ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ท้องถิ่นดิจิทัล (Digital for Local)"

จาก ฐานข้อมูลการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า
Adminkpi (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Adminkpi (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
 
(ไม่แสดง 11 รุ่นระหว่างกลางโดยผู้ใช้คนเดียวกัน)
บรรทัดที่ 1: บรรทัดที่ 1:
'''ผู้เรียบเรียงบทความ :''' ผู้ช่วยศาสตราจารย์ เอกวีร์ มีสุข
'''ผู้เรียบเรียง''' ''':''' ผู้ช่วยศาสตราจารย์ เอกวีร์ มีสุข
 
'''ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ''' ''':''' ศาสตราจารย์ ดร.สิริพรรณ นกสวน สวัสดี
 


'''ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ :''' ศาสตราจารย์ ดร.สิริพรรณ นกสวน สวัสดี




'''<big>ท้องถิ่นดิจิทัล (Digital for Local)</big>'''
'''<big>ท้องถิ่นดิจิทัล (Digital for Local)</big>'''


'''ท้องถิ่นดิจิทัล''' คือ การพยายามเปลี่ยนผ่านการดำเนินงานและบริการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (local government digital transformation) สู่การเป็นดิจิทัลอันเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างรัฐบาลดิจิทัลที่ต้องการให้การดำเนินงานของรัฐควรสะดวก ใช้งานได้ และเชื่อถือได้ สามารถทำธุรกรรมผ่านระบบดิจิทัลที่ใช้งานสะดวกและทำได้ทุกที่ทุกเวลา และมีระบบรักษาความปลอดภัยของข้อมูลและธุรกรรม<sup>[1]</sup> การเป็นท้องถิ่นดิจิทัลถือเป็นส่วนหนึ่งของการอภิบาลอิเล็กทรอนิกส์ (electronic governance: e-governance) อันหมายถึงการรวมกันของกรอบการอภิบาลที่อิงกับกระบวนการ (process-oriented framework of governance) ที่ให้ความสำคัญกับหน้าที่ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และพลวัตรทางอำนาจ ผสานเข้ากับข้อมูลข่าวสารและเทคโนโลยีการสื่อสาร (information and communication technology) ที่สนับสนุนและเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับกระบวนการข้อมูลข่าวสารและการสื่อสารระหว่างผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่าง ๆ กล่าวได้ว่า e-governance ถือเป็นการอภิบาลรูปแบบหนึ่งที่พยายามใช้ประโยชน์จากกระบวนการและโครงสร้างของเทคโนโลยีดิจิทัลในทุกระดับของการปกครอง รวมถึงทำงานร่วมกับหุ้นส่วน ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และเครือข่ายต่าง ๆ เพื่อให้เกิดผลลัพท์ทางนโยบายขึ้นมาให้เกิดความโปร่งใส ความมีประสิทธิภาพ และความสะดวกรวดเร็ว<sup>[2]</sup> ในปัจจุบันเมืองจำนวนมากได้อาศัย e-governance เพื่อสร้างความเป็นเมืองอัจฉริยะ (smart city) เพื่อเอื้อให้สภาพแวดล้อมของเมืองมีเทคโนโลยีดิจิทัลที่สามารถใช้งานเพื่อการอภิบาลและจัดบริการสาธารณะของตัวแสดงจำนวนมาก เพื่อแก้ไขปัญหาความท้าทายของเมืองที่สัมพันธ์กับการใช้ชีวิตและเครือข่ายอันซับซ้อนของระบบสารสนเทศ ตัวอย่างเช่น สารสนเทศเมือง (urban informatics) ที่ใช้ในการวางผังเมืองอย่างการวิเคราะห์ข้อมูลอย่างเส้นทางการคมนาคม การจัดโซนของผังเมือง การวิเคราะห์สื่อสังคมออนไลน์ที่อิงกับพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ เป็นต้น<sup>[3]</sup>
&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; '''ท้องถิ่นดิจิทัล''' คือ การพยายามเปลี่ยนผ่านการดำเนินงานและบริการของ[[องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น]] (local government digital transformation) สู่การเป็นดิจิทัลอันเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างรัฐบาลดิจิทัลที่ต้องการให้การดำเนินงานของรัฐควรสะดวก ใช้งานได้ และเชื่อถือได้ สามารถทำธุรกรรมผ่านระบบดิจิทัลที่ใช้งานสะดวกและทำได้ทุกที่ทุกเวลา และมีระบบรักษาความปลอดภัยของข้อมูลและธุรกรรม<sup>[1]</sup> การเป็นท้องถิ่นดิจิทัลถือเป็นส่วนหนึ่งของการอภิบาลอิเล็กทรอนิกส์ (electronic governance: e-governance) อันหมายถึงการรวมกันของกรอบการอภิบาลที่อิงกับกระบวนการ (process-oriented framework of governance) ที่ให้ความสำคัญกับหน้าที่ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และพลวัตรทางอำนาจ ผสานเข้ากับข้อมูลข่าวสารและเทคโนโลยีการสื่อสาร (information and communication technology) ที่สนับสนุนและเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับกระบวนการข้อมูลข่าวสารและการสื่อสารระหว่างผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่าง ๆ กล่าวได้ว่า e-governance ถือเป็นการอภิบาลรูปแบบหนึ่งที่พยายามใช้ประโยชน์จากกระบวนการและโครงสร้างของเทคโนโลยีดิจิทัลในทุกระดับของการปกครอง รวมถึงทำงานร่วมกับหุ้นส่วน ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และเครือข่ายต่าง ๆ เพื่อให้เกิดผลลัพท์ทางนโยบายขึ้นมาให้เกิดความโปร่งใส ความมีประสิทธิภาพ และความสะดวกรวดเร็ว<sup>[2]</sup> ในปัจจุบันเมืองจำนวนมากได้อาศัย e-governance เพื่อสร้างความเป็นเมืองอัจฉริยะ (smart city) เพื่อเอื้อให้สภาพแวดล้อมของเมืองมีเทคโนโลยีดิจิทัลที่สามารถใช้งานเพื่อการอภิบาลและจัดบริการสาธารณะของตัวแสดงจำนวนมาก เพื่อแก้ไขปัญหาความท้าทายของเมืองที่สัมพันธ์กับการใช้ชีวิตและเครือข่ายอันซับซ้อนของระบบสารสนเทศ ตัวอย่างเช่น สารสนเทศเมือง (urban informatics) ที่ใช้ในการวางผังเมืองอย่างการวิเคราะห์ข้อมูลอย่างเส้นทางการคมนาคม การจัดโซนของผังเมือง การวิเคราะห์สื่อสังคมออนไลน์ที่อิงกับพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ เป็นต้น<sup>[3]</sup>
 
&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;ในการสร้างท้องถิ่นดิจิทัลควรให้ความสำคัญกับ
 
&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;''1) การแสวงหานวัตกรรมที่เหมาะสมกับท้องถิ่น''
 
&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;''2) การเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน''
 
&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;''3) การมุ่งเน้นประสบการณ์ที่ได้รับของประชาชน''
 
