ผลต่างระหว่างรุ่นของ "สหภราดร (พ.ศ. 2499)"
สร้างหน้าใหม่: '''ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ''' รองศาสตราจารย์นรนิติ เศรษฐ... |
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
(ไม่แสดง 1 รุ่นระหว่างกลางโดยผู้ใช้ 1 คน) | |||
บรรทัดที่ 6: | บรรทัดที่ 6: | ||
'''พรรคสหภราดร''' | '''พรรคสหภราดร''' | ||
พรรคสหภราดร | พรรคสหภราดร เป็น[[พรรคการเมือง]]ที่จดทะเบียนจัดตั้งขึ้นตาม[[พระราชบัญญัตพรรคการเมือง พ.ศ. 2498]] โดยได้ยื่นจดทะเบียนต่อปลัด[[กระทรวงมหาดไทย]]ในฐานะ[[นายทะเบียนพรรคการเมือง]] เมื่อวันที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2499 ทะเบียนเลขที่ 2/2499 โดยมีขุนบวรวรรณกิจ เป็นหัวหน้าพรรค และมีนายสุวัธน์ ทองทิพย์ เป็นเลขาธิการพรรค ต่อมาพรรคสหภราดรได้มีการจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงหัวหน้าพรรคการเมืองมาเป็น นายถุ่ม ณ นครพนม ในวันที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2499 | ||
'''นโยบายของพรรคสหภราดร''' | '''นโยบายของพรรคสหภราดร''' | ||
พรรคสหภราดรมีแนวนโยบายทั่วไปคือ | พรรคสหภราดรมีแนวนโยบายทั่วไปคือ จะยึดมั่นในการปกครองระบอบ[[ประชาธิปไตย]]โดย[[รัฐธรรมนูญ]] เทอดทูน[[พระมหากษัตริย์]]เป็นประมุขภายใต้กฎหมาย มีศาสนาเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจให้มีศีลธรรม [[อำนาจอธิปไตย]]มาจากราษฎร เพื่อราษฎรมี[[สิทธิเสรีภาพ]]ในการปกครองตนเอง | ||
นโยบายด้านการปกครองประเทศ พรรคสหภราดรจะมุ่งธำรงรักษาเอกราชของประเทศ ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ต้องสงวนไว้ด้วยชีวิตจิตใจ จะสูญเสียไปมิได้ | นโยบายด้านการปกครองประเทศ พรรคสหภราดรจะมุ่งธำรงรักษาเอกราชของประเทศ ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ต้องสงวนไว้ด้วยชีวิตจิตใจ จะสูญเสียไปมิได้ พรรคสหภราดรถือว่าทุกคนย่อมมีสิทธิเสรีภาพโดยเสมอภาคภายใต้การปกครองของรัฐในขอบเขตของ[[กฎหมาย]] บุคคลใดจะกดขี่ข่มเหงซึ่งกันและกันโดยอยุติธรรมไม่ได้ ทุกคนจะต้องมีการทำงานตามอัตภาพ ทุกคนย่อมมีอำนาจที่จะจับจองและมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินเป็นของตนเองตามกฎหมายของบ้านเมือง และในการปกครองนั้นถือว่าอำนาจการปกครองต้องมาจากประชาชน และใช้อำนาจนั้นเพื่อประชาชน ในขณะเดียวกัน พรรคสหภราดรจะมุ่งผลักดันให้ฐต้องขยายอำนาจไปสู่ภูมิภาค ส่วนจังหวัด อำเภอ ตลอดจนหมู่บ้าน เพื่อให้เกิด[[การปกครองตนเอง]]ยิ่งขึ้น | ||
