ผลต่างระหว่างรุ่นของ "สัปปายะสภาสถาน"
สร้างหน้าด้วย " ผู้เรียบเรียง : ฐะปะนีย์ จุฬารมย์ ผู้ทรงคุณวุฒิประจ..." |
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัดที่ 1: | บรรทัดที่ 1: | ||
ผู้เรียบเรียง : ฐะปะนีย์ จุฬารมย์ | ผู้เรียบเรียง : ฐะปะนีย์ จุฬารมย์ | ||
ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ : นายจเร พันธุ์เปรื่อง | ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ : นายจเร พันธุ์เปรื่อง | ||
---- | ---- | ||
บรรทัดที่ 154: | บรรทัดที่ 154: | ||
'''หนังสือแนะนำให้อ่านต่อ''' | '''หนังสือแนะนำให้อ่านต่อ''' | ||
วิญญู อาจรักษา. '''“เขาพระสุเมรุ” กับ อาคารรัฐสภาใหม่ไทย : “สภาวะแห่งการยกเว้น” ในฐานะกระบวนทัศน์การสร้างงานสถาปัตยกรรม'''. หน้าจั่ว ฉบับที่ 10, 2556. | วิญญู อาจรักษา. '''“เขาพระสุเมรุ” กับ อาคารรัฐสภาใหม่ไทย : “สภาวะแห่งการยกเว้น” ในฐานะกระบวนทัศน์การสร้างงานสถาปัตยกรรม'''. หน้าจั่ว ฉบับที่ 10, 2556. | ||
นิคม ไวยรัชพานิช. '''การจัดหาพื้นที่และการเยียวยาค่าชดเชยให้แก่ผู้ได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างอาคารรัฐสภาใหม่'''. สารวุฒิสภา. ปีที่ 18 ฉบับที่ 10 ต.ค. 2553, หน้า 4 – 6. | นิคม ไวยรัชพานิช. '''การจัดหาพื้นที่และการเยียวยาค่าชดเชยให้แก่ผู้ได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างอาคารรัฐสภาใหม่'''. สารวุฒิสภา. ปีที่ 18 ฉบับที่ 10 ต.ค. 2553, หน้า 4 – 6. | ||
บรรทัดที่ 172: | บรรทัดที่ 172: | ||
เลอสม สถาปิตานนท์. '''โครงการอาคารรัฐสภาแห่งใหม่'''. วิทยานิพนธ์คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2548. | เลอสม สถาปิตานนท์. '''โครงการอาคารรัฐสภาแห่งใหม่'''. วิทยานิพนธ์คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2548. | ||
สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร.'''รัฐสภาแห่งใหม่'''.สำนักการพิมพ์ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร : กรุงเทพฯ, 2553. | สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร.'''รัฐสภาแห่งใหม่'''.สำนักการพิมพ์ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร : กรุงเทพฯ, 2553. | ||
'''บรรณานุกรม''' | '''บรรณานุกรม''' | ||
บรรทัดที่ 186: | บรรทัดที่ 186: | ||
ณัชวิชญ์ ติกุล. '''การออกแบบเชิงนิเวศเศรษฐกิจในงานสถาปัตยกรรม'''. สำนักพิมพ์โอเดียนสโตร์, 2553. | ณัชวิชญ์ ติกุล. '''การออกแบบเชิงนิเวศเศรษฐกิจในงานสถาปัตยกรรม'''. สำนักพิมพ์โอเดียนสโตร์, 2553. | ||
โพสต์ทูเดย์ ฉบับวันที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2553.'''ถอดรหัสสถาปนิกการเมือง สร้างสัปปายะสภาสถาน'''(ออนไลน์).http://www.asa.or.th/th/node/103824 (สืบค้นเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2557) | โพสต์ทูเดย์ ฉบับวันที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2553.'''ถอดรหัสสถาปนิกการเมือง สร้างสัปปายะสภาสถาน'''(ออนไลน์).[http://www.asa.or.th/th/node/103824 http://www.asa.or.th/th/node/103824] (สืบค้นเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2557) | ||
เรืองรุจ หงส์ไทย. '''สัปปายะสภาสถาน จากความเชื่อ ''''''“ไตรภูมิ”สู่งานสถาปัตย์'''. ปีที่ 20 ฉบับที่ 251 ม.ค., 2553. | เรืองรุจ หงส์ไทย. '''สัปปายะสภาสถาน จากความเชื่อ ''''''“ไตรภูมิ”สู่งานสถาปัตย์'''. ปีที่ 20 ฉบับที่ 251 ม.ค., 2553. | ||
สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร.'''รัฐสภาแห่งใหม่'''.สำนักการพิมพ์ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร : กรุงเทพฯ, 2553. | สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร.'''รัฐสภาแห่งใหม่'''.สำนักการพิมพ์ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร : กรุงเทพฯ, 2553. | ||
สำนักประชาสัมพันธ์. ‘สัปปายะสภาสถาน’ รัฐสภาแห่งความภูมิใจของคนไทยทั้งชาติ.สารวุฒิสภา. ปีที่ 18 ฉบับที่ 8 ส.ค., 2553. หน้า 2 – 4. | สำนักประชาสัมพันธ์. ‘สัปปายะสภาสถาน’ รัฐสภาแห่งความภูมิใจของคนไทยทั้งชาติ.สารวุฒิสภา. ปีที่ 18 ฉบับที่ 8 ส.ค., 2553. หน้า 2 – 4. | ||
บรรทัดที่ 200: | บรรทัดที่ 200: | ||
[[#_ftnref2|[2]]]บริษัท ธารา คอนซัลแตนท์ จำกัด. '''รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่''', 2554. หน้า 1-5. | [[#_ftnref2|[2]]]บริษัท ธารา คอนซัลแตนท์ จำกัด. '''รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่''', 2554. หน้า 1-5. | ||
</div> <div id="ftn3"> | </div> <div id="ftn3"> | ||
[[#_ftnref3|[3]]]โพสต์ทูเดย์ ฉบับวันที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2553. '''ถอดรหัสสถาปนิกการเมือง สร้างสัปปายะสภาสถาน''' (ออนไลน์). http://www.asa.or.th/th/node/103824 (สืบค้นเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2557) | [[#_ftnref3|[3]]]โพสต์ทูเดย์ ฉบับวันที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2553. '''ถอดรหัสสถาปนิกการเมือง สร้างสัปปายะสภาสถาน''' (ออนไลน์). [http://www.asa.or.th/th/node/103824 http://www.asa.or.th/th/node/103824] (สืบค้นเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2557) | ||
</div> <div id="ftn4"> | </div> <div id="ftn4"> | ||
#บริษัท ธารา คอนซัลแตนท์ จำกัด. '''รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม รายงานสรุปผลการศึกษาสำหรับผู้บริหาร'''. โครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2554. หน้า 27. | #บริษัท ธารา คอนซัลแตนท์ จำกัด. '''รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม รายงานสรุปผลการศึกษาสำหรับผู้บริหาร'''. โครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2554. หน้า 27. | ||
บรรทัดที่ 208: | บรรทัดที่ 208: | ||
[[#_ftnref6|[6]]]เรื่องเดียวกัน. หน้า 43. | [[#_ftnref6|[6]]]เรื่องเดียวกัน. หน้า 43. | ||
</div> <div id="ftn7"> | </div> <div id="ftn7"> | ||
[7]ทีมข่าว ASTV ผู้จัดการรายวัน. '''สัปปายะสภาสถาน...ที่นี่ มณฑลศักดิ์สิทธิ์''''''?!?''' (ออนไลน์).http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9520000150341(สืบค้นเมื่อวันที่<br/> 7 สิงหาคม 2557) | [7]ทีมข่าว ASTV ผู้จัดการรายวัน. '''สัปปายะสภาสถาน...ที่นี่ มณฑลศักดิ์สิทธิ์''''''?!?''' (ออนไลน์).[http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9520000150341(สืบค้นเมื่อวันที่ http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9520000150341(สืบค้นเมื่อวันที่]<br/> 7 สิงหาคม 2557) | ||
</div> <div id="ftn8"> | </div> <div id="ftn8"> | ||
[[#_ftnref8|[8]]] อ้างแล้วในเชิงอรรถที่ 5. หน้า 47. | [[#_ftnref8|[8]]] อ้างแล้วในเชิงอรรถที่ 5. หน้า 47. | ||
บรรทัดที่ 222: | บรรทัดที่ 222: | ||
[[#_ftnref13|[13]]] อ้างแล้วในเชิงอรรถที่ 3. | [[#_ftnref13|[13]]] อ้างแล้วในเชิงอรรถที่ 3. | ||
