ผลต่างระหว่างรุ่นของ "1 เมษายน พ.ศ. 2476"
ลไม่มีความย่อการแก้ไข |
ลไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัดที่ 7: | บรรทัดที่ 7: | ||
---- | ---- | ||
วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2476 | วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2476 เป็นวันที่รัฐบาลที่มี[[พระยามโนปกรณ์นิติธาดา]] เป็น[[นายกรัฐมนตรี]] ออก[[พระราชกฤษฎีกาปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎร]] และงดใช้บทบัญญัติต่างๆ ใน[[รัฐธรรมนูญ]] ซึ่งขัดกับพระราชกฤษฎีกาที่ออกประกาศมานี้ สาระสำคัญของพระราชกฤษฎีกาฉบับนี้มีเนื้อความสำคัญ อยู่ 5 ประการ | ||
“1. ให้ปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรนี้เสีย และห้ามไม่ให้เรียกประชุมจนกว่าจะได้มีสภาผู้แทนราษฎรขึ้นใหม่ เมื่อได้มีการเลือกตั้งผู้แทนตามความในรัฐธรรมนูญนั้นแล้ว | “1. ให้ปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรนี้เสีย และห้ามไม่ให้เรียกประชุมจนกว่าจะได้มีสภาผู้แทนราษฎรขึ้นใหม่ เมื่อได้มีการเลือกตั้งผู้แทนตามความในรัฐธรรมนูญนั้นแล้ว | ||
บรรทัดที่ 13: | บรรทัดที่ 13: | ||
2. ให้ยุบคณะรัฐมนตรีชุดปัจจุบันนี้เสีย และให้ตั้งคณะรัฐมนตรีขึ้นใหม่ กอปรด้วยนายกรัฐมนตรี 1 นาย และรัฐมนตรีอื่นๆ ไม่เกิน 20 นาย และให้นายกรัฐมนตรีซึ่งถูกยุบเป็นนายกของคณะรัฐมนตรีใหม่ กับให้คณะรัฐมนตรีซึ่งว่าการกระทรวงต่างๆ อยู่ในเวลานี้เป็นสมาชิกของคณะรัฐมนตรีโดยตำแหน่ง ส่วนรัฐมนตรีคนอื่นๆ จะได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ตั้งขึ้นตามคำแนะนำของนายกรัฐมนตรีต่อไป | 2. ให้ยุบคณะรัฐมนตรีชุดปัจจุบันนี้เสีย และให้ตั้งคณะรัฐมนตรีขึ้นใหม่ กอปรด้วยนายกรัฐมนตรี 1 นาย และรัฐมนตรีอื่นๆ ไม่เกิน 20 นาย และให้นายกรัฐมนตรีซึ่งถูกยุบเป็นนายกของคณะรัฐมนตรีใหม่ กับให้คณะรัฐมนตรีซึ่งว่าการกระทรวงต่างๆ อยู่ในเวลานี้เป็นสมาชิกของคณะรัฐมนตรีโดยตำแหน่ง ส่วนรัฐมนตรีคนอื่นๆ จะได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ตั้งขึ้นตามคำแนะนำของนายกรัฐมนตรีต่อไป | ||
3. | 3. ตราบใดยังไม่มี[[การเลือกตั้งผู้แทนราษฎร]]และยังไม่ได้[[เรียกประชุมสภาผู้แทนราษฎร]]ใหม่นั้น และยังไม่ได้ตั้งรัฐมนตรีตามความในรัฐธรรมนูญแล้ว ให้[[คณะรัฐมนตรี]]ใหม่ ตามพระราชกฤษฎีกาฉบับนี้เป็นผู้ใช้อำนาจต่าง ๆ ซึ่งรัฐธรรมนูญได้ให้ไว้แก่คณะรัฐมนตรี | ||
4. ตราบใดที่ยังมิได้มีการเลือกตั้งผู้แทนราษฎร และยังไม่ได้เรียกประชุมสภาผู้แทนราษฎรใหม่นั้น | 4. ตราบใดที่ยังมิได้มีการเลือกตั้งผู้แทนราษฎร และยังไม่ได้เรียกประชุมสภาผู้แทนราษฎรใหม่นั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะได้ทรงใช้[[อำนาจนิติบัญญัติ]] ตามคำแนะนำและยินยอมของคณะรัฐมนตรี | ||
5. ตราบใดที่ยังไม่ได้มีการเลือกตั้งผู้แทนราษฎร และยังไม่ได้เรียกประชุมสภาผู้แทนราษฎรใหม่นั้น และยังไม่ได้ตั้งคณะรัฐมนตรีตามความในรัฐธรรมนูญแล้ว ให้รอการใช้บทบัญญัติต่าง ๆ ในรัฐธรรมนูญซึ่งขัดกับพระราชกฤษฎีกานี้เสีย ส่วนบทบัญญัติอื่น ๆ นั้นให้เป็นอันคงใช้อยู่ต่อไป” | 5. ตราบใดที่ยังไม่ได้มีการเลือกตั้งผู้แทนราษฎร และยังไม่ได้เรียกประชุมสภาผู้แทนราษฎรใหม่นั้น และยังไม่ได้ตั้งคณะรัฐมนตรีตามความในรัฐธรรมนูญแล้ว ให้รอการใช้บทบัญญัติต่าง ๆ ในรัฐธรรมนูญซึ่งขัดกับพระราชกฤษฎีกานี้เสีย ส่วนบทบัญญัติอื่น ๆ นั้นให้เป็นอันคงใช้อยู่ต่อไป” | ||
