ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ทรงวุฒิ"

จาก ฐานข้อมูลการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า
Teeraphan (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Apirom (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
 
(ไม่แสดง 1 รุ่นระหว่างกลางโดยผู้ใช้คนเดียวกัน)
บรรทัดที่ 1: บรรทัดที่ 1:
'''ผู้เรียบเรียง''' รองศาสตราจารย์ ดร.นครินทร์ เมฆไตรรัตน์
----
'''ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ''' รองศาสตราจารย์นรนิติ เศรษฐบุตร และ รองศาสตราจารย์ ดร.นิยม รัฐอมฤต
'''ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ''' รองศาสตราจารย์นรนิติ เศรษฐบุตร และ รองศาสตราจารย์ ดร.นิยม รัฐอมฤต


----
----


== พรรคทรงวุฒิ ==


'''พรรคทรงวุฒิ'''
หลังเหตุการณ์ 14 ตุลา 2516 กระแสเกลียดชัง 3 [[ทรราช]] คือ จอมพล ถนอม กิตติขจร, พลเอกณรงค์ กิตติขจร และ พลโทประภาส จารุเสถียร แพร่หลายอยู่เป็นวงกว้างในสังคมไทย ซึ่งทั้ง 3 ได้หลบหนีออกจากประเทศ โดยจอมพล ถนอม กิตติขจร, พลเอกณรงค์ กิตติขจร และ พลโทประภาส จารุเสถียรต่างหลบหนีไปอยู่ต่างประเทศ


ด้าน[[รัฐสภา]]หลังจากที่ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมชประกาศ[[ยุบสภา]]เมื่อวันที่ 12 มกราคม พ.ศ.2519 และกำหนดให้มีการเลือกตั้งใหม่ในวันที่ 4 เมษายน พ.ศ.  2519 แต่พรรคต้นสังกัดคือพรรคประชาธิปัตย์ก็ยังได้รับความไว้วางใจจากสภาให้จัดตั้งเป็นรัฐบาลเมื่อวันที่ 21 เมษายน พ.ศ.2519 เป็นรัฐบาลหลายพรรค โดยมี ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช เป็น[[นายกรัฐมนตรี]] ทว่าก็มีปัญหามากมายทั้งปัญหาของประเทศและปัญหาภายในพรรคเอง ปัญหาภายนอกก็มีทั้งปัญหา[[คอมมิวนิสต์]]ปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาที่เกิดจากการแบ่งแยกของ[[อุดมการณ์ทางการเมือง]]ของคนในชาติ มีการเดินขบวน[[ประท้วง]]อยู่เนือง ๆ ส่วนภายในพรรคก็มีปัญหาความขัดแย้งของคนในพรรค ปัญหาการไม่เคารพยำเกรงหัวหน้าพรรคของลูกพรรค
หลังเหตุการณ์ 14 ตุลา 2516 กระแสเกลียดชัง 3 [[ทรราช]] คือ [[ถนอม กิตติขจร|จอมพล ถนอม กิตติขจร]], พลเอกณรงค์ กิตติขจร และ พลโทประภาส จารุเสถียร แพร่หลายอยู่เป็นวงกว้างในสังคมไทย ซึ่งทั้ง 3 ได้หลบหนีออกจากประเทศ โดยจอมพล ถนอม กิตติขจร, พลเอกณรงค์ กิตติขจร และ พลโทประภาส จารุเสถียรต่างหลบหนีไปอยู่ต่างประเทศ


จนในวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2519 จอมพลถนอม กิตติขจร ได้เดินทางกลับประเทศไทยโดยบวชเป็นสามเณรและมาบวชเป็นพระและจำวัดที่วัดบวรนิเวศน์วิหาร นักศึกษาก็พากันประท้วงจนวันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ.2519 .ร.ว.เสนีย์ ปราโมชได้ลาออก แต่สภามีมติให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไปอีก ม.ร.ว.เสนีย์ได้ตั้งรัฐบาลชุดใหม่ เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ.2519 คณะรัฐบาลชุดใหม่ก็คงเหมือนเดิมเป็นส่วนใหญ่ ทว่าเกิดเหตุการณ์ 6 ตุลา 2519 ฝ่ายทหารก็ยึดอำนาจใช้ชื่อว่า[[คณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน]]นำโดย พล ร.อ. สงัด ชะลออยู่ เข้ายึดอำนาจเมื่อ 20 ตุลาคม 2519) คณะผู้ยึดอำนาจได้ยกเลิก[[รัฐธรรมนูญ]]ฉบับ พ.ศ.2517 ยุบสภายกเลิกกฎหมายพรรคการเมืองฉบับ พ.ศ.2517 และตั้งนายธานินทร์ กรัยวิเชียร เป็นนายกรัฐมนตรี
ด้าน[[รัฐสภา]]หลังจากที่[[คึกฤทธิ์ ปราโมช|ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช]]ประกาศ[[ยุบสภา]]เมื่อวันที่ 12 มกราคม พ.ศ.2519 และกำหนดให้มีการเลือกตั้งใหม่ในวันที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2519 แต่พรรคต้นสังกัดคือพรรคประชาธิปัตย์ก็ยังได้รับความไว้วางใจจากสภาให้จัดตั้งเป็นรัฐบาลเมื่อวันที่ 21 เมษายน พ..2519 เป็นรัฐบาลหลายพรรค โดยมี[[เสนีย์ ปราโมช|ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช]] เป็น[[นายกรัฐมนตรี]] ทว่าก็มีปัญหามากมายทั้งปัญหาของประเทศและปัญหาภายในพรรคเอง ปัญหาภายนอกก็มีทั้งปัญหา[[คอมมิวนิสต์]]ปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาที่เกิดจากการแบ่งแยกของ[[อุดมการณ์ทางการเมือง]]ของคนในชาติ มีการเดินขบวน[[ประท้วง]]อยู่เนือง ๆ ส่วนภายในพรรคก็มีปัญหาความขัดแย้งของคนในพรรค ปัญหาการไม่เคารพยำเกรงหัวหน้าพรรคของลูกพรรค


นายธานินทร์ กล่าวว่าจะใช้ระยะเวลา 12 ปี ปรับปรุงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่มั่นคง แต่ในวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ.2520 คณะทหารเข้ายึดอำนาจแล้วตั้งตั้ง พล..เกรียงศักดิ์ ชมะนันท์เป็นนายกรัฐมนตรี และประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับวันที่ 22 ธันวาคม พ..2521 และได้จัดการเลือกตั้งในวันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2522 การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในครั้งนี้ยังจำเป็นต้องให้ ส..ต้อง[[สังกัดพรรคการเมือง]] (เพราะบทเฉพาะกาลระบุว่าจะใช้เมื่อ 4 ปีหลังจากมีการตั้งวุฒิสมาชิก)  การเลือกตั้งครั้งนี้จึงมีผู้ลงรับสมัครที่ไม่สังกัดพรรคจำนวนถึง 615 คน (จากจำนวนนี้ได้รับเลือกตั้ง 63 คน) และยังเกิดพรรคจำนวนมากที่ไม่ได้จัดตั้งอย่างเป็นทางการ ซึ่งรวมถึงพรรคทรงวุฒิที่ส่งผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งเพียง 2 คน และ[[สอบตก]]ทั้งคู่
จนในวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2519 จอมพลถนอม กิตติขจร ได้เดินทางกลับประเทศไทยโดยบวชเป็นสามเณรและมาบวชเป็นพระและจำวัดที่วัดบวรนิเวศน์วิหาร นักศึกษาก็พากันประท้วงจนวันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ.2519 ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมชได้ลาออก แต่สภามีมติให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไปอีก ม...เสนีย์ได้ตั้งรัฐบาลชุดใหม่ เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ.2519 คณะรัฐบาลชุดใหม่ก็คงเหมือนเดิมเป็นส่วนใหญ่ ทว่าเกิดเหตุการณ์ 6 ตุลา 2519 ฝ่ายทหารก็ยึดอำนาจใช้ชื่อว่า[[คณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน]]นำโดย [[สงัด ชะลออยู่|พล ร.. สงัด ชะลออยู่]] เข้ายึดอำนาจเมื่อ 20 ตุลาคม 2519) คณะผู้ยึดอำนาจได้ยกเลิก[[รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2517|รัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ. 2517]] ยุบสภายกเลิกกฎหมายพรรคการเมืองฉบับ พ.ศ.2517 และตั้ง[[ธานินทร์ กรัยวิเชียร|นายธานินทร์ กรัยวิเชียร]] เป็นนายกรัฐมนตรี