</div> </div> | </div> </div> | ||
[[Category:รัฐสภา]] |
รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 15:34, 25 พฤษภาคม 2560
ผู้เรียบเรียง : ฐะปะนีย์ จุฬารมย์
ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ : นายจเร พันธุ์เปรื่อง
สถาปัตยกรรมที่สำคัญในอดีตตลอดริมแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นภาพสะท้อนถึงความรุ่งเรืองของไทย ในยุคสมัยต่าง ๆ จึงมีอิทธิพลต่อแนวความคิดในการออกแบบอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ที่จะแสดงถึงแหล่งที่ตั้งแห่งความรุ่งเรืองของไทย หรือเป็นสัญลักษณ์ของสถาปัตยกรรมในศตวรรษใหม่ อันแสดงถึงพัฒนาการอันสูงส่งของสถาปัตยกรรมไทย และประเพณีที่สามารถอยู่ร่วมกับความทันสมัยได้อย่างสง่างาม โดยมีพัฒนาการร่วมกันทั้งในแง่ประโยชน์ใช้สอยตามแบบอาคารสมัยใหม่ ผสมผสานกับความเหมาะสมของฐานานุศักดิ์อย่างกลมกลืนตามขนบประเพณีของไทย
สัปปายะสภาสถานจึงควรเป็นสถาปัตยกรรมแห่งความภาคภูมิใจของคนในชาติที่จะแสดงถึงลักษณะเนื้อแท้ของความเป็นราชอาณาจักรไทย การออกแบบรัฐสภาแห่งใหม่จึงต้องสอดรับกับตำแหน่งที่ตั้งของอาคารอันสวยงามติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา โดยคำนึงถึงเอกลักษณ์ของความเป็นไทย ความคิดสร้างสรรค์ ประกอบกับความทันสมัย เสมือนหนึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่บ่งบอกถึงความรุ่งเรืองขั้นสูงสุดของการพัฒนาสถาปัตยกรรมไทยใน รัชสมัยปัจจุบัน ด้วยวัตถุที่ประสงค์ในการออกแบบให้อาคารรัฐสภาแห่งใหม่เป็นสมบัติของชาติ และเป็นมรดกแห่งความภาคภูมิใจอันจะตกทอดไปสู่รุ่นลูกหลานสืบต่อไป
ความหมายของสัปปายะสภาสถาน
คำว่า สัปปายะ แปลว่า สบาย แต่ในทางธรรม สัปปายะ หมายถึง สถานที่ประกอบแต่กรรมดี ซึ่งสมัยก่อนหากประเทศประสบกับปัญหาวิกฤตการณ์ในบ้านเมือง พระมหากษัตริย์จะสร้างสถานที่ขึ้นเพื่อใช้ในการปลุกขวัญและสร้างกำลังใจ เนื่องจากความเชื่อเรื่องการดำเนินชีวิตในทางโลกียะจะต้องประกอบกับโลกุตระด้วย กล่าวคือ การนำธรรมะมาใช้ควบคู่ไปกับการดำเนินชีวิตทางโลก ซึ่งหากปัจจุบันบ้านเมืองเกิดวิกฤตการณ์ความเสื่อมทางศีลธรรม ก็ต้องช่วยกันฟื้นฟูจิตใจของคนในชาติ เสมือนดังเช่นการสถาปนาเขาพระสุเมรุครั้งใหม่ขึ้นในยุครัตนโกสินทร์
ความเป็นมาของสัปปายะสภาสถาน
สืบเนื่องจากตั้งแต่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 เป็นต้นมา การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งแรกจัดขึ้น ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม และใช้เป็นที่ประชุมสภาเรื่อยมา ต่อมาปี พ.ศ. 2513 ได้มีการก่อสร้างอาคารรัฐสภาหลังใหม่เพื่อใช้เป็นที่ประชุมรัฐสภาแทน ซึ่งอาคารรัฐสภาปัจจุบันได้สร้างแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2517 โดยพระที่นั่งอนันตสมาคมยังคงใช้สำหรับรัฐพิธีเปิดประชุมรัฐสภาครั้งแรก แต่ปัจจุบันอาคารรัฐสภาและพื้นที่บริเวณรัฐสภามีความคับแคบและไม่สามารถที่จะรองรับจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาที่เพิ่มมากขึ้นตามรัฐธรรมนูญ รวมทั้งจำนวนข้าราชการที่เพิ่มขึ้นไม่เพียงพอต่อการรองรับ การปฏิบัติงานของสมาชิกรัฐสภาได้[1]
ต่อมา รัฐสภาได้เช่าอาคารสถานที่ทำงานเพิ่มเติม อาทิเช่น อาคารกษาปณ์ อาคารทิปโก้ และอาคาร ดีพร้อม เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว แต่การปฏิบัติงานของข้าราชการที่แยกส่วนกันและปฏิบัติงานพร้อมกันในอาคารหลายแห่ง ทำให้การดำเนินงานของรัฐสภาไม่คล่องตัว อันส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติภารกิจของฝ่าย นิติบัญญัติ และเป็นอุปสรรคต่อประชาชนที่มาติดต่อราชการ ด้วยเหตุนี้รัฐสภาจึงมีความพยายามหาสถานที่ที่จะก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่อย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ พ.ศ. 2535
เมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2551 ในสมัยที่ นายชัย ชิดชอบ เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร และประธานรัฐสภา ได้มีการประชุมหารือเรื่องการพิจารณาหาพื้นที่ก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ และที่ประชุมได้พิจารณาถึงความเหมาะสมของสถานที่ โดยคำนึงถึงสถาปัตยกรรม วิศวกรรม เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม คมนาคม และสาธารณูปโภคหลายๆ ด้าน ต่อมา เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2551 คณะกรรรมการดำเนินการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ได้มีมติเห็นชอบว่าพื้นที่ราชพัสดุ ถนนทหาร (เกียกกาย) เขตดุสิต แปลงริมน้ำเจ้าพระยา เป็นพื้นที่เหมาะสมที่สุดในการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่[2]
ต่อมา เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2551 รัฐสภาได้จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ในพื้นที่ราชพัสดุ ถนนทหาร (เกียกกาย) เขตดุสิต แปลงริมแม่น้ำเจ้าพระยา พื้นที่ 119 ไร่ ระหว่างรัฐสภา กับสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม กองทัพบก กรมราชองครักษ์ กรุงเทพมหานคร สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ และกรมธนารักษ์ ซึ่งเป็นหน่วยงานมีหน้าที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่ดังกล่าวทุกราย โดยมีนายกรัฐมนตรี ประธานรัฐสภา ประธานวุฒิสภา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร รองประธานวุฒิสภาร่วมเป็นพยาน และเมื่อวันที่ 12 ส.ค.2553 ได้มีพิธีวางศิลาฤกษ์อาคารรัฐสภาแห่งใหม่แล้ว[3]
แนวความคิดในการออกแบบสัปปายะสภาสถาน
อาคารรัฐสภาเป็นสถานที่ซึ่งมีบทบาททางการเมืองที่สำคัญ และเป็นหน้าตาของประเทศ จึงควรแสดงถึงความรุ่งเรืองทางด้านสถาปัตยกรรม ประเพณี และเอกลักษณ์ที่เชิดหน้าชูตาของความเป็นไทย โดยผสมผสานกับความหมายเชิงสัญลักษณ์ที่แสดงถึงดุลยภาพและความก้าวหน้าของระบบรัฐสภาไทย ผ่านงานสถาปัตยกรรมไทยร่วมสมัยที่ตอบสนองตามลักษณะการใช้สอยงานในยุคปัจจุบัน การออกแบบอาคารรัฐสภาแห่งใหม่จึงต้องนำรูปแบบสถาปัตยกรรมไทยมาใช้เป็นหลักการออกแบบ ประกอบกับลักษณะของวัฒนธรรมและประเพณีการอยู่ร่วมกันของคนในหลายระดับ ให้สอดคล้องกับสิ่งแวดล้อมในการทำงานที่เหมาะสม ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมร่วมสมัยได้อย่างพอเหมาะ แต่ต้องดำรงถึงเอกลักษณ์แห่งความเป็นชาติไทยไว้
สัปปายะสภาสถานได้แรงบันดาลใจในการออกแบบตามหลักการสถาปัตยกรรมไทยแบบไตรภูมิตามความเชื่อคติพุทธ โดยให้มีอาคารเครื่องยอดสถาปัตยกรรมไทยตั้งอยู่ตรงบริเวณกลางอาคาร เพื่อแสดงถึงโอกาสที่จะยกฐานะของรัฐสภาไทยไปสู่ระดับโลก ซึ่งนำไปสู่สันติภาพ และพลิกฟื้นจิตวิญญาณของมนุษย์โลก แต่เนื่องจากพื้นที่ใช้สอยอาคารมีขนาดใหญ่กว่าสามแสนตารางเมตร การวางผังแม่บท ผังบริเวณและภูมิทัศน์ของอาคารจึงต้องคำนึงถึงการใช้งานที่หลากหลาย เพื่อตอบสนองความต้องการสำหรับทุกคนและประโยชน์ ใช้สอยภายในอาคาร รวมทั้งจัดระบบทางสัญจรที่สั้นและไม่สลับซับซ้อน ซึ่งคำนึงให้เหมาะกับสภาพแวดล้อมของคนพิการและผู้สูงอายุด้วย[4] นอกจากนี้ แนวคิดการออกแบบอาคารรัฐสภาแห่งใหม่จะต้องแสดงถึงความเป็นเอกลักษณ์ของสถาปัตยกรรมไทย ประกอบกับหลักการออกแบบอาคารสมัยใหม่ที่จะต้องมีความทันสมัย ความคล่องตัว ความเป็นสัดส่วน และความสะดวกสบาย นอกจากนี้ ลักษณะเฉพาะของอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ต้องมีความปลอดภัยในระดับสูงเทียบเท่าอาคารชั้นนำในระดับสากล การอนุรักษ์พลังงาน และมีสภาพแวดล้อมที่ดีเหมาะแก่การทำงานด้วย ซึ่งถือเป็นผลงานที่สร้างสรรค์ในรูปแบบสถาปัตยกรรมไทยแห่งรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของแผ่นดินให้ชาวโลกมาชื่นชมและเป็นมรดกแห่งความภาคภูมิใจของปวงชนชาวไทยต่อไปนานเท่านาน
วัตถุประสงค์ของการออกแบบสัปปายะสภาสถาน
สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรได้ดำเนินการประกวดแบบอาคารรัฐสภาแห่งใหม่และคณะกรรมการฯ ได้พิจารณาตามเกณฑ์ที่กำหนดแล้ว ปรากฏว่าบริษัทสงบ 1051 เป็นผู้ชนะ[5] ซึ่งประกอบด้วย
1. นายธีรพล นิยม
2. นายเอนก เจริญพิริยะเวศ
3. นายชาตรี ลดาลลิตสกุล
4. นายปิยเมศ ไกรฤกษ์
5. บริษัท แปลน แอสโซซิเอทส์ จำกัด โดย นายบุญฤทธิ์ ขอดิลกรัตน์
วัตถุประสงค์ของงานด้านการออกแบบอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ได้ให้ความสำคัญสูงสุด 9 เรื่อง โดยเน้นเรื่องอุดมคติ 5 เรื่อง และเรื่องประสิทธิภาพและคุณภาพชีวิต 4 เรื่อง[6] โดยเรื่องอุดมคติ[7] พิจารณา ดังต่อไปนี้
อุดมคติเรื่องที่ 1 ชาติ
รัฐสภาต้องสง่างาม แสดงถึงศักดิ์ศรีและมีคุณค่าอย่างไทย เป็นสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ที่เจริญขึ้นจากรากเหง้าของศิลปะและวัฒนธรรมของประเทศไทย ซึ่งสถาปัตยกรรมที่ปรากฏขึ้นจะต้องเป็นการสืบสานทั้งศิลปะ วัฒนธรรม คติความเชื่อ และภูมิปัญญาจากอดีตเชื่อมโยงมาจนถึงปัจจุบัน โดยวัตถุประสงค์ของการออกแบบเพื่อให้อาคารรัฐสภาแห่งใหม่เป็นศูนย์รวมจิตใจของบุคคลภายในชาติ และเป็นสถาปัตยกรรมที่แสดงถึงศิลปวัฒนธรรมอันงดงามภายในชาติให้ประจักษ์แก่ทั่วโลก ซึ่งเป็นการแสดงออกถึงความเป็นชาติไทยอย่างชัดเจนเช่นเดียวกับอาคารรัฐสภาของทุกประเทศทั่วโลก
อุดมคติเรื่องที่ 2 ศีลธรรม
ปัญหาการแสดงความขัดแย้งทางสังคมและการเมืองที่แตกต่างกันของคนในสังคมปัจจุบัน เนื่องจากคุณธรรมและศีลธรรมของคนในสังคมเสื่อมลง รัฐสภาจึงเป็นศูนย์รวมแห่งความหวังของประชาชนและสังคมทั่วไป โดยให้อาคารรัฐสภาเป็นสัปปายะของบ้านเมือง กล่าวคือ เป็นสถานที่แห่งปัญญา เป็นศูนย์รวมจิตใจและการมีส่วนร่วมกันของของคนทั้งชาติ รวมทั้งเป็นสภาที่ศักดิ์สิทธิ์ และเป็นหลักของบ้านเมืองในเรื่องศีลธรรม คุณธรรม และการปกครองโดยธรรม
อุดมคติเรื่องที่ 3 สติปัญญา
รัฐสภาแห่งใหม่จะเป็นแหล่งเพิ่มพูนความรู้และสติปัญญาของบุคคลภายในชาติ ซึ่งทำหน้าที่เป็นแหล่งเรียนรู้ที่สำคัญต่อไป โดยเฉพาะเรื่องความเป็นชาติ เพื่อสืบสานความเป็นไทยไปสู่สังคมโลก และนำพาสติปัญญาของบุคคลภายในชาติไปสู่ความรู้ที่สมดุล ระหว่างความรู้ภายในประเทศและความรู้ภายนอกประเทศ โดยมีวัตถุประสงค์หลักที่จะยกระดับจิตใจของบุคคลภายในชาติให้สูงขึ้น
อุดมคติเรื่องที่ 4 สถาบันพระมหากษัตริย์
ประเทศไทยมีศูนย์รวมจิตในที่สำคัญสูงสุดที่ทำให้แตกต่างจากชาติอื่น ๆ ในโลก คือ สถาบันพระมหากษัตริย์ เนื่องจากพระมหากษัตริย์ทรงดำรงไว้ซึ่งทศพิธราชธรรมในการปกครองประเทศ ซึ่งการออกแบบอาคารรัฐสภาแห่งใหม่จึงให้ความสำคัญกับลำดับของพื้นที่กำหนดขึ้นเพื่อใช้ในการประกอบรัฐพิธีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินมาทรงเปิดการประชุม ซึ่งจะต้องเป็นพื้นที่ที่สมพระเกียรติโดยอยู่ในสถานที่อันควรและเหมาะสม
