ผลต่างระหว่างรุ่นของ "เข็มตราศักดิเดชน์"
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
ลไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
(ไม่แสดง 1 รุ่นระหว่างกลางโดยผู้ใช้คนเดียวกัน) | |||
บรรทัดที่ 48: | บรรทัดที่ 48: | ||
<references/> | <references/> | ||
[[หมวดหมู่:วัตถุชิ้นเอก|ขเข็มตราศักดิเดชน์]] | [[หมวดหมู่:วัตถุชิ้นเอก|ขเข็มตราศักดิเดชน์]] | ||
[[หมวดหมู่:พิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว|ข]] |
รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 16:35, 6 ตุลาคม 2554
ผู้เรียบเรียง พิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว

ลักษณะ
โลหะ
5.5 X 4.2 เซนติเมตร
เป็นตรารูปโล่ มุมล่างมนกลางแหลม กลัดอยู่บนโบว์สีชมพูและสีเขียว ภายในแบ่งเป็น 3 ช่อง คือ ครึ่งบน 2 ช่อง ครึ่งล่าง 1 ช่อง ครึ่งบนของตราข้างขวา เป็นรูปจักรกับตรีอยู่บนพื้นสีเหลือง ข้างซ้ายเป็นรูปพระเกี้ยวบนพื้นสีชมพู ครึ่งล่างเป็นตราในสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าประชาธิปกศักดิเดชน์ เป็นพระแสงศร 3 องค์ บนพื้นสีเขียว อันเป็นสีของวันพุธ ซึ่งเป็นวันพระบรมราชสมภพ
ประวัติความเป็นมา
ตราศักดิเดชน์เป็นตราประจำพระองค์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นตรารูปโล่ ขนาดใหญ่ ภายในแบ่งเป็น 3 ช่อง คือ ครึ่งบน 2 ช่อง ครึ่งล่าง 1 ช่อง รูปสัญลักษณ์ซึ่งปรากฏบนดวงตรา มีความหมายดังนี้
สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าประชาธิปกศักดิเดชน์ (วันพระบรมราชสมภพตรงกับวันพุธ) ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (วันพระบรมราชสมภพตรงกับวันอังคาร) แห่งพระบรมราชวงศ์จักรี ซึ่งมีสีเหลืองเป็นสีประจำพระบรมราชวงศ์
ครึ่งบนของตราข้างขวา เป็นเครื่องหมายของพระบรมราชวงศ์จักรี คือ รูปจักรกับตรีอยู่บนพื้นสีเหลือง
ข้างซ้ายเป็นรูปพระเกี้ยว เป็นสัญลักษณ์ประจำพระองค์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวบนพื้นชมพู อันเป็นสีของวันพระบรมราชสมภพของพระองค์ ที่เห็นชินตามากที่สุด ได้แก่ ตราประจำจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย[1]
ครึ่งล่างของตราศักดิเดชน์ ประกอบด้วยพระแสงศร 3 องค์ บนพื้นสีเขียว อันเป็นสีของวันพุธ ซึ่งเป็นวันพระบรมราชสมภพ ประกอบกับตราครึ่งบนดังกล่าวเป็นตราประจำพระองค์ โดยเหตุที่ “เดชน์” แปลว่า ลูกศร ดังนั้น คำว่า “ศักดิเดชน์” คือ ผู้ทรงศร หรือผู้ทรงอำนาจด้วยศร ความหมายดังนี้เป็นการรับกันอย่างเหมาะสมกับการที่ได้ทรงพระราชสมภพมาในพระบรมราชวงศ์จักรี ด้วยสัญลักษณ์ของพระบรมราชวงศ์จักรี คือ จักรกับตรีนั้นเป็นหนึ่งในอาวุธประจำองค์ของพระนารายณ์เทพเจ้าแห่งศาสนาพราหมณ์ และเชื่อกันว่าเมื่อพระนารายณ์ได้เสด็จอวตารมาปราบยุคเข็ญในโลกมนุษย์นั้น มีปางหนึ่งได้อวตารมาบังเกิดเป็นพระราม ผู้มีศร 3 เล่ม เป็นราชศาสตราวุธประจำพระองค์ อันได้แก่ พระแสงศรพรหมมาสตร์ พระแสงศรประลัยวาต และพระแสงศรอัคนีวาต [2]
ส่วนบนของตรานั้น บรรดาพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงใช้เป็นตราประจำพระองค์ และนำเครื่องหมายอันเป็นสัญลักษณ์ประจำของแต่ละพระองค์มาประกอบเข้าไว้ในครึ่งล่างของตรา เช่น ตราประจำพระองค์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว

ในเวลาหลัง สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 7 มีพระราชเสาวนีย์โปรดเกล้าฯ ให้ทำเข็มตราศักดิเดชน์ไว้พระราชทานแก่คณะกรรมการผู้จัดงานประเภทต่างๆ เพื่อหารายได้ทูลเกล้าฯ โดยเสด็จพระราชกุศลสมทบทุน “ประชาธิปก” และโปรดเกล้าฯ ให้ทำโล่ตราศักดิเดชน์ไว้พระราชทานเป็นที่ระลึกแก่ผู้ทูลเกล้าฯ ถวายเงินสมทบทุน “ประชาธิปก” นี้ด้วย [3]
ข้อสังเกต
องค์ประกอบของเข็มตราศักดิเดชน์ที่นำมาศึกษานี้ มีลักษณะที่แตกต่างจากเข็มตราศักดิเดชน์หรือตราศักดิเดชน์อีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งภายในแบ่งเป็น 3 ช่อง คือ ครึ่งบน 2 ช่อง ครึ่งล่าง 1 ช่อง ครึ่งบนของตราข้างซ้ายเป็นเครื่องหมายของพระบรมราชวงศ์จักรี คือ รูปจักรกับตรี อยู่บนพื้นสีเหลือง ตราข้างขวา เป็นรูปพระเกี้ยว อันเป็นสัญลักษณ์ประจำพระองค์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวบนพื้นสีชมพู อันเป็นสีของวันพระบรมราชสมภพของพระองค์
![]() |
![]() |
---|---|
เข็มตราศักดิเดชน์ของพิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ( ภาพซ้าย ) | เปรียบเทียบกับตราศักดิเดชน์ ( ภาพขวา ) |
เข็มที่นำมาศึกษานั้นพบว่าวางสลับกัน คือ ตราข้างซ้ายเป็นรูปพระเกี้ยว ตราข้างขวาเป็น เครื่องหมายพระบรมราชวงศ์จักรี คือจักรกับตรี จึงสันนิษฐานว่า เป็นชุดที่ทำผิดจากแบบเดิม[4]