นโยบายด้านการต่างประเทศ พรรคสหภราดร มีนโยบายที่จะสมานไมตรีกับต่างประเทศทุกประเทศที่ไม่ก่อศัตรู และประเทศเพื่อนบ้าน โดยจะยึดหลักอันดีของสหประชาชาติเพื่อสันติภาพของโลก | นโยบายด้านการต่างประเทศ พรรคสหภราดร มีนโยบายที่จะสมานไมตรีกับต่างประเทศทุกประเทศที่ไม่ก่อศัตรู และประเทศเพื่อนบ้าน โดยจะยึดหลักอันดีของสหประชาชาติเพื่อสันติภาพของโลก | ||
นโยบายด้านการศึกษา พรรคสหภราดร จะผลักดันให้รัฐต้องให้การศึกษาแก่พลเมือง ราษฎรมีสิทธิที่จะได้รับการศึกษาอบรมตั้งแต่ชั้นต่ำถึงชั้นสูง ตามสภาพภูมิประเทศ และสิ่งแวดล้อส เพื่อให้เป็นผู้เจริ และต้องเน้นหนักไปในทางอาชีวศึกษา เพื่อให้สามารถประกอบอาชีพเลี้ยงตัวเองได้ ทั้งนี้ต้องอาศัยศาสนา ศิลปะ ขนบธรรมเนียมประเพณี อันเป็นวัฒนธรรมประจำชาติ เป็นเครื่องอบรมเผยแพร่ชักจูงจิตใจด้วย | นโยบายด้านการศึกษา พรรคสหภราดร จะผลักดันให้รัฐต้องให้การศึกษาแก่พลเมือง ราษฎรมีสิทธิที่จะได้รับการศึกษาอบรมตั้งแต่ชั้นต่ำถึงชั้นสูง ตามสภาพภูมิประเทศ และสิ่งแวดล้อส เพื่อให้เป็นผู้เจริ และต้องเน้นหนักไปในทางอาชีวศึกษา เพื่อให้สามารถประกอบอาชีพเลี้ยงตัวเองได้ ทั้งนี้ต้องอาศัยศาสนา ศิลปะ ขนบธรรมเนียมประเพณี อันเป็นวัฒนธรรมประจำชาติ เป็นเครื่องอบรมเผยแพร่ชักจูงจิตใจด้วย | ||
บรรทัดที่ 26: | บรรทัดที่ 25: | ||
นโยบายด้านสังคม พรรคสหภราดรจะผลักดันให้รัฐต้องขยายโรงพยาบาลและสุขศาลาชั้น 1-2 ให้เพียงพอแก่พลเมืองโดยรีบด่วน มุ่งดำเนินมาตรการป้องกันโรคภัยไข้เจ็บ โดยยึดหลักป้องกันไว้ก่อนโดยเข้มแข็ง ในด้านสวัสดิการสังคมนั้น พรรคสหภราดรมีแนวคิดให้รัฐต้องอุปการะทำนุบำรุงคนชรา เด็ก และคนพิการ ทุพพลภาพ ทั้งต้องช่วยบุคคลที่ยากจนให้มีงานทำตามอัตภาพด้วย ส่วนการรักษาความสงบเรียบร้อยของสังคมและความสงบสุขภายในประเทศ รัฐต้องหาทางป้องกันโจรผู้ร้ายและปราบปรามโจรผู้ร้ายโดยเด็ดขาด เพื่อความสงบสุขของราษฎรในการอยู่ดีกินดี ไม่ถูกรบกวนเบียดเบียน และความหวั่นเกรงอันตรายต่าง ๆ | นโยบายด้านสังคม พรรคสหภราดรจะผลักดันให้รัฐต้องขยายโรงพยาบาลและสุขศาลาชั้น 1-2 ให้เพียงพอแก่พลเมืองโดยรีบด่วน มุ่งดำเนินมาตรการป้องกันโรคภัยไข้เจ็บ โดยยึดหลักป้องกันไว้ก่อนโดยเข้มแข็ง ในด้านสวัสดิการสังคมนั้น พรรคสหภราดรมีแนวคิดให้รัฐต้องอุปการะทำนุบำรุงคนชรา เด็ก และคนพิการ ทุพพลภาพ ทั้งต้องช่วยบุคคลที่ยากจนให้มีงานทำตามอัตภาพด้วย ส่วนการรักษาความสงบเรียบร้อยของสังคมและความสงบสุขภายในประเทศ รัฐต้องหาทางป้องกันโจรผู้ร้ายและปราบปรามโจรผู้ร้ายโดยเด็ดขาด เพื่อความสงบสุขของราษฎรในการอยู่ดีกินดี ไม่ถูกรบกวนเบียดเบียน และความหวั่นเกรงอันตรายต่าง ๆ | ||
