ผลต่างระหว่างรุ่นของ "News"

จาก ฐานข้อมูลการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า
Ekkachais (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
 
Apirom (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
 
(ไม่แสดง 47 รุ่นระหว่างกลางโดยผู้ใช้ 2 คน)
บรรทัดที่ 1: บรรทัดที่ 1:
[[หลักสูตร ระดับสัมฤทธิบัตร การให้บริการสาธารณะโดยการมีส่วนร่วมของประชาชน รุ่นที่ 9]]
http://kpi.ac.th/
----
[[ละครเทิดพระเกียรติเรื่อง “พ่อ ความฝันอันสูงสุด”]]
----
[[ภาพ:Kpi1.jpg]]
----
[[KPI Congress X]]
----
เลขาธิการฯ ได้มอบให้ สำนักฝึกอบรม เผยแพร่ และประชาสัมพันธ์ จัดงานสัมมนาพิเศษ  โดย สถาบันพระปกเกล้าร่วม  กับศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน)จัดอภิปรายทางวิชาการ เรื่อง “การขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหาร : ปัญหากฎหมายและอธิปไตยของชาติ” ในวันจันทร์ที่ 30 มิถุนายน 2551 เวลา 9.00 - 12.00 น. ณ ห้องแกรนด์  บอลรูม โรงแรมรามาการ์เดนท์ ถ.วิภาวดีรังสิต กรุงเทพฯ
ผู้สนใจสำรองที่นั่งฟรีได้ที่สำนักฝึกอบรม เผยแพร่ และประชาสัมพันธ์ สถาบันพระปกเกล้า โทรศัพท์ 02-527-7830-9 ต่อ 2304-2306 โทรสาร 02-527-7822 หรือที่ www.kpi.ac.th
----
[[กำหนดการศึกษาดูงานหลักสูตรประกาศนียบัตรนักเจรจาไกล่เกลี่ย รุ่นที่ 3]]
----
[[กิจกรรมของสำนักสันติวิธีและธรรมาภิบาล]] โครงการพัฒนาวิทยากรในการจัดการความรู้แบบมีส่วนร่วมสำหรับเยาวชน
----
[[เปิดหลักสูตรประกาศนียบัตรชั้นสูง "การเสริมสร้างสังคมสันติสุข รุ่นที่ 1"]]
----
ประกาศสถาบันพระปกเกล้า เรื่อง [[รายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือกเข้าเป็นนักศึกษา หลักสูตร การเสริมสร้างสังคมสันติสุข รุ่นที่ 1]]
----
'''วันพฤหัสที่ 29 พฤษภาคม 2551 ''' สถานที่ ห้องรำไพพรรณี สถาบันพระปกเกล้า
 
'''Dr. Michael Hollander''' ผู้เชี่ยวชาญชาวเยอรมันด้านการศึกษาทางการเมืองและการประเมินผล และ Dr. Canan Atilgan ผู้แทนมูลนิธิคอนราด อาเดนาวร์
 
เข้าหารือแลกเปลี่ยนประสบการณ์และความคิดเห็นในด้านการพัฒนาการศึกษาสำหรับพลเมืองของประเทศไทยและเยอรมันร่วมกับผู้บริหารสถาบันพระปกเกล้า ได้แก่ ศ.ดร. บวรศักดิ์ อุวรรณโณ รศ. วุฒิสาร ตันไชย ดร. อรัญ โสตถิพันธุ์ นส. สร้อยนภา วัฒนากิตติกูล โดยมี ศ.ดร. วิจิตร ศรีสอ้าน และ อ. เธียรชัย ณ นคร เข้าร่วมหารือและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในวันพฤหัสบดีที่ 29 พฤษภาคม 2551 เวลา 14.00-15.00 น. ณ ห้องประชุมรำไพพรรณี สถาบันพระปกเกล้า
 
Thursday 29 May 2008
venue Rampaipannee Meeting Room, KPI
Dr. Michael Hollander, a German expert in political education and evaluation, and Dr. Canan Atilgan, Konrad Adenauer Stiftung’s Resident Representative to Thailand, discussed development of civic education in Thailand and Germany with KPI executive members- Dr. Borwornsak Uwanno, Assoc. Prof. Woothisarn Tanchai, Dr. Aran Sotthibandhu and Ms. Sroinapa Wattanakittikul. Former Education Minister Dr. Wichit Srisa-an and Prof. Tienchai Na nakorn from the Thammasat University Law Faculty also joined the meeting. The meeting was held on Thursday 29 May 2008 at Rampaipannee Meeting Room, King Prajadhipok’s Institute.
\\Saiphone1\phototoshare\KASMay2008
 
----
'''วันจันทร์ที่ 2 มิถุนายน 2551 สถานที่ ห้องรับรอง สถาบันพระปกเกล้า'''
 
ศ.ดร.บวรศักดิ์ อุวรรณโณ เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า ดร.ถวิลวดี บุรีกุล ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนา  พลเอก เอกชัย ศรีวิลาศ ผู้อำนวยการสำนักสันติวิธีและธรรมาภิบาล และ นางสาวสร้อยนภา วัฒนากิตติกูล รักษาการณ์ผู้อำนวยการสำนักฝึกอบรม เผยแพร่และพัฒนา
 
ร่วมรับรอง นาย Adny Aman เจ้าหน้าที่โครงการจากสถาบันเพื่อประชาธิปไตยและการช่วยเหลือด้านการเลือกตั้ง (Institute for Democracy and Electoral Assistance หรือ IDEA) จากประเทศสวีเดน โดยมีประเด็นสนทนาและหารือเกี่ยวกับความร่วมมือทางวิชาการระหว่างหน่วยงานในอนาคต
 
'''Monday 2 June 2008'''
 
Venue Guest Room, King Prajadhipok’s Institute
Prof. Dr. Borwornsak Uwanno, Secretary General of King Prajadhipok’s Institute (KPI), Dr. Thawilwadee Bureekul, Director of Research and Development Office, General Ekkachai Srivilat, Director of Peace and Governance Office and Ms. Sroinapa Wattanakittikul, Acting Director of Training, Dissemination and Public Relations welcomed Mr. Adhy Aman, Programme Officer from Institute for Democracy and Electoral Assistance (IDEA) to discuss future academic cooperation between KPI and IDEA.
\\Saiphone1\phototoshare\IDEA_June08
 
----
'''บทสัมภาษณ์ ผู้อำนวยการสำนักสันติวิธีและธรรมาภิบาล  สถาบันพระปกเกล้า  เรื่อง แตกต่าง แต่ไม่แปลกแยก "สังคมสันติสุข"'''
 
ความขัดแย้งทางความคิดที่นับวันจะกลายเป็นรอยร้าวลึกทางสังคม แบ่งแยกคนไทยเป็นก๊ก เป็นเหล่า พวกฉัน พวกเธอ พวกเขา จะดีกว่าไหมถ้าสังคมไทยมีแต่ “พวกเรา” แม้เธอกับเขา เราคิดไม่เหมือนกัน แต่พวกเราอยู่ “ร่วมกัน” ได้ภายใต้สังคมสันติสุข (เดียวกัน)
 
ดูเหมือนว่าความแตกต่างทางความคิด ความเชื่อของสังคมไทยกำลังพัฒนามาไกล ลุกลามเป็นความแปลกแยก ขัดแย้ง ความร้าวฉานทางสังคมที่กำลังคุกคามสังคมไทยกำลังต้องการได้รับการเยียวยาก่อนสายเกินไป
 
“สังคมไทยเดินมาถึงจุดที่เรียกว่าเป็น “อัตลักษณ์ทางความคิด” คิดว่าตัวกู ของกู เอาตัวเองเป็นใหญ่ ทุกคนมีแต่ไม่ ไม่รับ ไม่ใช่ ไม่ฟังเหตุผล ไม่เห็นด้วย” พล.อ.เอกชัย ศรีวิลาศ ผู้อำนวยการสำนักสันติวิธีและธรรมาภิบาล สถาบันพระปกเกล้า กล่าว
 
บนสังคมรากฐาน “ไม่” บั่นทอนสังคมที่ผาสุก โดยเฉพาะปัญหาชายแดนภาคใต้ ทำให้ พล.อ.เอกชัย ถึงเวลาที่ต้องใช้ “สมานฉันท์” เข้าเยียวยา ผ่านหลักสูตร “เสริมสร้างสังคมสันติสุข” ซึ่งเป็นหลักสูตรปฐมฤกษ์ของวิทยาลัยสมานฉันท์สันติสุข ภายใต้สถาบันพระปกเกล้า
 
แม้ว่าสถาบันพระปกเกล้าจะเปิดสำนักสันติวิธีและธรรมาภิบาลมาแล้ว 10 ปี แต่ความขัดแย้งทางสูงกลับทวีคูณ ซึ่งพล.อ.เอกชัย มองว่า หลักสูตรที่ผ่านมาสอนแก้ปัญหาขัดแย้งไกล่เกลี่ยเรื่องเล็กๆ แต่ปัจจุบันความขัดแย้งขยายวงกว้างในระดับประเทศ และเป็นไปอย่างไม่มีเหตุผล
 
“เราเลยอยากสร้างสังคมสันติสุข ทำอย่างไรให้คนอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ภายใต้ความแตกต่างทางความคิด วัฒนธรรม ความเชื่อ ศาสนา”
 
ด้วยแนวคิดการสอนแบบใหม่ คือ เรียนด้วยระบบสัมผัสประสบการณ์จริง ลงพื้นที่ 2 ใน 3 ของเวลาเรียน ทุกๆ ที่คือห้องเรียน ฟังมากกว่าพูด เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้
 
พล.อ.เอกชัย มองว่า การลงพื้นที่ และการเรียนนอกห้องเรียน ซึ่งต้องเป็นกระบวนการ “เปิดใจ” คุยถึงข้อขัดแย้งที่เกิด เพราะคนเราความเห็นแตกต่างกันได้ แต่ต้องไม่เกิดการ “แตกแยก” ซึ่งการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และมุมมองเป็นสิ่งสำคัญ ทำให้เราเข้าใจความคิดของคนแต่ละกลุ่ม
 