&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;''4) ระบบไอทีต้องมีความทันสมัย''
 
&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;''5) การรักษาความปลอดภัยต้องปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง และ''


ในการสร้างท้องถิ่นดิจิทัลควรให้ความสำคัญกับ
&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;''6) ความคล่องตัวเป็นแกนหลัก<sup>[4]</sup>''


''1) การแสวงหานวัตกรรมที่เหมาะสมกับท้องถิ่น''
&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;รวมถึงมุ่งเป้าการเป็นท้องถิ่นดิจิทัลไปยังกลุ่มเป้าหมายหลัก ได้แก่ ประชาชนผู้ใช้บริการที่ควรเข้าถึงบริการที่หลากหลายผ่านช่องทางเดียวได้อย่างสะดวกและตลอดเวลา สามารถติดตามสถานะการดำเนินงานของธุรกรรมที่ตนทำกับท้องถิ่น และช่วยลดค่าใช้จ่ายและประหยัดเวลาจากการทำธุรกรรม และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ต้องใช้ความเป็นดิจิทัลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานทั้งการบริหารจัดการและการให้บริการ สามารถจัดเก็บข้อมูล ติดตามการให้บริการ และลดต้นทุนการดำเนินงานได้<sup>[5]</sup>


''2) การเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน''
&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;ทั้งนี้ การให้บริการของท้องถิ่นดิจิทัลจะดำเนินการผ่านระบบบริการหลัก 5 แบบ สำหรับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไทยเป็นอย่างน้อย คือ


''3) การมุ่งเน้นประสบการณ์ที่ได้รับของประชาชน''
&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;'''1) ระบบบริหารจัดการจุดเดียวเบ็ดเสร็จ (one stop services: OSS)''' คือ ระบบบริการที่ให้ประชาชนสามารถยื่นคำร้องออนไลน์ด้วยตนเองได้ทุกเรื่องผ่านช่องทางออนไลน์เพียงช่องทางเดียวประชาชนสามารถติดตามกระบวนการการดำเนินงานทางเอกสารต่าง ๆ อละสามารถได้รับการแจ้งเตือนถึงขั้นตอนและผลการดำเนินงานผ่านระบบออนไลน์ที่หลากหลาย (อาทิ ทาง SMS หรือ E-mail) รวมถึงสามารถให้คะแนนประเมินความพึงพอใจได้ ทั้งนี้ทางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควรจัดตั้งหน่วยนงานรับเรื่องร้องทุกข์ที่สามารถประสานและแจ้งต่อหน่วยงานที่รับผิดชอบเพื่อแก้ไขปัญหาจากเรื่องที่ได้รับแจ้งผ่าน OSS รวมถึงจัดเก็บข้อมูลและจัดทำสถิติเรื่องที่ผ่านทางระบบ OSS ไว้ด้วย


''4) ระบบไอทีต้องมีความทันสมัย''
&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;'''2) ระบบขอใบอนุญาตการก่อสร้าง''' คือ ระบบที่ประชาชนสามารถขอใบอนุญาตก่อสร้างด้วยตนเองและสามารถปักหมุดสถานที่ก่อสร้างที่ต้องการขออนุญาตผ่านระบบออนไลน์ สามารถแนบเอกสาร การติดตามสถานะการดำเนินงาน ได้รับการแจ้งเตือนถึงขั้นตอน/ผลการดำเนินงาน และประเมินความพึงพอใจได้เหมือนระบบ OSS


''5) การรักษาความปลอดภัยต้องปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง และ''
&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;'''3) ระบบออกหนังสือรับรองแจ้งสถานที่จำหน่ายอาหาร''' คือ ระบบที่ประชาชนสามารถขอหนังสือรับรองฯ ได้ด้วยตนเองผ่านระบบออนไลน์ สามารถแนบเอกสาร การติดตามสถานะการดำเนินงาน ได้รับการแจ้งเตือนถึงขั้นตอน/ผลการดำเนินงาน และประเมินความพึงพอใจได้เหมือนระบบ OSS


''6) ความคล่องตัวเป็นแกนหลัก<sup>[4]</sup>''  
&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;'''4) ระบบชำระค่าธรรมเนียมขยะ/บำบัดน้ำเสีย''' คือ ระบบที่ประชาชนสามารถชำระค่าธรรมเนียมผ่านออนไลน์ โดยสามารถสแกน QR Code หรือเลือกช่องทางชำระออนไลน์รูปแบบอื่นได้ สามารถแนบหลักฐานการชำระเงิน ติดตามสถานการณ์ชำระเงิน การรับใบเสร็จ และให้คะแนนความพึงพอใจของการใช้บริการ


รวมถึงมุ่งเป้าการเป็นท้องถิ่นดิจิทัลไปยังกลุ่มเป้าหมายหลัก ได้แก่ ประชาชนผู้ใช้บริการที่ควรเข้าถึงบริการที่หลากหลายผ่านช่องทางเดียวได้อย่างสะดวกและตลอดเวลา สามารถติดตามสถานะการดำเนินงานของธุรกรรมที่ตนทำกับท้องถิ่น และช่วยลดค่าใช้จ่ายและประหยัดเวลาจากการทำธุรกรรม และ[[องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น]] ต้องใช้ความเป็นดิจิทัลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานทั้งการบริหารจัดการและการให้บริการ สามารถจัดเก็บข้อมูล ติดตามการให้บริการ และลดต้นทุนการดำเนินงานได้<sup>[5]</sup>
&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;'''5) ระบบสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์ (E-Office)''' คือ ระบบที่หน่วยงานและเจ้าหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถใช้งานระบบสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์ที่สอดคล้องกับระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยงานสารบรรณฉบับปัจจุบัน และรองรับการเชื่อมโยงรับ-ส่งหนังสือสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์กับหน่วยงานภาครัฐอื่น ๆ ได้ รวมถึงการจัดเก็บเอกสาร การลงนามเอกสารผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ และการจัดลำดับชั้นการเข้าถึงเอกสาร<sup>[6]</sup> 


ทั้งนี้ การให้บริการของท้องถิ่นดิจิทัลจะดำเนินการผ่านระบบบริการหลัก 5 แบบสำหรับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไทยเป็นอย่างน้อย คือ


'''1) ระบบบริหารจัดการจุดเดียวเบ็ดเสร็จ (one stop services: OSS)''' คือ ระบบบริการที่ให้ประชาชนสามารถยื่นคำร้องออนไลน์ด้วยตนเองได้ทุกเรื่องผ่านช่องทางออนไลน์เพียงช่องทางเดียวประชาชนสามารถติดตามกระบวนการการดำเนินงานทางเอกสารต่าง ๆ อละสามารถได้รับการแจ้งเตือนถึงขั้นตอนและผลการดำเนินงานผ่านระบบออนไลน์ที่หลากหลาย (อาทิ ทาง SMS หรือ E-mail) รวมถึงสามารถให้คะแนนประเมินความพึงพอใจได้ ทั้งนี้ทางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควรจัดตั้งหน่วยนงานรับเรื่องร้องทุกข์ที่สามารถประสานและแจ้งต่อหน่วยงานที่รับผิดชอบเพื่อแก้ไขปัญหาจากเรื่องที่ได้รับแจ้งผ่าน OSS รวมถึงจัดเก็บข้อมูลและจัดทำสถิติเรื่องที่ผ่านทางระบบ OSS ไว้ด้วย


