ผลต่างระหว่างรุ่นของ "หน้าที่ของชนชาวไทย"
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
ลไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
(ไม่แสดง 7 รุ่นระหว่างกลางโดยผู้ใช้ 2 คน) | |||
บรรทัดที่ 1: | บรรทัดที่ 1: | ||
'''ผู้เรียบเรียง''' พุทธชาติ ทองเอม | '''ผู้เรียบเรียง''' พุทธชาติ ทองเอม | ||
---- | |||
'''ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ''' รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร จเร พันธุ์เปรื่อง | '''ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ''' รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร จเร พันธุ์เปรื่อง | ||
บรรทัดที่ 5: | บรรทัดที่ 7: | ||
---- | ---- | ||
การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข | การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข การรักษาไว้ซึ่งชาติ ศาสนา [[พระมหากษัตริย์]] นับเป็นหน้าที่หลัก ที่คนไทยทุกคนต้องระลึกและยึดถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัดอยู่เสมอ โดยเฉพาะในฐานะเป็นพลเมืองของประเทศที่อยู่ภายใต้การปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่มี[[รัฐธรรมนูญ]]เป็นกฎหมายสูงสุดในการปกครองประเทศ ซึ่งประชาชนสามารถเข้ามามีสิทธิ มีส่วนในการปกครองประเทศ หน้าที่สำคัญของชาวไทยทุกคนก็คือ ต้องเคารพและปฏิบัติตามกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นหน้าที่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งเพื่อเลือกบุคคลที่จะมาใช้อำนาจอธิปไตยแทนตนเอง หน้าที่ป้องกันประเทศชาติ หน้าที่รับราชการทหาร หน้าที่เสียภาษีอากร หน้าที่รับการศึกษาอบรม และหน้าที่อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมก็ตาม เพื่อประโยชน์ของสังคมและความเจริญก้าวหน้าของประเทศชาติให้ทัดเทียมนานาประเทศโดยมีพระมหากษัตริย์อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญนั้น | ||
==ความหมาย== | ==ความหมาย== | ||
คำว่า “หน้าที่” ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. | คำว่า “หน้าที่” ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 หมายถึง กิจที่จะต้องทำด้วยความรับผิดชอบ<ref>ราชบัณฑิตยสถาน. '''พจนานุกรมไทยฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542.''' กรุงเทพฯ : นานมีบุ๊คส์, 2546 หน้า 1247.</ref> แต่เมื่อนำคำว่า “หน้าที่” รวมกับคำว่า “ชนชาวไทย” เป็น “หน้าที่ของชนชาวไทย” คณิน บุญสุวรรณ ได้ให้ความหมายไว้ในหนังสือปทานุกรมศัพท์รัฐสภาและการเมืองไทย (ฉบับสมบูรณ์) ว่า ภาระและความรับผิดชอบที่รัฐธรรมนูญกำหนดบังคับให้บุคคลซึ่งเป็นชนชาวไทยต้องปฏิบัติ หรือกระทำให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย เมื่อรัฐธรรมนูญกำหนดว่าการกระทำใดเป็นหน้าที่ของพลเมืองแล้ว ถ้าหากผู้ใดไม่ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติถือว่าเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายและจะถูกลงโทษ<ref>คณิน บุญสุวรรณ. '''ปทานุกรมศัพท์รัฐสภาและการเมืองไทย (ฉบับสมบูรณ์).''' กรุงเทพฯ : สุขภาพใจ, 2548, หน้า 1012-1013.</ref> | ||
อย่างไรก็ตาม หน้าที่ของชนชาวไทย ถือว่าเป็นภาระและความรับผิดชอบของประชาชนชาวไทยทุกคนที่ต้องยึดถือปฏิบัตินั่นเอง | อย่างไรก็ตาม หน้าที่ของชนชาวไทย ถือว่าเป็นภาระและความรับผิดชอบของประชาชนชาวไทยทุกคนที่ต้องยึดถือปฏิบัตินั่นเอง | ||
==การกำหนดหน้าที่ของชนชาวไทยตามรัฐธรรมนูญ== | ==การกำหนดหน้าที่ของชนชาวไทยตามรัฐธรรมนูญ== | ||
ภายใต้การปกครองระบอบประชาธิปไตย | ภายใต้การปกครองระบอบประชาธิปไตย ประชาชนมีสองสถานะ คือ<ref>สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา. '''หน้าที่ของชนชาวไทย''' [ข้อมูลออนไลน์] สืบค้นได้จาก http://www.senate.go.th/web-senate/leftmenu/roles-thai.htm สืบค้นวันที่ 25 กันยายน 2552.</ref> | ||
1. ฐานะผู้ปกครอง รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยบัญญัติให้อำนาจอธิปไตย ซึ่งเป็นอำนาจสูงสุดในการปกครองเป็นของปวงชนชาวไทย และประชาชนสามารถใช้อำนาจดังกล่าว ผ่านการเลือกผู้แทนของตน อันได้แก่ สมาชิก[[สภาผู้แทนราษฎร]] และสมาชิก[[วุฒิสภา]] เพื่อให้ปฏิบัติหน้าที่ใน[[รัฐสภา]]แทนตน | |||
2. ฐานะผู้อยู่ภายใต้การปกครอง รัฐธรรมนูญนอกจากจะมีบทบัญญัติในเรื่องการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพไว้อย่างชัดเจน ขณะเดียวกันก็ได้กำหนดให้ประชาชนมีหน้าที่บางประการควบคู่ไปด้วย กล่าวคือ เมื่อรัฐได้ให้หลักประกันในสิทธิและเสรีภาพแก่ประชาชนแล้ว ประชาชนก็มีหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติต่อรัฐด้วย | |||
จากบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดในการปกครองประเทศได้กำหนดรูปแบบของการปกครอง และเป็นหลักประกันสิทธิเสรีภาพของประชาชน โดยรัฐธรรมนูญทุกฉบับที่ผ่านมาได้กำหนดเรื่องสิทธิเสรีภาพของชนชาวไทยไว้อย่างชัดเจน ทั้งนี้ | จากบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดในการปกครองประเทศได้กำหนดรูปแบบของการปกครอง และเป็นหลักประกันสิทธิเสรีภาพของประชาชน โดยรัฐธรรมนูญทุกฉบับที่ผ่านมาได้กำหนดเรื่องสิทธิเสรีภาพของชนชาวไทยไว้อย่างชัดเจน ทั้งนี้ คำว่า “สิทธิ” มีคำคู่กันอยู่คือ “หน้าที่” ไม่ว่าเรื่องใด ๆ ก็ตาม เมื่อมี “สิทธิ” ก็ยอมมี “หน้าที่” คู่กันเสมอ เมื่อเราเกิดมาเป็นคนไทยมีสิทธิตามที่รัฐธรรมนูญไทยกำหนด เราก็ย่อมมีหน้าที่ที่จะต้องปฏิบัติในฐานะเป็นคนไทยด้วยเช่นกัน<ref>มานิตย์ จุมปา. '''รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (พ.ศ. 2540).''' กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์นิติธรรม, 2546, หน้า 1.