การเรียนในหลักสูตรนี้จึงไม่ตายตัวว่าจะเจาะปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เพียงสถานเดียว แต่จะหมุนเวียนเปลี่ยนไปตามปัญหาทางสังคมที่เกิดขึ้นในแต่ละยุคสมัย
 
และยิ่งแตกต่างสิ้นเชิงกับ วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร หรือ วปอ. เพราะ วปอ.มีจุดหมายปลายทางคือยุทธศาสตร์ชาติ แต่สำหรับหลักสูตรเสริมสร้างสังคมสันติสุขมีความเข้าใจและเชื่อมั่นระหว่างกันของคนในสังคมเป็นปลายทางของความหวัง
 
หลักสูตรนี้จึงเป็นแหล่งรวมเหล่าตั้งแต่ ป.4 ถึงดอกเตอร์ ปราชญ์ชาวบ้าน เอ็นจีโอ ข้าราชการ ที่มีเจตนารมณ์เดียวกัน คือ สร้างให้สังคมไทยแห่งนี้มีแต่รอยยิ้ม
 
“ของเราแต่ละรุ่นจะไม่เหมือนกัน แต่รุ่นที่หนึ่งเราจะศึกษาปัญหาใหญ่กรณีขัดแย้ง 3 จังหวัดภาคใต้”
 
แม้จะพุ่งเป้าให้เกิดความสมานฉันท์ในดินแดนตอนใต้ของไทย แต่กรณีศึกษาต้องมากกว่านั้น
 
พล.อ.เอกชัย ย้ำว่า หลักสูตรนี้ถูกดีไซน์ออกมาในแบบ “นอกกรอบ” เดิมๆ ซึ่งแต่ละเดือนจะมีโปรแกรมศึกษากิจกรรมที่แตกต่างกันของคนในสังคม อย่างกิจกรรมในสัปดาห์แรกศึกษาคนชายขอบ ชนกลุ่มน้อยพลัดถิ่น ที่อยู่ทางตอนเหนือของไทย ซึ่งต้องลงพื้นที่คลุกกับคนในท้องถิ่น และเจ้าหน้าที่ที่ดูแลพื้นที่เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ของกันและกัน
 
“เราจะศึกษาเรื่องนี้ 4 วัน พาไปดูกรณีของก๊ก มิน ตั๋ง ที่อยู่บนดอยแม่สลอง ไปดูว่าทำไมเขาเข้ามาอยู่เมืองไทยแล้วถึงไม่ได้สิทธิ ไม่ได้เป็นคนไทยเสียที”
 
หรือแม้แต่สังคมอีสานที่โครงสร้างสังคมผิดเพี้ยนไปอย่างแรง คนอีสานกว่า 2 แสนคน ย้ายถิ่นตั้งรกรากที่ยุโรป แต่คนต่างชาติกลับเข้ามาแทนที่
 
“ตอนนี้กลับตาลปัตร คนยุโรปไปอยู่อีสาน เป็นอะไรที่แปลกประหลาด ต่อไปควายในอีสานจะหายหมด มีแต่ฝรั่งมาไถนาแทน เพราะเขาชอบ ต้องมาศึกษาว่าทำไมโครงสร้างสังคมมันถึงผิดเพี้ยนอย่างนี้”
 
การเรียนที่เน้นกรณีศึกษาหมุนเวียนเปลี่ยนไปทุกเดือน และกลับมาถกเถียงถึง "รากเหง้า" ของปัญหา
 
พล.อ.เอกชัย บอกว่า ทุกคนจะต้องเรียนทุกเคสเหมือนกัน แต่ศึกษาเชิงลึกอย่างแตกต่าง เช่น เรื่องคนชายขอบ ในเรื่องเดียวกันกลุ่มหนึ่งจะต้องศึกษาเรื่องสิทธิส่วนบุคคลของชนกลุ่มน้อย อีกกลุ่มต้องศึกษาชนกลุ่มน้อยกับความมั่นคงของประเทศ 6 กลุ่ม 6 ประเด็น เพื่อให้มองปัญหาที่หลากหลายและครอบคลุม
 
และก่อนจบผู้ที่เข้าเรียนจะต้อง “ร่วมด้วยช่วยกัน” สร้างผลงานวิจัยถึงแนวทางแก้ไขปัญหาทางสังคมของ “รุ่น” ซึ่งรุ่นแรกเป็นแนวทางแก้ไขวิกฤตการณ์ชายแดนภาคใต้
 
ที่สำคัญต้องเป็นผลวิจัยที่สามารถนำไปใช้ได้จริง โดยผ่านเวที “เปิดใจ” ของคนที่เกี่ยวข้องทุกส่วนภาค
 
“เป็นเวทีคุยเปิดอกเพื่อให้รู้ว่าเกิดอะไรในสังคมไทยที่ต้องแก้ปัญหาร่วมกัน ไม่ใช่มองการแก้ปัญหาแบบท่อใครท่อมัน ท่อทหารก็แก้แบบทหาร ของผมท่อสมานฉันท์ก็มองภาคประชาชนอย่างเดียว ที่ผ่านมาเป็นอย่างนี้ ทั้งที่เป็นปัญหาระดับชาติแต่ไม่เคยมาเจอกัน แต่หลักสูตรนี้เราจะทำให้คนที่เกี่ยวข้องมาเจอกัน”
 
รูปแบบของกระบวนการสอน “เปิดใจ” ซึ่งจะเป็นคีย์ซัคเซสของหลักสูตรในความคิดของผู้อำนวยการสำนักสันติวิธี คือทำให้ในหลายมิติของสังคมได้แลกเปลี่ยนความรู้กันและกัน เข้าใจมุมคิดของคนต่างมิติ ไม่ยึดติดเอาว่า “ตัวกู ของกู” โดยการเปิดเวทีประจันหน้าระหว่างคนท้องถิ่น เจ้าหน้าที่ในท้องที่ เอ็นจีโอ ทหาร และผู้บริหารระดับสูงของภาครัฐ
 
เขาเชื่อว่านี่คือการพลิกรูปแบบการเรียนใหม่ เพื่อให้สังคม “ยึดติด” กับตำรา แต่เป็นการผสมผสาน “ความเป็นจริงในชีวิต” ช่วยแก้ไข ซึ่งเป็นแนวทางเดียวกับที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวศึกษา และหาทางแก้ปัญหา
 
"ขณะนี้การเรียนเราติดตำรา ในหลวงบอกห้ามติดตำรา เพราะท่านทำทุกอย่างจากชีวิตจริง ศึกษาจากความเป็นจริง ตำราแค่นำมาต่อยอดให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น แต่ทุกวันนี้เราเอาตำรามาเถียงทั้งที่ตำราเป็นของใครก็ไม่รู้และจะเอามาแอพพลายใช้ได้จริงหรือเปล่าไม่รู้ ต้องเอาหลักความจริงมาใช้
 
นอกจากนี้เรายังไม่ได้สอนแค่ความรู้อย่างเดียว เราสอนวิธีดำรงชีวิตในสังคมที่หลากหลายและแตกต่าง จะดำรงอยู่ได้อย่างไร เพราะตรงนี้เหมือนสังคมย่อๆ ของประเทศไทยที่มีคนอยู่ด้วยกัน 60 คน อยู่ได้มั้ยถ้าอยู่ไม่ได้ก็อยู่สังคมใหญ่ไม่ได้แน่นอน"
 
เขา บอกว่า พระปกเกล้าเดินมาถึงจุดที่ไม่ประเมินผลแค่จากตัวเองที่สามารถทำงาน “เสร็จ” แต่ดูว่าสังคมได้อะไรจากเราบ้าง ซึ่งเป็นสถาบันนำร่องแห่งแรกของไทยที่ดูผลตอบรับของโครงการที่ทำไปทั้งหมดว่าตอบสนองสังคมชุมชนได้อย่าง คนในพื้นที่ได้ประโยชน์ไหม
 
แม้จะแตกต่างทางความคิด แต่ไม่แปลกแยก ภายใต้สันติสุขเดียวกัน
 
 
----
'''ท่านใดต้องการส่งข่าวสาร  ประกาศข่าวส่งมาได้ที่ Email:ekkachais@hotmail.com  หรือโทรสาร 02-527-7809 หรือโทร 089-814-5599'''
 
----
'''การติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงาน'''
 
ตามที่พระราชบัญญัติสถาบันพระปกเกล้า พ.ศ. 2541 มาตรา 27 ให้มีคณะกรรมการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงานของสถาบัน ประกอบด้วย ประธานกรรมการและกรรมการจำนวน 5 ท่าน ได้ดำเนินการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลการปฏิบัติงานของสถาบันในปีงบประมาณ 2551 โดยเป็นปีที่สิบของการปฏิบัติงานของคณะกรรมการติดตามและประเมินผล ซึ่งสถาบันพระปกเกล้าสามารถนำข้อเสนอแนะจากรายงานผลการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลดังกล่าว มาเป็นแนวทางในการปรับปรุงการดำเนินงานของสถาบัน และของเลขาธิการ ต่อไป ทั้งในด้านสัมฤทธิผลตามแผนกลยุทธ์ ด้านความพึงพอใจของผู้ใช้บริการ ด้านการบริหารจัดการ ด้านการเงินและงบประมาณ และในด้านการพัฒนานวัตกรรมและการเรียนรู้
การติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงานในรอบครึ่งปีแรกของปีงบประมาณ 2551(1 ตุลาคม 2550 – 31 มีนาคม 2551)
 