แต่ในวันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2476 รัฐบาลพระยามโนฯ | แต่ในวันที่ [[20 มิถุนายน พ.ศ. 2476]] รัฐบาลพระยามโนฯ ซึ่งเชื่อกันว่าได้รับการหนุนจาก[[นายพันเอกพระยาทรงสุรเดช]]ก็ถูกยึดอำนาจโดยคณะผู้ยึดอำนาจปกครองประเทศที่มีนายพันเอก พระยาพหลพลพยุหเสนาเป็นหัวหน้า และมี[[นายพันโทหลวงพิบูลสงคราม]] กับ[[นายนาวาโทหลวงศุภชลาศัย]]เป็นผู้ร่วมงาน พระยามโนปกรณ์ฯ ยอมลาออก และ พ.อ. พระยาพหลพลพยุหเสนา ได้เป็นนายกรัฐมนตรี มีการกลับไปเปิดสภาและยกเลิกการงดใช้รัฐธรรมนูญ | ||
[[หมวดหมู่:เหตุการณ์สำคัญทางการเมืองไทย สมัย พ.ศ. 2475-2500]] | [[หมวดหมู่:เหตุการณ์สำคัญทางการเมืองไทย สมัย พ.ศ. 2475-2500]] |
รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 15:52, 9 กันยายน 2556
ผู้เรียบเรียง ศาสตราจารย์พิเศษ นรนิติ เศรษฐบุตร
ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ รองศาสตราจารย์ ดร.นิยม รัฐอมฤต
วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2476 เป็นวันที่รัฐบาลที่มีพระยามโนปกรณ์นิติธาดา เป็นนายกรัฐมนตรี ออกพระราชกฤษฎีกาปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎร และงดใช้บทบัญญัติต่างๆ ในรัฐธรรมนูญ ซึ่งขัดกับพระราชกฤษฎีกาที่ออกประกาศมานี้ สาระสำคัญของพระราชกฤษฎีกาฉบับนี้มีเนื้อความสำคัญ อยู่ 5 ประการ
“1. ให้ปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรนี้เสีย และห้ามไม่ให้เรียกประชุมจนกว่าจะได้มีสภาผู้แทนราษฎรขึ้นใหม่ เมื่อได้มีการเลือกตั้งผู้แทนตามความในรัฐธรรมนูญนั้นแล้ว
2. ให้ยุบคณะรัฐมนตรีชุดปัจจุบันนี้เสีย และให้ตั้งคณะรัฐมนตรีขึ้นใหม่ กอปรด้วยนายกรัฐมนตรี 1 นาย และรัฐมนตรีอื่นๆ ไม่เกิน 20 นาย และให้นายกรัฐมนตรีซึ่งถูกยุบเป็นนายกของคณะรัฐมนตรีใหม่ กับให้คณะรัฐมนตรีซึ่งว่าการกระทรวงต่างๆ อยู่ในเวลานี้เป็นสมาชิกของคณะรัฐมนตรีโดยตำแหน่ง ส่วนรัฐมนตรีคนอื่นๆ จะได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ตั้งขึ้นตามคำแนะนำของนายกรัฐมนตรีต่อไป
3. ตราบใดยังไม่มีการเลือกตั้งผู้แทนราษฎรและยังไม่ได้เรียกประชุมสภาผู้แทนราษฎรใหม่นั้น และยังไม่ได้ตั้งรัฐมนตรีตามความในรัฐธรรมนูญแล้ว ให้คณะรัฐมนตรีใหม่ ตามพระราชกฤษฎีกาฉบับนี้เป็นผู้ใช้อำนาจต่าง ๆ ซึ่งรัฐธรรมนูญได้ให้ไว้แก่คณะรัฐมนตรี
4. ตราบใดที่ยังมิได้มีการเลือกตั้งผู้แทนราษฎร และยังไม่ได้เรียกประชุมสภาผู้แทนราษฎรใหม่นั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะได้ทรงใช้อำนาจนิติบัญญัติ ตามคำแนะนำและยินยอมของคณะรัฐมนตรี
5. ตราบใดที่ยังไม่ได้มีการเลือกตั้งผู้แทนราษฎร และยังไม่ได้เรียกประชุมสภาผู้แทนราษฎรใหม่นั้น และยังไม่ได้ตั้งคณะรัฐมนตรีตามความในรัฐธรรมนูญแล้ว ให้รอการใช้บทบัญญัติต่าง ๆ ในรัฐธรรมนูญซึ่งขัดกับพระราชกฤษฎีกานี้เสีย ส่วนบทบัญญัติอื่น ๆ นั้นให้เป็นอันคงใช้อยู่ต่อไป”
แต่ในวันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2476 รัฐบาลพระยามโนฯ ซึ่งเชื่อกันว่าได้รับการหนุนจากนายพันเอกพระยาทรงสุรเดชก็ถูกยึดอำนาจโดยคณะผู้ยึดอำนาจปกครองประเทศที่มีนายพันเอก พระยาพหลพลพยุหเสนาเป็นหัวหน้า และมีนายพันโทหลวงพิบูลสงคราม กับนายนาวาโทหลวงศุภชลาศัยเป็นผู้ร่วมงาน พระยามโนปกรณ์ฯ ยอมลาออก และ พ.อ. พระยาพหลพลพยุหเสนา ได้เป็นนายกรัฐมนตรี มีการกลับไปเปิดสภาและยกเลิกการงดใช้รัฐธรรมนูญ