อุดมคติเรื่องที่ 5 ประชาชน
อาคารรัฐสภาเป็นสัญลักษณ์ของการปกครองระบอบประชาธิปไตย แนวคิดในการออกแบบอาคารและบริเวณโดยรอบจึงให้ความสำคัญแก่ประชาชนทุกระดับ เพราะประชาชนอยู่ในฐานะที่สำคัญในทุกภาคส่วน เพื่อให้ประชาชนใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ และมีศักดิ์ศรีในอาคารสถานที่แห่งนี้
ส่วนเรื่องประสิทธิภาพและคุณภาพชีวิตพิจารณา [8] ดังต่อไปนี้
1. ประโยชน์ใช้สอย
แนวคิดสถาปัตยกรรมสร้างขึ้นโดยพิจารณาให้ความสำคัญกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภาอย่างเท่าเทียมกัน การจัดระบบอาคารคำนึงถึงประโยชน์ใช้สอยเป็นหลักจึงสร้างพื้นที่เชื่อมโยงระหว่างสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภาเข้าด้วยกัน และมีส่วนอื่นๆ อยู่ข้างนอก
2. อาคารเป็นมิตรกับสภาพแวดล้อมและประหยัดพลังงาน
การออกแบบอย่างพิถีพิถันเพื่อบูรณาการอาคารขนาดใหญ่เพื่อให้เป็นอาคารตัวอย่างที่สำคัญของประเทศ โดยการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดของผู้เชี่ยวชาญทุกแขนงที่เกี่ยวข้อง
3. การออกแบบที่เป็นสากลและเป็นธรรม
การออกแบบวางผังแม่บทได้พิจารณาถึงการให้ความสะดวกแก่ผู้พิการ เด็กและผู้สูงอายุด้วย
4. ระบบรักษาความปลอดภัยและความปลอดภัยจากเพลิงไหม้
การออกแบบอาคารและบริเวณโดยรอบได้เตรียมรองรับทุกสถานการณ์และวินาศภัยทุกรูปแบบอย่างบูรณาการ รวมทั้งการวางระบบผังแม่บท โดยใช้มาตรฐานเทคโนโลยีระดับสูง โดยผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้และประสบการณ์สูงของประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นต้นแบบที่สำคัญ
งานสถาปัตยกรรมของสัปปายะสภาสถาน
งานสถาปัตยกรรมของอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ต้องคำนึงถึงรายละเอียดโครงการที่กำหนดพื้นที่ใช้สอยโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่และอาคารประกอบ จำนวน 424,000[9] ตารางเมตร แบ่งเป็น 4 ส่วน ประกอบด้วย '[10]'
ส่วนที่ 1 ที่ทำการสภาผู้แทนราษฎร ประกอบด้วย
ที่ทำการสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และส่วนที่ทำการสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร
ส่วนที่ 2 ที่ทำการวุฒิสภา ประกอบด้วย
ที่ทำการสมาชิกวุฒิสภา และส่วนที่ทำการสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา
ส่วนที่ 3 พื้นที่รัฐสภาส่วนกลาง (สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา) ประกอบด้วย
ส่วนห้องประชุมสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา
ส่วนห้องประชุมคณะกรรมาธิการสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา
ส่วนห้องทำงานสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา
ส่วนห้องสัมมนา
ส่วนสโมสรรัฐสภา
ส่วนห้องอาหาร
ส่วนห้องสมุด พิพิธภัณฑ์ และหอจดหมายเหตุ
ส่วนบริการหน่วยงานภายนอก
สถานีวิทยุและโทรทัศน์รัฐสภา
ส่วนโรงพิมพ์รัฐสภา
ส่วนอาคารจอดรถรัฐสภา
ส่วนงานอาคารสถานที่
ส่วนงานรักษาความปลอดภัย
ห้องเครื่อง
ส่วนที่ 4 งานพื้นที่สิ่งก่อสร้างภายนอกอาคาร ประกอบด้วย
ส่วนอาคารสนับสนุนภายนอก
ส่วนงานภูมิสถาปัตยกรรม และสาธารณูปโภคภายนอก
แนวความคิดการวางผังของของสัปปายะสภาสถานเน้นความโดดเด่น เรียบง่าย และสง่างามของอาคารรัฐสภา งานออกแบบอาคารสะท้อนถึงความเป็นเอกภาพและสมดุลของสถานที่ทำงานของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาที่มีบทบาทสำคัญทางด้านการเมืองและการปกครองของราชอาณาจักรไทย ซึ่งเป็นรากฐานที่สำคัญของประชาธิปไตยและระบบรัฐสภาของไทย