ตามข้อเสนอแนะจากการติดตามและประเมินผลของสถาบันและของเลขาธิการในรอบครึ่งปีแรกของปีงบประมาณ 2551 และการปฏิบัติตามแผนกลยุทธ์ของสถาบันใน 6 แผนงานหลัก คือ แผนงานด้านการวิจัยและพัฒนา แผนงานด้านการส่งเสริมวิชาการของรัฐสภา แผนงานด้านการเผยแพร่และบริการวิชาการ แผนงานด้านพิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว แผนงานด้านการจัดการศึกษาและฝึกอบรม (รวมงานห้องสมุด) และแผนงานด้านการบริหารงานทั่วไป ในแต่ละแผนงานจะติดตามความก้าวหน้าทั้งในด้านวัตถุประสงค์ ผลงานและกลยุทธ์ของการดำเนินงาน
 
'''วัตถุประสงค์'''
 
การติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลงานของสถาบันและของเลขาธิการ ในรอบครึ่งปีแรกของปีงบประมาณ 2551 (1 ตุลาคม 2550 – 31 มีนาคม  2551) มีวัตถุประสงค์ทั่วไปเพื่อกระตุ้นให้สถาบันมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง อันจะก่อให้เกิดนวัตกรรมใหม่ ๆ ในอนาคต ตลอดจนก่อให้เกิดประสิทธิผลและมีดุลยภาพในการบริหารงาน ในลักษณะฝ่ายบริหารที่เข้มแข็ง สำหรับวัตถุประสงค์เฉพาะของการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลงานของสถาบัน และของเลขาธิการ มีดังนี้
 
1. เพื่อติดตามการปฏิบัติงานของสถาบันและของเลขาธิการในรอบครึ่งปีแรกของปีงบประมาณ 2551 (1 ตุลาคม 2550 – 31 มีนาคม 2551)]]'''
 
2. เพื่อประเมินความก้าวหน้าของสถาบันและของเลขาธิการในรอบครึ่งปีแรก ปีงบประมาณ 2551 (1 ตุลาคม 2550 – 31 มีนาคม 2551) ในสองประเด็น คือการประเมินสัมฤทธิผลตามแผนกลยุทธ์ โดยจะประเมินผลงานเปรียบเทียบกับวัตถุประสงค์และเกณฑ์ตามตัวชี้วัดที่กำหนดไว้ในแผนกลยุทธ์ในแต่ละแผนงาน และการประเมินผลงานของสถาบันของเลขาธิการในรอบครึ่งปีแรกของปีงบประมาณ 2551 โดยการประยุกต์ใช้การประเมินแบบสมดุล 4 มิติ คือ มิติด้านความพึงพอใจของผู้รับบริการ มิติด้านการบริหารจัดการ มิติด้านการเงินและงบประมาณ และมิติด้านนวัตกรรมและการเรียนรู้
 
 
'''กรอบความคิด'''
 
1. การติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลงานของสถาบันพระปกเกล้า ของเลขาธิการเป็นการดำเนินงานในลักษณะ PMA (Performance and Management Audit) คือ การตรวจสอบ และประเมินผลการปฏิบัติงานในการบริหาร และการทำงานร่วมกันระหว่างผู้ประเมินและผู้ถูกประเมินอย่างสร้างสรรค์
 
2. การติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผล จะเน้นการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลการปฏิบัติงานเพื่อการปรับปรุงงานอย่างต่อเนื่อง โดยการติดตาม ตรวจสอบ และการประเมินผลการปฏิบัติงานตามพันธกิจของสถาบันเจ็ดประการหลัก โดยใช้กระบวนการประเมินแบบมีส่วนร่วมดังระบุใน มาตรา 27 ที่กำหนดให้มีการรับฟังความคิดเห็นอย่างกว้างขวางจากผู้มีส่วนสัมพันธ์เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของสถาบันประกอบการประเมินผลงาน
 
3. การติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลงานของสถาบันจะประยุกต์วิธีการประเมินผลแบบสมดุล  โดยในแต่ละพันธกิจจะพิจารณาใน 4 มิติ ได้แก่ มิติด้านสัมฤทธิผล มิติด้านกระบวนการภายใน มิติด้านการเรียนรู้และการพัฒนา และมิติด้านการเงินและงบประมาณ ซึ่งกำหนดตัวบ่งชี้สำคัญ (Key Performance Indicator) ที่สะท้อนวิสัยทัศน์และปณิธานของสถาบัน และเป้าหมาย จากแผนกลยุทธ์ของสถาบัน
 
4. การติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลงาน จะพิจารณาตามคุณลักษณะของสถาบันตามหลักธรรมัตตาภิบาล (Self Good Governance) ซึ่งประกอบด้วยประสิทธิภาพ ประสิทธิผลความรับผิดชอบสนองตอบ ความโปร่งใสตรวจสอบได้ การมีส่วนร่วมจากภายนอกและภายในและความสามารถคาดการณ์ได้ (วิจิตร ศรีสอ้าน : 2542)
 
5. การติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลงานด้านการบริหาร เน้นการประเมินการประเมินคุณภาพการบริหารโดยพิจารณาจาก 2 ประเด็นหลัก ได้แก่ การบริหารงานในลักษณะฝ่ายบริหารที่เข้มแข็ง (Strong Executive) และผลการปฏิบัติงานบริหารจัดการ (Management Performance) ของเลขาธิการ และสัมฤทธิผลการปฏิบัติพันธกิจของสถาบัน
 
6. การติดตาม ตรวจสอบและประเมินผลงานด้านการเงิน (Financial Audit) คณะกรรมการติดตาม และประเมินผลงานจะทำหน้าที่เป็นสื่อกลางในการรับข้อมูลจากผู้ตรวจสอบภายนอก  ซึ่งได้แก่ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน และจากผู้ตรวจสอบภายใน  ทั้งนี้หากจำเป็นคณะกรรมการติดตามและประเมินผลงาน จะทำหน้าหน้าเป็นกลไกให้กับผู้บริหารสภาสถาบัน ในลักษณะที่ให้ข้อมูลส่งสัญญาณเตือนล่วงหน้า เชิงเป็นมิตร  มากกว่าการจ้องจับผิด
 
7. การติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลงานที่อยู่ระหว่างดำเนินการ และที่ได้เกิดขึ้นแล้วโดยได้รับความร่วมมือจากฝ่ายบริหาร ทั้งนี้จะต้องไม่เป็นภาระแก่ฝ่ายบริหารจนเกินไป
 
'''ประโยชน์'''
 
1.  กระตุ้นการดำเนินและการปรับปรุงงานของสถาบันพระปกเกล้าให้เป็นไปอย่าง
              ต่อเนื่อง
2.  ช่วยสภาสถาบันพระปกเกล้ากำกับดูแลการบริหารงานสถาบันพระปกเกล้า
3.  แนะแนวทางปรับปรุงแก้ไขการบริหารงานสถาบันพระปกเกล้าโดยทางอ้อม
4.  ชี้แนะปัญหาของสถาบันพระปกเกล้า และระบบการบริหารงานขององค์การมหาชน
5.  สร้างความโปร่งใสในการบริหารสถาบันพระปกเกล้า
 
ขั้นตอนและกระบวนการติดตาม ตรวจสอบและประเมินผลงาน
 
การติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลงานของสถาบันพระปกเกล้า และของเลขาธิการประกอบด้วยกระบวนการ 6 ขั้นตอนคือ
1. การปรึกษาหารือกับสถาบันพระปกเกล้า เกี่ยวกับทิศทาง และจุดเน้นในการติดตามตรวจสอบ และประเมินผลงานของสถาบันพระปกเกล้า และของเลขาธิการ
2. สนทนากับฝ่ายบริหาร เกี่ยวกับเป้าหมายของการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลงานและเกณฑ์การประเมิน ตลอดจนแผนการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลงานในรอบครึ่งปีแรกของปีงบประมาณ 2551 (1 ตุลาคม 2550 – 31 มีนาคม 2551)
3. จัดทำผลสรุปข้อหารือกับฝ่ายบริหาร เกี่ยวกับแผนการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลงานในรูปของคู่มือการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลงานของสถาบันพระปกเกล้า พร้อมทั้งนำเสนอสภาสถาบันและแจ้งให้ฝ่ายบริหารของสถาบันพระปกเกล้าเพื่อทราบ
4. ดำเนินการติดตาม ตรวจสอบและประเมินผลงานของสถาบันพระปกเกล้าและของเลขาธิการ โดยรับฟังความคิดเห็นจากผู้เกี่ยวข้องอย่างกว้างขวาง การติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลงานดำเนินการตามกรอบพันธกิจ 7 ประการ โดยพิจารณาใน 5 ประเด็น ได้แก่ สัมฤทธิผล ความพึงพอใจของผู้รับบริการ กระบวนการภายใน การเรียนรู้และการพัฒนา การเงินและงบประมาณ
5. สนทนากับฝ่ายบริหารเกี่ยวกับผลการติดตาม ตรวจสอบและประเมินผลงาน
เพื่อพิจารณาปรับปรุงผลการติดตาม ตรวจสอบและประเมินผลงานตามที่คณะกรรมการติดตามและประเมินผลงานตามที่เห็นสมควร
6. รายงานผลการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลงานต่อประธานสภาสถาบันพระปกเกล้าและสภาสถาบัน ในครึ่งปีงบประมาณจะเป็นการรายงานการติดตามและตรวจสอบความก้าวหน้าเป็นสำคัญ
 
 
----
''ระบบบริหารโครงการ  PMS(Performance Management System)สถาบันพระปกเกล้า'''
 