'''2) ระบบขอใบอนุญาตการก่อสร้าง''' คือ ระบบที่ประชาชนสามารถขอใบอนุญาตก่อสร้างด้วยตนเองและสามารถปักหมุดสถานที่ก่อสร้างที่ต้องการขออนุญาตผ่านระบบออนไลน์ สามารถแนบเอกสาร การติดตามสถานะการดำเนินงาน ได้รับการแจ้งเตือนถึงขั้นตอน/ผลการดำเนินงาน และประเมินความพึงพอใจได้เหมือนระบบ OSS
&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;ส่วนผลลัพท์ของการเป็นท้องถิ่นดิจิทัล Local Government Association (LGA) เสนอว่าสามารถแบ่งออกเป็น 12 ด้าน ที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควรบรรลุถึงผลลัพท์ดังกล่าว


'''3) ระบบออกหนังสือรับรองแจ้งสถานที่จำหน่ายอาหาร''' คือ ระบบที่ประชาชนสามารถขอหนังสือรับรองฯ ได้ด้วยตนเองผ่านระบบออนไลน์ สามารถแนบเอกสาร การติดตามสถานะการดำเนินงาน ได้รับการแจ้งเตือนถึงขั้นตอน/ผลการดำเนินงาน และประเมินความพึงพอใจได้เหมือนระบบ OSS
&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;'''1) การเชื่อมต่อ (connectivity)''' องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถสนับสนุนผู้อยู่อาศัยในท้องถิ่น ธุรกิจเอกชน และบุคลากรของท้องถิ่นให้เข้าถึงอินเทอร์เน็ตและบริการสาธารณะของท้องถิ่นผ่านดิจิทัลไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ที่ไหนก็ตาม


'''4) ระบบชำระค่าธรรมเนียมขยะ/บำบัดน้ำเสีย''' คือ ระบบที่ประชาชนสามารถชำระค่าธรรมเนียมผ่านออนไลน์ โดยสามารถสแกน QR Code หรือเลือกช่องทางชำระออนไลน์รูปแบบอื่นได้ สามารถแนบหลักฐานการชำระเงิน ติดตามสถานการณ์ชำระเงิน การรับใบเสร็จ และให้คะแนนความพึงพอใจของการใช้บริการ
&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;'''2) ข้อมูล (data)''' แนวปฏิบัติด้านข้อมูลขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควรเป็นไปตามมาตรฐานที่ให้ความสำคัญกับการปรับปรุงการบริการและนโยบายการให้ข้อมูล ทั้งนี้ ความโปร่งใสเป็นหัวใจหลักของแนวปฏิบัติด้านข้อมูลที่จะช่วยทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลและทราบถึงแหล่งที่มาของข้อมูล ซึ่งจะช่วยเสริมประชาธิปไตยและการมีส่วนร่วมได้อีกทางด้วย


'''5) ระบบสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์ (E-Office)''' คือ ระบบที่หน่วยงานและเจ้าหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถใช้งานระบบสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์ที่สอดคล้องกับระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยงานสารบรรณฉบับปัจจุบัน และรองรับการเชื่อมโยง รับ-ส่ง หนังสือสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์กับหน่วยงานภาครัฐอื่น ๆ ได้ รวมถึงการจัดเก็บเอกสาร การลงนามเอกสารผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ และการจัดลำดับชั้นการเข้าถึงเอกสาร<sup>[6]</sup>  
&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;'''3) ประชาธิปไตยและการมีส่วนร่วม (democracy and participation)''' องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควรใช้เทคโนโลยีดิจิทัลให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการสนับสนุนการประชุมสภาท้องถิ่น การสร้างความโปร่งใส การสร้างการตัดสินใจที่เป็นประชาธิปไตยด้วยแง่ดี และการเพิ่มความเกี่ยวพันและการประสานความร่วมมือของชุมชน


ส่วนผลลัพท์ของการเป็นท้องถิ่นดิจิทัล Local Government Association (LGA) เสนอว่าสามารถแบ่งออกเป็น 12 ด้านที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควรบรรลุถึงผลลัพท์ดังกล่าว
&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;'''4) ผลิตภาพและการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ (economic productivity and growth)''' องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควรสนับสนุนการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลของธุรกิจเอกชนในท้องถิ่น หุ้นส่วน และองค์กรที่อยู่นอกภาครัฐและเอกชน


''1) การเชื่อมต่อ (connectivity)'' องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถสนับสนุนผู้อยู่อาศัยในท้องถิ่น ธุรกิจเอกชน และบุคลากรของท้องถิ่นให้เข้าถึงอินเทอร์เน็ตและบริการสาธารณะของท้องถิ่นผ่านดิจิทัลไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ที่ไหนก็ตาม
&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;'''5) จริยธรรมและความยั่งยืน (ethics and sustainability)''' องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควรใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อบรรลุถึงประโยชน์ร่วมกันและไม่สร้างภัยคุกคาม เทคโนโลยีดิจิทัลควรมีเพื่อคุ้มครองมนุษย์ ความเป็นธรรม ความโปร่งใส และสิ่งแวดล้อม


''2) ข้อมูล (data)'' แนวปฏิบัติด้านข้อมูลขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควรเป็นไปตามมาตรฐานที่ให้ความสำคัญกับการปรับปรุงการบริการและนโยบายการให้ข้อมูล ทั้งนี้ ความโปร่งใสเป็นหัวใจหลักของแนวปฏิบัติด้านข้อมูลที่จะช่วยทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลและทราบถึงแหล่งที่มาของข้อมูล ซึ่งจะช่วยเสริมประชาธิปไตยและการมีส่วนร่วมได้อีกทางด้วย
&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;'''6) การไม่ทิ้งใครไว้เบื้องหลัง (inclusion)''' องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควรส่งเสริมประโยชน์ของอินเทอร์เน็ต เทคโนโลยีดิจิทัล และบริการดิจิทัลในทางที่ทำให้คนทุกคนสามารถใช้งานได้และเข้าถึงได้


''3) ประชาธิปไตยและการมีส่วนร่วม (democracy and participation)'' องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควรใช้เทคโนโลยีดิจิทัลให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการสนับสนุนการประชุมสภาท้องถิ่น การสร้างความโปร่งใส การสร้างการตัดสินใจที่เป็นประชาธิปไตยด้วยแง่ดี และการเพิ่มความเกี่ยวพันและการประสานความร่วมมือของชุมชน
&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;'''7) ภาวะผู้นำ (leadership)''' ภาวะผู้นำขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นขับเคลื่อนได้โดยเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อบรรลุเป้าหมายเชิงกลยุทธ์และเป้าหมายเชิงปฏิบัติการ และเอื้ออำนวยต่อการสร้างความเปลี่ยนแปลงขององค์กร