</ref> ซึ่งประเทศที่มีการปกครองระบอบประชาธิปไตย รัฐธรรมนูญย่อมรับรองสิทธิและเสรีภาพส่วนบุคคลของประชาชนไว้อย่างชัดเจน แม้รัฐธรรมนูญได้กำหนดให้สิทธิแก่ประชาชนแต่ได้กำหนดหน้าที่ให้แก่ประชาชนเช่นกัน อาทิ รัฐธรรมนูญบัญญัติให้ความเสมอภาคแก่บุคคลในการรับการศึกษาขั้นพื้นฐานที่รัฐมีหน้าที่ต้องจัดให้ทั่วถึงและมีคุณภาพโดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย แต่ในขณะเดียวกันก็บัญญัติให้บุคคลมีหน้าที่รับการศึกษาดังกล่าว เนื่องจากเห็นว่าพลเมืองที่มีการศึกษาดีย่อมเป็นทรัพยากรที่ดีในการพัฒนาประเทศต่อไป การกำหนดหน้าที่ดังกล่าวเป็นการกำหนดหน้าที่ของบุคคล เพื่อเป็นประโยชน์แก่ประเทศหรือสังคมส่วนรวม เช่นเดียวกันกับในเรื่องของสิทธิใน[[การเลือกตั้ง]] รัฐมีหน้าที่ต้องส่งเสริมและสนับสนุนการมีส่วนร่วมของประชาชนในการกำหนดนโยบายการตัดสินใจทางการเมือง โดยกำหนดให้สิทธิแก่บุคคลทั่วไปในการใช้สิทธิการเลือกตั้ง หรือสมัครรับเลือกตั้ง ในขณะเดียวกัน เมื่อสังคมเห็นว่าการใช้สิทธิดังกล่าวเป็นเรื่องจำเป็น เพื่อให้ประเทศได้มีผู้แทนที่ดี เป็นที่ยอมรับแก่ประชาชนและเป็นปัจจัยที่สำคัญประการหนึ่งในการปฏิรูปทางการเมืองอย่างน้อยในแง่การป้องกันหรือลดการซื้อเสียงแล้วรัฐก็ย่อมมีอำนาจกำหนดให้บุคคลไปใช้สิทธิเลือกตั้งได้ เพื่อประโยชน์ของสังคมและความเจริญก้าวหน้าของชาติ<ref>อมร รักษาสัตย์. '''รัฐธรรมนูญฉบับประชาชนพร้อมบทวิจารณ์.''' กรุงเทพฯ : บริษัท | ||
ด่านสุทธาการพิมพ์ จำกัด, 2541, หน้า 73-75.</ref> | |||
นอกจากนั้น ยังได้บัญญัติให้บุคคลมีหน้าที่ต่าง ๆ คือ รักษาไว้ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข | นอกจากนั้น ยังได้บัญญัติให้บุคคลมีหน้าที่ต่าง ๆ คือ รักษาไว้ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข บุคคลมีหน้าที่ปฏิบัติตามกฎหมาย มีหน้าที่ป้องกันประเทศ รับราชการทหาร เสียภาษีอากร ช่วยเหลือราชการ รับการศึกษาอบรม พิทักษ์ปกป้อง และสืบสานศิลปวัฒนธรรมของชาติและภูมิปัญญาท้องถิ่น และอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน้าที่สำคัญเพิ่มจากที่กล่าวมาแล้วข้างต้นของชนชาวไทยที่เป็นบุคคลผู้เป็นข้าราชการ พนักงาน หรือลูกจ้างของหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ หรือของราชการส่วนท้องถิ่น และเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ มีหน้าที่ดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายเพื่อรักษาประโยชน์ส่วนรวม อำนวยความสะดวก และให้บริการแก่ประชาชน จะเห็นได้ว่าชาวไทยที่เป็นข้าราชการจะต้องปฏิบัติหน้าที่ของชนชาวไทยมากกว่าบุคคลที่เป็นประชาชนทั่วไป<ref>คณิน บุญสุวรรณ. '''ปทานุกรมศัพท์รัฐสภาและการเมืองไทย (ฉบับสมบูรณ์).''' กรุงเทพฯ : สุขภาพใจ, 2548, หน้า 1012-1013.</ref> | ||
==เจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับหน้าที่ของชนชาวไทย== | ==เจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับหน้าที่ของชนชาวไทย== | ||
จากบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ได้กำหนดหน้าที่ของประชาชนไทย ไว้ในหมวด 4 หน้าที่ของชนชาวไทย ดังนี้ | |||
1. บุคคลมีหน้าที่พิทักษ์รักษาไว้ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญนี้ '''(มาตรา 70)'''<ref>รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550. '''ราชกิจจานุเบกษา ''' เล่ม 124 ตอนที่ 47 ก ราชกิจจานุเบกษา 24 สิงหาคม 2550 หน้า 20.</ref> โดยมีเจตนารมณ์ เพื่อกำหนดให้เป็นหน้าที่ของบุคคลทุกคนในการพิทักษ์รักษาชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งหลักการดังกล่าวเป็นหลักการเดิมตามที่ได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 แต่แก้ไขถ้อยคำเพื่อให้ชัดเจนยิ่งขึ้น นอกจากนี้หลักการดังกล่าวยังได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2492 เป็นครั้งแรกอีกด้วย<ref>คณะกรรมาธิการวิสามัญบันทึกเจตนารมณ์ จดหมายเหตุ และตรวจรายงานการประชุม สภาร่างรัฐธรรมนูญ (สำนักกรรมาธิการ 3, สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร). '''เจตนารมณ์รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550.''' สำนักการพิมพ์ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2550, หน้า 64-67.</ref>,<ref>'''รายงานการประชุมสภาร่างรัฐธรรมนูญ ครั้งที่ 27/2550 วันจันทร์ที่ 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2550.''' [ข้อมูลออนไลน์] สืบค้นได้จาก http://library2.parliament.go.th/ giventake/content_ca/r061850.pdf สืบค้นวันที่ 25 กันยายน ๒๕๕๒.</ref> | |||
2. บุคคลมีหน้าที่ป้องกันประเทศ รักษาผลประโยชน์ของชาติ และปฏิบัติตามกฎหมาย '''(มาตรา 71)'''<ref>รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550. '''ราชกิจจานุเบกษา ''' เล่ม 124 ตอนที่ 47 ก ราชกิจจานุเบกษา 24 สิงหาคม 2550 หน้า 20.</ref> โดยมีเจตนารมณ์เพื่อกำหนดให้ประชาชนชาวไทยมีหน้าที่ต่อประเทศ บุคคลที่เป็นประชาชนชาวไทยทุกคนต้องมีหน้าที่ในการปกป้องประเทศไม่ว่าด้านใดๆ รวมทั้งต้องรักษาผลประโยชน์ของชาติ และมีหน้าที่เคารพและปฏิบัติตามกฎหมาย เพื่อให้ประเทศและประชาชนมีความผาสุก ซึ่งหลักการดังกล่าวเป็นหลักการเดิมตามที่ได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 แต่เพิ่มให้ประชาชนชาวไทยมีหน้าที่รักษาผลประโยชน์ของชาติด้วย นอกจากนี้หลักการดังกล่าวยังได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยาม พุทธศักราช 2475 เป็นครั้งแรกอีกด้วย<ref>คณะกรรมาธิการวิสามัญบันทึกเจตนารมณ์ จดหมายเหตุ และตรวจรายงานการประชุม สภาร่างรัฐธรรมนูญ (สำนักกรรมาธิการ 3, สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร). '''เจตนารมณ์รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550.''' สำนักการพิมพ์ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2550, หน้า 64-67.</ref>,<ref>'''รายงานการประชุมสภาร่างรัฐธรรมนูญ ครั้งที่ 27/2550 วันจันทร์ที่ 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2550.''' [ข้อมูลออนไลน์] สืบค้นได้จาก http://library2.parliament.go.th/ giventake/content_ca/r061850.pdf สืบค้นวันที่ 25 กันยายน 2552.</ref> | |||