นายธานินทร์ กล่าวว่าจะใช้ระยะเวลา 12 ปี ปรับปรุงประเทศไทยให้เป็น[[ประชาธิปไตย]]ที่มั่นคง แต่ในวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ.2520 คณะทหารเข้ายึดอำนาจแล้วตั้งตั้ง [[เกรียงศักดิ์ ชมะนันท์|พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันท์]]เป็นนายกรัฐมนตรี และประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับวันที่ 22 ธันวาคม พ.ศ.2521 และได้จัดการเลือกตั้งในวันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2522 การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในครั้งนี้ยังจำเป็นต้องให้ ส.ส.ต้อง[[สังกัดพรรคการเมือง]] (เพราะบทเฉพาะกาลระบุว่าจะใช้เมื่อ 4 ปีหลังจากมีการตั้งวุฒิสมาชิก)  การเลือกตั้งครั้งนี้จึงมีผู้ลงรับสมัครที่ไม่สังกัดพรรคจำนวนถึง 615 คน (จากจำนวนนี้ได้รับเลือกตั้ง 63 คน) และยังเกิดพรรคจำนวนมากที่ไม่ได้จัดตั้งอย่างเป็นทางการ ซึ่งรวมถึงพรรคทรงวุฒิที่ส่งผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งเพียง 2 คน และ[[สอบตก]]ทั้งคู่


'''ที่มา'''
== ที่มา ==
เชาวนะ ไตรมาศ. '''ข้อมูลพื้นฐาน 66 ปีประชาธิปไตยไทย.''' กรุงเทพฯ : สถาบันนโยบายศึกษา, 2542.
เชาวนะ ไตรมาศ. '''ข้อมูลพื้นฐาน 66 ปีประชาธิปไตยไทย.''' กรุงเทพฯ : สถาบันนโยบายศึกษา, 2542.
บรรทัดที่ 22: บรรทัดที่ 25:


[[หมวดหมู่:รายชื่อพรรคการเมืองไทย]]
[[หมวดหมู่:รายชื่อพรรคการเมืองไทย]]
[[หมวดหมู่:รองศาสตราจารย์ ดร.นครินทร์ เมฆไตรรัตน์]]

รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 11:04, 4 ตุลาคม 2554

ผู้เรียบเรียง รองศาสตราจารย์ ดร.นครินทร์ เมฆไตรรัตน์


ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ รองศาสตราจารย์นรนิติ เศรษฐบุตร และ รองศาสตราจารย์ ดร.นิยม รัฐอมฤต


พรรคทรงวุฒิ

หลังเหตุการณ์ 14 ตุลา 2516 กระแสเกลียดชัง 3 ทรราช คือ จอมพล ถนอม กิตติขจร, พลเอกณรงค์ กิตติขจร และ พลโทประภาส จารุเสถียร แพร่หลายอยู่เป็นวงกว้างในสังคมไทย ซึ่งทั้ง 3 ได้หลบหนีออกจากประเทศ โดยจอมพล ถนอม กิตติขจร, พลเอกณรงค์ กิตติขจร และ พลโทประภาส จารุเสถียรต่างหลบหนีไปอยู่ต่างประเทศ