''4) ผลิตภาพและการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ (economic productivity and growth)'' องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควรสนับสนุนการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลของธุรกิจเอกชนในท้องถิ่น หุ้นส่วน และองค์กรที่อยู่นอกภาครัฐและเอกชน
&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;'''8) ศักยภาพองค์กร (organizational capability)''' องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควรทำให้เทคโนโลยีดิจิทัลเป็นหัวใจสำคัญของการทำงานและฝึกอบรมกำลังแรงงาน และสร้างบุคลากรที่มีความพร้อม (talent pipelines) ที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งและสับเปลี่ยนหมุนเวียนตำแหน่งในองค์กร และช่วยลดแรงกดดันของการคัดเลือกบุคลากร


''5) จริยธรรมและความยั่งยืน (ethics and sustainability)'' องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควรใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อบรรลุถึงประโยชน์ร่วมกันและไม่สร้างภัยคุกคาม เทคโนโลยีดิจิทัลควรมีเพื่อคุ้มครองมนุษย์ ความเป็นธรรม ความโปร่งใส และสิ่งแวดล้อม
&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;'''9) พันธมิตร (partnership)''' องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควรทำงานร่วมกับภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคส่วนนอกภาครัฐและเอกชน เพื่อสร้างการบูรณาการ การเชื่อมโยงอย่างเหนียวแน่น และเน้นตัวแบบการทำงานที่ให้ความสำคัญกับผู้อยู่อาศัยในท้องถิ่นต่อการสร้างการเปลี่ยนผ่านทางเทคโนโลยีดิจิทัลของท้องถิ่นและการจัดบริการสาธารณะ


''6) การไม่ทิ้งใครไว้เบื้องหลัง (inclusion)'' องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควรส่งเสริมประโยชน์ของอินเทอร์เน็ต เทคโนโลยีดิจิทัล และบริการดิจิทัลในทางที่ทำให้คนทุกคนสามารถใช้งานได้และเข้าถึงได้
&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;'''10) ความปลอดภัยและความยืดหยุ่น (security and resilience)''' เครือข่าย โครงสร้างพื้นฐาน ข้อมูล และการบริการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควรมีความปลอดภัย และท้องถิ่นควรมีความยืดหยุ่นในการรับมือกับภัยคุกคามทางไซเบอร์


''7) ภาวะผู้นำ (leadership)'' ภาวะผู้นำขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นขับเคลื่อนได้โดยเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อบรรลุเป้าหมายเชิงกลยุทธ์และเป้าหมายเชิงปฏิบัติการ และเอื้ออำนวยต่อการสร้างความเปลี่ยนแปลงขององค์กร
&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;'''11) บริการ (services)''' บริการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควรถูกออกแบบเพื่อตอบสนองความจำเป็นของผู้พักอาศัยและผู้ใช้งาน และควรสอดคล้องกับหลักการและมาตรฐานที่ภาครัฐกำหนด การบริการที่เกิดจากการนำดิจิทัลมาช่วยปรับปรุงควรเพิ่มประสิทธิภาพและความรวดเร็วให้มากขึ้นด้วย


''8) ศักยภาพองค์กร (organizational capability)'' องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควรทำให้เทคโนโลยีดิจิทัลเป็นหัวใจสำคัญของการทำงานและฝึกอบรมกำลังแรงงาน และสร้างบุคลากรที่มีความพร้อม (talent pipelines) ที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งและสับเปลี่ยนหมุนเวียนตำแหน่งในองค์กร และช่วยลดแรงกดดันของการคัดเลือกบุคลากร
&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;'''12) คุณค่า (value)''' องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควรจัดสรรทรัพยากรอย่างมีประสิทธิผลเพื่อควบคุมให้เกิดโอกาสของเทคโนโลยีดิจิทัล<sup>[7]</sup>


''9) พันธมิตร (partnership)'' องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควรทำงานร่วมกับภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคส่วนนอกภาครัฐและเอกชน เพื่อสร้างการบูรณาการ การเชื่อมโยงอย่างเหนียวแน่น และเน้นตัวแบบการทำงานที่ให้ความสำคัญกับผู้อยู่อาศัยในท้องถิ่นต่อการสร้างการเปลี่ยนผ่านทางเทคโนโลยีดิจิทัลของท้องถิ่นและการจัดบริการสาธารณะ
&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;นอกจากผลลัพท์ของการพัฒนาความเป็นดิจิทัลท้องถิ่นที่ได้กล่าวมาข้างต้น ท้องถิ่นดิจิทัลยังช่วยกำหนดชื่อเสียง (reputation) ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้งด้านการรับรู้และความคาดหวังที่ผู้คนมีต่อองค์กร ความมีชื่อเสียงดังกล่าวจะกำหนดพฤติกรรมและการกระทำของตัวองค์กร<sup>[8]</sup> แต่ทั้งนี้ต้องตระหนักว่าสภาพความเป็นดิจิทัลสามารถสร้างประโยชน์หรือเป็นภัยคุกคามทำลายชื่อเสียงขององค์กรก็ได้ ในด้านประโยชน์การมีระบบการมีชื่อเสียง (reputation systems) ผ่านช่องทางดิจิทัลที่เข้าถึงได้สามารถเป็นตัวกลางและเอื้ออำนวยให้เกิดการใช้ข้อมูลข่าวสารที่มีคุณค่าต่อการตัดสินใจ ผ่านการมีระบบสนับสนุนและการยืนยันตัวเลือกของการตัดสินใจ กล่าวคือ ความเป็นดิจิทัลจะสร้างความโปร่งใสและแสดงความเป็นสาธารณะต่อบรรดาตัวเลือกเชิงนโยบายของปัจเจกบุคคลหรือขององค์กร (เพราะประชาชนรับทราบว่าผู้บริหารหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตัดสินใจจากทางเลือกนโยบายแบบใดจากข้อมูลที่ปรากฎผ่านดิจิทัล อย่างเช่น ทำไมท้องถิ่นถึงเลือกใช้งบประมาณตัดถนนแทนที่จะสร้างสวนสาธารณะ) แต่ในอีกด้านระบบการสร้างชื่อเสียงอาจเป็นภัยคุกคาม เพราะทำให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากตัวเลือกเชิงนโยบายดังกล่าวมีความอดทนต่อผลกระทบดังกล่าวน้อยลงและมีประสบการณ์เชิงลบต่อตัวเลือกเหล่านั้น (เนื่องจากประชาชนรับรู้ข่าวสารการดำเนินงานของท้องถิ่นที่โปร่งใสมากขึ้น) ดังนั้น ระบบการมีชื่อเสียงขององค์กรผ่านดิจิทัลในอีกด้านจึงเปรียบเสมือนแบรนด์ (brand) ที่จะให้คำมั่นสัญญาถึงสิ่งที่องค์กรถูกคาดหวังว่าควรจะดำเนินการ และจากคำมั่นดังกล่าวทำให้ประชาชนคาดหวังการทำงานขององค์กรอยู่บนฐานของความเป็นจริงมากขึ้นด้วย (เพราะประชาชนรับรู้ว่าองค์กรให้สัญญาแบบใดไว้ พวกเขาจึงคาดหวังว่าองค์กรควรทำตามสัญญาแต่ก็ไม่ได้ตั้งความหวังไว้ในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้) แต่ในทางกลับกัน ระบบการมีชื่อเสียงผ่านดิจิทัลกลับเป็นประเด็นที่ท้าทายเพราะองค์กรอาจสร้างภาพลักษณ์ไว้เกินเลยกว่าความเป็นจริงก็ได้ (สิ่งที่อยู่ในอินเทอร์เน็ตสวนทางกับประสบการณ์ที่ประชาชนในพื้นที่เจอ) การสร้างภาพลักษณ์ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นย่อมมีความสำคัญในอนาคตเนื่องจากพลเมือง/ลูกค้าจะเลือกใช้บริการขององค์กรและบริการสาธารณะของท้องถิ่นหรือไม่ขึ้นอยู่กับระดับของการประกอบสร้างภาพลักษณ์ในโลกออนไลน์ในสามมิติ คือ หนึ่ง การสร้างการรับรู้ถึงความเป็นกันเองขององค์กร (niceness) สอง การสร้างความโดดเด่นในการกระทำขององค์กร (noteworthiness) และ สาม การกำหนดจุดยืนเชิงค่านิยมบนสื่อสังคมออนไลน์ (position of value)<sup>[9]</sup>