3. บุคคลมีหน้าที่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง '''(มาตรา 72)'''<ref>รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550. '''ราชกิจจานุเบกษา ''' เล่ม 124 ตอนที่ 47 ก ราชกิจจานุเบกษา 24 สิงหาคม 2550 หน้า 20.</ref> | |||
บุคคลซึ่งไปใช้สิทธิหรือไม่ไปใช้สิทธิโดยไม่แจ้งเหตุอันสมควรที่ทำให้ไม่อาจไปใช้สิทธิได้ ย่อมได้รับสิทธิหรือเสียสิทธิตามที่กฎหมายบัญญัติ | บุคคลซึ่งไปใช้สิทธิหรือไม่ไปใช้สิทธิโดยไม่แจ้งเหตุอันสมควรที่ทำให้ไม่อาจไปใช้สิทธิได้ ย่อมได้รับสิทธิหรือเสียสิทธิตามที่กฎหมายบัญญัติ | ||
บรรทัดที่ 39: | บรรทัดที่ 42: | ||
การแจ้งเหตุที่ทำให้ไม่อาจไปเลือกตั้งและการอำนวยความสะดวกในการไปเลือกตั้งให้เป็นไปตามที่กฎหมายบัญญัติ | การแจ้งเหตุที่ทำให้ไม่อาจไปเลือกตั้งและการอำนวยความสะดวกในการไปเลือกตั้งให้เป็นไปตามที่กฎหมายบัญญัติ | ||
โดยมีเจตนารมณ์ เพื่อให้ประชาชนชาวไทยมีส่วนร่วมในการเลือกตัวแทนของตนเข้าสู่ระบบการปกครอง | โดยมีเจตนารมณ์ เพื่อให้ประชาชนชาวไทยมีส่วนร่วมในการเลือกตัวแทนของตนเข้าสู่ระบบการปกครอง กำหนดให้บุคคลที่มีสิทธิเลือกตั้งมีหน้าที่ต้องไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ดังนั้น รัฐต้องมีหน้าที่โดยตรงในการอำนวยความสะดวกและจัดให้สามารถใช้สิทธิเลือกตั้งได้โดยง่าย การไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งโดยไม่มีเหตุอันสมควรย่อมเสียสิทธิบางประการตามที่กฎหมายกำหนดแล้วแต่กรณี ในทางตรงกันข้ามหากไปใช้สิทธิเลือกตั้งย่อมได้สิทธิบางประการตามที่กฎหมายบัญญัติเช่นกัน เพื่อเป็นการจูงใจให้บุคคลไปใช้สิทธิเลือกตั้งควบคู่กับการตัดสิทธิของผู้ไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ทั้งนี้ เพื่อป้องกันการซื้อสิทธิขายเสียงอีกทางหนึ่งด้วย ซึ่งหลักการดังกล่าวเป็นหลักการเดิมตามที่ได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 แต่เพิ่มให้ผู้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งอาจได้รับสิทธิตามที่กฎหมายบัญญัติ นอกจากนี้หลักการดังกล่าวยังได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2492 เป็นครั้งแรกอีกด้วย<ref>คณะกรรมาธิการวิสามัญบันทึกเจตนารมณ์ จดหมายเหตุ และตรวจรายงานการประชุม สภาร่างรัฐธรรมนูญ (สำนักกรรมาธิการ 3, สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร). '''เจตนารมณ์รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550.''' สำนักการพิมพ์ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2550, หน้า 64-67.</ref>,<ref>'''รายงานการประชุมสภาร่างรัฐธรรมนูญ ครั้งที่ 27/2550 วันจันทร์ที่ 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2550.''' [ข้อมูลออนไลน์] สืบค้นได้จาก http://library2.parliament.go.th/giventake/content_ca/r061850.pdf สืบค้นวันที่ 25 กันยายน 2552.</ref> | ||
4. บุคคลมีหน้าที่รับราชการทหาร ช่วยเหลือในการป้องกันและบรรเทาภัยพิบัติสาธารณะ เสียภาษีอากร ช่วยเหลือราชการ รับการศึกษาอบรม พิทักษ์ ปกป้อง และสืบสานศิลปวัฒนธรรมของชาติและภูมิปัญญาท้องถิ่น และอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ ตามที่กฎหมายบัญญัติ '''(มาตรา 73)'''<ref>รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550. '''ราชกิจจานุเบกษา ''' เล่ม 124 ตอนที่ 47 ก ราชกิจจานุเบกษา 24 สิงหาคม 2550 หน้า 20.</ref> โดยมีเจตนารมณ์ เพื่อกำหนดให้ประชาชนชาวไทยมีหน้าที่เสียสละ และมีความรับผิดชอบต่อส่วนรวม บทบัญญัตินี้จึงกำหนดให้ประชาชนชาวไทยทุกคนต้องมีหน้าที่เสียสละเพื่อส่วนรวมในการรับราชการทหาร ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เสียภาษีอากร ช่วยเหลือราชการ ตลอดจนมีหน้าที่อื่นๆ เช่น รับการศึกษาอบรม ปกป้องศิลปวัฒนธรรมอันดีงามของชาติและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เป็นต้น ซึ่งหลักการดังกล่าวเป็นหลักการเดิมตามที่ได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 แต่เพิ่มหน้าที่ของประชาชนในการช่วยเหลือป้องกันและบรรเทาภัยพิบัติสาธารณะ นอกจากนี้หลักการดังกล่าวยังได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2475 เป็นครั้งแรกอีกด้วย<ref>คณะกรรมาธิการวิสามัญบันทึกเจตนารมณ์ จดหมายเหตุ และตรวจรายงานการประชุม สภาร่างรัฐธรรมนูญ (สำนักกรรมาธิการ 3, สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร). '''เจตนารมณ์รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550.''' สำนักการพิมพ์ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2550, หน้า 64-67.</ref>,<ref>'''รายงานการประชุมสภาร่างรัฐธรรมนูญ ครั้งที่ ๒๗/๒๕๕๐ วันจันทร์ที่ ๑๘ มิถุนายน พุทธศักราช 2550.''' [ข้อมูลออนไลน์] สืบค้นได้จาก http://library2.parliament.go.th/giventake/content_ca/r061850.pdf สืบค้นวันที่ 25 กันยายน 2552.</ref> | |||
5. บุคคลผู้เป็นข้าราชการ พนักงาน ลูกจ้างของหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ มีหน้าที่ดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายเพื่อรักษาประโยชน์ส่วนรวม อำนวยความสะดวก และให้บริการแก่ประชาชนตามหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี | |||
ในการปฏิบัติหน้าที่และในการปฏิบัติการอื่นที่เกี่ยวข้องกับประชาชน บุคคลตามวรรคหนึ่งต้องวางตนเป็นกลางทางการเมือง | ในการปฏิบัติหน้าที่และในการปฏิบัติการอื่นที่เกี่ยวข้องกับประชาชน บุคคลตามวรรคหนึ่งต้องวางตนเป็นกลางทางการเมือง | ||