พรรคสหภราดรส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้งในการเลือกตั้งทั่วไปวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2500 แต่ไม่ได้รับเลือกตั้งแม้แต่คนเดียว เช่นเดียวกับพรรคการเมืองขนาดเล็กที่เพิ่งตั้งขึ้นไม่นานอีกกว่า 20 พรรค | พรรคสหภราดรส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้งในการเลือกตั้งทั่วไปวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2500 แต่ไม่ได้รับเลือกตั้งแม้แต่คนเดียว เช่นเดียวกับพรรคการเมืองขนาดเล็กที่เพิ่งตั้งขึ้นไม่นานอีกกว่า 20 พรรค ซึ่งแม้จะมีการนำเสนอนโยบายและหาเสียงในช่วงก่อน[[การเลือกตั้ง]]อย่างแข็งขันแต่ก็ไม่ได้รับเลือกตั้งหรือได้รับเลือกตั้งเพียงไม่กี่คน เพราะประชาชนส่วนใหญ่ให้ความสนใจเฉพาะพรรคขนาดใหญ่ เช่น พรรคเสรีมนังคศิลา และพรรคประชาธิปัตย์ เป็นต้น | ||
รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 15:02, 27 กรกฎาคม 2553
ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ รองศาสตราจารย์นรนิติ เศรษฐบุตร และ รองศาสตราจารย์ ดร.นิยม รัฐอมฤต
พรรคสหภราดร
พรรคสหภราดร เป็นพรรคการเมืองที่จดทะเบียนจัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัตพรรคการเมือง พ.ศ. 2498 โดยได้ยื่นจดทะเบียนต่อปลัดกระทรวงมหาดไทยในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง เมื่อวันที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2499 ทะเบียนเลขที่ 2/2499 โดยมีขุนบวรวรรณกิจ เป็นหัวหน้าพรรค และมีนายสุวัธน์ ทองทิพย์ เป็นเลขาธิการพรรค ต่อมาพรรคสหภราดรได้มีการจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงหัวหน้าพรรคการเมืองมาเป็น นายถุ่ม ณ นครพนม ในวันที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2499
นโยบายของพรรคสหภราดร
พรรคสหภราดรมีแนวนโยบายทั่วไปคือ จะยึดมั่นในการปกครองระบอบประชาธิปไตยโดยรัฐธรรมนูญ เทอดทูนพระมหากษัตริย์เป็นประมุขภายใต้กฎหมาย มีศาสนาเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจให้มีศีลธรรม อำนาจอธิปไตยมาจากราษฎร เพื่อราษฎรมีสิทธิเสรีภาพในการปกครองตนเอง นโยบายด้านการปกครองประเทศ พรรคสหภราดรจะมุ่งธำรงรักษาเอกราชของประเทศ ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ต้องสงวนไว้ด้วยชีวิตจิตใจ จะสูญเสียไปมิได้ พรรคสหภราดรถือว่าทุกคนย่อมมีสิทธิเสรีภาพโดยเสมอภาคภายใต้การปกครองของรัฐในขอบเขตของกฎหมาย บุคคลใดจะกดขี่ข่มเหงซึ่งกันและกันโดยอยุติธรรมไม่ได้ ทุกคนจะต้องมีการทำงานตามอัตภาพ ทุกคนย่อมมีอำนาจที่จะจับจองและมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินเป็นของตนเองตามกฎหมายของบ้านเมือง และในการปกครองนั้นถือว่าอำนาจการปกครองต้องมาจากประชาชน และใช้อำนาจนั้นเพื่อประชาชน ในขณะเดียวกัน พรรคสหภราดรจะมุ่งผลักดันให้ฐต้องขยายอำนาจไปสู่ภูมิภาค ส่วนจังหวัด อำเภอ ตลอดจนหมู่บ้าน เพื่อให้เกิดการปกครองตนเองยิ่งขึ้น
นโยบายด้านการต่างประเทศ พรรคสหภราดร มีนโยบายที่จะสมานไมตรีกับต่างประเทศทุกประเทศที่ไม่ก่อศัตรู และประเทศเพื่อนบ้าน โดยจะยึดหลักอันดีของสหประชาชาติเพื่อสันติภาพของโลก
นโยบายด้านการศึกษา พรรคสหภราดร จะผลักดันให้รัฐต้องให้การศึกษาแก่พลเมือง ราษฎรมีสิทธิที่จะได้รับการศึกษาอบรมตั้งแต่ชั้นต่ำถึงชั้นสูง ตามสภาพภูมิประเทศ และสิ่งแวดล้อส เพื่อให้เป็นผู้เจริ และต้องเน้นหนักไปในทางอาชีวศึกษา เพื่อให้สามารถประกอบอาชีพเลี้ยงตัวเองได้ ทั้งนี้ต้องอาศัยศาสนา ศิลปะ ขนบธรรมเนียมประเพณี อันเป็นวัฒนธรรมประจำชาติ เป็นเครื่องอบรมเผยแพร่ชักจูงจิตใจด้วย
นโยบายด้านเศรษฐกิจ พรรคสหภราดร จะมุ่งส่งเสริมการเกษตร โดยผลักดันให้รัฐต้องสนับสนุนส่งเสริมการเพาะปลูกพืช ได้แก่ การทำนา ทำไร่ การทำพืชผลต่าง ๆ ตลอดจนการเลี้ยงสัตว์ต่าง ๆ ที่เป็นเศรษฐกิจของประเทศ ที่ตลาดการค้าทั้งภายในและภายนอกประเทศต้องการซื้อขายและมีราคาดี โดยจัดระบบกสิกรรมให้เหมาะสมกับพื้นที่และภูมิประเทศด้วยวิธีการอันทันสมัย ในด้านการอุตสาหกรรม พรรคสหภราดรจะมุ่งส่งเสริมให้มีโรงงานผลิตเครื่องอุปโภคบริโภค โดยจะให้ขยายออกไปตั้งตามท้องที่ที่เหมาะสมให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อให้เพียงพอกับความต้องการของประชาชนที่ยังขลาดแคลน และยังต้องอาศัยสินค้าจากต่างประเทศอยู่ ทั้งนี้เพื่อให้การใช้สินค้าต่างประเทศลดลงหรือหมดไปในอนาคต เพื่อให้เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจภายในประเทศ
นโยบายด้านพาณิชกรรม พรรคสหภราดร จะมุ่งรักษาดุลการค้าระหว่างประเทศให้มีส่วนสัมพันธ์กับการผลิตภายในประเทศ โดยส่งเสริมสนับสนุนการค้าของคนไทย โดยให้ความสะดวกต่าง ๆ และอุดหนุนสินค้าของคนไทยเพื่อความเจริญของประเทศ นอกจากนี้ พรรคสหภราดรจะมุ่งดำเนินมาตรการคุ้มครองแรงงาน โดยป้องกันมิให้ราษฎรถูกบังคับ โดยเฉพาะการกำหนดให้มีการจ่ายค่าจ้างให้เพียงพอตามอัตภาพและคุณสมบัติโดยได้รับความคุ้มครองจากรัฐเป็นพิเศษ รวมถึงจะผลักดันให้รัฐต้องจัดระบบอาชีพให้เป็นสัดส่วนและมีความสัมพันธ์กัน มีการส่งเสริมให้แรงงานมีการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ส่งเสริมอุ้มชูผู้ประกอบการโดยสุจริต