ส่วนรูปแบบและลักษณะการออกแบบตกแต่งภายในอาคารทั่วไปเป็นแบบอาคารสมัยใหม่ที่แสดงถึงภูมิปัญญาไทย และบ่งบอกถึงเอกลักษณ์ความเป็นไทยตามรูปแบบของสถาปัตยกรรมไทย โดยคำนึงถึงระบบการทำงานภายในของรัฐสภาที่ต้องทำงานประสานกันระหว่างสภาทั้งสองที่อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญเดียวกันและ มีจุดมุ่งหมายรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน ส่วนรูปแบบและพื้นที่ของห้องประชุมเป็นทรงครึ่งวงกลม และแนวคิดตกแต่งห้องประชุมใช้สัญลักษณ์ “ขวัญ ปราณ จิต” มาเป็นองค์ประกอบในงานสถาปัตยกรรม '[11]' โดยเสมือนว่าขวัญหรือจิตเป็นของรัฐสภาและของประเทศ และสถาปัตยกรรมตกแต่งภายในห้องประชุมใช้สีทองและสีเงินแสดงถึงความพิสุทธิ์และการใช้สติปัญญาเพื่อประกอบกรรมดี ซึ่งมีห้องประชุม[12] ดังต่อไปนี้
1. ห้องประชุมพระสุริยัน สำหรับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
พระสุริยัน เป็นต้นกำเนิดของชีวิตและสรรพสิ่งในโลกและส่องแสงให้พลังแก่มวลมนุษย์ตลอดมา เฉกเช่นภารกิจอันศักดิ์สิทธิ์ของรัฐสภาเพื่อความผาสุก สงบร่มเย็นของประชาชน และประเทศชาติ จึงได้นำสัญลักษณ์มาใช้เป็นองค์ประกอบที่สำคัญของห้องนี้เพื่อแสดงความหมายถึง ความสวัสดี และสติปัญญา เพื่อเกิดความเป็นสิริมงคล อันนำไปสู่ความสำเร็จในการปฏิบัติภารกิจของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
ลักษณะของการสร้างสรรค์ผนังและเพดานเป็นที่ว่างรูปทรงกลม เสมือนกับการประชุมอยู่ภายใต้ท้องฟ้ากว้างใหญ่ไร้ขอบเขต เพื่อเสริมสร้างจินตนาการและความผ่อนคลายในการประชุมของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ต้องใช้พลัง สติปัญญา อย่างหนักหน่วงและยาวนาน
2. ห้องประชุมพระจันทรา สำหรับวุฒิสมาชิก[13]
พระจันทรา เป็นพลังที่ทำให้ชีวิตและสรรพสิ่งในโลกได้ทอแสงให้มวลมนุษย์ดำเนินชีวิตไปในยามค่ำคืนตลอดมา เฉกเช่นภารกิจอันศักดิ์สิทธิ์ของรัฐสภาเพื่อความผาสุก สงบร่มเย็นของประชาชน และประเทศชาติ จึงได้นำสัญลักษณ์มาใช้เป็นองค์ประกอบสำคัญของห้องนี้เพื่อแสดงความหมายถึงพลังที่เยือกเย็น เปรียบเสมือนการทำงานเพื่อสร้างดุลยภาพระหว่างสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กับสมาชิกวุฒิสภา เพื่อความเจริญรุ่งเรืองของประเทศชาติต่อไป
สัปปายะสภาสถานจึงเปรียบเสมือน “ขวัญ” หรือจิตของประเทศที่เป็นสุดยอดของสถานที่ประกอบกรรมดี เมื่อมีการสร้างสัปปายะสภาสถานในยุครัตนโกสินทร์ขึ้นในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจที่น้อมนำจิตใจของคนในชาติไปสู่ความมีศีลธรรม ความมีหิริโอตัปปะของ คนในสังคม อันนำไปสู่ความเป็นกัลยาณมิตรและสงบสันติของประเทศสืบไป
หนังสือแนะนำให้อ่านต่อ
วิญญู อาจรักษา. “เขาพระสุเมรุ” กับ อาคารรัฐสภาใหม่ไทย : “สภาวะแห่งการยกเว้น” ในฐานะกระบวนทัศน์การสร้างงานสถาปัตยกรรม. หน้าจั่ว ฉบับที่ 10, 2556.
นิคม ไวยรัชพานิช. การจัดหาพื้นที่และการเยียวยาค่าชดเชยให้แก่ผู้ได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างอาคารรัฐสภาใหม่. สารวุฒิสภา. ปีที่ 18 ฉบับที่ 10 ต.ค. 2553, หน้า 4 – 6.
นิคม ไวยรัชพานิช. ก้าวต่อไปกับรัฐสภาใหม่. สารวุฒิสภา. ปีที่ 19 ฉบับที่ 5 พ.ค. 2554, หน้า 13 – 15.
นิคม ไวยรัชพานิช. ความคืบหน้าการก่อสร้างอาคารรัฐสภาใหม่. สารวุฒิสภา. ปีที่ 21 ฉบับที่ 5 พ.ค. 2556, หน้า 4 – 6.
นิคม ไวยรัชพานิช. ปัจจัยความสำเร็จในการก่อสร้างอาคารรัฐสภาใหม่. สารวุฒิสภา. ปีที่ 19 ฉบับที่ 2 ก.พ. 2554, หน้า 6 – 7.