ด้านรัฐสภาหลังจากที่ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมชประกาศยุบสภาเมื่อวันที่ 12 มกราคม พ.ศ.2519 และกำหนดให้มีการเลือกตั้งใหม่ในวันที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2519 แต่พรรคต้นสังกัดคือพรรคประชาธิปัตย์ก็ยังได้รับความไว้วางใจจากสภาให้จัดตั้งเป็นรัฐบาลเมื่อวันที่ 21 เมษายน พ.ศ.2519 เป็นรัฐบาลหลายพรรค โดยมีม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช เป็นนายกรัฐมนตรี ทว่าก็มีปัญหามากมายทั้งปัญหาของประเทศและปัญหาภายในพรรคเอง ปัญหาภายนอกก็มีทั้งปัญหาคอมมิวนิสต์ปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาที่เกิดจากการแบ่งแยกของอุดมการณ์ทางการเมืองของคนในชาติ มีการเดินขบวนประท้วงอยู่เนือง ๆ ส่วนภายในพรรคก็มีปัญหาความขัดแย้งของคนในพรรค ปัญหาการไม่เคารพยำเกรงหัวหน้าพรรคของลูกพรรค

จนในวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2519 จอมพลถนอม กิตติขจร ได้เดินทางกลับประเทศไทยโดยบวชเป็นสามเณรและมาบวชเป็นพระและจำวัดที่วัดบวรนิเวศน์วิหาร นักศึกษาก็พากันประท้วงจนวันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ.2519 ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมชได้ลาออก แต่สภามีมติให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไปอีก ม.ร.ว.เสนีย์ได้ตั้งรัฐบาลชุดใหม่ เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ.2519 คณะรัฐบาลชุดใหม่ก็คงเหมือนเดิมเป็นส่วนใหญ่ ทว่าเกิดเหตุการณ์ 6 ตุลา 2519 ฝ่ายทหารก็ยึดอำนาจใช้ชื่อว่าคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินนำโดย พล ร.อ. สงัด ชะลออยู่ เข้ายึดอำนาจเมื่อ 20 ตุลาคม 2519) คณะผู้ยึดอำนาจได้ยกเลิกรัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ. 2517 ยุบสภายกเลิกกฎหมายพรรคการเมืองฉบับ พ.ศ.2517 และตั้งนายธานินทร์ กรัยวิเชียร เป็นนายกรัฐมนตรี

นายธานินทร์ กล่าวว่าจะใช้ระยะเวลา 12 ปี ปรับปรุงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่มั่นคง แต่ในวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ.2520 คณะทหารเข้ายึดอำนาจแล้วตั้งตั้ง พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันท์เป็นนายกรัฐมนตรี และประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับวันที่ 22 ธันวาคม พ.ศ.2521 และได้จัดการเลือกตั้งในวันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2522 การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในครั้งนี้ยังจำเป็นต้องให้ ส.ส.ต้องสังกัดพรรคการเมือง (เพราะบทเฉพาะกาลระบุว่าจะใช้เมื่อ 4 ปีหลังจากมีการตั้งวุฒิสมาชิก) การเลือกตั้งครั้งนี้จึงมีผู้ลงรับสมัครที่ไม่สังกัดพรรคจำนวนถึง 615 คน (จากจำนวนนี้ได้รับเลือกตั้ง 63 คน) และยังเกิดพรรคจำนวนมากที่ไม่ได้จัดตั้งอย่างเป็นทางการ ซึ่งรวมถึงพรรคทรงวุฒิที่ส่งผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งเพียง 2 คน และสอบตกทั้งคู่

ที่มา

เชาวนะ ไตรมาศ. ข้อมูลพื้นฐาน 66 ปีประชาธิปไตยไทย. กรุงเทพฯ : สถาบันนโยบายศึกษา, 2542.

พรรคการเมืองไทย. http://www.weopenmind.com/board/index.php?topic=5929.msg47927