่อโดยในปีเดียวกันนี้เองเมาเซตุงและกลุ่มคอมมิวนิสต์จีน สามารถนำกองทัพแดงเข้ายึดกรุงปักกิ่งได้ในวันที่ 1 ตุลาคม ตัวคุณรวมเองไปจีนคราวนั้นได้ไปอยู่นานถึง 8 ปีทีเดียว จึงได้เดินทางกลับไทยเมื่อปี 2501 และได้เริ่มงานดังคำบอกเล่าของภรรยาว่า
การไปทำงานเป็นครูที่โรงเรียนจีนทำให้คุณรวมมีเพื่อนครูจำนวนมาก เพราะคุณรวมได้รับการแต่งตั้งเป็นครูใหญ่ฝ่ายไทยด้วยที่โรงเรียนจีนแห่งนี้ และอาชีพครูนี่เองทำให้คุณรวมได้รู้จักครูสตรีท่านหนึ่ง ชื่อครู ประดิษฐ์ สุทธิจิตร์ ซึ่งต่อมาครูรวมก็ได้แต่งงานกันกับครูประดิษฐ์ ในวันที่ 16 ปีนาคมปี 2492 และกล่าวกันว่าหลังจากแต่งงานได้ประมาณ 15 วัน คุณรวมก็ได้รับคำสั่งให้แอบเดินทางไปจีน เพื่อไปศึกษาต่อโดยในปีเดียวกันนี้เองเมาเซตุงและกลุ่มคอมมิวนิสต์จีน สามารถนำกองทัพแดงเข้ายึดกรุงปักกิ่งได้ในวันที่ 1 ตุลาคม ตัวคุณรวมเองไปจีนคราวนั้นได้ไปอยู่นานถึง 8 ปีทีเดียว จึงได้เดินทางกลับไทยเมื่อปี 2501 และได้เริ่มงานดังคำบอกเล่าของภรรยาว่า
บรรทัดที่ 22: บรรทัดที่ 22:
''“หลังจากนั้นก็เริ่มทำงานทันที โดยออกไปเล่าประสบการณ์ที่ตนเองได้รู้มาจากเมืองจีน กับกลุ่มชาวนากรรมกร กลุ่มครู ในชนบทบ่อยครั้ง ในขณะที่อยู่บ้านก็ได้เชิญกลุ่มมาพูดคุยแลกเปลี่ยน เพื่อนเหล่านี้อยู่ง่าย กินง่าย ฉันรู้เพราะว่าฉันเป็นคนหุงหาอาหารให้เอง คุณรวมกับเพื่อนๆ ได้ไปสร้างไร่รวม เพื่อเป็นโรงเรียนการเมือง ที่อำเภอพนมทวน จังหวัดกาญจนบุรี และคิดตั้งกลุ่มสหกรณ์ขึ้น”''
''“หลังจากนั้นก็เริ่มทำงานทันที โดยออกไปเล่าประสบการณ์ที่ตนเองได้รู้มาจากเมืองจีน กับกลุ่มชาวนากรรมกร กลุ่มครู ในชนบทบ่อยครั้ง ในขณะที่อยู่บ้านก็ได้เชิญกลุ่มมาพูดคุยแลกเปลี่ยน เพื่อนเหล่านี้อยู่ง่าย กินง่าย ฉันรู้เพราะว่าฉันเป็นคนหุงหาอาหารให้เอง คุณรวมกับเพื่อนๆ ได้ไปสร้างไร่รวม เพื่อเป็นโรงเรียนการเมือง ที่อำเภอพนมทวน จังหวัดกาญจนบุรี และคิดตั้งกลุ่มสหกรณ์ขึ้น”''


