ผลต่างระหว่างรุ่นของ "พระยากัลยาณไมตรี (Jens Iverson Westengard)"

จาก ฐานข้อมูลการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า
Suksan (คุย | ส่วนร่วม)
หน้าที่ถูกสร้างด้วย ''''ผู้เรียบเรียง''' : โชคสุข กรกิตติชัย '''ผู้ทรงคุณวุฒ...'
 
Suksan (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัดที่ 6: บรรทัดที่ 6:
==บทนำ==
==บทนำ==


หากกล่าวถึงบุคคลที่เป็นชาวต่างชาติที่มีความสำคัญต่อประวัติศาสตร์ไทย ที่เข้ามารับราชการในประเทศสยาม หรือประเทศไทยในปัจจุบัน และได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น “พระยากัลยาณไมตรี”  มี ๒ ท่าน คือ พระยากัลยาณไมตรี เจนส์ ไอ. เวสสเตนการด์ (Jens Iverson Westengard) เพราะท่านเป็น บุคคลที่มีผลงานด้านนโยบายภายในและภายนอกประเทศโดยเฉพาะกับการแก้ไขปัญหาพรมแดน และการผ่อนคลายปัญหาเรื่องสิทธิสภาพนอกอาณาเขต และท่านที่ ๒ คือ พระยากัลยาณไมตรี ดร. ฟรานซิส บี. แซร์ (Dr. Francis Bowes Sayre) เพราะท่านเป็นบุคคลที่ช่วยให้ประเทศไทยรอดพ้นจากการถูกเอารัดเอาเปรียบทั้งปวงในสมัยจักรวรรดินิยม ทำให้พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ ทรงพระราชทานบรรดาศักดิ์ท่านทั้งสองคนให้เป็น “พระยากัลยาณไมตรี”  
หากกล่าวถึงบุคคลที่เป็นชาวต่างชาติที่มีความสำคัญต่อประวัติศาสตร์ไทย ที่เข้ามารับราชการในประเทศสยาม หรือประเทศไทยในปัจจุบัน และได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น “พระยากัลยาณไมตรี”  มี ๒ ท่าน คือ พระยากัลยาณไมตรี เจนส์ ไอ. เวสสเตนการด์ (Jens Iverson Westengard) เพราะท่านเป็น บุคคลที่มีผลงานด้านนโยบายภายในและภายนอกประเทศโดยเฉพาะกับการแก้ไขปัญหาพรมแดน และการผ่อนคลายปัญหาเรื่องสิทธิสภาพนอกอาณาเขต และท่านที่ ๒ คือ พระยากัลยาณไมตรี ดร. ฟรานซิส บี. แซร์ (Dr. Francis Bowes Sayre) เพราะท่านเป็นบุคคลที่ช่วยให้ประเทศไทยรอดพ้นจากการถูกเอารัดเอาเปรียบทั้งปวงในสมัยจักรวรรดินิยม ทำให้พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ ทรงพระราชทานบรรดาศักดิ์ท่านทั้งสองคนให้เป็น “'''พระยากัลยาณไมตรี'''”  


==ประวัติของพระยากัลยาณไมตรี เจนส์ ไอ. เวสสเตนการด์ (Jens Iverson Westengard)==
==ประวัติของพระยากัลยาณไมตรี เจนส์ ไอ. เวสสเตนการด์ (Jens Iverson Westengard)==
บรรทัดที่ 19: บรรทัดที่ 19:
   
   
ปริญญานิติศาสตรบัณฑิต ในปี พ.ศ. ๒๔๔๑
ปริญญานิติศาสตรบัณฑิต ในปี พ.ศ. ๒๔๔๑
ปริญญาอักษรศาสตรมหาบัณฑิตกิตติมศักดิ์ ในปี พ.ศ. ๒๔๔๖  
ปริญญาอักษรศาสตรมหาบัณฑิตกิตติมศักดิ์ ในปี พ.ศ. ๒๔๔๖  


บรรทัดที่ 24: บรรทัดที่ 25:


เคยเป็นบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ West Division High Scool ที่เมืองชิกาโก
เคยเป็นบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ West Division High Scool ที่เมืองชิกาโก
เคยทำงานเกี่ยวกับการธนาคารและการซื้อขายที่ดินที่เมืองชิกาโก ในระหว่างปี พ.ศ. ๒๔๓๓ – ๒๔๔๖
เคยทำงานเกี่ยวกับการธนาคารและการซื้อขายที่ดินที่เมืองชิกาโก ในระหว่างปี พ.ศ. ๒๔๓๓ – ๒๔๔๖
เคยเป็นทนายความที่เมืองบอสตัน ในระหว่างปี พ.ศ.  ๒๔๔๒ – ๒๔๔๖  
เคยเป็นทนายความที่เมืองบอสตัน ในระหว่างปี พ.ศ.  ๒๔๔๒ – ๒๔๔๖  
เคยเป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์สอนกฎหมายอยู่ที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดประมาณ ๕ ปี  
เคยเป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์สอนกฎหมายอยู่ที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดประมาณ ๕ ปี  


บรรทัดที่ 31: บรรทัดที่ 35:


ในปี พ.ศ. ๒๔๔๖ ได้เข้ามารับราชการในประเทศสยาม โดยเป็นผู้ช่วยสโตรเบล ซึ่งรัฐบาลไทยได้จ้างเป็นที่ปรึกษาราชการแผ่นดินในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕  
ในปี พ.ศ. ๒๔๔๖ ได้เข้ามารับราชการในประเทศสยาม โดยเป็นผู้ช่วยสโตรเบล ซึ่งรัฐบาลไทยได้จ้างเป็นที่ปรึกษาราชการแผ่นดินในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕  
ในปี พ.ศ. ๒๔๔๗ ได้เป็นผู้แทนพระองค์เดินทางไปตรวจราชการที่มณฑลบูรพา ซึ่งขณะนั้นยังอยู่กับไทย และใช้เวลาหลายเดือนที่นั้น จนกระทั่งมีความรู้ความเข้าใจในสภาพและปัญหาของพื้นที่จากพระตระบองเจนส์ ไอ. เวสสเตนการ์ด (Jens Iverson Westengard) ได้เขียนจดหมายถึงบ้านแสดงความวิตกกังวล       ในความล้าหลังของมณฑลบูรพา และเห็นว่ามีการปกครองแบบเดิมจะเหมาะสมกับอดีต หากก็ถึงเวลาที่จะต้องเปลี่ยนแปลงแล้ว คือ เปลี่ยนไปสู่การปกครองโดยกฎหมาย ปัญหามีเพียงว่าเปลี่ยนแปลงอย่างไร จึงจะราบรื่นที่สุด  เจนส์ ไอ. เวสสเตนการ์ด (Jens Iverson Westengard) และสโตรเบลเห็นพ้องต้องกันว่า       มีความจำเป็นจะต้องสร้างความเข้าใจอันดีอย่างถาวรระหว่างไทยกับมหาอำนาจตะวันตก และความมั่นคงของไทยก็ขึ้นอยู่กับความสามารถในการขจัดข้อขัดแย้งต่างๆ ที่ทำให้ระคายเคืองต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ข้อขัดแย้งเหล่านี้ คือ ดินแดนลาวและเขมรในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออกของไทย กับดินแดนมลายูในภาคใต้ เมื่อประเทศฝรั่งเศสเข้ามายึดครองเป็นของตน ถ้าการขัดแย้งในเรื่องดินแดนยังคงเรื้อรังต่อไป และเมื่อใดที่การเจรจาล้มเหลว การปะทะกันด้วยกำลังทหารก็จะหลีกเลี่ยงไม่พ้น และนั้นหมายถึงการเสี่ยงอันตรายต่อเอกราชของประเทศสยาม เจนส์ ไอ. เวสสเตนการ์ด (Jens Iverson Westengard) เดินทางไปเจรจากับผู้สำเร็จราชการอินโดจีนที่เมืองไซ่ง่อน ประเทศเวียดนาม ซึ่งตามมาด้วยสิทธิสัญญาปี พ.ศ. ๒๔๕๐ (ค.ศ. ๑๙๐๗) อันยุติข้อขัดแย้งทั้งมวลระหว่างไทยกับฝรั่งเศส สนธิสัญญานี้ระบุว่า “ประเทศไทยได้ยกมณฑลบูรพาให้ประเทศฝรั่งเศสเพื่อแลกกับจังหวัดตราด ซึ่งประเทศฝรั่งเศสได้ยึดครองไว้ตอนที่ถอนทหารออกจากจังหวัดจันทบุรีเมื่อประมาณ ๒ ปีก่อนหน้านั้น”  
 
ในปี พ.ศ. ๒๔๔๗ ได้เป็นผู้แทนพระองค์เดินทางไปตรวจราชการที่มณฑลบูรพา ซึ่งขณะนั้นยังอยู่กับไทย และใช้เวลาหลายเดือนที่นั้น จนกระทั่งมีความรู้ความเข้าใจในสภาพและปัญหาของพื้นที่จากพระตระบองเจนส์ ไอ. เวสสเตนการ์ด (Jens Iverson Westengard) ได้เขียนจดหมายถึงบ้านแสดงความวิตกกังวล ในความล้าหลังของมณฑลบูรพา และเห็นว่ามีการปกครองแบบเดิมจะเหมาะสมกับอดีต หากก็ถึงเวลาที่จะต้องเปลี่ยนแปลงแล้ว คือ เปลี่ยนไปสู่การปกครองโดยกฎหมาย ปัญหามีเพียงว่าเปลี่ยนแปลงอย่างไร จึงจะราบรื่นที่สุด  เจนส์ ไอ. เวสสเตนการ์ด (Jens Iverson Westengard) และสโตรเบลเห็นพ้องต้องกันว่า มีความจำเป็นจะต้องสร้างความเข้าใจอันดีอย่างถาวรระหว่างไทยกับมหาอำนาจตะวันตก และความมั่นคงของไทยก็ขึ้นอยู่กับความสามารถในการขจัดข้อขัดแย้งต่างๆ ที่ทำให้ระคายเคืองต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ข้อขัดแย้งเหล่านี้ คือ ดินแดนลาวและเขมรในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออกของไทย กับดินแดนมลายูในภาคใต้ เมื่อประเทศฝรั่งเศสเข้ามายึดครองเป็นของตน ถ้าการขัดแย้งในเรื่องดินแดนยังคงเรื้อรังต่อไป และเมื่อใดที่การเจรจาล้มเหลว การปะทะกันด้วยกำลังทหารก็จะหลีกเลี่ยงไม่พ้น และนั้นหมายถึงการเสี่ยงอันตรายต่อเอกราชของประเทศสยาม เจนส์ ไอ. เวสสเตนการ์ด (Jens Iverson Westengard) เดินทางไปเจรจากับผู้สำเร็จราชการอินโดจีนที่เมืองไซ่ง่อน ประเทศเวียดนาม ซึ่งตามมาด้วยสิทธิสัญญาปี พ.ศ. ๒๔๕๐ (ค.ศ. ๑๙๐๗) อันยุติข้อขัดแย้งทั้งมวลระหว่างไทยกับฝรั่งเศส สนธิสัญญานี้ระบุว่า “ประเทศไทยได้ยกมณฑลบูรพาให้ประเทศฝรั่งเศสเพื่อแลกกับจังหวัดตราด ซึ่งประเทศฝรั่งเศสได้ยึดครองไว้ตอนที่ถอนทหารออกจากจังหวัดจันทบุรีเมื่อประมาณ ๒ ปีก่อนหน้านั้น”
ในปี พ.ศ. ๒๔๔๙ ได้ถวายคำปรึกษาเกี่ยวกับเงื่อนไขและกำหนดเงินทุนของบริษัทแบงก์สยามฯ ในกรณีที่มีบริษัทและเอกชนต่างด้าวมาลงทุนในเมืองไทย
ในปี พ.ศ. ๒๔๔๙ ได้ถวายคำปรึกษาเกี่ยวกับเงื่อนไขและกำหนดเงินทุนของบริษัทแบงก์สยามฯ ในกรณีที่มีบริษัทและเอกชนต่างด้าวมาลงทุนในเมืองไทย
ในปี พ.ศ. ๒๔๕๑ เมื่อสโตรเบลถึงแก่กรรมด้วยโรคโลหิตเป็นพิษ จึงได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาราชการแผ่นดินสืบต่อจากสโตรเบล  
 
