ผลต่างระหว่างรุ่นของ "กรณีที่ ๔ ซ่างเห่า แซ่ก่อ"

จาก ฐานข้อมูลการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า
Ekkachais (คุย | ส่วนร่วม)
สร้างหน้าใหม่: '''กรณีที่ ๔ ซ่างเห่า แซ่ก่อ''' ตัวอย่างของคนเกิดนอกประเทศ...
 
Apirom (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
 
(ไม่แสดง 1 รุ่นระหว่างกลางโดยผู้ใช้ 1 คน)
บรรทัดที่ 1: บรรทัดที่ 1:
'''กรณีที่ ๔ ซ่างเห่า แซ่ก่อ'''  
'''กรณีที่ ๔ ซ่างเห่า แซ่ก่อ'''  
ตัวอย่างของคนเกิดนอกประเทศไทยจากบิดาและมารดาเชื้อสายจีน เป็นคนหนีภัยความตายเข้ามาในประเทศไทย เธอไร้สัญชาติ แต่เธอเป็นมารดาของคนสัญชาติไทย  
ตัวอย่างของคนเกิดนอกประเทศไทยจากบิดาและมารดาเชื้อสายจีน เป็นคนหนีภัยความตายเข้ามาในประเทศไทย เธอไร้สัญชาติ แต่เธอเป็นมารดาของคนสัญชาติไทย  
บรรทัดที่ 11: บรรทัดที่ 10:
หลิ่งหลิง ซึ่งเป็นบุตรสาวคนสุดท้องเล่าว่า “เท่าที่จำความได้ แม่ก็ทำหน้าที่ทั้งพ่อและแม่มาโดยตลอด แม่เลี้ยงลูกๆ ด้วยความลำบาก เพราะพ่อไม่ได้ทิ้งอะไรไว้ให้เราเลย ที่อยู่ก็อยู่ในโรงงานทำไม้กวาด โดยเจ้าของบริษัทไม่เก็บค่าเช่า แม่กับพี่ชายคนโตจะทำงาน พี่ชายคนโตทำงานโดยที่ไม่ได้เรียนหนังสือ เพราะต้องไปช่วยแม่ทำงานเพื่อให้น้องๆได้เรียนหนังสือ และวันเสาร์-อาทิตย์ข้าพเจ้าและพี่ชายคนเล็กก็จะมาช่วยแม่ทำงาน ข้าพเจ้ายังจำได้ดีตอนนั้นข้าพเจ้ายังเด็ก ได้ไปรอแม่ที่ทำงาน แม่ทำงานถึง ตี ๑ - ๒ ข้าพเจ้าต้องนอนรอข้างๆ ที่ทำงานของแม่จนหลับไป แม่อุ้มกลับตอนไหนก็ไม่รู้ รู้สึกตัวอีกทีก็เช้าแล้ว..พอข้าพเจ้าเรียนสูงขึ้น รายได้ที่แม่หามาได้ก็ไม่พอจุนเจือครอบครัว แม่จึงต้องมาหางานทำในกรุงเทพฯ และได้ฝากข้าพเจ้าและพี่ชายไว้กับเพื่อนของแม่ แม่มาทำงานในกรุงเทพฯ เงินเดือนน้อยมาก ๓๐๐๐ บาท ทั้งๆ ที่แม่ของคนอื่นๆ ไปทำงานที่ไต้หวันได้เงินเดือนเยอะ ถ้าแม่ได้ไปไต้หวันก็คงไม่ลำบากอย่างนี้ ตอนแม่ไปกรุงเทพฯ ครั้งแรกข้าพเจ้ายังจำได้ติดตา แม่ร้องไห้....พอแม่ได้เงินเดือนก็จะส่งกลับมาให้ลูกๆ พร้อมเสื้อผ้า แม่จะเป็นคนประหยัดมาก ..แม่จะโทรศัพท์มาหาลูกๆ บ่อยมาก แต่เวลาที่โทรศัพท์มา แม่ไม่เคยบ่นว่าเหนื่อย แม่จะบอกว่า แม่มีความสุขมาก.”  
หลิ่งหลิง ซึ่งเป็นบุตรสาวคนสุดท้องเล่าว่า “เท่าที่จำความได้ แม่ก็ทำหน้าที่ทั้งพ่อและแม่มาโดยตลอด แม่เลี้ยงลูกๆ ด้วยความลำบาก เพราะพ่อไม่ได้ทิ้งอะไรไว้ให้เราเลย ที่อยู่ก็อยู่ในโรงงานทำไม้กวาด โดยเจ้าของบริษัทไม่เก็บค่าเช่า แม่กับพี่ชายคนโตจะทำงาน พี่ชายคนโตทำงานโดยที่ไม่ได้เรียนหนังสือ เพราะต้องไปช่วยแม่ทำงานเพื่อให้น้องๆได้เรียนหนังสือ และวันเสาร์-อาทิตย์ข้าพเจ้าและพี่ชายคนเล็กก็จะมาช่วยแม่ทำงาน ข้าพเจ้ายังจำได้ดีตอนนั้นข้าพเจ้ายังเด็ก ได้ไปรอแม่ที่ทำงาน แม่ทำงานถึง ตี ๑ - ๒ ข้าพเจ้าต้องนอนรอข้างๆ ที่ทำงานของแม่จนหลับไป แม่อุ้มกลับตอนไหนก็ไม่รู้ รู้สึกตัวอีกทีก็เช้าแล้ว..พอข้าพเจ้าเรียนสูงขึ้น รายได้ที่แม่หามาได้ก็ไม่พอจุนเจือครอบครัว แม่จึงต้องมาหางานทำในกรุงเทพฯ และได้ฝากข้าพเจ้าและพี่ชายไว้กับเพื่อนของแม่ แม่มาทำงานในกรุงเทพฯ เงินเดือนน้อยมาก ๓๐๐๐ บาท ทั้งๆ ที่แม่ของคนอื่นๆ ไปทำงานที่ไต้หวันได้เงินเดือนเยอะ ถ้าแม่ได้ไปไต้หวันก็คงไม่ลำบากอย่างนี้ ตอนแม่ไปกรุงเทพฯ ครั้งแรกข้าพเจ้ายังจำได้ติดตา แม่ร้องไห้....พอแม่ได้เงินเดือนก็จะส่งกลับมาให้ลูกๆ พร้อมเสื้อผ้า แม่จะเป็นคนประหยัดมาก ..แม่จะโทรศัพท์มาหาลูกๆ บ่อยมาก แต่เวลาที่โทรศัพท์มา แม่ไม่เคยบ่นว่าเหนื่อย แม่จะบอกว่า แม่มีความสุขมาก.”  