ในกรณีที่บุคคลตามวรรคหนึ่งละเลยหรือไม่ปฏิบัติให้เป็นไปตามหน้าที่ตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสอง บุคคลผู้มีส่วนได้เสียย่อมมีสิทธิขอให้บุคคลตามวรรคหนึ่งหรือผู้บังคับบัญชาของบุคคลดังกล่าวชี้แจง แสดงเหตุผลและขอให้ดำเนินการให้เป็นไปตามบทบัญญัติในวรรคหนึ่งหรือวรรคสองได้ '''(มาตรา | ในกรณีที่บุคคลตามวรรคหนึ่งละเลยหรือไม่ปฏิบัติให้เป็นไปตามหน้าที่ตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสอง บุคคลผู้มีส่วนได้เสียย่อมมีสิทธิขอให้บุคคลตามวรรคหนึ่งหรือผู้บังคับบัญชาของบุคคลดังกล่าวชี้แจง แสดงเหตุผลและขอให้ดำเนินการให้เป็นไปตามบทบัญญัติในวรรคหนึ่งหรือวรรคสองได้ '''(มาตรา 74)'''<ref>รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550. '''ราชกิจจานุเบกษา ''' เล่ม 124 ตอนที่ 47 ก ราชกิจจานุเบกษา 24 สิงหาคม 2550 หน้า 20.</ref> | ||
โดยเจตนารมณ์ เพื่อกำหนดให้ข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานภาครัฐต้องปฏิบัติหน้าที่เพื่อรักษาผลประโยชน์ส่วนรวม อำนวยความสะดวกและบริการแก่ | โดยเจตนารมณ์ เพื่อกำหนดให้ข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานภาครัฐต้องปฏิบัติหน้าที่เพื่อรักษาผลประโยชน์ส่วนรวม อำนวยความสะดวกและบริการแก่ ประชาชนตามหลักธรรมาภิบาล และต้องวางตนเป็นกลางทางการเมือง หลักธรรมาภิบาล ได้แก่ 1) เกิดผลประโยชน์สุขของประชาชน 2) เกิดผลสัมฤทธิ์ต่อภารกิจของรัฐ 3) มีประสิทธิภาพและมีความคุ้มค่าในเชิงภารกิจของรัฐ 4) ไม่มีขั้นตอนในการปฏิบัติงานเกินความจำเป็น 5) ปรับปรุงภารกิจของส่วนราชการให้ทันต่อสถานการณ์ 6) ประชาชนได้รับการอำนวยความสะดวกและได้รับการตอบสนองความต้องการ 7) มีการประเมินผลการปฏิบัติราชการอย่างสม่ำเสมอ ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้ผู้สมัครรับการเลือกตั้งหรือ[[พรรคการเมือง]]ไม่ว่าระดับใดมีส่วนได้เปรียบหรือเสียเปรียบทางการเมือง และเพื่อกำกับตลอดจนปรับปรุงการดำเนินงานของข้าราชการ และพนักงานของรัฐเป็นไปตามหลักธรรมาภิบาลและเป็นกลางทางการเมือง ซึ่งหลักการดังกล่าวเป็นหลักการเดิมตามที่ได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 และเป็นหลักการที่ได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 เป็นครั้งแรกอีกด้วย<ref>คณะกรรมาธิการวิสามัญบันทึกเจตนารมณ์ จดหมายเหตุ และตรวจรายงานการประชุม สภาร่างรัฐธรรมนูญ (สำนักกรรมาธิการ ๓, สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร). '''เจตนารมณ์รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550.''' สำนักการพิมพ์ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2550, หน้า 67-67.</ref>,<ref>'''รายงานการประชุมสภาร่างรัฐธรรมนูญ ครั้งที่ 27/2550 วันจันทร์ที่ 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2550.''' [ข้อมูลออนไลน์] สืบค้นได้จาก http://library2.parliament.go.th/ giventake/content_ca/r061850.pdf สืบค้นวันที่ 25 กันยายน 2552.</ref> | ||
จากที่กล่าวมาแล้วข้างต้นจะเห็นได้ว่า | จากที่กล่าวมาแล้วข้างต้นจะเห็นได้ว่า การปฏิบัติหน้าที่ของชนชาวไทยทุกคนนั้น ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับทุกคนเลย และถึงเวลาแล้วที่คนไทยทุกคน ทุกฝ่ายจะต้องหันหน้ามาดำเนินการตามหน้าที่ของชนชาวไทย เพื่อแสวงหาแนวทางการแก้ปัญหาที่ประเทศไทยกำลังเผชิญอยู่ด้วยสันติวิธี เนื่องจากวิกฤติของประเทศไทยในวันนี้มีทั้งวิกฤติเศรษฐกิจการเงินโลก วิกฤติทางการเมือง และวิกฤติความแตกแยกของคนในสังคม อันส่งผลต่อวิกฤติสถาบันชาติ สถาบันศาสนา สถาบันพระมหากษัตริย์และประชาชน ดังนั้น คนไทยทุกคนต้องยืนหยัด ปกป้องและพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข รวมทั้งปฎิบัติตามกฎหมายและประพฤติตนเป็นพลเมืองดีตามรัฐธรรมนูญอย่างเข้มแข็ง. | ||
==อ้างอิง== | ==อ้างอิง== | ||
บรรทัดที่ 59: | บรรทัดที่ 62: | ||
==หนังสือแนะนำให้อ่านต่อ== | ==หนังสือแนะนำให้อ่านต่อ== | ||
1. คณิน บุญสุวรรณ. '''คู่มือการใช้สิทธิของประชาชน (ฉบับปรับปรุงใหม่).''' กรุงเทพฯ : สุขภาพใจ, 2548. | |||
2. คณะกรรมาธิการวิสามัญบันทึกเจตนารมณ์ จดหมายเหตุ และตรวจรายงานการประชุม สภาร่างรัฐธรรมนูญ (สำนักกรรมาธิการ 3, สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร). '''เจตนารมณ์รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550.''' สำนักการพิมพ์ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2550. | |||
3. มานิตย์ จุมปา. '''รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (พ.ศ. 2540).''' กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์นิติธรรม, 2546. | |||
4. สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. '''สรรสาระรัฐธรรมนูญไทย,''' กรุงเทพฯ : บริษัท รุ่งศิลป์การพิมพ์, 2548. | |||
5. อมร รักษาสัตย์. '''รัฐธรรมนูญฉบับประชาชนพร้อมบทวิจารณ์.''' กรุงเทพฯ : บริษัท ด่านสุทธาการพิมพ์ จำกัด, 2541. | |||
6. สำนักกรรมาธิการ 3 สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. '''ตารางความแตกต่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 กับพุทธศักราช 2550 พร้อมเหตุผลโดยสังเขป.''' สำนักการพิมพ์ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2551. | |||
==บรรณานุกรม== | ==บรรณานุกรม== | ||
คณิน บุญสุวรรณ. ปทานุกรมศัพท์รัฐสภาและการเมืองไทย (ฉบับสมบูรณ์). กรุงเทพฯ : สุขภาพใจ, | คณิน บุญสุวรรณ. '''ปทานุกรมศัพท์รัฐสภาและการเมืองไทย (ฉบับสมบูรณ์).''' กรุงเทพฯ : สุขภาพใจ, 2548. | ||