ในปี พ.ศ. ๒๔๕๒ ได้เจรจากับประเทศอังกฤษ ซึ่งประเทศไทยได้มอบรัฐมลายูชายแดนให้อยู่ในความดูแลของประเทศอังกฤษ โดยประเทศอังกฤษยอมสละ “สิทธิสภาพนอกอาณาเขต” บางส่วน และให้ประเทศไทยกู้เงินจำนวน ๖ ล้านปอนด์ในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๔.๕ ต่อปี เพื่อก่อสร้างทางรถไฟสายใต้เชื่อมต่อกับมลายู เมื่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ก็ได้เป็นกำลังสำคัญในการทำให้กรุงเทพฯ เป็นที่ชุมนุมอย่างมโหฬารของบรรดาสมาชิกพระราชวงศ์ต่างๆ ในยุโรปซึ่งไม่เคยปรากฏ มาก่อนในทวีปเอเชีย  
ในปี พ.ศ. ๒๔๕๑ เมื่อสโตรเบลถึงแก่กรรมด้วยโรคโลหิตเป็นพิษ จึงได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาราชการแผ่นดินสืบต่อจากสโตรเบล
ในปี พ.ศ. ๒๔๕๓ ในระหว่างรับราชการได้เรียบเรียงเรื่องเกี่ยวกับกฎหมายระหว่างประเทศ         ชื่อ “การจับกลางทะเล” เป็นภาษาอังกฤษ และแปลเป็นภาษาไทยลงในหนังสือ “สมุทรสาร” ประจำเดือนมิถุนายน พ.ศ. ๒๔๕๗
ในปี พ.ศ. ๒๔๕๒ ได้เจรจากับประเทศอังกฤษ ซึ่งประเทศไทยได้มอบรัฐมลายูชายแดนให้อยู่ในความดูแลของประเทศอังกฤษ โดยประเทศอังกฤษยอมสละ “'''สิทธิสภาพนอกอาณาเขต'''” บางส่วน และให้ประเทศไทยกู้เงินจำนวน ๖ ล้านปอนด์ในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๔.๕ ต่อปี เพื่อก่อสร้างทางรถไฟสายใต้เชื่อมต่อกับมลายู เมื่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ก็ได้เป็นกำลังสำคัญในการทำให้กรุงเทพฯ เป็นที่ชุมนุมอย่างมโหฬารของบรรดาสมาชิกพระราชวงศ์ต่างๆ ในยุโรปซึ่งไม่เคยปรากฏ มาก่อนในทวีปเอเชีย  
 
ในปี พ.ศ. ๒๔๕๓ ในระหว่างรับราชการได้เรียบเรียงเรื่องเกี่ยวกับกฎหมายระหว่างประเทศ ชื่อ “'''การจับกลางทะเล'''” เป็นภาษาอังกฤษ และแปลเป็นภาษาไทยลงในหนังสือ “'''สมุทรสาร'''” ประจำเดือนมิถุนายน พ.ศ. ๒๔๕๗
 
ในปี พ.ศ. ๒๔๕๔ ได้รับแต่งตั้งให้เป็นราชทูตผู้มีอำนาจเต็มและเป็นสมาชิกของศาลโลกประจำกรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ รวมทั้งเป็นผู้พิพากษาสูงสุดของศาลอุทธรณ์แห่งประเทศไทย  
ในปี พ.ศ. ๒๔๕๔ ได้รับแต่งตั้งให้เป็นราชทูตผู้มีอำนาจเต็มและเป็นสมาชิกของศาลโลกประจำกรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ รวมทั้งเป็นผู้พิพากษาสูงสุดของศาลอุทธรณ์แห่งประเทศไทย  


==พระราชทานบรรดาศักดิ์หรือยศพระยากัลยาณไมตรี เจนส์ ไอ. เวสสเตนการด์ (Jens Iverson Westengard)==
==พระราชทานบรรดาศักดิ์หรือยศพระยากัลยาณไมตรี เจนส์ ไอ. เวสสเตนการด์ (Jens Iverson Westengard)==


หลังจากที่ เจนส์ ไอ. เวสสเตนการด์ (Jens Iverson Westengard) ได้รับราชการมาจนถึงสมัยรัชกาลที่ ๖  เนื่องจากได้กระทำความชอบไว้มาก พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงได้พระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น “พระยากัลยาณไมตรี” เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๕๔  
หลังจากที่ เจนส์ ไอ. เวสสเตนการด์ (Jens Iverson Westengard) ได้รับราชการมาจนถึงสมัยรัชกาลที่ ๖  เนื่องจากได้กระทำความชอบไว้มาก พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงได้พระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น “'''พระยากัลยาณไมตรี'''” เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๕๔  


==ผลงานของพระยากัลยาณไมตรี เจนส์ ไอ. เวสสเตนการด์ (Jens Iverson Westengard)==
==ผลงานของพระยากัลยาณไมตรี เจนส์ ไอ. เวสสเตนการด์ (Jens Iverson Westengard)==