การทำงานใต้ดินดังกล่าว ในช่วงเวลา “ปฏิวัติ” ซึ่งเป็นปรปักษ์กับรัฐบาลที่มีจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ เป็นนายกรัฐมนตรีและมีอำนาจเด็ดขาดนั้น แสดงว่าเครือข่ายของคุณรวมสามารถดำเนินการมาได้โดยลับเป็นอย่างดี รอดหูรอดตาของตำรวจได้ถึงสี่ปี จนมาถึงเดือนกุมภาพันธ์ปี 2505 คุณรวมจึงถูกตำรวจจับได้ และหลังจากถูกคุมขังและสอบสวนดูประมาณสองเดือนในวันที่ 24 เมษายน ปี 2505 จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ในฐานะนายกรัฐมนตรี ได้ใช้อำนาจตามมาตรา 17 ของธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร สั่งประหารชีวิต นายรวม วงษ์พันธ์ ว่า “มีการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์” แต่การใช้อำนาจตามมาตรา 17 ของธรรมนูญ การปกครองฯ สั่งประหารชีวิต ผู้ที่ถูกจับกุมในคดีที่มีการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์กรณีของ นายรวม วงษ์พันธ์ นี้มิใช่รายแรก ในปี 2504 ก็ได้มีการสั่งประหารผู้ที่ต้องคดีมีการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ไปแล้ว 2 คน
การทำงานใต้ดินดังกล่าว ในช่วงเวลา “[[ปฏิวัติ]]” ซึ่งเป็นปรปักษ์กับรัฐบาลที่มีจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ เป็นนายกรัฐมนตรีและมีอำนาจเด็ดขาดนั้น แสดงว่าเครือข่ายของคุณรวมสามารถดำเนินการมาได้โดยลับเป็นอย่างดี รอดหูรอดตาของตำรวจได้ถึงสี่ปี จนมาถึงเดือนกุมภาพันธ์ปี 2505 คุณรวมจึงถูกตำรวจจับได้ และหลังจากถูกคุมขังและสอบสวนดูประมาณสองเดือนในวันที่ 24 เมษายน ปี 2505 จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ในฐานะนายกรัฐมนตรี ได้ใช้อำนาจตามมาตรา 17 ของธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร สั่งประหารชีวิต นายรวม วงษ์พันธ์ ว่า “มีการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์” แต่การใช้อำนาจตามมาตรา 17 ของธรรมนูญ การปกครองฯ สั่งประหารชีวิต ผู้ที่ถูกจับกุมในคดีที่มีการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์กรณีของ นายรวม วงษ์พันธ์ นี้มิใช่รายแรก ในปี 2504 ก็ได้มีการสั่งประหารผู้ที่ต้องคดีมีการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ไปแล้ว 2 คน


[[Category:บุคคลสำคัญทางการเมือง]]
[[Category:บุคคลสำคัญทางการเมือง]]

รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 14:23, 26 มิถุนายน 2562

ผู้เรียบเรียง : ศาสตราจารย์นรนิติ เศรษฐบุตร

ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ : รองศาสตราจารย์ ดร.นิยม รัฐอมฤต


รวม วงษ์พันธ์ : ผู้ถูกคำสั่งมาตรา 17

เมื่อ พ.ศ. 2460 จักรวรรดิรัสเซียของพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 ได้ถูกกลุ่มบอลเชวิคหรือคอมมิวนิสต์รัสเซียที่นำโดยเลนินนำกำลังพลพรรคบุกเข้ายึดอำนาจล้มรัฐบาลชั่วคราวของ นายกรัฐมนตรี เคอเรนสกี้ ของรัสเซียและสถาปนาระบบการปกครองของพรรคบอลเชวิคที่ต่อมา คือ พรรคคอมมิวนิสต์ของสหภาพ โซเวียตนั่นเอง เหตุการณ์ครั้งนั้น ทำให้ผู้ปกครองในประเทศต่างๆ ตกใจ และหาทางที่จะป้องกันการเผยแพร่ขยายตัวของแนวความคิดและการปฏิวัติของคอมมิวนิสต์

หลังเปลี่ยนแปลงการปกครองปี 2475 ในประเทศไทย ไปไม่ทันถึงปี ในเดือนเมษายนปี 2476 ได้มีการประกาศใช้กฎหมายเกี่ยวกับคอมมิวนิสต์ขึ้นในประเทศ ดังนั้น จึงแสดงว่าในสังคมไทยได้รับรู้เรื่องคอมมิวนิสต์ และหวั่นไหวมาตั้งหลายสิบปีแล้ว แม้จะมีกฎหมายนี้กลุ่มผู้นิยมคอมมิวนิสต์ก็ก่อตัวขึ้นในประเทศไทยซึ่งโดยมากมาจากทางสายจีน ที่มีคนจีนเข้ามาดำเนินการในประเทศไทย