นิคม ไวยรัชพานิช. ระบบโครงข่ายการคมนาคมขนส่งรอบรัฐสภาใหม่. สารวุฒิสภา. ปีที่ 18 ฉบับที่ 9 พ.ค. 2553, หน้า 9 – 11.
ภาพสัปปายะสภาสถาน. อาคารรัฐสภาแห่งใหม่. สารวุฒิสภา. ปีที่ 19 ฉบับที่ 5 พ.ค. 2554, หน้า 11 – 12.
ยุทธวีร์ เหมะพรรณ์. อาคารรัฐสภา. วิทยานิพนธ์คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2540.
เลอสม สถาปิตานนท์. โครงการอาคารรัฐสภาแห่งใหม่. วิทยานิพนธ์คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2548.
สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร.รัฐสภาแห่งใหม่.สำนักการพิมพ์ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร : กรุงเทพฯ, 2553.
บรรณานุกรม
คณะทำงานการประยุกต์ใช้ระบบ RFID และการนำเสนอระบบเทคโนโลยีเพื่อการพัฒนางานและการก่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่.'เอกสารรายงานการวิจัยเรื่องการประยุกต์ใช้ระบบ 'RFID และการนำเสนอระบบเทคโนโลยีเพื่อการพัฒนางานและการก่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่.สำนักงานเลขาธิการ สภาผู้แทนราษฎร, 2553.
บริษัท ธารา คอนซัลแตนท์ จำกัด. รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่. สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2554.
บริษัท ธารา คอนซัลแตนท์ จำกัด. รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม มาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมและมาตรการตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม. โครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2554.
บริษัท ธารา คอนซัลแตนท์ จำกัด. รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม รายงานสรุปผลการศึกษาสำหรับผู้บริหาร. โครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2554.
ณัชวิชญ์ ติกุล. การออกแบบเชิงนิเวศเศรษฐกิจในงานสถาปัตยกรรม. สำนักพิมพ์โอเดียนสโตร์, 2553.
โพสต์ทูเดย์ ฉบับวันที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2553.ถอดรหัสสถาปนิกการเมือง สร้างสัปปายะสภาสถาน(ออนไลน์).http://www.asa.or.th/th/node/103824 (สืบค้นเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2557)
เรืองรุจ หงส์ไทย. สัปปายะสภาสถาน จากความเชื่อ '“ไตรภูมิ”สู่งานสถาปัตย์'. ปีที่ 20 ฉบับที่ 251 ม.ค., 2553.
สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร.รัฐสภาแห่งใหม่.สำนักการพิมพ์ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร : กรุงเทพฯ, 2553.
สำนักประชาสัมพันธ์. ‘สัปปายะสภาสถาน’ รัฐสภาแห่งความภูมิใจของคนไทยทั้งชาติ.สารวุฒิสภา. ปีที่ 18 ฉบับที่ 8 ส.ค., 2553. หน้า 2 – 4.
[1]สำนักประชาสัมพันธ์. ‘สัปปายะสภาสถาน’ รัฐสภาแห่งความภูมิใจของคนไทยทั้งชาติ.
สารวุฒิสภา. ปีที่ 18 ฉบับที่ 8 ส.ค., 2553. หน้า 2 – 4.
[2]บริษัท ธารา คอนซัลแตนท์ จำกัด. รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่, 2554. หน้า 1-5.
[3]โพสต์ทูเดย์ ฉบับวันที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2553. ถอดรหัสสถาปนิกการเมือง สร้างสัปปายะสภาสถาน (ออนไลน์). http://www.asa.or.th/th/node/103824 (สืบค้นเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2557)
- บริษัท ธารา คอนซัลแตนท์ จำกัด. รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม รายงานสรุปผลการศึกษาสำหรับผู้บริหาร. โครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2554. หน้า 27.
[5]สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร.รัฐสภาแห่งใหม่. สำนักการพิมพ์ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2553. หน้า 25.
[6]เรื่องเดียวกัน. หน้า 43.
[7]ทีมข่าว ASTV ผู้จัดการรายวัน. สัปปายะสภาสถาน...ที่นี่ มณฑลศักดิ์สิทธิ์'?!?' (ออนไลน์).http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9520000150341(สืบค้นเมื่อวันที่
7 สิงหาคม 2557)
[8] อ้างแล้วในเชิงอรรถที่ 5. หน้า 47.
[9] อ้างอิงจากสัญญาโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ของคณะกรรมการบริหารโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่
[10]เรื่องเดียวกัน. หน้า 28 - 29.
[11] เรื่องเดียวกัน. หน้า 120.
[12] เรื่องเดียวกัน. หน้า 48 - 49.
[13] อ้างแล้วในเชิงอรรถที่ 3.