ผลตอบแทนความดีของซ่างเห่าได้เริ่มบังเกิดขึ้นแล้วในวันนี้ หลิ่งหลิงจบปริญญาตรีแล้ว ท่ามกลางความยากลำบากที่ยังคงมีอยู่ เพราะทุกคนในครอบครัวยังไร้สัญชาติ แต่รัฐไทยก็ยอมรับทุกคนในครอบครัวของซ่างเห่าในสถานะของราษฎรไทยประเภทอยู่ชั่วคราว พวกเขาจึงไม่ไร้รัฐ นอกจากนั้น คณะรัฐมนตรีเมื่อ พ.ศ.๒๕๔๓ ยังยอมรับให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยอนุญาตให้สถานะคนต่างด้าวที่ถูกกฎหมายและมีสิทธิอาศัยอยู่ถาวรในประเทศไทยแก่ซ่างเห่า และยอมรับรัฐมนตรีดังกล่าวให้สัญชาติไทยแก่บุตรทุกคนของซ่างเห่า วันนี้ สิ่งที่ทุกคนในครอบครัวของซ่างเห่ารอคอย ก็คือ หนังสืออนุญาตให้สถานะดังกล่าวของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งคาดว่า จะมาถึงในไม่ช้า  
ผลตอบแทนความดีของซ่างเห่าได้เริ่มบังเกิดขึ้นแล้วในวันนี้ หลิ่งหลิงจบปริญญาตรีแล้ว ท่ามกลางความยากลำบากที่ยังคงมีอยู่ เพราะทุกคนในครอบครัวยังไร้สัญชาติ แต่รัฐไทยก็ยอมรับทุกคนในครอบครัวของซ่างเห่าในสถานะของราษฎรไทยประเภทอยู่ชั่วคราว พวกเขาจึงไม่ไร้รัฐ นอกจากนั้น คณะรัฐมนตรีเมื่อ พ.ศ.๒๕๔๓ ยังยอมรับให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยอนุญาตให้สถานะคนต่างด้าวที่ถูก[[กฎหมาย]]และมี[[สิทธิ]]อาศัยอยู่ถาวรในประเทศไทยแก่ซ่างเห่า และยอมรับ[[รัฐมนตรี]]ดังกล่าวให้สัญชาติไทยแก่บุตรทุกคนของซ่างเห่า วันนี้ สิ่งที่ทุกคนในครอบครัวของซ่างเห่ารอคอย ก็คือ หนังสืออนุญาตให้สถานะดังกล่าวของรัฐมนตรีว่าการ[[กระทรวงมหาดไทย]] ซึ่งคาดว่า จะมาถึงในไม่ช้า  