ตอนที่จอมพล_สฤษดิ์_ธนะรัชต์ ยึดอำนาจซ้ำในวันที่ 20 ตุลาคม ปี 2501 ได้มีการอ้างถึง ภัยคอมมิวนิสต์ด้วย ตอนนั้นคือ 10 ปีหลังจากที่เมาเซตุงและพรรคคอมมิวนิสต์จีนได้อำนาจในประเทศจีน ขณะที่สหรัฐอเมริกาประกาศนโยบายสกัดกั้นคอมมิวนิสต์หลังสงครามเกาหลีด้วย การเข้ามามีอำนาจครั้งนี้จอมพล สฤษดิ์ได้ประกาศใช้ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พ.ศ. 2502 ที่มีมาตรา 17 ให้อำนาจนายกรัฐมนตรีสั่งการลงโทษได้ด้วย และนายกรัฐมนตรีจอมพล สฤษดิ์ ก็ใช้อำนาจตามมาตรา 17 สั่งยิงเป้าคนไปหลายรายทั้งในข้อหาวางเพลิงในข้อหาค้าเฮโรอีน และ ข้อหากระทำการอันเป็นคอมมิวนิสต์ ในกรณีบุคคลที่ต้องข้อหากระทำการอันเป็นคอมมิวนิสต์นั้นมีนายรวม วงษ์พันธ์ อดีตครูโรงเรียนจีนแห่งหนึ่งในพระนครรวมอยู่ด้วย

รวม วงษ์พันธ์ เป็นคนจังหวัดสุพรรณบุรี เมืองอู่ข้าวอู่น้ำแห่งหนึ่งของภาคนกลางนี่เอง เกิดเมื่อวันที่ 1 เมษายน ปี 2465 ที่บ้านมะขามล้ม ตำบลมะขามล้ม อำเภอบางปลาม้า มีบิดาชื่อ อยู่ และมารดาชื่อ ไร ทางด้านการศึกษานั้น นายรวมได้เรียนที่โรงเรียนวัดที่อยู่ใกล้บ้าน คือ วัดสุขเกษม จากนั้นก็ได้ไปเรียนต่อที่โรงเรียนสูงสุมารผดุงวิทย์ ที่อำเภอบางปลาม้า นายรวมเป็นผู้ที่เรียนดี จึงหาทางไปเรียนต่อที่โรงเรียนกรรณสูตศึกษาลัย จนจบชั้นมัธยมปีที่ 4 และหาทางเข้ามาเรียนในกรุงเทพฯ ตามที่ประวัติได้บันทึกว่า

“เพราะใจรักเรียนมาก จึงหนีพ่อแม่เข้ากรุงเทพโดยความช่วยเหลือของปลัด (พระสงฆ์) ได้เข้าอาศัยอยู่วัดเลียบ ที่เชิงสะพานพุทธ ฯ เพราะท่านเห็นว่าเรียนเก่งรักเรียน จึงแนะนำให้สอบเข้าสวนกุหลาบเพราะใกล้วัด เรียนชั้นมัธยมปีที่ 5 และมัธยม 6 เรียนจบอายุได้ 20 พอดี ได้เรียนต่อที่โรงเรียนพาณิชยการพระนคร วังบูรพา พร้อมทั้งทำงานเป็นลูกจ้างร้านรวมแพทย์แถวศาลาเฉลิมกรุง”

ต่อมาคุณรวมได้เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยเปิดเมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 2487 และมีข้อมูลว่าในปีเดียวกันนี้ คุณรวมยังได้ไปสมัครเป็นนักศึกษาวิชาการหนังสือพิมพ์โดยเป็นนักศึกษาภาคค่ำของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในขณะที่เรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์นั้นคุณรวมก็เหมือนนักศึกษาของมหาลัยธรรมศาสตร์หลายคนที่ได้ไปทำงานเป็นครูสอนหนังสือในโรงเรียนมัธยม โดยกรณีของคุณรวมนั้น ได้ไปทำงานเป็นครูที่โรงเรียนจีน คือ โรงเรียนฉี่กวงกงสวย ซึ่งเป็นโรงเรียนของสมาคมจีนไหหลำในประเทศไทย เรียนไปทำงานไปได้สี่ปีก็ได้อนุปริญญา ดังนั้น คุณรวมจึงน่าจะได้อนุปริญญาในปี 2491 และคงเรียนต่อมา แต่ที่เรียนไม่ทันจบก็เพราะคุณรวมได้เดินทางไปเมืองจีนตามคำชวนของเพื่อน