คณิน | คณิน บุญสุวรรณ. '''คู่มือการใช้สิทธิของประชาชน (ฉบับปรับปรุงใหม่).''' กรุงเทพฯ : สุขภาพใจ, 2548. | ||
คณะกรรมาธิการวิสามัญบันทึกเจตนารมณ์ จดหมายเหตุ และตรวจรายงานการประชุม สภาร่างรัฐธรรมนูญ (สำนักกรรมาธิการ | คณะกรรมาธิการวิสามัญบันทึกเจตนารมณ์ จดหมายเหตุ และตรวจรายงานการประชุม สภาร่างรัฐธรรมนูญ (สำนักกรรมาธิการ 3, สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร). '''เจตนารมณ์รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550.''' สำนักการพิมพ์ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2550. | ||
มานิตย์ | มานิตย์ จุมปา. '''รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (พ.ศ. 2540).''' กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์นิติธรรม, 2546. | ||
รายงานการประชุมสภาร่างรัฐธรรมนูญ ครั้งที่ | '''รายงานการประชุมสภาร่างรัฐธรรมนูญ ครั้งที่ 27/2550 วันจันทร์ที่ 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2550.''' [ข้อมูลออนไลน์] สืบค้นได้จาก http://library2.parliament.go.th/giventake/content_ca/r061850.pdf สืบค้นวันที่ 25 กันยายน 2552. | ||
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย | รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550. '''ราชกิจจานุเบกษา''' เล่ม 124 ตอนที่ 47 ก ราชกิจจานุเบกษา 24 สิงหาคม 2550. | ||
สำนักกรรมาธิการ | สำนักกรรมาธิการ 3 สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. '''ตารางความแตกต่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 กับพุทธศักราช 2550 พร้อมเหตุผลโดยสังเขป.''' สำนักการพิมพ์ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2551. | ||
สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. สรรสาระรัฐธรรมนูญไทย, กรุงเทพฯ : บริษัท | สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. '''สรรสาระรัฐธรรมนูญไทย,''' กรุงเทพฯ : บริษัท รุ่งศิลป์การพิมพ์, 2548. | ||
สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา. หน้าที่ของชนชาวไทย [ข้อมูลออนไลน์] สืบค้นได้จาก http://www.senate.go.th/web-senate/leftmenu/roles-thai.htm | สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา. '''หน้าที่ของชนชาวไทย''' [ข้อมูลออนไลน์] สืบค้นได้จาก http://www.senate.go.th/web-senate/leftmenu/roles-thai.htm สืบค้นวันที่ 25 กันยายน 2552. | ||
อมร | อมร รักษาสัตย์. '''รัฐธรรมนูญฉบับประชาชนพร้อมบทวิจารณ์.''' กรุงเทพฯ : บริษัท ด่านสุทธาการพิมพ์ จำกัด, 2541. | ||
[[ | [[หมวดหมู่:สาระสำคัญของรัฐธรรมนูญ]] | ||
[[หมวดหมู่:พุทธชาติ ทองเอม]] |
รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 16:24, 16 สิงหาคม 2556
ผู้เรียบเรียง พุทธชาติ ทองเอม
ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร จเร พันธุ์เปรื่อง
การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข การรักษาไว้ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ นับเป็นหน้าที่หลัก ที่คนไทยทุกคนต้องระลึกและยึดถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัดอยู่เสมอ โดยเฉพาะในฐานะเป็นพลเมืองของประเทศที่อยู่ภายใต้การปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่มีรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดในการปกครองประเทศ ซึ่งประชาชนสามารถเข้ามามีสิทธิ มีส่วนในการปกครองประเทศ หน้าที่สำคัญของชาวไทยทุกคนก็คือ ต้องเคารพและปฏิบัติตามกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นหน้าที่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งเพื่อเลือกบุคคลที่จะมาใช้อำนาจอธิปไตยแทนตนเอง หน้าที่ป้องกันประเทศชาติ หน้าที่รับราชการทหาร หน้าที่เสียภาษีอากร หน้าที่รับการศึกษาอบรม และหน้าที่อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมก็ตาม เพื่อประโยชน์ของสังคมและความเจริญก้าวหน้าของประเทศชาติให้ทัดเทียมนานาประเทศโดยมีพระมหากษัตริย์อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญนั้น
ความหมาย
คำว่า “หน้าที่” ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 หมายถึง กิจที่จะต้องทำด้วยความรับผิดชอบ[1] แต่เมื่อนำคำว่า “หน้าที่” รวมกับคำว่า “ชนชาวไทย” เป็น “หน้าที่ของชนชาวไทย” คณิน บุญสุวรรณ ได้ให้ความหมายไว้ในหนังสือปทานุกรมศัพท์รัฐสภาและการเมืองไทย (ฉบับสมบูรณ์) ว่า ภาระและความรับผิดชอบที่รัฐธรรมนูญกำหนดบังคับให้บุคคลซึ่งเป็นชนชาวไทยต้องปฏิบัติ หรือกระทำให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย เมื่อรัฐธรรมนูญกำหนดว่าการกระทำใดเป็นหน้าที่ของพลเมืองแล้ว ถ้าหากผู้ใดไม่ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติถือว่าเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายและจะถูกลงโทษ[2]
อย่างไรก็ตาม หน้าที่ของชนชาวไทย ถือว่าเป็นภาระและความรับผิดชอบของประชาชนชาวไทยทุกคนที่ต้องยึดถือปฏิบัตินั่นเอง
การกำหนดหน้าที่ของชนชาวไทยตามรัฐธรรมนูญ
ภายใต้การปกครองระบอบประชาธิปไตย ประชาชนมีสองสถานะ คือ[3]
1. ฐานะผู้ปกครอง รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยบัญญัติให้อำนาจอธิปไตย ซึ่งเป็นอำนาจสูงสุดในการปกครองเป็นของปวงชนชาวไทย และประชาชนสามารถใช้อำนาจดังกล่าว ผ่านการเลือกผู้แทนของตน อันได้แก่ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภา เพื่อให้ปฏิบัติหน้าที่ในรัฐสภาแทนตน
2. ฐานะผู้อยู่ภายใต้การปกครอง รัฐธรรมนูญนอกจากจะมีบทบัญญัติในเรื่องการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพไว้อย่างชัดเจน ขณะเดียวกันก็ได้กำหนดให้ประชาชนมีหน้าที่บางประการควบคู่ไปด้วย กล่าวคือ เมื่อรัฐได้ให้หลักประกันในสิทธิและเสรีภาพแก่ประชาชนแล้ว ประชาชนก็มีหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติต่อรัฐด้วย
จากบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดในการปกครองประเทศได้กำหนดรูปแบบของการปกครอง และเป็นหลักประกันสิทธิเสรีภาพของประชาชน โดยรัฐธรรมนูญทุกฉบับที่ผ่านมาได้กำหนดเรื่องสิทธิเสรีภาพของชนชาวไทยไว้อย่างชัดเจน ทั้งนี้ คำว่า “สิทธิ” มีคำคู่กันอยู่คือ “หน้าที่” ไม่ว่าเรื่องใด ๆ ก็ตาม เมื่อมี “สิทธิ” ก็ยอมมี “หน้าที่” คู่กันเสมอ เมื่อเราเกิดมาเป็นคนไทยมีสิทธิตามที่รัฐธรรมนูญไทยกำหนด เราก็ย่อมมีหน้าที่ที่จะต้องปฏิบัติในฐานะเป็นคนไทยด้วยเช่นกัน[4] ซึ่งประเทศที่มีการปกครองระบอบประชาธิปไตย รัฐธรรมนูญย่อมรับรองสิทธิและเสรีภาพส่วนบุคคลของประชาชนไว้อย่างชัดเจน แม้รัฐธรรมนูญได้กำหนดให้สิทธิแก่ประชาชนแต่ได้กำหนดหน้าที่ให้แก่ประชาชนเช่นกัน อาทิ รัฐธรรมนูญบัญญัติให้ความเสมอภาคแก่บุคคลในการรับการศึกษาขั้นพื้นฐานที่รัฐมีหน้าที่ต้องจัดให้ทั่วถึงและมีคุณภาพโดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย แต่ในขณะเดียวกันก็บัญญัติให้บุคคลมีหน้าที่รับการศึกษาดังกล่าว เนื่องจากเห็นว่าพลเมืองที่มีการศึกษาดีย่อมเป็นทรัพยากรที่ดีในการพัฒนาประเทศต่อไป การกำหนดหน้าที่ดังกล่าวเป็นการกำหนดหน้าที่ของบุคคล เพื่อเป็นประโยชน์แก่ประเทศหรือสังคมส่วนรวม เช่นเดียวกันกับในเรื่องของสิทธิในการเลือกตั้ง รัฐมีหน้าที่ต้องส่งเสริมและสนับสนุนการมีส่วนร่วมของประชาชนในการกำหนดนโยบายการตัดสินใจทางการเมือง โดยกำหนดให้สิทธิแก่บุคคลทั่วไปในการใช้สิทธิการเลือกตั้ง หรือสมัครรับเลือกตั้ง ในขณะเดียวกัน เมื่อสังคมเห็นว่าการใช้สิทธิดังกล่าวเป็นเรื่องจำเป็น เพื่อให้ประเทศได้มีผู้แทนที่ดี เป็นที่ยอมรับแก่ประชาชนและเป็นปัจจัยที่สำคัญประการหนึ่งในการปฏิรูปทางการเมืองอย่างน้อยในแง่การป้องกันหรือลดการซื้อเสียงแล้วรัฐก็ย่อมมีอำนาจกำหนดให้บุคคลไปใช้สิทธิเลือกตั้งได้ เพื่อประโยชน์ของสังคมและความเจริญก้าวหน้าของชาติ[5]
นอกจากนั้น ยังได้บัญญัติให้บุคคลมีหน้าที่ต่าง ๆ คือ รักษาไว้ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข บุคคลมีหน้าที่ปฏิบัติตามกฎหมาย มีหน้าที่ป้องกันประเทศ รับราชการทหาร เสียภาษีอากร ช่วยเหลือราชการ รับการศึกษาอบรม พิทักษ์ปกป้อง และสืบสานศิลปวัฒนธรรมของชาติและภูมิปัญญาท้องถิ่น และอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน้าที่สำคัญเพิ่มจากที่กล่าวมาแล้วข้างต้นของชนชาวไทยที่เป็นบุคคลผู้เป็นข้าราชการ พนักงาน หรือลูกจ้างของหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ หรือของราชการส่วนท้องถิ่น และเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ มีหน้าที่ดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายเพื่อรักษาประโยชน์ส่วนรวม อำนวยความสะดวก และให้บริการแก่ประชาชน จะเห็นได้ว่าชาวไทยที่เป็นข้าราชการจะต้องปฏิบัติหน้าที่ของชนชาวไทยมากกว่าบุคคลที่เป็นประชาชนทั่วไป[6]
เจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับหน้าที่ของชนชาวไทย
จากบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ได้กำหนดหน้าที่ของประชาชนไทย ไว้ในหมวด 4 หน้าที่ของชนชาวไทย ดังนี้
1. บุคคลมีหน้าที่พิทักษ์รักษาไว้ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญนี้ (มาตรา 70)[7] โดยมีเจตนารมณ์ เพื่อกำหนดให้เป็นหน้าที่ของบุคคลทุกคนในการพิทักษ์รักษาชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งหลักการดังกล่าวเป็นหลักการเดิมตามที่ได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 แต่แก้ไขถ้อยคำเพื่อให้ชัดเจนยิ่งขึ้น นอกจากนี้หลักการดังกล่าวยังได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2492 เป็นครั้งแรกอีกด้วย[8],[9]
2. บุคคลมีหน้าที่ป้องกันประเทศ รักษาผลประโยชน์ของชาติ และปฏิบัติตามกฎหมาย (มาตรา 71)[10] โดยมีเจตนารมณ์เพื่อกำหนดให้ประชาชนชาวไทยมีหน้าที่ต่อประเทศ บุคคลที่เป็นประชาชนชาวไทยทุกคนต้องมีหน้าที่ในการปกป้องประเทศไม่ว่าด้านใดๆ รวมทั้งต้องรักษาผลประโยชน์ของชาติ และมีหน้าที่เคารพและปฏิบัติตามกฎหมาย เพื่อให้ประเทศและประชาชนมีความผาสุก ซึ่งหลักการดังกล่าวเป็นหลักการเดิมตามที่ได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 แต่เพิ่มให้ประชาชนชาวไทยมีหน้าที่รักษาผลประโยชน์ของชาติด้วย นอกจากนี้หลักการดังกล่าวยังได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยาม พุทธศักราช 2475 เป็นครั้งแรกอีกด้วย[11],[12]
3. บุคคลมีหน้าที่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง (มาตรา 72)[13]
บุคคลซึ่งไปใช้สิทธิหรือไม่ไปใช้สิทธิโดยไม่แจ้งเหตุอันสมควรที่ทำให้ไม่อาจไปใช้สิทธิได้ ย่อมได้รับสิทธิหรือเสียสิทธิตามที่กฎหมายบัญญัติ
การแจ้งเหตุที่ทำให้ไม่อาจไปเลือกตั้งและการอำนวยความสะดวกในการไปเลือกตั้งให้เป็นไปตามที่กฎหมายบัญญัติ
โดยมีเจตนารมณ์ เพื่อให้ประชาชนชาวไทยมีส่วนร่วมในการเลือกตัวแทนของตนเข้าสู่ระบบการปกครอง กำหนดให้บุคคลที่มีสิทธิเลือกตั้งมีหน้าที่ต้องไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ดังนั้น รัฐต้องมีหน้าที่โดยตรงในการอำนวยความสะดวกและจัดให้สามารถใช้สิทธิเลือกตั้งได้โดยง่าย การไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งโดยไม่มีเหตุอันสมควรย่อมเสียสิทธิบางประการตามที่กฎหมายกำหนดแล้วแต่กรณี ในทางตรงกันข้ามหากไปใช้สิทธิเลือกตั้งย่อมได้สิทธิบางประการตามที่กฎหมายบัญญัติเช่นกัน เพื่อเป็นการจูงใจให้บุคคลไปใช้สิทธิเลือกตั้งควบคู่กับการตัดสิทธิของผู้ไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ทั้งนี้ เพื่อป้องกันการซื้อสิทธิขายเสียงอีกทางหนึ่งด้วย ซึ่งหลักการดังกล่าวเป็นหลักการเดิมตามที่ได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 แต่เพิ่มให้ผู้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งอาจได้รับสิทธิตามที่กฎหมายบัญญัติ นอกจากนี้หลักการดังกล่าวยังได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2492 เป็นครั้งแรกอีกด้วย[14],[15]