วันนี้ หลิ่งหลิงมีสถานะเป็นคนสัญชาติไทยเสียแล้ว และซ่างเห่าก็มีสถานะเป็นคนต่างด้าวเข้าเมืองถูกกฎหมายและมีสิทธิอาศัยถาวรแล้ว แต่ยังไร้สัญชาติ  
วันนี้ หลิ่งหลิงมีสถานะเป็นคนสัญชาติไทยเสียแล้ว และซ่างเห่าก็มีสถานะเป็นคนต่างด้าวเข้าเมืองถูกกฎหมายและมีสิทธิอาศัยถาวรแล้ว แต่ยังไร้สัญชาติ  

รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 11:57, 5 กันยายน 2553

กรณีที่ ๔ ซ่างเห่า แซ่ก่อ ตัวอย่างของคนเกิดนอกประเทศไทยจากบิดาและมารดาเชื้อสายจีน เป็นคนหนีภัยความตายเข้ามาในประเทศไทย เธอไร้สัญชาติ แต่เธอเป็นมารดาของคนสัญชาติไทย


นางซางเห่า แซ่ก่อ เกิดที่ยูนาน ประเทศจีนเมื่อวันที่ ๑๑ ธันวาคม พ.ศ.๒๔๙๒ เธอเป็นบุตรสาวคนเดียวของมารดา บิดาทิ้งมารดาไปตั้งแต่ก่อนซ่างเห่าเกิด ภายหลังการเกิด ครอบครัวได้อพยพมาอยู่ในประเทศพม่า ซึ่งมารดามาเสียชีวิตในประเทศนี้ จึงทำให้ซ่างเห่าเป็นกำพร้าตั้งแต่อายุ ๑๑ ปี ซ่างเห่าได้รับการเลี้ยงดูจากเพื่อนของมารดา

ในวัยสาวของซ่างเห่าในประเทศพม่า ซ่างเห่าได้พบรักกับสามีซึ่งเป็นคนจีนจากแผ่นดินใหญ่ซึ่งอพยพเข้ามาในพม่าเช่นกัน หลังจากการอยู่กินกันฉันสามีภริยา ซ่างเห่าและสามีได้อพยพเข้ามาในเมืองไทยในราว พ.ศ.๒๕๑๔

ซ่างเห่าและสามีมีบุตรด้วยกัน ๓ คน บุตรทุกคนเกิดในประเทศไทย กล่าวคือ (๑) .นายชงหาง แซ่จู (๒) นายชงหัว แซ่จู และ (๓) นางสาวหลิ่งหลิง แซ่จู สามีเสียชีวิตลงภายหลังการเกิดของบุตรคนที่สาม