สถาบันฯ  ได้ดำเนินการจัดทำระบบบริหารโครงการ  PMS(Performance Management System)เพื่อติดตามความก้าวหน้าในการดำเนินงานตามโครงการ/งาน ในแต่ละเดือนของหน่วยงานในสถาบัน  รวมทั้งจัดทำรายงานเสนอต่อฝ่ายบริหารและคณะกรรมการบริหารของสถาบันฯ เป็นประจำทุกเดือน  โดยแต่ละหน่วยงานในสถาบันฯจะมีการบันทึกการปฏิบัติงานของผู้รับผิดชอบโครงการ  ดำเนินการลงข้อมูลในระบบการบริหารโครงการ PMS ภายในวันที่ 5 ของทุกเดือน  เพื่อให้รายงานดังกล่าว มีความสมบูรณ์ ถูกต้องและพร้อมใช้งาน 
 
 
----
 
'''สถาบันพระปกเกล้าร่วมกับมหาวิทยาลัยเปิดหลักสูตรปริญญาโท
ด้านการวิเคราะห์และบริหารความขัดแย้ง รุ่นที่ 3 เดือนพฤศจิกายน 2551'''
 
เมื่อปี 2546 สถาบันพระปกเกล้า ได้ลงนามความร่วมมือทางวิชาการกับ Royal Roads University (RRU) ประเทศแคนาดา โดยในข้อตกลงกำหนดให้มีกิจกรรมร่วมกันทั้งในระยะสั้นและระยะยาว รวมถึงการจัดการอบรม สัมมนา และจัดหลักสูตรด้านการจัดการความขัดแย้งด้วยสันติวิธี  ในเบื้องต้น สถาบันพระปกเกล้าและ Royal Roads University (RRU) ต่างเห็นชอบในหลักการที่จะร่วมกันพัฒนาหลักสูตรระดับปริญญาโทด้านการวิเคราะห์และบริหารความขัดแย้ง เพื่อพัฒนาและสร้างขีดความสามารถให้แก่บุคลากรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการแก้ปัญหาความขัดแย้งด้วยสันติวิธี โดยเปิด[[การศึกษารุ่นที่ 1 มีผู้เข้ารับการศึกษา  จำนวน 8 คน]]
 
หลักสูตรที่ร่วมกันพัฒนาชื่อหลักสูตรปริญญาโท (Master of Arts) ด้านการวิเคราะห์และการบริหารความขัดแย้ง (Conflict Analysis and Management) ต่อมา เมื่อสถาบันพระปกเกล้าและ Royal Roads University เห็นชอบร่วมกันแล้ว จึงมีการขยายความร่วมมือไปยังมหาวิทยาลัยเครือข่าย (Consortium) ของประเทศไทย ซึ่งในเบื้องต้นมีมหาวิทยาลัยที่เข้าร่วมพัฒนาหลักสูตรด้วย 3 แห่ง ได้แก่ 1. มหาวิทยาลัยขอนแก่น 2. มหาวิทยาลัยมหาสารคาม 3. มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ต่อมาได้มีมหาวิทยาลัยอีก 4 แห่ง เข้าร่วมโครงการ คือ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยนเรศวร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และมหาวิทยาลัยมหิดล
 
'''หลักสูตรปริญญาโทด้านการวิเคราะห์และบริหารความขัดแย้ง''' ได้เปิดการเรียนการสอนมาแล้วจำนวน 2 รุ่น และกำหนดให้เปิดการเรียนการสอน รุ่นที่ 3 ในเดือนพฤศจิกายน 2551 โดยมีรายละเอียดหลักสูตร ดังนี้
 
'''หลักสูตรปริญญาโทด้านการวิเคราะห์และบริหารความขัดแย้ง Conflict Analysis and Management''' ใช้ภาษาอังกฤษในการเรียนการสอน มีระยะเวลาเรียน 2 ปี ทั้งในห้องเรียนและควบคู่กับการศึกษาโดยใช้ Computer-Assisted Instruction (CAI) โดยในปีที่ 1 กำหนดให้นักศึกษาทุกคนต้องเข้าศึกษาเข้ม ณ มหาวิทยาลัยในประเทศไทยเป็นเวลา 3 สัปดาห์ และปีที่ 2 จำนวน 4 สัปดาห์ ณ ประเทศแคนาดา ซึ่งในปีที่ 1 จะมีอาจารย์จากมหาวิทยาลัย Royal Roads มาสอนที่ประเทศไทยรวมทั้งนักศึกษาที่สมัครเรียนจากประเทศแคนาดามาเรียนร่วมกับนักศึกษาไทย
 
หลักสูตรปริญญาโทด้านการวิเคราะห์และการบริหารความขัดแย้งจะเน้นความรู้ภาคทฤษฎี ทักษะ และการปฏิบัติที่จำเป็น มีการวิเคราะห์ การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในเรื่องความขัดแย้ง หลักสูตรนี้ ต้องการสร้างผู้นำในการวิเคราะห์ความขัดแย้ง นักศึกษาที่สนใจสมัครเข้าเรียนต้องจบการศึกษาในระดับปริญญาตรีสาขาใดก็ได้ ใช้ภาษาอังกฤษได้ดี หลักสูตรนี้เปิดโอกาสให้แก่นักศึกษาที่ทำงานประจำอยู่ได้ศึกษา ซึ่งพัฒนารูปแบบโดย Royal Roads University และได้รับการยอมรับจากมหาวิทยาลัยในแถบอเมริกาเหนือ 
 
นักศึกษาในหลักสูตรประกอบด้วยนักศึกษาไทยและแคนาดาหรือประเทศเพื่อนบ้านที่สนใจประมาณ 25-30 คน โดยใช้ภาษาอังกฤษเป็นสื่อการสอน ซึ่งนักศึกษาแคนาดาจะเดินทางมาศึกษาเข้มในประเทศไทยร่วมกับนักศึกษาไทยในปีการศึกษาที่ 1 แต่ในปีการศึกษาที่ 2 นักศึกษาไทยจะเดินทางไปศึกษาเข้มที่รัฐ Victoria, Canada ร่วมกับ
นักศึกษาแคนาดา  ในระหว่างที่ไม่ได้ศึกษาเข้มนักศึกษาไทยจะได้รับการเรียนการสอนจากอาจารย์ผู้สอนไทยที่กำหนดไว้ และศึกษาในระบบ CAI ควบคู่กันไปกับการทำวิทยานิพนธ์ ซึ่งอาจมีอาจารย์ที่ปรึกษาไทยและแคนาดา
นักศึกษาไทยที่ได้รับการคัดเลือกแต่ละคนจะได้รับทุนการศึกษามหาวิทยาลัยที่เป็นเครือข่ายและ Royal Roads University, RRU เป็นเวลา 2 ปีการศึกษา จำนวน $ 13,000 Cdn  ซึ่ง RRU จะหักเป็นส่วนลด (ส่วนลดในปีแรกจะได้รับทุน $ 8,000 Cdn และปีที่สองได้รับทุน $ 5,000 Cdn)  ซึ่งส่วนลดนี้จะนำไปหักจากค่าเล่าเรียนปกติ ซึ่งปกติปีแรกจะต้องเสียค่าธรรมเนียมในการเรียนประมาณ $ 16,000 Cdn และปีที่สองจะต้องเสียค่าธรรมเนียม $ 12,800 Cdn โดยสรุปนักศึกษาจะต้องจ่ายค่าเล่าเรียนเมื่อหักทุนจาก RRU แล้วปีที่หนึ่งเป็นเงิน ประมาณ 8,000 Cdn และในปีที่สอง 7,800 Cdn รวมทั้งสิ้นประมาณ 15,800 Cdn (ไม่รวมค่าใช้จ่ายในการเดินทางในและต่างประเทศ ค่าอาหาร และค่าที่พัก (1 เหรียญแคนาดาประมาณ 33 บาท ตามอัตราแลกเปลี่ยน)
 
'''เกณฑ์การใช้ภาษาอังกฤษ'''
ภาษาอังกฤษจะเป็นภาษาหลักที่ใช้ในการเรียนการสอนและการติดต่อสื่อสารในโครงการ ผู้สมัครจะต้องมีความรู้ความสามารถในการเขียนและพูดภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นคุณสมบัติในการสมัคร โดยผู้สมัครสามารถแสดงความสามารถในการใช้ภาษาโดยวิธีใดวิธีหนึ่ง ดังต่อไปนี้
-TOEFL : 550 (ทดสอบด้วยกระดาษทดสอบ) 233 (ทดสอบด้วยคอมพิวเตอร์)
-Canadian (Carleton) Academic English Language Assessment : คะแนนรวม 60 คะแนน โดยมีคะแนนความสามารถในการเขียน 60 คะแนน
-Michigan English Language Assessment Battery : 82
-International English Language Testing Services : คะแนนรวม 7.0 โดยไม่มีคะแนนที่น้อยกว่า 6.5
-York English Language Test : 5
-CanTEST : การอ่านและการฟัง 4.5 การเขียน 4.0
'''เอกสารประกอบและวิธีการสมัครเรียน'''
 
1.กรอกใบสมัครซึ่งสามารถ Download ได้ที่ http://www.royalroads.ca/admissions/apply/
หรือที่ www.royalroads.ca  หรือ www.kpi.ac.th และส่งใบสมัครตรงไปยัง Royal Roads University โดยตรง และสำเนาเอกสารถึงสถาบันพระปกเกล้า ภายใน 31 กรกฏาคม 2551
2.ค่าสมัคร 200 เหรียญแคนาดา ส่งไปพร้อมใบสมัคร
3.หนังสือรับรอง 2 คน โดยส่งตรงไปยังมหาวิทยาลัย Royal Roads
4.ใบรับรองผลการศึกษาสำเร็จปริญญาตรี  (Transcripts)  สาขาใดก็ได้
5.เขียนเหตุผลอธิบายว่าทำไมต้องการศึกษาในหลักสูตรนี้จำนวน 3-4 หน้า เป็นภาษาอังกฤษ
 