การไปทำงานเป็นครูที่โรงเรียนจีนทำให้คุณรวมมีเพื่อนครูจำนวนมาก เพราะคุณรวมได้รับการแต่งตั้งเป็นครูใหญ่ฝ่ายไทยด้วยที่โรงเรียนจีนแห่งนี้ และอาชีพครูนี่เองทำให้คุณรวมได้รู้จักครูสตรีท่านหนึ่ง ชื่อครู ประดิษฐ์ สุทธิจิตร์ ซึ่งต่อมาครูรวมก็ได้แต่งงานกันกับครูประดิษฐ์ ในวันที่ 16 ปีนาคมปี 2492 และกล่าวกันว่าหลังจากแต่งงานได้ประมาณ 15 วัน คุณรวมก็ได้รับคำสั่งให้แอบเดินทางไปจีน เพื่อไปศึกษาต่อโดยในปีเดียวกันนี้เองเมาเซตุงและกลุ่มคอมมิวนิสต์จีน สามารถนำกองทัพแดงเข้ายึดกรุงปักกิ่งได้ในวันที่ 1 ตุลาคม ตัวคุณรวมเองไปจีนคราวนั้นได้ไปอยู่นานถึง 8 ปีทีเดียว จึงได้เดินทางกลับไทยเมื่อปี 2501 และได้เริ่มงานดังคำบอกเล่าของภรรยาว่า

“หลังจากนั้นก็เริ่มทำงานทันที โดยออกไปเล่าประสบการณ์ที่ตนเองได้รู้มาจากเมืองจีน กับกลุ่มชาวนากรรมกร กลุ่มครู ในชนบทบ่อยครั้ง ในขณะที่อยู่บ้านก็ได้เชิญกลุ่มมาพูดคุยแลกเปลี่ยน เพื่อนเหล่านี้อยู่ง่าย กินง่าย ฉันรู้เพราะว่าฉันเป็นคนหุงหาอาหารให้เอง คุณรวมกับเพื่อนๆ ได้ไปสร้างไร่รวม เพื่อเป็นโรงเรียนการเมือง ที่อำเภอพนมทวน จังหวัดกาญจนบุรี และคิดตั้งกลุ่มสหกรณ์ขึ้น”

การทำงานใต้ดินดังกล่าว ในช่วงเวลา “ปฏิวัติ” ซึ่งเป็นปรปักษ์กับรัฐบาลที่มีจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ เป็นนายกรัฐมนตรีและมีอำนาจเด็ดขาดนั้น แสดงว่าเครือข่ายของคุณรวมสามารถดำเนินการมาได้โดยลับเป็นอย่างดี รอดหูรอดตาของตำรวจได้ถึงสี่ปี จนมาถึงเดือนกุมภาพันธ์ปี 2505 คุณรวมจึงถูกตำรวจจับได้ และหลังจากถูกคุมขังและสอบสวนดูประมาณสองเดือนในวันที่ 24 เมษายน ปี 2505 จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ในฐานะนายกรัฐมนตรี ได้ใช้อำนาจตามมาตรา 17 ของธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร สั่งประหารชีวิต นายรวม วงษ์พันธ์ ว่า “มีการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์” แต่การใช้อำนาจตามมาตรา 17 ของธรรมนูญ การปกครองฯ สั่งประหารชีวิต ผู้ที่ถูกจับกุมในคดีที่มีการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์กรณีของ นายรวม วงษ์พันธ์ นี้มิใช่รายแรก ในปี 2504 ก็ได้มีการสั่งประหารผู้ที่ต้องคดีมีการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ไปแล้ว 2 คน