''10) ความปลอดภัยและความยืดหยุ่น (security and resilience)'' เครือข่าย โครงสร้างพื้นฐาน ข้อมูล และการบริการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควรมีความปลอดภัย และท้องถิ่นควรมีความยืดหยุ่นในการรับมือกับภัยคุกคามทางไซเบอร์
&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;อย่างไรก็ดี ความเป็นดิจิทัลของท้องถิ่นไม่ได้เป็นสิ่งที่ทำให้ท้องถิ่นและผู้คนตัดขาดออกจากพื้นที่ทางกายภาพของเมืองอย่างการพักผ่อนในสวนสาธารณะหรือการเผชิญหน้าและสัมผัสระหว่างกันของมนุษย์ ตัวอย่างเช่นพื้นที่และบริบทของการละเล่น (play) ภายในเมืองที่เอื้อให้เมืองสามารถเกิดกิจกรรมการละเล่นได้ ดิจิทัลสามารถสร้างพื้นที่ผสมสำหรับการเล่นเกมดิจิทัลในเมือง กล่าวคือทำให้พื้นที่เมืองกลายเป็นพื้นที่ที่ผสมโลกจริงและโลกเสมือนเข้าด้วยกัน เกมส์ดิจิทัลในเมือง (urban digital games) เกิดขึ้นพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโ,ยีที่สร้างเกมดิจิทัลที่มีปฏิบัติการภายในพื้นที่แบบผสม โดยผสานเอาปฏิสัมพันธ์ของมนุษย์กับโครงสร้างพื้นฐานของเมืองในโลกจริงเข้ากับโลกเสมือนที่ผสานผ่านเทคโนโลยีโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบสมาร์ตโฟนมาใช้เพื่อสร้าง “เกมส์ที่มีปฏิสัมพันธ์กับบรรดาสิ่งของในเมือง”<sup>[10]</sup> ตัวอย่าง เช่น เกมส์โปเกมอนโก (Pokémon GO) ที่มีชื่อเสียงของบริษัท Niantic ได้นำเอาเค้าโครงจากการ์ตูนและเกมส์โปเกมอนที่ผู้จับโปเกมอนสามารถโยนมอนสเตอร์บอลเพื่อจับโปเกมอนมาดัดแปลงเป็นเกมส์เสมือนจริงที่ผู้เล่นใช้ศัพท์มือถือของตนเพื่อจับตัวโปเกมอนที่ปรากฎตามสถานที่ต่าง ๆ การละเล่นดังกล่าวจึงผสานเอาพื้นที่ในโลกจริงกับพื้นที่เสมือน ดังที่พบผู้จับโปเกมม่อนเล่นเกมส์ตามสถานที่สาธารณะของเมืองที่แตกต่างกัน หรือเกมส์อื่นอย่างเกมบีตเดอะสตรีต (Beat the Street) ของสหราชอาณาจักรที่อาศัยแนวคิดเดียวกันเพื่อพัฒนาเกมส์เพื่อเน้นการส่งเสริมสุขภาพและการลดน้ำหนักผ่านการละเล่นในพื้นที่เมือง<sup>[11]</sup> หรือเกมส์ชตัดต์ฟลูคต์ (Stadtflucht) ของเยอรมนีที่มุ่งหวังเพื่อสร้างเสริมสุขภาพ ประสบการณ์จากการเล่นเกมส์จะช่วยกระตุ้นกิจกรรมนันทนาการให้กับสภาพแวดล้อมของเมือง เอื้ออำนวยต่อการประเมินการรับรู้ของผู้เล่นเกมส์ และกระตุ้นให้ผู้เล่นให้เข้าไปมีสว่วนร่วมในกระบวนการวางแผนของเมือง สอดคล้องกับการวิจัยเชิงทดลองกับผู้เล่นเกมส์นี้ในนครแฟรงก์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนีที่การละเล่นเกมส์ดังกล่าวในพื้นที่สาธาณณะของเมือง และเสนอว่าผู้ออกแบบเมืองควรเรียนรู้จากการออกแบบเกมส์เกี่ยวกับการสร้างมโนทัศน์เชิงพื้นที่ (conception of space) ที่เอื้อให้เกิดปฏิสัมพันธ์เชิงการละเล่นและมีอิสระในสภาพแวดล้อมที่ถูกสร้างขึ้นมา<sup>[12]</sup>


''11) บริการ (services)'' บริการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควรถูกออกแบบเพื่อตอบสนองความจำเป็นของผู้พักอาศัยและผู้ใช้งาน และควรสอดคล้องกับหลักการและมาตรฐานที่ภาครัฐกำหนด การบริการที่เกิดจากการนำดิจิทัลมาช่วยปรับปรุงควรเพิ่มประสิทธิภาพและความรวดเร็วให้มากขึ้นด้วย
                                                           
&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; '''ภาพที่ 1''' ''':''' เกมส์โปเกมอนโก (Pokémon GO)
[[ไฟล์:ท้องถิ่นดิจิทัล (Digital for Local).jpg|center|frameless|512x512px]]
&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; '''ที่มา''' ''':''' pokemongolive.com