หลักสูตรนี้เปิดรับสมัครตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ผู้ที่มีความประสงค์จะสมัครเรียนหลักสูตรปริญญาโทด้านการวิเคราะห์และการบริหารความขัดแย้ง สามารถสอบถามและขอรายละเอียดได้ที่ สำนักสันติวิธีและ
ธรรมาภิบาล สถาบันพระปกเกล้า โทรศัพท์ 0 – 2527 – 7830 – 9 ต่อ 2402 หรือ 2408 โทรสาร 0 – 2527 – 7819 หรือ www.kpi.ac.th หรือ ณ มหาวิทยาลัยเครือข่ายข้างต้น
----
 
'''ประกาศสถาบันพระปกเกล้า  เรื่อง รายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือกเข้าเป็นนักศึกษา  หลักสูตร การเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยสำหรับนักบริหารระดับสูง รุ่นที่ 12'''
 
ตามที่สถาบันพระปกเกล้าได้กำหนดให้มีการศึกษาหลักสูตร  การเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยสำหรับนักบริหารระดับสูง รุ่นที่ 12 และได้ดำเนินการรับสมัคร และคัดเลือกบุคคลเพื่อเข้ารับการศึกษาในหลักสูตรดังกล่าวนั้น
 
บัดนี้  สถาบันพระปกเกล้าได้ดำเนินการคัดเลือกบุคคลที่มีคุณสมบัติครบถ้วนตามที่สถาบันกำหนดไว้เรียบร้อยแล้ว  และในคราวประชุม ครั้งที่ 5/2551 เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2551 สภาสถาบันพระปกเกล้า มีมติเห็นชอบรายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือกเข้าเป็นนักศึกษาหลักสูตร  การเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยสำหรับนักบริหารระดับสูง รุ่นที่ 12
 
'''[[มีรายชื่อดังต่อไปนี้]]'''
 
'''[[กำหนดการรายงานตัว]]'''
 
'''[[กำหนดการปฐมนิเทศน์]]'''
 
 
----
 
เปิดรับสมัครหลักสูตร ผู้นำการเมืองยุคใหม่ รุ่นที่ 5  สำหรับนักการเมืองระดับชาติและระดับท้องถิ่น ผู้บริหารพรรคการเมือง  นักวิชาการ ข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ นายทหาร ตำรวจ ผู้นำภาครัฐและผู้นำภาคเอกชน
 
ระยะเวลาในการศึกษา เดือนกรกฎาคม 2551 – มกราคม 2552 (เรียนทุกวันพฤหัสบดี ระหว่างเวลา 09.00 – 16.00 น. ณ สถาบันพระปกเกล้า นนทบุรี)
 
กำหนดการรับสมัคร  ขอรับใบสมัครได้ที่ สถาบันพระปกเกล้าหรือดาวน์โหลด จาก www.kpi.ac.th ได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
 
กำหนดยื่นใบสมัคร  ตั้งแต่วันที่ 1-30 พฤษภาคม 2551 ณ สถาบันพระปกเกล้า 
 
แจ้งผลการคัดเลือก    16-17 มิถุนายน 2551
 
วันเปิดการศึกษาและปฐมนิเทศ วันที่ 11-12 กรกฎาคม 2551
                         
ดาวน์โหลดเอกสารเพิ่มเติม
 
[[ใบสมัคร เป็น WORD ]]
 
[[ใบสมัคร เป็น PDF]]
 
[[คู่มือหลักสูตร PDF]]
 
(ถ้ามีปัญหาในการดาวน์โหลดไฟล์ติดต่อ อโนชา 02-5277830-9 ต่อ 2997)
 
ติดต่อขอทราบรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง www.kpi.ac.th หรือวิทยาลัยการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า อาคารศูนย์สัมมนา 3 ชั้น 5
สถาบันพัฒนาข้าราชการพลเรือน 47/101 หมู่ 4 ถ.ติวานนท์ ต.ตลาดขวัญ อ.เมือง  จ. นนทบุรี 11000
โทรศัพท์ 0-2527-7830-9 ต่อ 2505-8
 
 
(เข้ารับการฝึกอบรมโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย)
 
 
----
 
'''[[Mr. Roland White, Senior Institutional Development Specialist จากธนาคารโลก (World Bank)]]'''  จะมาบรรยายพิเศษในหัวข้อ '''"ปัจจัยสำคัญสำหรับแผนการเงินการคลังระหว่างหน่วยงานรัฐบาลที่มีประสิทธิภาพในระบบกระจายอำนาจ"''' (Nuts and bolts of an effective intergovernmental fiscal framework for a decentralized system)
การบรรยายดังกล่าวจะมีขึ้นในวันอังคารที่ 8 พฤษภาคม 2551 เวลา 10.00 -12.00 น. ณ ห้องประชาธิปก สถาบันพระปกเกล้า
 
ขอเชิญผู้ที่สนใจทุกท่านเข้าร่วมฟังบรรยายดังกล่าว ณ วันและเวลาข้างต้นค่ะ
 
หมายเหตุ  ใช้ภาษาอังกฤษในการบรรยาย มีล่ามแปลตลอดการบรรยาย
 
----
 
สถาบันพระปกเกล้าโดยวิทยาลัยพัฒนาการปกครองท้องถิ่น ร่วมกับ เทศบาลตำบลริมปิง '''กำหนดการอบรมหลักสูตร “พลเมืองยุคใหม่”'''ในวันที่ 28 ถึง 29 เมษายน 2551 ณ เทศบาลตำบลริมปิง  อ.เมือง  จังหวัดลำพูน
วันที่ 28 เมษายน 2551 ลงทะเบียนเวลา  08.30 น.
09.00 น.'''พิธีเปิดโครงการฯ''' โดย ''นายเอนก มหาเกียรติคุณ '' นายกเทศมนตรีตำบลริมปิง
ชี้แจงภาพรวมหลักสูตรพลเมืองยุคใหม่
บรรยายเรื่อง '''“สิทธิหน้าที่ของประชาชน”''' ''โดย อาจารย์รัชฎาภรณ์  แก้วสนิท''
ช่วงบ่าย บรรยายเรื่อง '''“การอยู่ร่วมกันอย่างสมานฉันท์”''' ''โดย พลเอกเอกชัย  ศรีวิลาศ''
 
วันที่ 29  เมษายน  2551 ลงทะเบียน
09.00 บรรยายเรื่อง '''“ความรู้เบื้องต้นด้านการปกครองท้องถิ่น”'''''โดย ผศ.ดร.อรทัย  ก๊กผล''13.00 บรรยายเรื่อง '''“การมีส่วนร่วมของประชาชนในการปกครองท้องถิ่น”''' โดย อาจารย์ไพบูลย์  โพธิ์สุวรรณ
16.15 น.'''พิธีมอบใบรับรองผ่านการอบรม''' ''โดย ผศ.ดร.อรทัย  ก๊กผล '' ผู้อำนวยการวิทยาลัยพัฒนาการปกครองท้องถิ่น
(เอกชัย รายงาน)
 
----
 
 
'''กำหนดการนำเสนอแผนพัฒนาประชาธิปไตย'''
''เรื่อง “แนวทางการพัฒนาศักยภาพในการพัฒนาประชาธิปไตย :'' '''''''''การจัดทำเกณฑ์เปรียบเทียบกับประเทศเกาหลีใต้ และมาเลเซีย”'''หลักสูตร การเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตย สำหรับนักบริหารระดับสูง  รุ่นที่ 11 (ปปร.11)
วิทยาลัยการเมืองการปกครอง  สถาบันพระปกเกล้า
วันพุธที่ 30 เมษายน 2551  เวลา 13.30 – 16.00 น.
ณ หอประชุมใหญ่  กรมประชาสัมพันธ์  ซอยอารีย์สัมพันธ์  ถนนพระราม 6
(มีการถ่ายทอดสด NBT  และถ่ายทอดเสียงสถานีวิทยุกรมประชาสัมพันธ์ ตั้งแต่ 13.30)
 
13.00 ลงทะเบียนรับเอกสาร เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า กล่าวรายงานต่อประธานสภาสถาบันพระปกเกล้า
ประธานนักศึกษา ป.ป.ร.11 แนะนำแผนพัฒนาประชาธิปไตยของนักศึกษาฯ พร้อมนำเสนอ VTR เกี่ยวกับประเทศเกาหลีใต้ มาเลเซีย และไทย  ในด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม และความคาดหวังของประเทศไทยในสายตานักศึกษาฯ  ทั้งทางด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม  และมีผู้วิจารณ์
พร้อมเปิดเวทีสำหรับสาธารณะในการตั้งคำถามและตอบคำถาม
(เอกชัยรายงาน)
 
 
----
 
'''ข่าวจากประชาสัมพันธ์สถาบันฯ'''
 
ขณะนี้มีการเปิดรับสมัครหลักสูตรต่างๆในสถาบันพระปกเกล้า
''' [[หลักสูตรธรรมาภิบาล]]''' สำหรับผู้บริหารระดับกลาง รุ่นที่ 7-8 ถึง 20 เมษายน(คุณยะราพร/คุณอังคณา)
 
----
 
'''[[หลักสูตรการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตย รุ่นที่ 12]]  วิทยาลัยการเมืองการปกครอง'''ถึง 21 เมษายน(คุณชาคริต/คุณชูเกียรติ)
 
 
ตารางเวลาการคัดเลือกนักศึกษา
หลักสูตร การเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยสำหรับนักบริหารระดับสูง รุ่นที่ 12
 
วิทยาลัยการเมืองการปกครองได้กำหนดตารางเวลาการคัดเลือกนักศึกษา      หลักสูตรการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยสำหรับนักบริหารระดับสูง รุ่นที่ 12  ดังนี้
 
กิจกรรม วัน เวลา
ประชาสัมพันธ์ทั่วไป 10 มีนาคม 2551
รับสมัคร 18 มีนาคม – 21 เมษายน 2551(ในวัน และเวลาราชการ)
ประกาศ และแจ้งผลการคัดเลือก 6 พฤษภาคม 2551
นักศึกษารายงานตัว 12 – 16 พฤษภาคม 2551
พิธีวางพวงมาลาพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ณ รัฐสภา และเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ 30 พฤษภาคม 2551
พิธีเปิดหลักสูตรและปฐมนิเทศ 6 – 8 มิถุนายน 2551
 