ผลงานด้านนโยบายภายในและภายนอกประเทศโดยเฉพาะอย่างยิ่งการแก้ไขปัญหาพรมแดน และการผ่อนคลายปัญหาเรื่องสิทธิสภาพนอกอาณาเขตกับประเทศอังกฤษ และประเทศฝรั่งเศส
ผลงานด้านนโยบายภายในและภายนอกประเทศโดยเฉพาะอย่างยิ่งการแก้ไขปัญหาพรมแดน และการผ่อนคลายปัญหาเรื่องสิทธิสภาพนอกอาณาเขตกับประเทศอังกฤษ และประเทศฝรั่งเศส
ผลงานด้านการวางรากฐานการพัฒนาประเทศ ได้แก่ การพิจารณาออกกฎหมายต่างๆ เช่น พระราชบัญญัติเลิกบ่อนการพนัน ปรับปรุงพระราชบัญญัติภาษีที่ดิน ปรับปรุงกฎข้อบังคับเกี่ยวกับการเดินเรือในประเทศ และต่างประเทศ เลิกข้อผูกพันเกี่ยวกับหนี้สินของทาส ขยายกิจการกรมไปรษณีย์โทรเลข       กรมรถไฟ รถราง โรงสี โรงเลื่อย นอกจากนี้ยังรับหน้าที่ในคณะกรรมาธิการควบคุมรายจ่ายรายได้ของประเทศ หน้าที่ตรวจงบประมาณรายได้แผ่นดิน ปรับปรุงการทำงานของข้าราชการ ปรับปรุงเรื่องเงินเดือนข้าราชการ เป็นผู้พิพากษาศาลฎีกา และเป็นผู้แทนถาวรของประเทศสยามประจำศาลระหว่างประเทศที่กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์  
 
ผลงานด้านการวางรากฐานการพัฒนาประเทศ ได้แก่ การพิจารณาออกกฎหมายต่างๆ เช่น พระราชบัญญัติเลิกบ่อนการพนัน ปรับปรุงพระราชบัญญัติภาษีที่ดิน ปรับปรุงกฎข้อบังคับเกี่ยวกับการเดินเรือในประเทศ และต่างประเทศ เลิกข้อผูกพันเกี่ยวกับหนี้สินของทาส ขยายกิจการกรมไปรษณีย์โทรเลข กรมรถไฟ รถราง โรงสี โรงเลื่อย นอกจากนี้ยังรับหน้าที่ในคณะกรรมาธิการควบคุมรายจ่ายรายได้ของประเทศ หน้าที่ตรวจงบประมาณรายได้แผ่นดิน ปรับปรุงการทำงานของข้าราชการ ปรับปรุงเรื่องเงินเดือนข้าราชการ เป็นผู้พิพากษาศาลฎีกา และเป็นผู้แทนถาวรของประเทศสยามประจำศาลระหว่างประเทศที่กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์  


==ชีวิตบั้นปลายของพระยากัลยาณไมตรี เจนส์ ไอ. เวสสเตนการด์ (Jens Iverson Westengard)==
==ชีวิตบั้นปลายของพระยากัลยาณไมตรี เจนส์ ไอ. เวสสเตนการด์ (Jens Iverson Westengard)==


