ผลต่างระหว่างรุ่นของ "เงินไม่มา กาไม่เป็น"

จาก ฐานข้อมูลการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า
Apirom (คุย | ส่วนร่วม)
สร้างหน้าใหม่: '''ผู้เรียบเรียง''' รศ.ดร.กมลชัย รัตนสกาววงศ์ ---- เงินไม่มา ก...
 
Apirom (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
 
บรรทัดที่ 1: บรรทัดที่ 1:
'''ผู้เรียบเรียง''' รศ.ดร.กมลชัย  รัตนสกาววงศ์


'''ผู้เรียบเรียง'''  
----
รศ.ดร.กมลชัย  รัตนสกาววงศ์
 
'''ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ''' .ดร.สมคิด เลิศไพฑูรย์


----
----
เงินไม่มา กาไม่เป็น” เป็นคำพูดที่สะท้อนให้เห็นว่า แท้จริงแล้วประชาชนในท้องที่ชนบทนั้น มิได้ให้ความสนใจในการใช้สิทธิเลือกตั้งเท่าที่ควร  ส่วนใหญ่มักจะ “นอนหลับทับสิทธิ”  ถ้าไม่มีการนำเงินมาให้เพื่อจูงใจให้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งผู้สมัครรับเลือกตั้งคนใดหรือพรรคการเมืองใดแล้ว  ผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งดังกล่าวก็จะไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง  หรือไม่ไปกากบาทในบัตรเลือกตั้ง  จึงพูดกันติดปากว่า “เงินไม่มา กาไม่เป็น”
 
'''"เงินไม่มา กาไม่เป็น"''' เป็นคำพูดที่สะท้อนให้เห็นว่า แท้จริงแล้วประชาชนในท้องที่ชนบทนั้น มิได้ให้ความสนใจในการใช้สิทธิเลือกตั้งเท่าที่ควร  ส่วนใหญ่มักจะ “นอนหลับทับสิทธิ”  ถ้าไม่มีการนำเงินมาให้เพื่อจูงใจให้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งผู้สมัครรับเลือกตั้งคนใดหรือพรรคการเมืองใดแล้ว  ผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งดังกล่าวก็จะไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง  หรือไม่ไปกากบาทในบัตรเลือกตั้ง  จึงพูดกันติดปากว่า “เงินไม่มา กาไม่เป็น”


รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 ก็พยายามแก้ไขปัญหาเรื่อง “เงินไม่มา กาไม่เป็น”  โดยกำหนดให้การใช้สิทธิเลือกตั้งเป็น “หน้าที่” มิใช่ “สิทธิ” ดังเช่นในอดีตด้วยเห็นว่าถ้าเป็น “สิทธิ” ของประชาชน ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งจะใช้ “สิทธิ” ของตนหรือไม่ก็ได้  แต่ถ้ากำหนดให้เป็น “หน้าที่” แล้ว  หากประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย ก็จะมีสภาพบังคับ (Sanction) ตามมา  โดยบัญญัติไว้ในมาตรา 68 ว่า “บุคคลมีหน้าที่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง  บุคคลซึ่งไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งโดยไม่แจ้งเหตุผลอันสมควรที่ทำให้ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ย่อมเสียสิทธิตามที่กฎหมายบัญญัติ ...”  และมาตรา 23 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2541 ได้บัญญัติรองรับไว้ว่า ผู้ไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งโดยไม่แจ้งเหตุการไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง หรือแจ้งเหตุแล้วแต่เหตุนั้นมิใช่เหตุอันสมควร  ผู้นั้นย่อมเสียสิทธิรวม 8 ประการ นับแต่วันเลือกตั้งครั้งที่ผู้นั้นไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งจนถึงวันที่ผู้นั้นไปใช้สิทธิเลือกตั้ง   
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 ก็พยายามแก้ไขปัญหาเรื่อง “เงินไม่มา กาไม่เป็น”  โดยกำหนดให้การใช้สิทธิเลือกตั้งเป็น “หน้าที่” มิใช่ “สิทธิ” ดังเช่นในอดีตด้วยเห็นว่าถ้าเป็น “สิทธิ” ของประชาชน ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งจะใช้ “สิทธิ” ของตนหรือไม่ก็ได้  แต่ถ้ากำหนดให้เป็น “หน้าที่” แล้ว  หากประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย ก็จะมีสภาพบังคับ (Sanction) ตามมา  โดยบัญญัติไว้ในมาตรา 68 ว่า “บุคคลมีหน้าที่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง  บุคคลซึ่งไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งโดยไม่แจ้งเหตุผลอันสมควรที่ทำให้ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ย่อมเสียสิทธิตามที่กฎหมายบัญญัติ ...”  และมาตรา 23 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2541 ได้บัญญัติรองรับไว้ว่า ผู้ไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งโดยไม่แจ้งเหตุการไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง หรือแจ้งเหตุแล้วแต่เหตุนั้นมิใช่เหตุอันสมควร  ผู้นั้นย่อมเสียสิทธิรวม 8 ประการ นับแต่วันเลือกตั้งครั้งที่ผู้นั้นไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งจนถึงวันที่ผู้นั้นไปใช้สิทธิเลือกตั้ง   