 
----
 
'''[[หลักสูตรการยกระดับการให้บริการสาธารณะ]] รุ่นที่ 6''' วิทยาลัยการเมืองการปกครอง  รับถึง  27 มิ.ย.51(คุณอภิญญา/คุณจิตตินันท์)
 
----
 
สถาบันฯจัด'''โครงการพลเมืองยุคใหม่ ครั้งที่ 2/51''' ที่หางดง  เชียงใหม่ ในวันที่ 3-4 เม.ย.51(คุณสุมามาลย์)
 
----
 
สถาบันจัด'''โครงการพลเมืองยุคใหม่ ครั้งที่ 3/51''' จัดให้มีขึ้นที่ จ.พิษณุโลก  ในวันที่ 17-18 เม.ย.51คุณสุมามาลย์)
 
----
 
เปิด'''[[หลักสูตรธรรมาภิบาล]]สำหรับผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรม'''ในวันที่ 18-20 เม.ย.51  ที่พิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว(คุณณัฐพงศ์)
 
----
 
เปิด'''หลักสูตรปลัดตำบล''' ในวันที่ 21-23 เม.ย.51/28 เม.ย.-1 พค.51 ณ ห้องประชาธิปกสถาบันพระปกเกล้า(คุณภควัต)
 
----
 
จัด'''โครงการเวทีท้องถิ่น ครั้งที่ 3/51'''ในวันที่ 24 เม.ย.51 ณ รร.รอยัลปริ๊นเซสหลานหลวง(คุณธนิษฐา)
 
----
จัด'''โครงการพลเมืองยุคใหม่ ครั้งที่ 4/51'''  ในวันที่ 28-29 เม.ย.51 ณ จังหวัดลำพูน(คุณสุมามาลย์)
 
 
----
'''คณะทำงานวันสถาปนาสถาบันพระปกเกล้า'''
ได้จัดทำสติ๊กเกอร์วันครบรอบ 10 ปี สถาบันพระปกเกล้า เพื่อเป็นการเผยแพร่ และประชาสัมพันธ์ สถาบันฯ
โดยขอความร่วมมือทุกท่านช่วยสนับสนุน และเผยแพร่ ให้กับนักศึกษาสถาบันพระปกเกล้าและผู้ที่สนใจทั่วไป
โดยรายได้จากการจัดจำหน่ายสมทบเข้ากองทุนสวัสดิการพนักงาน จัดจำหน่ายแผ่นละ 10 บาท โดยท่านสามารถติดต่อประสานงานได้ที่ คุณสุรชัย  เนื่องนิยม (หนึ่ง) ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
 
----
'''สถาบันพระปกเกล้าประกาศรับสมัครบุคลากรทั่วไป''' เพื่อคัดเลือกพนักงานเข้าร่วมงานกับสถาบันฯ  ด้วยการสอบแข่งขันเป็น'''พนักงานปฏิบัติการวิชาชีพและปฏิบัติการทั่วไป จำนวน 9 ตำแหน่ง (21 อัตรา)''' ตั้งแต่วันที่ 4 - 30 เมษายน 2551 โดยได้ประกาศทางเว็บไซต์ของสถาบัน(http://www.kpi.ac.th/)และสื่อต่าง ๆ ใคร่ขอั๖ฒมาไม  หรือะดข้อซักถาม  สามารถถามมาได้
 
'''สำหรับตำแหน่งพนักงานวิชาการและวิจัย''' ซึ่งจะใช้วิธีการสอบคัดเลือก  โดยเลือกจากบัญชีรายชื่อของ สำนักงาน ก.พ. กระทรวงการต่างประเทศ และรายชื่อบุคคลที่มีประสบการณ์ในทางวิชาการที่สนใจเข้ามาปฏิบัติงานรวมถึงพนักงานของสถาบันพระปกเกล้า)ด้วย จะได้ประกาศตำแหน่งงานที่เปิดรับสมัคร วิธีการและขั้นตอนในการดำเนินการต่าง ๆ ให้ทุกท่านทราบ ในโอกาสต่อไป
 
 
----
 
'''การบรรยาย ของหลักสูตรประกาศนียบัตรนักเจรจาไกล่เกลี่ย รุ่นที่ 3'''
ในวันศุกร์ที่ 4 เมษายน 2551 ห้องประชุม 3310 เวลา 09.00 ในหัวข้อเรื่อง '''ประสบการณ์การเจรจาไกล่เกลี่ยทางการแพทย์''' ''โดย ศ.พญ.สมศรี เผ่าสวัสดิ์ (ประธานเครือข่ายวิชาชีพสุขภาพเพื่อสังคมไทยปลอดบุหรี่)''และ 10.30 มีการบรรยายร่วม หัวข้อเรื่อง '''ระบบรับเรื่องร้องเรียนในสถานพยาบาล : พี่น้องเล่าสู่กันฟัง'''  ''โดย นางวันดี สำราญราษฎร์'' (พยาบาลวิชาชีพ 7(งานผู้ป่วยนอก)
 
----
'''ความก้าวหน้าโครงการศูนย์ราชการกรุงเทพมหานคร ถนนแจ้งวัฒนะ สถานที่ตั้งแห่งใหม่ของสถาบันพระปกเกล้า'''
 
จากการประชุมร่วมกัน 6 หน่วยงานสภาที่ปรึกษาฯ, สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน, สปสช., กระทรวง ICT, เป็นต้น)เมื่อวันอังคารที่ 29 มกราคม 2551 ณ ห้องประชุมสำนักงาน ธพส. ชั้น 1 อาคาร 19 ปี กสท.(แจ้งวัฒนะ)สรุปสาระได้ดังนี้
 
ความก้าวหน้าของโครงการเป็นไปตามแผนงานที่กำหนดไว้ ได้ข้อสรุปว่าเฟอร์นิเจอร์ที่จัดให้หน่วยงาน รับประกันเพิ่มเป็น 5 ปี,
 
คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ จะเปิดสอนหลักสูตรปริญญาโท (ร.ม.-การจัดการทรัพยากรบุคคล; และร.ม.-การบริหารงานภาครัฐ) โดยคิดค่าหลักสูตรให้กับบุคคลในศูนย์ราชการฯ ด้วยราคาพิเศษ
 
ธพส. ขอให้หน่วยงานดำเนินการตั้งคณะทำงานการย้ายเข้าอาคาร และแจ้งรายชื่อผู้ประสานงานการย้ายเข้าอาคาร
 
ต้องดำเนินการจัดหาบริษัทเพื่อดำเนินการขนย้ายครุภัณฑ์ของหน่วยงานที่จะนำมาใช้ต่อ เช่น โต๊ะ ตู้เก็บเอกสาร ฯลฯ และให้วางแผนการย้ายเข้าอาคารโดยประเมินจำนวนวันในการขนย้าย  สำหรับการขนย้ายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์นั้น ทางทีโอทีอาจจะแนะนำบริษัทให้หรือทีโอทีอาจจะหาคนมาช่วยย้ายให้
 
แผนผังการวางระบบไฟฟ้า เอวี ห้องเซิฟเวอร์ จะส่งให้ล่วงหน้า หลังจากเราได้ Floor Plan ของสถาบันกลับมาจะดำเนินการต่อไป
 
หน่วยงานใดต้องการให้บริษัทที่จัดทำเฟอร์นิเจอร์ในโครงการผลิตตู้ โต๊ะให้เพิ่มเติม หน่วยงานนั้นก็จะได้ในราคาเดียวกันกับของโครงการด้วย หรือจะขอเพิ่มจาก ธพส.ก็ได้คิดค่าเช่าเพิ่ม)
 
หน่วยงานไหนที่มีห้องประชุมที่ตกลงกันไว้ก่อนแล้วว่าจะมี หน่วยงานนั้นต้องเป็นผู้จัดหาอุปกรณ์เครื่องเสียงเอง
 
สำหรับเรื่อง'''คมนาคม''' การเดินทางต่าง ๆ ตอนนี้ดำเนินการได้เรียบร้อยแล้วตามที่เคยแจ้งไว้  '''ธนาคารพาณิชย์''' จะมีให้บริการทั้งหมด 6 แห่ง แต่คาดว่าน่าจะมีครบทั้งหมดในเร็ว ๆ นี้  '''สถานพยาบาล'''ในอาคาร ทางสปสช.รับไปประสานให้
 
จะมีการประชุมในลักษณะนี้ทุกเดือนเพื่อให้การย้ายอาคารเป็นไปอย่างราบรื่น
ผู้แทนจาก ทีโอที ได้แจ้งว่าหน่วยงานไหนที่ต้องการเบอร์สวย ทางทีโอทีได้จัดเตรียมไว้ให้อย่างเพียงพอ
หน่วยงานใดที่ใช้เลขหมายโทรศัพท์ของทีโอทีอยู่แล้วในขณะนี้ ช่วงที่ดำเนินการย้ายสถานที่ จะจัดบริการโอนจากเลขหมายเก่ามาเลขหมายใหม่ให้ 2 เดือน ต่อจากนั้น จะทำระบบ IBR ซึ่งจะแจ้งให้ผู้ติดต่อต้องหมุนหมายเลขใหม่ให้
 
ทีโอที จะจัดบริการฟรี Web Hosting คือนำเว็บไซต์ของหน่วยงานมาฝากในช่วงที่ดำเนินการย้ายสถานที่จนกว่าจะเรียบร้อย
 
ทีโอที ได้รับเอกสิทธิแต่ผู้เดียวสำหรับโทรศัพท์พื้นฐาน แต่หากหน่วยงานใดต้องใช้บริการเครือข่ายหรือเน็ตเวิร์คอื่น ๆ สามารถดำเนินการได้ตามเดิม แต่ทีโอทีมีนโยบายให้ใช้บริการของทีโอที หากมีปัญหาเรื่องค่าใช้บริการ สามารถต่อรองกันได้
 