พระยากัลยาณไมตรี เจนส์ ไอ. เวสสเตนการด์ (Jens Iverson Westengard)  ก็ได้กราบถวายบังคมลาออกจากราชการ ได้เข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ เมื่อวันที่ ๑๕ กรกฎาคม  ๒๔๕๖ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงบันทึกข้อพระราชดำรัสกับพระยากัลยาณไมตรีไว้ว่า “ทรงเสียพระทัยที่ทราบว่าพระยากัลยาณไมตรีคิดจะลาออก และขอทราบเหตุผล พระยากัลยาณไมตรีก็ตอบโดยไม่อำพรางและยืดยาวว่า “ได้ออกมาอยู่ในประเทศร้อนได้ ๑๐ ปีแล้ว รู้สึกเหน็ดเหนื่อยไม่สบายจึงคิดจะพักและรักษาตัว ระหว่างสิบปีนั้นได้สู้สละความคิดถึงตัวและครอบครัว เอาใจใส่แต่ราชการที่จะให้ประโยชน์แก่เมืองสยาม บัดนี้บุตรชายก็โตขึ้น ภรรยาก็เป็นโรคประสาทพิการประจำตัว หน้าที่ในฐานเป็นสามีและบิดามาสะกิดใจเตือนอยู่ไม่เว้นวาย และถ้าเห็นความยุ่งยากจะมาถึงเมืองไทยในภายหน้าแล้ว ก็จะไม่คิดลาออก    และจะเป็นคนสุดท้ายที่คิดถอย แต่บัดนี้รู้สึกว่าเมืองไทยได้ก้าวหน้าจำเริญมั่นคงแล้ว” หลังจากนั้นพระยากัลยาณไมตรี เจนส์ ไอ. เวสสเตนการด์ (Jens Iverson Westengard) ได้ลาออกจากราชการไทยเมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ. ๒๔๕๘  เพื่อเดินทางกลับประเทศสหรัฐอเมริกาไปรับตำแหน่งศาสตราจารย์วิชากฎหมายระหว่างประเทศจากกองทุนยอร์ช เบมีช ซึ่งเป็นตำแหน่งเดิมของสโตรเบล  และไปสอนหนังสือที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด แต่ก็ยังได้คอยช่วยเหลือกิจการของรัฐบาลไทยอยู่เสมอ โดยผ่านสถานทูตไทย ณ กรุงวอชิงตัน เช่น ช่วยเปิดการเจรจาแก้ไขสนธิสัญญากับประเทศสหรัฐอเมริกา ช่วยจัดหาบุคคลเหมาะสมมารับราชการ เช่น ตำแหน่งที่ปรึกษาราชการประจำกระทรวงการต่างประเทศ    อีกทั้งให้ความสนใจเป็นพิเศษต่อความก้าวหน้าในการศึกษาของบรรดานักเรียนไทย ซึ่งท่านได้กล่าวเสมอว่า “อนาคตของสยามอยู่ในกำมือของคนหนุ่มเหล่านี้”  เป็นต้น  
พระยากัลยาณไมตรี เจนส์ ไอ. เวสสเตนการด์ (Jens Iverson Westengard)  ก็ได้กราบถวายบังคมลาออกจากราชการ ได้เข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ เมื่อวันที่ ๑๕ กรกฎาคม  ๒๔๕๖ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงบันทึกข้อพระราชดำรัสกับพระยากัลยาณไมตรีไว้ว่า “ทรงเสียพระทัยที่ทราบว่าพระยากัลยาณไมตรีคิดจะลาออก และขอทราบเหตุผล พระยากัลยาณไมตรีก็ตอบโดยไม่อำพรางและยืดยาวว่า “ได้ออกมาอยู่ในประเทศร้อนได้ ๑๐ ปีแล้ว รู้สึกเหน็ดเหนื่อยไม่สบายจึงคิดจะพักและรักษาตัว ระหว่างสิบปีนั้นได้สู้สละความคิดถึงตัวและครอบครัว เอาใจใส่แต่ราชการที่จะให้ประโยชน์แก่เมืองสยาม บัดนี้บุตรชายก็โตขึ้น ภรรยาก็เป็นโรคประสาทพิการประจำตัว หน้าที่ในฐานเป็นสามีและบิดามาสะกิดใจเตือนอยู่ไม่เว้นวาย และถ้าเห็นความยุ่งยากจะมาถึงเมืองไทยในภายหน้าแล้ว ก็จะไม่คิดลาออก    และจะเป็นคนสุดท้ายที่คิดถอย แต่บัดนี้รู้สึกว่าเมืองไทยได้ก้าวหน้าจำเริญมั่นคงแล้ว” หลังจากนั้นพระยากัลยาณไมตรี เจนส์ ไอ. เวสสเตนการด์ (Jens Iverson Westengard) ได้ลาออกจากราชการไทยเมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ. ๒๔๕๘  เพื่อเดินทางกลับประเทศสหรัฐอเมริกาไปรับตำแหน่งศาสตราจารย์วิชากฎหมายระหว่างประเทศจากกองทุนยอร์ช เบมีช ซึ่งเป็นตำแหน่งเดิมของสโตรเบล  และไปสอนหนังสือที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด แต่ก็ยังได้คอยช่วยเหลือกิจการของรัฐบาลไทยอยู่เสมอ โดยผ่านสถานทูตไทย ณ กรุงวอชิงตัน เช่น ช่วยเปิดการเจรจาแก้ไขสนธิสัญญากับประเทศสหรัฐอเมริกา ช่วยจัดหาบุคคลเหมาะสมมารับราชการ เช่น ตำแหน่งที่ปรึกษาราชการประจำกระทรวงการต่างประเทศ    อีกทั้งให้ความสนใจเป็นพิเศษต่อความก้าวหน้าในการศึกษาของบรรดานักเรียนไทย ซึ่งท่านได้กล่าวเสมอว่า “อนาคตของสยามอยู่ในกำมือของคนหนุ่มเหล่านี้”  เป็นต้น  
หลังจากนั้นอีก ๓ ปี ก็ถึงแก่กรรมด้วยโรคเบาหวาน เมื่อวันที่ ๑๗ กันยายน พ.ศ. ๒๔๖๑  ที่เมือง  เคมบริดจ์ มีอายุเพียง ๔๗ ปี วันที่ประกอบพิธีฝังศพพระยากัลยาณไมตรี  เจนส์ ไอ. เวสสเตนการด์      (Jens Iverson Westengard) สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ กรมขุนสงขลานครินทรทรงเป็นผู้แทนพระองค์รัชกาลที่ ๖ และผู้แทนรัฐบาลสยาม เสด็จไปทรงวางพวงมาลาคำนับศพ  รวมทั้งนักเรียนไทยในประเทศสหรัฐอเมริกาได้ ไปร่วมแสดงความเคารพเป็นจำนวนมาก ซึ่งวารสาร Harvard Law Review ของโรงเรียนกฎหมายฯ ได้ตีพิมพ์บทความไว้อาลัยท่านในนามนักเรียนไทยทั้งหมดอย่างน่าประทับใจที่สุด  
หลังจากนั้นอีก ๓ ปี ก็ถึงแก่กรรมด้วยโรคเบาหวาน เมื่อวันที่ ๑๗ กันยายน พ.ศ. ๒๔๖๑  ที่เมือง  เคมบริดจ์ มีอายุเพียง ๔๗ ปี วันที่ประกอบพิธีฝังศพพระยากัลยาณไมตรี  เจนส์ ไอ. เวสสเตนการด์      (Jens Iverson Westengard) สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ กรมขุนสงขลานครินทรทรงเป็นผู้แทนพระองค์รัชกาลที่ ๖ และผู้แทนรัฐบาลสยาม เสด็จไปทรงวางพวงมาลาคำนับศพ  รวมทั้งนักเรียนไทยในประเทศสหรัฐอเมริกาได้ ไปร่วมแสดงความเคารพเป็นจำนวนมาก ซึ่งวารสาร Harvard Law Review ของโรงเรียนกฎหมายฯ ได้ตีพิมพ์บทความไว้อาลัยท่านในนามนักเรียนไทยทั้งหมดอย่างน่าประทับใจที่สุด  


==บรรณานุกรม==
==บรรณานุกรม==


วิชิตวงศ์ ณ ป้อมเพชร. นักเรียนกฎหมายจากฮาร์วาร์ดของประเทศไทย. [ออนไลน์]. สืบค้นจาก : httpp://www.oknation.net/blog/print.php?id=๑๘๙๙๓๒ (เมื่อวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๕๗)
วิชิตวงศ์ ณ ป้อมเพชร. '''นักเรียนกฎหมายจากฮาร์วาร์ดของประเทศไทย'''. [ออนไลน์]. สืบค้นจาก : httpp://www.oknation.net/blog/print.php?id=๑๘๙๙๓๒ (เมื่อวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๕๗)
สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์. “พระยากัลยาณไมตรี”. [ออนไลน์]. สืบค้นจาก :  http://www.literatureandhistory.go.th/index.php?app=academic&fnc=showlist&cateid=๑๐๒๔&apptype=academic๔. (เมื่อวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๕๖).
 
สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์. “'''พระยากัลยาณไมตรี'''”. [ออนไลน์]. สืบค้นจาก :  http://www.literatureandhistory.go.th/index.php?app=academic&fnc=showlist&cateid=๑๐๒๔&apptype=academic๔. (เมื่อวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๕๖).
 
อุทัย สินธุสาร. สารานุกรมไทย กัลยาณไมตรี, พระยา. (กรุงเทพมหานคร. ๒๕๓๓).
อุทัย สินธุสาร. สารานุกรมไทย กัลยาณไมตรี, พระยา. (กรุงเทพมหานคร. ๒๕๓๓).
Joseph H. Beale and others, Jens Iverson Westengard [Online], accessed ๒๙ May ๒๐๑๔. Available from http://www.jstor.org/stable/๑๓๒๗๖๓๙
Joseph H. Beale and others, Jens Iverson Westengard [Online], accessed ๒๙ May ๒๐๑๔. Available from http://www.jstor.org/stable/๑๓๒๗๖๓๙
[[หมวดหมู่:บุคคลสำคัญด้านอื่นๆ]]

รุ่นแก้ไขเมื่อ 10:21, 13 ตุลาคม 2557

ผู้เรียบเรียง : โชคสุข กรกิตติชัย

ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ : นายจเร พันธุ์เปรื่อง


บทนำ

หากกล่าวถึงบุคคลที่เป็นชาวต่างชาติที่มีความสำคัญต่อประวัติศาสตร์ไทย ที่เข้ามารับราชการในประเทศสยาม หรือประเทศไทยในปัจจุบัน และได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น “พระยากัลยาณไมตรี” มี ๒ ท่าน คือ พระยากัลยาณไมตรี เจนส์ ไอ. เวสสเตนการด์ (Jens Iverson Westengard) เพราะท่านเป็น บุคคลที่มีผลงานด้านนโยบายภายในและภายนอกประเทศโดยเฉพาะกับการแก้ไขปัญหาพรมแดน และการผ่อนคลายปัญหาเรื่องสิทธิสภาพนอกอาณาเขต และท่านที่ ๒ คือ พระยากัลยาณไมตรี ดร. ฟรานซิส บี. แซร์ (Dr. Francis Bowes Sayre) เพราะท่านเป็นบุคคลที่ช่วยให้ประเทศไทยรอดพ้นจากการถูกเอารัดเอาเปรียบทั้งปวงในสมัยจักรวรรดินิยม ทำให้พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ ทรงพระราชทานบรรดาศักดิ์ท่านทั้งสองคนให้เป็น “พระยากัลยาณไมตรี

ประวัติของพระยากัลยาณไมตรี เจนส์ ไอ. เวสสเตนการด์ (Jens Iverson Westengard)

พระยากัลยาณไมตรี เจนส์ ไอ. เวสสเตนการด์ (Jens Iverson Westengard) เป็นชาวอเมริกา เกิดที่เมืองชิกาโก เมื่อวันที่ ๑๔ กันยายน ๒๔๑๔ ในครอบครัวชาวเดนมาร์คซึ่งมาตั้งถิ่นฐานในประเทศสหรัฐอเมริกา

การสมรสของพระยากัลยาณไมตรี เจนส์ ไอ. เวสสเตนการด์ (Jens Iverson Westengard)

ได้สมรสกับนางเวสสเตนการ์ด (Mrs. Westengard) มีบุตร ๑ คน คือ ออบรีย์ (Aubrey)

การศึกษาของพระยากัลยาณไมตรี เจนส์ ไอ. เวสสเตนการด์ (Jens Iverson Westengard)

ปริญญานิติศาสตรบัณฑิต ในปี พ.ศ. ๒๔๔๑

ปริญญาอักษรศาสตรมหาบัณฑิตกิตติมศักดิ์ ในปี พ.ศ. ๒๔๔๖

ประสบการณ์การทำงานของพระยากัลยาณไมตรี เจนส์ ไอ. เวสสเตนการด์ (Jens Iverson Westengard) ก่อนเข้ามารับราชการในประเทศไทย

เคยเป็นบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ West Division High Scool ที่เมืองชิกาโก

เคยทำงานเกี่ยวกับการธนาคารและการซื้อขายที่ดินที่เมืองชิกาโก ในระหว่างปี พ.ศ. ๒๔๓๓ – ๒๔๔๖

เคยเป็นทนายความที่เมืองบอสตัน ในระหว่างปี พ.ศ. ๒๔๔๒ – ๒๔๔๖

เคยเป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์สอนกฎหมายอยู่ที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดประมาณ ๕ ปี

การเข้ามาเมืองไทยของพระยากัลยาณไมตรี เจนส์ ไอ. เวสสเตนการด์ (Jens Iverson Westengard)

ในปี พ.ศ. ๒๔๔๖ ได้เข้ามารับราชการในประเทศสยาม โดยเป็นผู้ช่วยสโตรเบล ซึ่งรัฐบาลไทยได้จ้างเป็นที่ปรึกษาราชการแผ่นดินในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕

ในปี พ.ศ. ๒๔๔๗ ได้เป็นผู้แทนพระองค์เดินทางไปตรวจราชการที่มณฑลบูรพา ซึ่งขณะนั้นยังอยู่กับไทย และใช้เวลาหลายเดือนที่นั้น จนกระทั่งมีความรู้ความเข้าใจในสภาพและปัญหาของพื้นที่จากพระตระบองเจนส์ ไอ. เวสสเตนการ์ด (Jens Iverson Westengard) ได้เขียนจดหมายถึงบ้านแสดงความวิตกกังวล ในความล้าหลังของมณฑลบูรพา และเห็นว่ามีการปกครองแบบเดิมจะเหมาะสมกับอดีต หากก็ถึงเวลาที่จะต้องเปลี่ยนแปลงแล้ว คือ เปลี่ยนไปสู่การปกครองโดยกฎหมาย ปัญหามีเพียงว่าเปลี่ยนแปลงอย่างไร จึงจะราบรื่นที่สุด เจนส์ ไอ. เวสสเตนการ์ด (Jens Iverson Westengard) และสโตรเบลเห็นพ้องต้องกันว่า มีความจำเป็นจะต้องสร้างความเข้าใจอันดีอย่างถาวรระหว่างไทยกับมหาอำนาจตะวันตก และความมั่นคงของไทยก็ขึ้นอยู่กับความสามารถในการขจัดข้อขัดแย้งต่างๆ ที่ทำให้ระคายเคืองต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ข้อขัดแย้งเหล่านี้ คือ ดินแดนลาวและเขมรในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออกของไทย กับดินแดนมลายูในภาคใต้ เมื่อประเทศฝรั่งเศสเข้ามายึดครองเป็นของตน ถ้าการขัดแย้งในเรื่องดินแดนยังคงเรื้อรังต่อไป และเมื่อใดที่การเจรจาล้มเหลว การปะทะกันด้วยกำลังทหารก็จะหลีกเลี่ยงไม่พ้น และนั้นหมายถึงการเสี่ยงอันตรายต่อเอกราชของประเทศสยาม เจนส์ ไอ. เวสสเตนการ์ด (Jens Iverson Westengard) เดินทางไปเจรจากับผู้สำเร็จราชการอินโดจีนที่เมืองไซ่ง่อน ประเทศเวียดนาม ซึ่งตามมาด้วยสิทธิสัญญาปี พ.ศ. ๒๔๕๐ (ค.ศ. ๑๙๐๗) อันยุติข้อขัดแย้งทั้งมวลระหว่างไทยกับฝรั่งเศส สนธิสัญญานี้ระบุว่า “ประเทศไทยได้ยกมณฑลบูรพาให้ประเทศฝรั่งเศสเพื่อแลกกับจังหวัดตราด ซึ่งประเทศฝรั่งเศสได้ยึดครองไว้ตอนที่ถอนทหารออกจากจังหวัดจันทบุรีเมื่อประมาณ ๒ ปีก่อนหน้านั้น”

ในปี พ.ศ. ๒๔๔๙ ได้ถวายคำปรึกษาเกี่ยวกับเงื่อนไขและกำหนดเงินทุนของบริษัทแบงก์สยามฯ ในกรณีที่มีบริษัทและเอกชนต่างด้าวมาลงทุนในเมืองไทย

ในปี พ.ศ. ๒๔๕๑ เมื่อสโตรเบลถึงแก่กรรมด้วยโรคโลหิตเป็นพิษ จึงได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาราชการแผ่นดินสืบต่อจากสโตรเบล

ในปี พ.ศ. ๒๔๕๒ ได้เจรจากับประเทศอังกฤษ ซึ่งประเทศไทยได้มอบรัฐมลายูชายแดนให้อยู่ในความดูแลของประเทศอังกฤษ โดยประเทศอังกฤษยอมสละ “สิทธิสภาพนอกอาณาเขต” บางส่วน และให้ประเทศไทยกู้เงินจำนวน ๖ ล้านปอนด์ในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๔.๕ ต่อปี เพื่อก่อสร้างทางรถไฟสายใต้เชื่อมต่อกับมลายู เมื่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ก็ได้เป็นกำลังสำคัญในการทำให้กรุงเทพฯ เป็นที่ชุมนุมอย่างมโหฬารของบรรดาสมาชิกพระราชวงศ์ต่างๆ ในยุโรปซึ่งไม่เคยปรากฏ มาก่อนในทวีปเอเชีย

ในปี พ.ศ. ๒๔๕๓ ในระหว่างรับราชการได้เรียบเรียงเรื่องเกี่ยวกับกฎหมายระหว่างประเทศ ชื่อ “การจับกลางทะเล” เป็นภาษาอังกฤษ และแปลเป็นภาษาไทยลงในหนังสือ “สมุทรสาร” ประจำเดือนมิถุนายน พ.ศ. ๒๔๕๗

ในปี พ.ศ. ๒๔๕๔ ได้รับแต่งตั้งให้เป็นราชทูตผู้มีอำนาจเต็มและเป็นสมาชิกของศาลโลกประจำกรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ รวมทั้งเป็นผู้พิพากษาสูงสุดของศาลอุทธรณ์แห่งประเทศไทย

พระราชทานบรรดาศักดิ์หรือยศพระยากัลยาณไมตรี เจนส์ ไอ. เวสสเตนการด์ (Jens Iverson Westengard)

หลังจากที่ เจนส์ ไอ. เวสสเตนการด์ (Jens Iverson Westengard) ได้รับราชการมาจนถึงสมัยรัชกาลที่ ๖ เนื่องจากได้กระทำความชอบไว้มาก พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงได้พระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น “พระยากัลยาณไมตรี” เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๕๔

ผลงานของพระยากัลยาณไมตรี เจนส์ ไอ. เวสสเตนการด์ (Jens Iverson Westengard)

ผลงานด้านนโยบายภายในและภายนอกประเทศโดยเฉพาะอย่างยิ่งการแก้ไขปัญหาพรมแดน และการผ่อนคลายปัญหาเรื่องสิทธิสภาพนอกอาณาเขตกับประเทศอังกฤษ และประเทศฝรั่งเศส