4. บุคคลมีหน้าที่รับราชการทหาร ช่วยเหลือในการป้องกันและบรรเทาภัยพิบัติสาธารณะ เสียภาษีอากร ช่วยเหลือราชการ รับการศึกษาอบรม พิทักษ์ ปกป้อง และสืบสานศิลปวัฒนธรรมของชาติและภูมิปัญญาท้องถิ่น และอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ ตามที่กฎหมายบัญญัติ (มาตรา 73)[16] โดยมีเจตนารมณ์ เพื่อกำหนดให้ประชาชนชาวไทยมีหน้าที่เสียสละ และมีความรับผิดชอบต่อส่วนรวม บทบัญญัตินี้จึงกำหนดให้ประชาชนชาวไทยทุกคนต้องมีหน้าที่เสียสละเพื่อส่วนรวมในการรับราชการทหาร ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เสียภาษีอากร ช่วยเหลือราชการ ตลอดจนมีหน้าที่อื่นๆ เช่น รับการศึกษาอบรม ปกป้องศิลปวัฒนธรรมอันดีงามของชาติและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เป็นต้น ซึ่งหลักการดังกล่าวเป็นหลักการเดิมตามที่ได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 แต่เพิ่มหน้าที่ของประชาชนในการช่วยเหลือป้องกันและบรรเทาภัยพิบัติสาธารณะ นอกจากนี้หลักการดังกล่าวยังได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2475 เป็นครั้งแรกอีกด้วย[17],[18]
5. บุคคลผู้เป็นข้าราชการ พนักงาน ลูกจ้างของหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ มีหน้าที่ดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายเพื่อรักษาประโยชน์ส่วนรวม อำนวยความสะดวก และให้บริการแก่ประชาชนตามหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี
ในการปฏิบัติหน้าที่และในการปฏิบัติการอื่นที่เกี่ยวข้องกับประชาชน บุคคลตามวรรคหนึ่งต้องวางตนเป็นกลางทางการเมือง
ในกรณีที่บุคคลตามวรรคหนึ่งละเลยหรือไม่ปฏิบัติให้เป็นไปตามหน้าที่ตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสอง บุคคลผู้มีส่วนได้เสียย่อมมีสิทธิขอให้บุคคลตามวรรคหนึ่งหรือผู้บังคับบัญชาของบุคคลดังกล่าวชี้แจง แสดงเหตุผลและขอให้ดำเนินการให้เป็นไปตามบทบัญญัติในวรรคหนึ่งหรือวรรคสองได้ (มาตรา 74)[19]
โดยเจตนารมณ์ เพื่อกำหนดให้ข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานภาครัฐต้องปฏิบัติหน้าที่เพื่อรักษาผลประโยชน์ส่วนรวม อำนวยความสะดวกและบริการแก่ ประชาชนตามหลักธรรมาภิบาล และต้องวางตนเป็นกลางทางการเมือง หลักธรรมาภิบาล ได้แก่ 1) เกิดผลประโยชน์สุขของประชาชน 2) เกิดผลสัมฤทธิ์ต่อภารกิจของรัฐ 3) มีประสิทธิภาพและมีความคุ้มค่าในเชิงภารกิจของรัฐ 4) ไม่มีขั้นตอนในการปฏิบัติงานเกินความจำเป็น 5) ปรับปรุงภารกิจของส่วนราชการให้ทันต่อสถานการณ์ 6) ประชาชนได้รับการอำนวยความสะดวกและได้รับการตอบสนองความต้องการ 7) มีการประเมินผลการปฏิบัติราชการอย่างสม่ำเสมอ ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้ผู้สมัครรับการเลือกตั้งหรือพรรคการเมืองไม่ว่าระดับใดมีส่วนได้เปรียบหรือเสียเปรียบทางการเมือง และเพื่อกำกับตลอดจนปรับปรุงการดำเนินงานของข้าราชการ และพนักงานของรัฐเป็นไปตามหลักธรรมาภิบาลและเป็นกลางทางการเมือง ซึ่งหลักการดังกล่าวเป็นหลักการเดิมตามที่ได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 และเป็นหลักการที่ได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 เป็นครั้งแรกอีกด้วย[20],[21]
จากที่กล่าวมาแล้วข้างต้นจะเห็นได้ว่า การปฏิบัติหน้าที่ของชนชาวไทยทุกคนนั้น ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับทุกคนเลย และถึงเวลาแล้วที่คนไทยทุกคน ทุกฝ่ายจะต้องหันหน้ามาดำเนินการตามหน้าที่ของชนชาวไทย เพื่อแสวงหาแนวทางการแก้ปัญหาที่ประเทศไทยกำลังเผชิญอยู่ด้วยสันติวิธี เนื่องจากวิกฤติของประเทศไทยในวันนี้มีทั้งวิกฤติเศรษฐกิจการเงินโลก วิกฤติทางการเมือง และวิกฤติความแตกแยกของคนในสังคม อันส่งผลต่อวิกฤติสถาบันชาติ สถาบันศาสนา สถาบันพระมหากษัตริย์และประชาชน ดังนั้น คนไทยทุกคนต้องยืนหยัด ปกป้องและพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข รวมทั้งปฎิบัติตามกฎหมายและประพฤติตนเป็นพลเมืองดีตามรัฐธรรมนูญอย่างเข้มแข็ง.
อ้างอิง
- ↑ ราชบัณฑิตยสถาน. พจนานุกรมไทยฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542. กรุงเทพฯ : นานมีบุ๊คส์, 2546 หน้า 1247.
- ↑ คณิน บุญสุวรรณ. ปทานุกรมศัพท์รัฐสภาและการเมืองไทย (ฉบับสมบูรณ์). กรุงเทพฯ : สุขภาพใจ, 2548, หน้า 1012-1013.
- ↑ สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา. หน้าที่ของชนชาวไทย [ข้อมูลออนไลน์] สืบค้นได้จาก http://www.senate.go.th/web-senate/leftmenu/roles-thai.htm สืบค้นวันที่ 25 กันยายน 2552.
- ↑ มานิตย์ จุมปา. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (พ.ศ. 2540). กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์นิติธรรม, 2546, หน้า 1.
- ↑ อมร รักษาสัตย์. รัฐธรรมนูญฉบับประชาชนพร้อมบทวิจารณ์. กรุงเทพฯ : บริษัท ด่านสุทธาการพิมพ์ จำกัด, 2541, หน้า 73-75.
- ↑ คณิน บุญสุวรรณ. ปทานุกรมศัพท์รัฐสภาและการเมืองไทย (ฉบับสมบูรณ์). กรุงเทพฯ : สุขภาพใจ, 2548, หน้า 1012-1013.
- ↑ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550. ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 124 ตอนที่ 47 ก ราชกิจจานุเบกษา 24 สิงหาคม 2550 หน้า 20.
- ↑ คณะกรรมาธิการวิสามัญบันทึกเจตนารมณ์ จดหมายเหตุ และตรวจรายงานการประชุม สภาร่างรัฐธรรมนูญ (สำนักกรรมาธิการ 3, สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร). เจตนารมณ์รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550. สำนักการพิมพ์ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2550, หน้า 64-67.