ทีมงานทีโอทีจะเข้ามาหารือเรื่อง ICT ของสถาบันประมาณเดือนหน้าซึ่งจะเกี่ยวกับความต้องการใช้งานของสถาบันทั้งโทรศัพท์และระบบคอมพิวเตอร์และเครือข่าย และจะต้องวางแผนการดำเนินงานตามขั้นตอนต่าง ๆ (เบญจมาศ)
 
----
 
'''ขอเชิญร่วมสมัคร! รางวัลพระปกเกล้า ประจำปี 2551สำหรับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีความเป็นเลิศด้านความโปร่งใสและส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน 
ขยายเวลารับสมัครถึง 25 เมษษยนนี้'''
 
 
'''วัตถุประสงค์'''
 
'''สถาบันพระปกเกล้า'''
 
ในฐานะเป็นหน่วยงานอิสระของรัฐในกำกับของรัฐสภา มีพันธกิจด้านการส่งเสริมและพัฒนาความรู้ด้านการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการพัฒนาระบบการปกครองท้องถิ่นให้เป็นรากฐานที่มั่นคงของการปกครองในระบอบประชาธิปไตย จึงได้จัดให้มีการมอบรางวัลพระปกเกล้า และใบประกาศเกียรติคุณสถาบันพระปกเกล้า สำหรับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีความเป็นเลิศด้านความโปร่งใสและส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนขึ้นเป็นประจำทุกปี ตั้งแต่ปี 2544 เป็นต้นมา โดยวัตถุประสงค์ของการมอบรางวัลฯนั้น เพื่อเป็นการส่งเสริมและกระตุ้นให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้ตระหนักถึงความสำคัญของหลักธรรมาภิบาลในการปกครองท้องถิ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลักความโปร่งใสในการบริหารงานและการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน
 
ทั้งนี้ การมอบรางวัลฯ และใบประกาศเกียรติคุณฯแก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีความเป็นเลิศและผ่านเกณฑ์การประเมิน ประจำปี 2551 จะจัดให้มีขึ้นในวันที่ 5 กันยายน 2551 ซึ่งเป็นวันสถาปนาสถาบันพระปกเกล้า
 
 
'''หลักเกณฑ์การให้รางวัลพระปกเกล้า'''
 
การให้รางวัลพระปกเกล้าแก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีความโปร่งใสในการบริหารงานและการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน แบ่งเป็น 2 ระดับคือ
โล่ห์รางวัลพระปกเกล้า และใบประกาศเกียรติคุณฯ
มอบให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ คณะกรรมการฯ พิจารณาเห็นแล้วว่า มีความเป็นเลิศ ในการบริหารงานด้วยความโปร่งใส และส่งเสริมให้เกิดการมีส่วนร่วมของประชาชนในท้องถิ่น
 
 
'''ใบประกาศเกียรติคุณสถาบันพระปกเกล้า'''
 
มอบให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ คณะกรรมการฯ พิจารณาเห็นแล้วว่า สมควรให้ผ่านเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนดไว้ ในด้านความโปร่งใสในการบริหารงานและส่งเสริมให้เกิดการมีส่วนร่วมของประชาชน
 
 
'''หลักในการประเมินความโปร่งใสในการบริหารงานและการมีส่วนร่วมของประชาชน'''
 
ความโปร่งใสในการบริหารงาน  องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับนโยบาย การดำเนินงาน  กิจกรรม  และโครงการต่าง ๆ ให้แก่ประชาชนในท้องถิ่นอย่างทั่วถึง  ประชาชนในท้องถิ่นได้รับทราบข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ อย่างถูกต้อง และตระหนักถึงความจำเป็นในการเข้าไปมีส่วนร่วมในการจัดบริการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผลการตรวจสอบทางด้านการเงินการคลังของหน่วยตรวจสอบภายนอกไม่พบถึงปัญญาการทุจริตหรือการดำเนินการที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ราชการในรอบปีที่ผ่านมา
ในวาระการดำรงตำแหน่งของคณะผู้บริหารชุดปัจจุบันไม่มีประวัติว่ามีเรื่องร้องเรียนที่มีการตรวจสอบแล้วว่ามีมูลความผิดจริง
 
 
'''การส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน'''
 
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน  องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสนับสนุนให้มีการจัดตั้งกลุ่ม หรือองค์กรชุมชนที่ผลักดันให้ประชาชนในท้องถิ่นมีส่วนร่วมในการบริหารงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ประชาชนในท้องถิ่นมีการร่วมคิด ร่วมรับรู้ และร่วมตัดสินใจในการดำเนินงานและการตรวจสอบการดำเนินงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในด้านต่าง ๆ
 
 
'''ความเชื่อถือไว้วางใจของสาธารณชน'''
 
ประชาชนในท้องถิ่นให้ความเชื่อถือไว้วางใจในการดำเนินงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นว่าไม่มีการทุจริตหรือแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ
ประชาชนในท้องถิ่นยินดีให้ความร่วมมือ และสนับสนุนการดำเนินกิจกรรม โครงการ และนโยบายต่าง ๆ ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ประชาชนในท้องถิ่นมีทัศนคติที่ดีต่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นว่ามีการดำเนินงานที่โปร่งใสและมีความยุติธรรม ปราศจากการใช้อิทธิพลหรืออำนาจนอกรูปแบบ
ประชาชนในท้องถิ่นมีความพึงพอใจต่อบริการที่จัดให้โดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
การประเมินผลของคณะกรรมการ
 
 
'''คณะนักวิจัยทำการสำรวจข้อมูลเบื้องต้นจากเอกสารการสมัครเข้าร่วมโครงการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตามกรอบและเกณฑ์ที่คณะกรรมการฯ กำหนดไว้'''
 
โดยประเมินจากผลงานในรอบปีงบประมาณ 2550 ที่ผ่านมา (1 ตุลาคม 2549 ถึง 30 กันยายน 2550)
คณะนักวิจัยทำการสำรวจข้อมูลในพื้นที่จริงขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยใช้แบบสอบถาม และการสนทนากลุ่ม กับประชาชนและองค์กร/ กลุ่มต่างๆ ในพื้นที่
คณะกรรมการฯ ทำการคัดเลือกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ผ่านเกณฑ์การประเมินด้านความโปร่งใสและส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน ซึ่งสมควรได้รับรางวัลพระปกเกล้า ในฐานะองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีความเป็นเลิศด้านความโปร่งใสและส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน พร้อมทั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่สมควรได้รับใบประกาศเกียรติคุณสถาบันพระปกเกล้าในฐานะที่ผ่านเกณฑ์การประเมินด้านความโปร่งใสและส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนตามมาตรฐานที่คณะกรรมการฯ กำหนดไว้
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่สนใจเข้าร่วมโครงการ สามารถติดต่อขอรับใบสมัคร และสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่
 
 
'''วิทยาลัยพัฒนาการปกครองท้องถิ่น สถาบันพระปกเกล้า'''
 
47/101 หมู่ 4 ถ.ติวานนท์ ต.ตลาดขวัญ อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
โทรศัพท์ 02-527-7830-9 ต่อ 1505, 1602, 2502
โทรสาร 02-968-9144
 
กำหนดรับสมัคร ตั้งแต่ วันนี้ ถึง วันที่ 16 เมษายน 2551
เอกสารดาวน์โหลด
เอกสารประชาสัมพันธ์โครงการ
ใบสมัครของ อบจ.
ใบสมัครของ เทศบาล และ อบต.
“การสมัครเข้าร่วมโครงการนี้ ไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น”
 
----
 
'''สำนักงานสภาพัฒนาการเมือง'''
 
เป็นหน่วยงานอิสระในสถาบันพระปกเกล้า จัดตั้งขึ้นโดยพระราชบัญญัติสภาพัฒนาการเมือง พ.ศ. 2551 มีภารกิจในการพัฒนาการเมืองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และส่งเสริมการพัฒนาคุณธรรมและจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและเจ้าหน้าที่ของรัฐ รวมทั้งดำเนินการส่งเสริมให้ประชาชนมีความเข้มแข็งในทางการเมือง มีความประสงค์รับสมัครผู้มีความรู้ ความสามารถ และมีประสบการณ์ เข้าปฏิบัติงานในตำแหน่งต่าง ๆ จำนวน 16 ตำแหน่ง ดังนี้
 
 
'''นักวิชาการ ทางด้านสังคมศาสตร์ (2 ตำแหน่ง)'''
 
คุณสมบัติ สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทหรือเอก ทางรัฐศาสตร์ รัฐประศาสนศาสตร์ นิติศาสตร์ (กฎหมายมหาชน) เศรษฐศาสตร์การเมือง หรือสาขาสังคมศาสตร์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
 
มีความสามารถและประสบการณ์ในการวิจัยทางการเมืองการปกครองหรือกฎหมายมหาชน ไม่น้อยกว่า 2 ปี มีความสามารถในการจัดทำแผนพัฒนาการเมือง มีความสนใจทำงานด้านส่งเสริมการพัฒนาคุณธรรมและจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง งานส่งเสริมความเข้มแข็งทางการเมืองของประชาชน การประสานงานเครือข่ายและการมีส่วนร่วม
 
 
'''พนักงานวิเคราะห์นโยบายและแผน (1 ตำแหน่ง)'''
 
คุณสมบัติ 1. สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีหรือโท ทางรัฐศาสตร์ รัฐประศาสนศาสตร์ นิติศาสตร์ (กฎหมายมหาชน) เศรษฐศาสตร์การเมือง หรือสาขาสังคมศาสตร์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
 