''12) คุณค่า (value)'' องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควรจัดสรรทรัพยากรอย่างมีประสิทธิผลเพื่อควบคุมให้เกิดโอกาสของเทคโนโลยีดิจิทัล<sup>[7]</sup>
นอกจากผลลัพท์ของการพัฒนาความเป็นดิจิทัลท้องถิ่นที่ได้กล่าวมาข้างต้น ท้องถิ่นดิจิทัลยังช่วยกำหนดชื่อเสียง (reputation) ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้งด้านการรับรู้และความคาดหวังที่ผู้คนมีต่อองค์กร ความมีชื่อเสียงดังกล่าวจะกำหนดพฤติกรรมและการกระทำของตัวองค์กร<sup>[8]</sup> แต่ทั้งนี้ต้องตระหนักว่าสภาพความเป็นดิจิทัลสามารถสร้างประโยชน์หรือเป็นภัยคุกคามทำลายชื่อเสียงขององค์กรก็ได้ ในด้านประโยชน์การมีระบบการมีชื่อเสียง (reputation systems) ผ่านช่องทางดิจิทัลที่เข้าถึงได้สามารถเป็นตัวกลางและเอื้ออำนวยให้เกิดการใช้ข้อมูลข่าวสารที่มีคุณค่าต่อการตัดสินใจ ผ่านการมีระบบสนับสนุนและการยืนยันตัวเลือกของการตัดสินใจ กล่าวคือ ความเป็นดิจิทัลจะสร้างความโปร่งใสและแสดงความเป็นสาธารณะต่อบรรดาตัวเลือกเชิงนโยบายของปัจเจกบุคคลหรือขององค์กร (เพราะประชาชนรับทราบว่าผู้บริหารหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตัดสินใจจากทางเลือกนโยบายแบบใดจากข้อมูลที่ปรากฎผ่านดิจิทัล อย่างเช่น ทำไมท้องถิ่นถึงเลือกใช้งบประมาณตัดถนนแทนที่จะสร้างสวนสาธารณะ) แต่ในอีกด้านระบบการสร้างชื่อเสียงอาจเป็นภัยคุกคาม เพราะทำให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากตัวเลือกเชิงนโยบายดังกล่าวมีความอดทนต่อผลกระทบดังกล่าวน้อยลงและมีประสบการณ์เชิงลบต่อตัวเลือกเหล่านั้น (เนื่องจากประชาชนรับรู้ข่าวสารการดำเนินงานของท้องถิ่นที่โปร่งใสมากขึ้น) ดังนั้น ระบบการมีชื่อเสียงขององค์กรผ่านดิจิทัลในอีกด้านจึงเปรียบเสมือนแบรนด์ (brand) ที่จะให้คำมั่นสัญญาถึงสิ่งที่องค์กรถูกคาดหวังว่าควรจะดำเนินการ และจากคำมั่นดังกล่าวทำให้ประชาชนคาดหวังการทำงานขององค์กรอยู่บนฐานของความเป็นจริงมากขึ้นด้วย (เพราะประชาชนรับรู้ว่าองค์กรให้สัญญาแบบใดไว้ พวกเขาจึงคาดหวังว่าองค์กรควรทำตามสัญญาแต่ก็ไม่ได้ตั้งความหวังไว้ในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้) แต่ในทางกลับกัน ระบบการมีชื่อเสียงผ่านดิจิทัลกลับเป็นประเด็นที่ท้าทายเพราะองค์กรอาจสร้างภาพลักษณ์ไว้เกินเลยกว่าความเป็นจริงก็ได้ (สิ่งที่อยู่ในอินเทอร์เน็ตสวนทางกับประสบการณ์ที่ประชาชนในพื้นที่เจอ) การสร้างภาพลักษณ์ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นย่อมมีความสำคัญในอนาคตเนื่องจากพลเมือง/ลูกค้าจะเลือกใช้บริการขององค์กรและบริการสาธารณะของท้องถิ่นหรือไม่ขึ้นอยู่กับระดับของการประกอบสร้างภาพลักษณ์ในโลกออนไลน์ในสามมิติ คือ หนึ่ง การสร้างการรับรู้ถึงความเป็นกันเองขององค์กร (niceness) สอง การสร้างความโดดเด่นในการกระทำขององค์กร (noteworthiness) และ สาม การกำหนดจุดยืนเชิงค่านิยมบนสื่อสังคมออนไลน์ (position of value)<sup>[9]</sup> 


อย่างไรก็ดี ความเป็นดิจิทัลของท้องถิ่นไม่ได้เป็นสิ่งที่ทำให้ท้องถิ่นและผู้คนตัดขาดออกจากพื้นที่ทางกายภาพของเมืองอย่างการพักผ่อนในสวนสาธารณะหรือการเผชิญหน้าและสัมผัสระหว่างกันของมนุษย์ ตัวอย่างเช่นพื้นที่และบริบทของการละเล่น (play) ภายในเมืองที่เอื้อให้เมืองสามารถเกิดกิจกรรมการละเล่นได้ ดิจิทัลสามารถสร้างพื้นที่ผสมสำหรับการเล่นเกมดิจิทัลในเมือง กล่าวคือทำให้พื้นที่เมืองกลายเป็นพื้นที่ที่ผสมโลกจริงและโลกเสมือนเข้าด้วยกัน เกมส์ดิจิทัลในเมือง (urban digital games) เกิดขึ้นพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโ,ยีที่สร้างเกมดิจิทัลที่มีปฏิบัติการภายในพื้นที่แบบผสม โดยผสานเอาปฏิสัมพันธ์ของมนุษย์กับโครงสร้างพื้นฐานของเมืองในโลกจริงเข้ากับโลกเสมือนที่ผสานผ่านเทคโนโลยีโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบสมาร์ตโฟนมาใช้เพื่อสร้าง '''“เกมส์ที่มีปฏิสัมพันธ์กับบรรดาสิ่งของในเมือง”'''<sup>[10]</sup> ตัวอย่างเช่น เกมส์โปเกมอนโก (Pokémon GO) ที่มีชื่อเสียงของบริษัท Niantic ได้นำเอาเค้าโครงจากการ์ตูนและเกมส์โปเกมอนที่ผู้จับโปเกมอนสามารถโยนมอนสเตอร์บอลเพื่อจับโปเกมอนมาดัดแปลงเป็นเกมส์เสมือนจริงที่ผู้เล่นใช้ศัพท์มือถือของตนเพื่อจับตัวโปเกมอนที่ปรากฎตามสถานที่ต่าง ๆ การละเล่นดังกล่าวจึงผสานเอาพื้นที่ในโลกจริงกับพื้นที่เสมือน ดังที่พบผู้จับโปเกมม่อนเล่นเกมส์ตามสถานที่สาธารณะของเมืองที่แตกต่างกัน หรือเกมส์อื่นอย่างเกมบีตเดอะสตรีต (Beat the Street) ของสหราชอาณาจักรที่อาศัยแนวคิดเดียวกันเพื่อพัฒนาเกมส์เพื่อเน้นการส่งเสริมสุขภาพและการลดน้ำหนักผ่านการละเล่นในพื้นที่เมือง<sup>[11]</sup> หรือเกมส์ชตัดต์ฟลูคต์ (Stadtflucht) ของเยอรมนีที่มุ่งหวังเพื่อสร้างเสริมสุขภาพ ประสบการณ์จากการเล่นเกมส์จะช่วยกระตุ้นกิจกรรมนันทนาการให้กับสภาพแวดล้อมของเมือง เอื้ออำนวยต่อการประเมินการรับรู้ของผู้เล่นเกมส์ และกระตุ้นให้ผู้เล่นให้เข้าไปมีสว่วนร่วมในกระบวนการวางแผนของเมือง สอดคล้องกับการวิจัยเชิงทดลองกับผู้เล่นเกมส์นี้ในนครแฟรงก์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนีที่การละเล่นเกมส์ดังกล่าวในพื้นที่สาธาณณะของเมือง และเสนอว่าผู้ออกแบบเมืองควรเรียนรู้จากการออกแบบเกมส์เกี่ยวกับการสร้างมโนทัศน์เชิงพื้นที่ (conception of space) ที่เอื้อให้เกิดปฏิสัมพันธ์เชิงการละเล่นและมีอิสระในสภาพแวดล้อมที่ถูกสร้างขึ้นมา<sup>[12]</sup>
&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;การละเล่นของเมืองที่ผสานกับดิจิทัลข้างต้นยังเป็นประโยชน์ต่อการสร้างเมืองอัจฉริยะ (smart city) เพราะการละเล่นดังกล่าวสามารถให้ข้อมูลอันเกิดจากการละเล่นและสามารถนำมาใช้ในการออกแบบเมืองใน 3 แนวคิด คือ หนึ่ง ข้อมูลจากปฏิสัมพันธ์ผ่านการละเล่นทำให้ออกแบบเมืองอัจฉริยะที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลางมากขึ้น โปร่งใสมากขึ้น และมีความเป็นประชาธิปไตย สอง การละเล่นช่วยให้ผู้คนเข้ามามีส่วนร่วมและเข้าใจสภาพแวดล้อมของเมืองมากขึ้น ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาเมืองและสร้างเสริมสุขภาพด้วย และ สาม การละเล่นช่วยให้เมืองมีความสุขและน่าอยู่อาศัยมากขึ้น<sup>[13]</sup> 