นโยบายด้านการคลัง พรรคสหภราดรจะดำเนินนโยบายด้านการคลังโดยให้รายได้ของประเทศชาติมีความสมดุลกับรายจ่าย โดยรักษามิได้รายจ่ายสูงกว่ารายได้ของประเทศ รัฐต้องสงวนไว้ซึ่งสิทธิและอำนาจเหนือหนี้สิน ทั้งภายในและภายนอกประเทศ โดยปราศจากหนี้สินพอกพูนที่เป็นการผูกมัด พรรคสหภราดรเห็นว่า รัฐจะต้องจัดระบบภาษีอากรให้เป็นธรรมแก่สังคมยิ่งขึ้น ซึ่งภาษีอากรใดที่เห็นว่าเดือดร้อนหนัก ต้องผ่อนให้เบาลงจนได้
นโยบายด้านสังคม พรรคสหภราดรจะผลักดันให้รัฐต้องขยายโรงพยาบาลและสุขศาลาชั้น 1-2 ให้เพียงพอแก่พลเมืองโดยรีบด่วน มุ่งดำเนินมาตรการป้องกันโรคภัยไข้เจ็บ โดยยึดหลักป้องกันไว้ก่อนโดยเข้มแข็ง ในด้านสวัสดิการสังคมนั้น พรรคสหภราดรมีแนวคิดให้รัฐต้องอุปการะทำนุบำรุงคนชรา เด็ก และคนพิการ ทุพพลภาพ ทั้งต้องช่วยบุคคลที่ยากจนให้มีงานทำตามอัตภาพด้วย ส่วนการรักษาความสงบเรียบร้อยของสังคมและความสงบสุขภายในประเทศ รัฐต้องหาทางป้องกันโจรผู้ร้ายและปราบปรามโจรผู้ร้ายโดยเด็ดขาด เพื่อความสงบสุขของราษฎรในการอยู่ดีกินดี ไม่ถูกรบกวนเบียดเบียน และความหวั่นเกรงอันตรายต่าง ๆ
พรรคสหภราดรส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้งในการเลือกตั้งทั่วไปวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2500 แต่ไม่ได้รับเลือกตั้งแม้แต่คนเดียว เช่นเดียวกับพรรคการเมืองขนาดเล็กที่เพิ่งตั้งขึ้นไม่นานอีกกว่า 20 พรรค ซึ่งแม้จะมีการนำเสนอนโยบายและหาเสียงในช่วงก่อนการเลือกตั้งอย่างแข็งขันแต่ก็ไม่ได้รับเลือกตั้งหรือได้รับเลือกตั้งเพียงไม่กี่คน เพราะประชาชนส่วนใหญ่ให้ความสนใจเฉพาะพรรคขนาดใหญ่ เช่น พรรคเสรีมนังคศิลา และพรรคประชาธิปัตย์ เป็นต้น
ที่มา
ราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 73 ตอนที่ 25 ลงวันที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2499 หน้า 1046-1049 ราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 73 ตอนที่ 34 ลงวันที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2499 หน้า 1309
สมุทร สุรักขกะ, 26 การปฏิวัติไทยและรัฐประหาร สมัย 2489 ถึง 2507, พระนคร: โรงพิมพ์สื่อการพิมพ์, 2507
ขจัดภัย บุรุษพัฒน์, การเมืองและพรรคการเมืองไทยนับแต่ยุคแรกถึงปัจจุบัน, พระนคร: สำนักพิมพ์โอเดียนสโตร์, 2511