- ↑ รายงานการประชุมสภาร่างรัฐธรรมนูญ ครั้งที่ 27/2550 วันจันทร์ที่ 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2550. [ข้อมูลออนไลน์] สืบค้นได้จาก http://library2.parliament.go.th/ giventake/content_ca/r061850.pdf สืบค้นวันที่ 25 กันยายน ๒๕๕๒.
- ↑ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550. ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 124 ตอนที่ 47 ก ราชกิจจานุเบกษา 24 สิงหาคม 2550 หน้า 20.
- ↑ คณะกรรมาธิการวิสามัญบันทึกเจตนารมณ์ จดหมายเหตุ และตรวจรายงานการประชุม สภาร่างรัฐธรรมนูญ (สำนักกรรมาธิการ 3, สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร). เจตนารมณ์รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550. สำนักการพิมพ์ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2550, หน้า 64-67.
- ↑ รายงานการประชุมสภาร่างรัฐธรรมนูญ ครั้งที่ 27/2550 วันจันทร์ที่ 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2550. [ข้อมูลออนไลน์] สืบค้นได้จาก http://library2.parliament.go.th/ giventake/content_ca/r061850.pdf สืบค้นวันที่ 25 กันยายน 2552.
- ↑ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550. ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 124 ตอนที่ 47 ก ราชกิจจานุเบกษา 24 สิงหาคม 2550 หน้า 20.
- ↑ คณะกรรมาธิการวิสามัญบันทึกเจตนารมณ์ จดหมายเหตุ และตรวจรายงานการประชุม สภาร่างรัฐธรรมนูญ (สำนักกรรมาธิการ 3, สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร). เจตนารมณ์รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550. สำนักการพิมพ์ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2550, หน้า 64-67.
- ↑ รายงานการประชุมสภาร่างรัฐธรรมนูญ ครั้งที่ 27/2550 วันจันทร์ที่ 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2550. [ข้อมูลออนไลน์] สืบค้นได้จาก http://library2.parliament.go.th/giventake/content_ca/r061850.pdf สืบค้นวันที่ 25 กันยายน 2552.
- ↑ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550. ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 124 ตอนที่ 47 ก ราชกิจจานุเบกษา 24 สิงหาคม 2550 หน้า 20.
- ↑ คณะกรรมาธิการวิสามัญบันทึกเจตนารมณ์ จดหมายเหตุ และตรวจรายงานการประชุม สภาร่างรัฐธรรมนูญ (สำนักกรรมาธิการ 3, สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร). เจตนารมณ์รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550. สำนักการพิมพ์ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2550, หน้า 64-67.
- ↑ รายงานการประชุมสภาร่างรัฐธรรมนูญ ครั้งที่ ๒๗/๒๕๕๐ วันจันทร์ที่ ๑๘ มิถุนายน พุทธศักราช 2550. [ข้อมูลออนไลน์] สืบค้นได้จาก http://library2.parliament.go.th/giventake/content_ca/r061850.pdf สืบค้นวันที่ 25 กันยายน 2552.
- ↑ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550. ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 124 ตอนที่ 47 ก ราชกิจจานุเบกษา 24 สิงหาคม 2550 หน้า 20.
- ↑ คณะกรรมาธิการวิสามัญบันทึกเจตนารมณ์ จดหมายเหตุ และตรวจรายงานการประชุม สภาร่างรัฐธรรมนูญ (สำนักกรรมาธิการ ๓, สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร). เจตนารมณ์รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550. สำนักการพิมพ์ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2550, หน้า 67-67.
- ↑ รายงานการประชุมสภาร่างรัฐธรรมนูญ ครั้งที่ 27/2550 วันจันทร์ที่ 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2550. [ข้อมูลออนไลน์] สืบค้นได้จาก http://library2.parliament.go.th/ giventake/content_ca/r061850.pdf สืบค้นวันที่ 25 กันยายน 2552.
หนังสือแนะนำให้อ่านต่อ
1. คณิน บุญสุวรรณ. คู่มือการใช้สิทธิของประชาชน (ฉบับปรับปรุงใหม่). กรุงเทพฯ : สุขภาพใจ, 2548.
2. คณะกรรมาธิการวิสามัญบันทึกเจตนารมณ์ จดหมายเหตุ และตรวจรายงานการประชุม สภาร่างรัฐธรรมนูญ (สำนักกรรมาธิการ 3, สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร). เจตนารมณ์รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550. สำนักการพิมพ์ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2550.
3. มานิตย์ จุมปา. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (พ.ศ. 2540). กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์นิติธรรม, 2546.
4. สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. สรรสาระรัฐธรรมนูญไทย, กรุงเทพฯ : บริษัท รุ่งศิลป์การพิมพ์, 2548.
5. อมร รักษาสัตย์. รัฐธรรมนูญฉบับประชาชนพร้อมบทวิจารณ์. กรุงเทพฯ : บริษัท ด่านสุทธาการพิมพ์ จำกัด, 2541.
6. สำนักกรรมาธิการ 3 สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. ตารางความแตกต่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 กับพุทธศักราช 2550 พร้อมเหตุผลโดยสังเขป. สำนักการพิมพ์ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2551.
บรรณานุกรม
คณิน บุญสุวรรณ. ปทานุกรมศัพท์รัฐสภาและการเมืองไทย (ฉบับสมบูรณ์). กรุงเทพฯ : สุขภาพใจ, 2548.
คณิน บุญสุวรรณ. คู่มือการใช้สิทธิของประชาชน (ฉบับปรับปรุงใหม่). กรุงเทพฯ : สุขภาพใจ, 2548.
คณะกรรมาธิการวิสามัญบันทึกเจตนารมณ์ จดหมายเหตุ และตรวจรายงานการประชุม สภาร่างรัฐธรรมนูญ (สำนักกรรมาธิการ 3, สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร). เจตนารมณ์รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550. สำนักการพิมพ์ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2550.
มานิตย์ จุมปา. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (พ.ศ. 2540). กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์นิติธรรม, 2546.
รายงานการประชุมสภาร่างรัฐธรรมนูญ ครั้งที่ 27/2550 วันจันทร์ที่ 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2550. [ข้อมูลออนไลน์] สืบค้นได้จาก http://library2.parliament.go.th/giventake/content_ca/r061850.pdf สืบค้นวันที่ 25 กันยายน 2552.
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550. ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 124 ตอนที่ 47 ก ราชกิจจานุเบกษา 24 สิงหาคม 2550.
สำนักกรรมาธิการ 3 สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. ตารางความแตกต่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 กับพุทธศักราช 2550 พร้อมเหตุผลโดยสังเขป. สำนักการพิมพ์ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2551.
สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. สรรสาระรัฐธรรมนูญไทย, กรุงเทพฯ : บริษัท รุ่งศิลป์การพิมพ์, 2548.
สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา. หน้าที่ของชนชาวไทย [ข้อมูลออนไลน์] สืบค้นได้จาก http://www.senate.go.th/web-senate/leftmenu/roles-thai.htm สืบค้นวันที่ 25 กันยายน 2552.
อมร รักษาสัตย์. รัฐธรรมนูญฉบับประชาชนพร้อมบทวิจารณ์. กรุงเทพฯ : บริษัท ด่านสุทธาการพิมพ์ จำกัด, 2541.