มีความสามารถในการวางแผนและวิเคราะห์นโยบาย การจัดทำแผนงาน งานติดตามและประเมินผล หรือด้านอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง หากมีประสบการณ์จะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ
 
 
'''พนักงานกฎหมาย (2 ตำแหน่ง)'''
 
คุณสมบัติ
สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีหรือโททางนิติศาสตร์หรือสาขากฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
มีความสามารถในการวางระบบงานกฎหมาย งานวิเคราะห์กฎหมาย การจัดทำกฎระเบียบ หลักเกณฑ์ ข้อบังคับ หรือด้านอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง หากมีประสบการณ์จะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ 
 
 
'''พนักงานวิเทศสัมพันธ์ (1 ตำแหน่ง)'''
 
คุณสมบัติ
สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีหรือโทรัฐศาสตร์ (ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ) อักษรศาสตร์ มนุษยศาสตร์ หรือสาขาด้านภาษาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
มีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษในระดับดีมาก
มีความสามารถในการประสานงานด้านการต่างประเทศ งานสร้างเครือข่ายกับต่างประเทศและองค์กรระหว่างประเทศ หรือด้านอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง หากมีประสบการณ์จะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ
 
 
'''พนักงานประชาสัมพันธ์ (1 ตำแหน่ง)'''
 
คุณสมบัติ
สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีหรือโททางนิเทศศาสตร์ วารสารศาสตร์สื่อสารมวลชน มนุษยศาสตร์ หรือสาขาด้านการประชาสัมพันธ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
มีความสามารถในการวางแผนและเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ งานผลิตและจัดทำสื่อต่างๆ งานเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างภาคประชาสังคม หรือด้านอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง หากมีประสบการณ์จะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ
 
 
'''พนักงานคอมพิวเตอร์ (1 ตำแหน่ง)'''
 
คุณสมบัติ
สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีหรือโททางคอมพิวเตอร์ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือสาขาด้านคอมพิวเตอร์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
มีความสามารถในการวางระบบและบริหารงานเทคโนโลยี สารสนเทศและการสื่อสาร การจัดทำเว็บไซต์และการจัดทำฐานข้อมูล หรือด้านอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง หากมีประสบการณ์จะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ
 
 
'''พนักงานบริหารทั่วไป (5 ตำแหน่ง)'''
 
คุณสมบัติ
สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีหรือโททางรัฐศาสตร์ รัฐประศาสนศาสตร์ นิติศาสตร์ (กฎหมายมหาชน) เศรษฐศาสตร์การเมือง หรือสาขาสังคมศาสตร์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
มีความสามารถในงานบริหารและประสานงานทั่วไป งานธุรการสำนักงาน งานสารบรรณ งานบริหารการประชุมและบริหารโครงการ หรือด้านอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง หากมีประสบการณ์จะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ
 
 
'''พนักงานบัญชี (1 ตำแหน่ง)'''
 
คุณสมบัติ
สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีทางบัญชีหรือสาขาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องซึ่งได้ศึกษาวิชาบัญชีไม่น้อยกว่า 12 หน่วยกิต
มีความสามารถในการวางระบบงานบัญชี การตรวจสอบบัญชี การบริหารกองทุน การจัดทำรายงานการเงิน การเสนอความเห็นหรือคำแนะนำทางการบัญชี หรือด้านอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง หากมีประสบการณ์จะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ 
 
 
'''พนักงานการเงิน (1 ตำแหน่ง)'''
 
คุณสมบัติ
สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีทางพาณิชยศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ รัฐประศาสนศาสตร์ บริหารรัฐกิจ (การคลัง) บริหารธุรกิจ (การเงิน) หรือสาขาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
มีความสามารถในการวางระบบงานการเงิน การบริหารกองทุน การจัดทำและตรวจสอบรายงานทางการเงิน หรือด้านอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง หากมีประสบการณ์จะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ
 
 
'''พนักงานโสตทัศนศึกษา (1 ตำแหน่ง)'''
 
คุณสมบัติ
สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีทางสังคมศาสตร์ วิชาเอกโสตทัศนศึกษา หรือได้รับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) ทางช่างไฟฟ้า ช่างภาพ ช่างอิเล็คโทรนิคส์ วิจิตรศิลป์ ศิลปะประยุกต์ ศิลปกรรม หรือสาขาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
มีความสามารถในการออกแบบงานศิลป์ประเภทต่างๆ การจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์ การควบคุมและดูแลการใช้โสตทัศนูปกรณ์ต่างๆ หรือด้านอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง หากมีประสบการณ์จะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ
 
 
'''หมายเหตุ'''
 
ผู้สมัครทุกตำแหน่งต้องมีสัญชาติไทยเท่านั้น
ผู้สมัครสามารถใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่เหมาะสมกับตำแหน่งได้
 
 
'''ผู้ที่ผ่านการทดสอบทางวิชาการจะต้องยื่นคะแนนการสอบความสามารถทางภาษาอังกฤษ(CU-TEP)ของศูนย์ทดสอบทางวิชาการแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย'''
 
เพื่อใช้ประกอบการสอบสัมภาษณ์ โดยคะแนนสอบความสามารถทางภาษาอังกฤษ (CU-TEP) ต้องมีอายุไม่เกิน 1 ปี (บุคคลที่มีคะแนนสอบเกิน 1 ปีหรือยังไม่ได้ทดสอบสามารถลงทะเบียนสอบออนไลน์ครั้งที่ 5/2008 ระหว่างวันที่ 2-10 เมษายน 2551 ได้ทาง www.atc.chula.ac.th และสอบวันที่ 4 พฤษภาคม 2551)
 
อัตราเงินเดือนปริญญาตรีขั้นต่ำ 13,000 บาท ปริญญาโทขั้นต่ำ 20,170 บาท ยกเว้นตำแหน่งนักวิชาการ อัตราเงินเดือนปริญญาโทขั้นต่ำ 25,000 บาท ปริญญาเอกขั้นต่ำ 35,000 บาท
 
 
'''ผู้สนใจ สามารถดูรายละเอียดของแต่ละตำแหน่งงานเพิ่มเติมในเว็ปไซต์ของสถาบันพระปกเกล้า (www.kpi.ac.th)'''
 
หรือสอบถามทางโทรศัพท์หมายเลข 0-2280-6371-5 ต่อ 213 – 220 และสามารถติดต่อซื้อใบสมัครได้ที่สำนักงานสภาพัฒนาการเมืองหรือสถาบันพระปกเกล้า ระหว่างวันที่ 28 มีนาคม – 18 เมษายน 2551 เวลา 09.00 – 12.00 น. และเวลา 13.00 – 16.00 น. เว้นวันหยุดราชการ หรือดาวน์โหลดใบสมัครทางเว็ปไซต์ และยื่นใบสมัครด้วยตนเองหรือส่งทางไปรษณีย์ พร้อมค่าใบสมัครชุดละ 100 บาท โดยส่งธนาณัติ/ตั๋วแลกเงินไปรษณีย์ ในนาม “สำนักงานสภาพัฒนาการเมือง” ภายในวันที่ 18 เมษายน 2551 
 
'''สำนักงานจะไม่คืนเงินค่าใบสมัครไม่ว่ากรณีใด ๆ ยกเว้นกรณีการสมัครทางไปรษณีย์ หากใบสมัครส่งถึงสำนักงานหลังกำหนด (ดูจากตราประทับไปรษณีย์)'''
 
สำนักงานจะไม่รับสมัคร แต่จะส่งคืนใบสมัครพร้อมทั้งเงินค่าใบสมัคร
ขั้นตอนและกำหนดการสรรหาคัดเลือกบุคลากร
ของสำนักงานสภาพัฒนาการเมือง วันดำเนินการ
1. ประกาศรับสมัคร / รับสมัคร 28 มี.ค. – 18 เม.ย. 51
2. คัดเลือกใบสมัคร 19 – 25 เม.ย. 51
3. ประกาศรายชื่อบุคคลที่มีสิทธิ์ทดสอบทางวิชาการที่ป้ายประกาศสำนักงานและเว็บไซต์ 2 พ.ค. 51
4. ทดสอบทางวิชาการ 7 พ.ค. 51
5. ประกาศรายชื่อผู้ผ่านการทดสอบทางวิชาการและผู้มีสิทธิ์เข้าสอบสัมภาษณ์ที่ป้ายประกาศสำนักงานและเว็บไซต์ 21 พ.ค. 51
6. สอบคอมพิวเตอร์/สัมภาษณ์ 26 พ.ค. 51
7. ประกาศผลสอบสัมภาษณ์ 28 พ.ค. 51
8. รายงานตัว 30 พ.ค. 51
9. วันเริ่มงาน 2 มิ.ย. 51
 
 
'''หลักฐานประกอบการสมัครงาน''' - รูปถ่ายขนาด 1” หรือ 2” จำนวน 2 รูป (ถ่ายมาแล้วไม่เกิน 6 เดือน)
- สำเนาทะเบียนบ้าน (พร้อมรับรองสำเนา)
- สำเนาบัตรประชาชน หรือบัตรข้าราชการ (พร้อมรับรองสำเนา)
- สำเนาปริญญาบัตร / ประกาศนียบัตร และ Transcript (พร้อมรับรองสำเนา)
- หลักฐานการรับราชการทหาร (ถ้ามี)
- ถ้ามีประสบการณ์ต้องมีจดหมายรับรองการทำงานในอดีตมาด้วย
ส่งใบสมัครที่ :สำนักงานสภาพัฒนาการเมือง เลขที่ 2 อาคารรำไพพรรณี ชั้น 2 ถนนหลานหลวง แขวงโสมนัส เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร 10100 โทรศัพท์ 0-2280-6371-5 ต่อ 213-220 โทรสาร 0-2280-6378 ภายในวันศุกร์ที่ 18 เมษายน 2551

รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 09:29, 5 กรกฎาคม 2559