ในการเลือกตั้งระดับท้องถิ่น ผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ไม่ไปปฏิบัติหน้าที่ใช้สิทธิเลือกตั้งโดยไม่มีเหตุอันสมควร  ก็จะเสียสิทธิทำนองเดียวกัน รวม 6 ประการ  ทั้งนี้ ตามมาตรา 37 แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2545
ในการเลือกตั้งระดับท้องถิ่น ผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ไม่ไปปฏิบัติหน้าที่ใช้สิทธิเลือกตั้งโดยไม่มีเหตุอันสมควร  ก็จะเสียสิทธิทำนองเดียวกัน รวม 6 ประการ  ทั้งนี้ ตามมาตรา 37 แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2545
[[หมวดหมู่:สารานุกรมการเมืองไทย|ง]]

รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 11:40, 28 พฤษภาคม 2555

ผู้เรียบเรียง รศ.ดร.กมลชัย รัตนสกาววงศ์


ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ ศ.ดร.สมคิด เลิศไพฑูรย์


"เงินไม่มา กาไม่เป็น" เป็นคำพูดที่สะท้อนให้เห็นว่า แท้จริงแล้วประชาชนในท้องที่ชนบทนั้น มิได้ให้ความสนใจในการใช้สิทธิเลือกตั้งเท่าที่ควร ส่วนใหญ่มักจะ “นอนหลับทับสิทธิ” ถ้าไม่มีการนำเงินมาให้เพื่อจูงใจให้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งผู้สมัครรับเลือกตั้งคนใดหรือพรรคการเมืองใดแล้ว ผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งดังกล่าวก็จะไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง หรือไม่ไปกากบาทในบัตรเลือกตั้ง จึงพูดกันติดปากว่า “เงินไม่มา กาไม่เป็น”

รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 ก็พยายามแก้ไขปัญหาเรื่อง “เงินไม่มา กาไม่เป็น” โดยกำหนดให้การใช้สิทธิเลือกตั้งเป็น “หน้าที่” มิใช่ “สิทธิ” ดังเช่นในอดีตด้วยเห็นว่าถ้าเป็น “สิทธิ” ของประชาชน ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งจะใช้ “สิทธิ” ของตนหรือไม่ก็ได้ แต่ถ้ากำหนดให้เป็น “หน้าที่” แล้ว หากประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย ก็จะมีสภาพบังคับ (Sanction) ตามมา โดยบัญญัติไว้ในมาตรา 68 ว่า “บุคคลมีหน้าที่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง บุคคลซึ่งไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งโดยไม่แจ้งเหตุผลอันสมควรที่ทำให้ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ย่อมเสียสิทธิตามที่กฎหมายบัญญัติ ...” และมาตรา 23 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2541 ได้บัญญัติรองรับไว้ว่า ผู้ไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งโดยไม่แจ้งเหตุการไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง หรือแจ้งเหตุแล้วแต่เหตุนั้นมิใช่เหตุอันสมควร ผู้นั้นย่อมเสียสิทธิรวม 8 ประการ นับแต่วันเลือกตั้งครั้งที่ผู้นั้นไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งจนถึงวันที่ผู้นั้นไปใช้สิทธิเลือกตั้ง

ในการเลือกตั้งระดับท้องถิ่น ผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ไม่ไปปฏิบัติหน้าที่ใช้สิทธิเลือกตั้งโดยไม่มีเหตุอันสมควร ก็จะเสียสิทธิทำนองเดียวกัน รวม 6 ประการ ทั้งนี้ ตามมาตรา 37 แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2545