'''ภาพที่ 1: เกมส์โปเกมอนโก (Pokémon GO)'''
[[ไฟล์:ท้องถิ่นดิจิทัล (Digital for Local).jpg|border|center|628x628px]]
'''ที่มา: pokemongolive.com'''


การละเล่นของเมืองที่ผสานกับดิจิทัลข้างต้นยังเป็นประโยชน์ต่อการสร้างเมืองอัจฉริยะ (smart city) เพราะการละเล่นดังกล่าวสามารถให้ข้อมูลอันเกิดจากการละเล่นและสามารถนำมาใช้ในการออกแบบเมืองใน 3 แนวคิด คือ หนึ่ง ข้อมูลจากปฏิสัมพันธ์ผ่านการละเล่นทำให้ออกแบบเมืองอัจฉริยะที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลางมากขึ้น โปร่งใสมากขึ้น และมีความเป็นประชาธิปไตย สอง การละเล่นช่วยให้ผู้คนเข้ามามีส่วนร่วมและเข้าใจสภาพแวดล้อมของเมืองมากขึ้น ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาเมืองและสร้างเสริมสุขภาพด้วย และ สาม การละเล่นช่วยให้เมืองมีความสุขและน่าอยู่อาศัยมากขึ้น<sup>[13]</sup>  


'''<big>บรรณานุกรม</big>'''
'''<big>บรรณานุกรม</big>'''
บรรทัดที่ 112: บรรทัดที่ 120:
<sup>[13]</sup> โร, 312-13.
<sup>[13]</sup> โร, 312-13.
[[index.php?title=หมวดหมู่:การปกครองท้องถิ่น]]
[[index.php?title=หมวดหมู่:การปกครองท้องถิ่น]]
[[index.php?title=หมวดหมู่:สารานุกรม คำศัพท์ต่าง ๆ]]

รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 12:40, 19 มิถุนายน 2568

ผู้เรียบเรียง : ผู้ช่วยศาสตราจารย์ เอกวีร์ มีสุข

ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ : ศาสตราจารย์ ดร.สิริพรรณ นกสวน สวัสดี



ท้องถิ่นดิจิทัล (Digital for Local)

                    ท้องถิ่นดิจิทัล คือ การพยายามเปลี่ยนผ่านการดำเนินงานและบริการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (local government digital transformation) สู่การเป็นดิจิทัลอันเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างรัฐบาลดิจิทัลที่ต้องการให้การดำเนินงานของรัฐควรสะดวก ใช้งานได้ และเชื่อถือได้ สามารถทำธุรกรรมผ่านระบบดิจิทัลที่ใช้งานสะดวกและทำได้ทุกที่ทุกเวลา และมีระบบรักษาความปลอดภัยของข้อมูลและธุรกรรม[1] การเป็นท้องถิ่นดิจิทัลถือเป็นส่วนหนึ่งของการอภิบาลอิเล็กทรอนิกส์ (electronic governance: e-governance) อันหมายถึงการรวมกันของกรอบการอภิบาลที่อิงกับกระบวนการ (process-oriented framework of governance) ที่ให้ความสำคัญกับหน้าที่ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และพลวัตรทางอำนาจ ผสานเข้ากับข้อมูลข่าวสารและเทคโนโลยีการสื่อสาร (information and communication technology) ที่สนับสนุนและเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับกระบวนการข้อมูลข่าวสารและการสื่อสารระหว่างผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่าง ๆ กล่าวได้ว่า e-governance ถือเป็นการอภิบาลรูปแบบหนึ่งที่พยายามใช้ประโยชน์จากกระบวนการและโครงสร้างของเทคโนโลยีดิจิทัลในทุกระดับของการปกครอง รวมถึงทำงานร่วมกับหุ้นส่วน ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และเครือข่ายต่าง ๆ เพื่อให้เกิดผลลัพท์ทางนโยบายขึ้นมาให้เกิดความโปร่งใส ความมีประสิทธิภาพ และความสะดวกรวดเร็ว[2] ในปัจจุบันเมืองจำนวนมากได้อาศัย e-governance เพื่อสร้างความเป็นเมืองอัจฉริยะ (smart city) เพื่อเอื้อให้สภาพแวดล้อมของเมืองมีเทคโนโลยีดิจิทัลที่สามารถใช้งานเพื่อการอภิบาลและจัดบริการสาธารณะของตัวแสดงจำนวนมาก เพื่อแก้ไขปัญหาความท้าทายของเมืองที่สัมพันธ์กับการใช้ชีวิตและเครือข่ายอันซับซ้อนของระบบสารสนเทศ ตัวอย่างเช่น สารสนเทศเมือง (urban informatics) ที่ใช้ในการวางผังเมืองอย่างการวิเคราะห์ข้อมูลอย่างเส้นทางการคมนาคม การจัดโซนของผังเมือง การวิเคราะห์สื่อสังคมออนไลน์ที่อิงกับพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ เป็นต้น[3]

                   ในการสร้างท้องถิ่นดิจิทัลควรให้ความสำคัญกับ

                   1) การแสวงหานวัตกรรมที่เหมาะสมกับท้องถิ่น

                   2) การเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน

                   3) การมุ่งเน้นประสบการณ์ที่ได้รับของประชาชน

                   4) ระบบไอทีต้องมีความทันสมัย

                   5) การรักษาความปลอดภัยต้องปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง และ

                   6) ความคล่องตัวเป็นแกนหลัก[4]