ผลงานด้านการวางรากฐานการพัฒนาประเทศ ได้แก่ การพิจารณาออกกฎหมายต่างๆ เช่น พระราชบัญญัติเลิกบ่อนการพนัน ปรับปรุงพระราชบัญญัติภาษีที่ดิน ปรับปรุงกฎข้อบังคับเกี่ยวกับการเดินเรือในประเทศ และต่างประเทศ เลิกข้อผูกพันเกี่ยวกับหนี้สินของทาส ขยายกิจการกรมไปรษณีย์โทรเลข กรมรถไฟ รถราง โรงสี โรงเลื่อย นอกจากนี้ยังรับหน้าที่ในคณะกรรมาธิการควบคุมรายจ่ายรายได้ของประเทศ หน้าที่ตรวจงบประมาณรายได้แผ่นดิน ปรับปรุงการทำงานของข้าราชการ ปรับปรุงเรื่องเงินเดือนข้าราชการ เป็นผู้พิพากษาศาลฎีกา และเป็นผู้แทนถาวรของประเทศสยามประจำศาลระหว่างประเทศที่กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์

ชีวิตบั้นปลายของพระยากัลยาณไมตรี เจนส์ ไอ. เวสสเตนการด์ (Jens Iverson Westengard)

พระยากัลยาณไมตรี เจนส์ ไอ. เวสสเตนการด์ (Jens Iverson Westengard) ก็ได้กราบถวายบังคมลาออกจากราชการ ได้เข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ เมื่อวันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๔๕๖ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงบันทึกข้อพระราชดำรัสกับพระยากัลยาณไมตรีไว้ว่า “ทรงเสียพระทัยที่ทราบว่าพระยากัลยาณไมตรีคิดจะลาออก และขอทราบเหตุผล พระยากัลยาณไมตรีก็ตอบโดยไม่อำพรางและยืดยาวว่า “ได้ออกมาอยู่ในประเทศร้อนได้ ๑๐ ปีแล้ว รู้สึกเหน็ดเหนื่อยไม่สบายจึงคิดจะพักและรักษาตัว ระหว่างสิบปีนั้นได้สู้สละความคิดถึงตัวและครอบครัว เอาใจใส่แต่ราชการที่จะให้ประโยชน์แก่เมืองสยาม บัดนี้บุตรชายก็โตขึ้น ภรรยาก็เป็นโรคประสาทพิการประจำตัว หน้าที่ในฐานเป็นสามีและบิดามาสะกิดใจเตือนอยู่ไม่เว้นวาย และถ้าเห็นความยุ่งยากจะมาถึงเมืองไทยในภายหน้าแล้ว ก็จะไม่คิดลาออก และจะเป็นคนสุดท้ายที่คิดถอย แต่บัดนี้รู้สึกว่าเมืองไทยได้ก้าวหน้าจำเริญมั่นคงแล้ว” หลังจากนั้นพระยากัลยาณไมตรี เจนส์ ไอ. เวสสเตนการด์ (Jens Iverson Westengard) ได้ลาออกจากราชการไทยเมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ. ๒๔๕๘ เพื่อเดินทางกลับประเทศสหรัฐอเมริกาไปรับตำแหน่งศาสตราจารย์วิชากฎหมายระหว่างประเทศจากกองทุนยอร์ช เบมีช ซึ่งเป็นตำแหน่งเดิมของสโตรเบล และไปสอนหนังสือที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด แต่ก็ยังได้คอยช่วยเหลือกิจการของรัฐบาลไทยอยู่เสมอ โดยผ่านสถานทูตไทย ณ กรุงวอชิงตัน เช่น ช่วยเปิดการเจรจาแก้ไขสนธิสัญญากับประเทศสหรัฐอเมริกา ช่วยจัดหาบุคคลเหมาะสมมารับราชการ เช่น ตำแหน่งที่ปรึกษาราชการประจำกระทรวงการต่างประเทศ อีกทั้งให้ความสนใจเป็นพิเศษต่อความก้าวหน้าในการศึกษาของบรรดานักเรียนไทย ซึ่งท่านได้กล่าวเสมอว่า “อนาคตของสยามอยู่ในกำมือของคนหนุ่มเหล่านี้” เป็นต้น

หลังจากนั้นอีก ๓ ปี ก็ถึงแก่กรรมด้วยโรคเบาหวาน เมื่อวันที่ ๑๗ กันยายน พ.ศ. ๒๔๖๑ ที่เมือง เคมบริดจ์ มีอายุเพียง ๔๗ ปี วันที่ประกอบพิธีฝังศพพระยากัลยาณไมตรี เจนส์ ไอ. เวสสเตนการด์ (Jens Iverson Westengard) สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ กรมขุนสงขลานครินทรทรงเป็นผู้แทนพระองค์รัชกาลที่ ๖ และผู้แทนรัฐบาลสยาม เสด็จไปทรงวางพวงมาลาคำนับศพ รวมทั้งนักเรียนไทยในประเทศสหรัฐอเมริกาได้ ไปร่วมแสดงความเคารพเป็นจำนวนมาก ซึ่งวารสาร Harvard Law Review ของโรงเรียนกฎหมายฯ ได้ตีพิมพ์บทความไว้อาลัยท่านในนามนักเรียนไทยทั้งหมดอย่างน่าประทับใจที่สุด

บรรณานุกรม

วิชิตวงศ์ ณ ป้อมเพชร. นักเรียนกฎหมายจากฮาร์วาร์ดของประเทศไทย. [ออนไลน์]. สืบค้นจาก : httpp://www.oknation.net/blog/print.php?id=๑๘๙๙๓๒ (เมื่อวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๕๗)

สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์. “พระยากัลยาณไมตรี”. [ออนไลน์]. สืบค้นจาก : http://www.literatureandhistory.go.th/index.php?app=academic&fnc=showlist&cateid=๑๐๒๔&apptype=academic๔. (เมื่อวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๕๖).

อุทัย สินธุสาร. สารานุกรมไทย กัลยาณไมตรี, พระยา. (กรุงเทพมหานคร. ๒๕๓๓).

Joseph H. Beale and others, Jens Iverson Westengard [Online], accessed ๒๙ May ๒๐๑๔. Available from http://www.jstor.org/stable/๑๓๒๗๖๓๙