หลิ่งหลิง ซึ่งเป็นบุตรสาวคนสุดท้องเล่าว่า “เท่าที่จำความได้ แม่ก็ทำหน้าที่ทั้งพ่อและแม่มาโดยตลอด แม่เลี้ยงลูกๆ ด้วยความลำบาก เพราะพ่อไม่ได้ทิ้งอะไรไว้ให้เราเลย ที่อยู่ก็อยู่ในโรงงานทำไม้กวาด โดยเจ้าของบริษัทไม่เก็บค่าเช่า แม่กับพี่ชายคนโตจะทำงาน พี่ชายคนโตทำงานโดยที่ไม่ได้เรียนหนังสือ เพราะต้องไปช่วยแม่ทำงานเพื่อให้น้องๆได้เรียนหนังสือ และวันเสาร์-อาทิตย์ข้าพเจ้าและพี่ชายคนเล็กก็จะมาช่วยแม่ทำงาน ข้าพเจ้ายังจำได้ดีตอนนั้นข้าพเจ้ายังเด็ก ได้ไปรอแม่ที่ทำงาน แม่ทำงานถึง ตี ๑ - ๒ ข้าพเจ้าต้องนอนรอข้างๆ ที่ทำงานของแม่จนหลับไป แม่อุ้มกลับตอนไหนก็ไม่รู้ รู้สึกตัวอีกทีก็เช้าแล้ว..พอข้าพเจ้าเรียนสูงขึ้น รายได้ที่แม่หามาได้ก็ไม่พอจุนเจือครอบครัว แม่จึงต้องมาหางานทำในกรุงเทพฯ และได้ฝากข้าพเจ้าและพี่ชายไว้กับเพื่อนของแม่ แม่มาทำงานในกรุงเทพฯ เงินเดือนน้อยมาก ๓๐๐๐ บาท ทั้งๆ ที่แม่ของคนอื่นๆ ไปทำงานที่ไต้หวันได้เงินเดือนเยอะ ถ้าแม่ได้ไปไต้หวันก็คงไม่ลำบากอย่างนี้ ตอนแม่ไปกรุงเทพฯ ครั้งแรกข้าพเจ้ายังจำได้ติดตา แม่ร้องไห้....พอแม่ได้เงินเดือนก็จะส่งกลับมาให้ลูกๆ พร้อมเสื้อผ้า แม่จะเป็นคนประหยัดมาก ..แม่จะโทรศัพท์มาหาลูกๆ บ่อยมาก แต่เวลาที่โทรศัพท์มา แม่ไม่เคยบ่นว่าเหนื่อย แม่จะบอกว่า แม่มีความสุขมาก.”

ผลตอบแทนความดีของซ่างเห่าได้เริ่มบังเกิดขึ้นแล้วในวันนี้ หลิ่งหลิงจบปริญญาตรีแล้ว ท่ามกลางความยากลำบากที่ยังคงมีอยู่ เพราะทุกคนในครอบครัวยังไร้สัญชาติ แต่รัฐไทยก็ยอมรับทุกคนในครอบครัวของซ่างเห่าในสถานะของราษฎรไทยประเภทอยู่ชั่วคราว พวกเขาจึงไม่ไร้รัฐ นอกจากนั้น คณะรัฐมนตรีเมื่อ พ.ศ.๒๕๔๓ ยังยอมรับให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยอนุญาตให้สถานะคนต่างด้าวที่ถูกกฎหมายและมีสิทธิอาศัยอยู่ถาวรในประเทศไทยแก่ซ่างเห่า และยอมรับรัฐมนตรีดังกล่าวให้สัญชาติไทยแก่บุตรทุกคนของซ่างเห่า วันนี้ สิ่งที่ทุกคนในครอบครัวของซ่างเห่ารอคอย ก็คือ หนังสืออนุญาตให้สถานะดังกล่าวของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งคาดว่า จะมาถึงในไม่ช้า

วันนี้ หลิ่งหลิงมีสถานะเป็นคนสัญชาติไทยเสียแล้ว และซ่างเห่าก็มีสถานะเป็นคนต่างด้าวเข้าเมืองถูกกฎหมายและมีสิทธิอาศัยถาวรแล้ว แต่ยังไร้สัญชาติ