                   รวมถึงมุ่งเป้าการเป็นท้องถิ่นดิจิทัลไปยังกลุ่มเป้าหมายหลัก ได้แก่ ประชาชนผู้ใช้บริการที่ควรเข้าถึงบริการที่หลากหลายผ่านช่องทางเดียวได้อย่างสะดวกและตลอดเวลา สามารถติดตามสถานะการดำเนินงานของธุรกรรมที่ตนทำกับท้องถิ่น และช่วยลดค่าใช้จ่ายและประหยัดเวลาจากการทำธุรกรรม และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ต้องใช้ความเป็นดิจิทัลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานทั้งการบริหารจัดการและการให้บริการ สามารถจัดเก็บข้อมูล ติดตามการให้บริการ และลดต้นทุนการดำเนินงานได้[5]

                   ทั้งนี้ การให้บริการของท้องถิ่นดิจิทัลจะดำเนินการผ่านระบบบริการหลัก 5 แบบ สำหรับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไทยเป็นอย่างน้อย คือ

                   1) ระบบบริหารจัดการจุดเดียวเบ็ดเสร็จ (one stop services: OSS) คือ ระบบบริการที่ให้ประชาชนสามารถยื่นคำร้องออนไลน์ด้วยตนเองได้ทุกเรื่องผ่านช่องทางออนไลน์เพียงช่องทางเดียวประชาชนสามารถติดตามกระบวนการการดำเนินงานทางเอกสารต่าง ๆ อละสามารถได้รับการแจ้งเตือนถึงขั้นตอนและผลการดำเนินงานผ่านระบบออนไลน์ที่หลากหลาย (อาทิ ทาง SMS หรือ E-mail) รวมถึงสามารถให้คะแนนประเมินความพึงพอใจได้ ทั้งนี้ทางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควรจัดตั้งหน่วยนงานรับเรื่องร้องทุกข์ที่สามารถประสานและแจ้งต่อหน่วยงานที่รับผิดชอบเพื่อแก้ไขปัญหาจากเรื่องที่ได้รับแจ้งผ่าน OSS รวมถึงจัดเก็บข้อมูลและจัดทำสถิติเรื่องที่ผ่านทางระบบ OSS ไว้ด้วย

                   2) ระบบขอใบอนุญาตการก่อสร้าง คือ ระบบที่ประชาชนสามารถขอใบอนุญาตก่อสร้างด้วยตนเองและสามารถปักหมุดสถานที่ก่อสร้างที่ต้องการขออนุญาตผ่านระบบออนไลน์ สามารถแนบเอกสาร การติดตามสถานะการดำเนินงาน ได้รับการแจ้งเตือนถึงขั้นตอน/ผลการดำเนินงาน และประเมินความพึงพอใจได้เหมือนระบบ OSS

                   3) ระบบออกหนังสือรับรองแจ้งสถานที่จำหน่ายอาหาร คือ ระบบที่ประชาชนสามารถขอหนังสือรับรองฯ ได้ด้วยตนเองผ่านระบบออนไลน์ สามารถแนบเอกสาร การติดตามสถานะการดำเนินงาน ได้รับการแจ้งเตือนถึงขั้นตอน/ผลการดำเนินงาน และประเมินความพึงพอใจได้เหมือนระบบ OSS

                   4) ระบบชำระค่าธรรมเนียมขยะ/บำบัดน้ำเสีย คือ ระบบที่ประชาชนสามารถชำระค่าธรรมเนียมผ่านออนไลน์ โดยสามารถสแกน QR Code หรือเลือกช่องทางชำระออนไลน์รูปแบบอื่นได้ สามารถแนบหลักฐานการชำระเงิน ติดตามสถานการณ์ชำระเงิน การรับใบเสร็จ และให้คะแนนความพึงพอใจของการใช้บริการ

                   5) ระบบสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์ (E-Office) คือ ระบบที่หน่วยงานและเจ้าหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถใช้งานระบบสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์ที่สอดคล้องกับระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยงานสารบรรณฉบับปัจจุบัน และรองรับการเชื่อมโยงรับ-ส่งหนังสือสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์กับหน่วยงานภาครัฐอื่น ๆ ได้ รวมถึงการจัดเก็บเอกสาร การลงนามเอกสารผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ และการจัดลำดับชั้นการเข้าถึงเอกสาร[6] 


                   ส่วนผลลัพท์ของการเป็นท้องถิ่นดิจิทัล Local Government Association (LGA) เสนอว่าสามารถแบ่งออกเป็น 12 ด้าน ที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควรบรรลุถึงผลลัพท์ดังกล่าว

                   1) การเชื่อมต่อ (connectivity) องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถสนับสนุนผู้อยู่อาศัยในท้องถิ่น ธุรกิจเอกชน และบุคลากรของท้องถิ่นให้เข้าถึงอินเทอร์เน็ตและบริการสาธารณะของท้องถิ่นผ่านดิจิทัลไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ที่ไหนก็ตาม

                   2) ข้อมูล (data) แนวปฏิบัติด้านข้อมูลขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควรเป็นไปตามมาตรฐานที่ให้ความสำคัญกับการปรับปรุงการบริการและนโยบายการให้ข้อมูล ทั้งนี้ ความโปร่งใสเป็นหัวใจหลักของแนวปฏิบัติด้านข้อมูลที่จะช่วยทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลและทราบถึงแหล่งที่มาของข้อมูล ซึ่งจะช่วยเสริมประชาธิปไตยและการมีส่วนร่วมได้อีกทางด้วย

                   3) ประชาธิปไตยและการมีส่วนร่วม (democracy and participation) องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควรใช้เทคโนโลยีดิจิทัลให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการสนับสนุนการประชุมสภาท้องถิ่น การสร้างความโปร่งใส การสร้างการตัดสินใจที่เป็นประชาธิปไตยด้วยแง่ดี และการเพิ่มความเกี่ยวพันและการประสานความร่วมมือของชุมชน

                   4) ผลิตภาพและการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ (economic productivity and growth) องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควรสนับสนุนการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลของธุรกิจเอกชนในท้องถิ่น หุ้นส่วน และองค์กรที่อยู่นอกภาครัฐและเอกชน

                   5) จริยธรรมและความยั่งยืน (ethics and sustainability) องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควรใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อบรรลุถึงประโยชน์ร่วมกันและไม่สร้างภัยคุกคาม เทคโนโลยีดิจิทัลควรมีเพื่อคุ้มครองมนุษย์ ความเป็นธรรม ความโปร่งใส และสิ่งแวดล้อม

                   6) การไม่ทิ้งใครไว้เบื้องหลัง (inclusion) องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควรส่งเสริมประโยชน์ของอินเทอร์เน็ต เทคโนโลยีดิจิทัล และบริการดิจิทัลในทางที่ทำให้คนทุกคนสามารถใช้งานได้และเข้าถึงได้

                   7) ภาวะผู้นำ (leadership) ภาวะผู้นำขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นขับเคลื่อนได้โดยเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อบรรลุเป้าหมายเชิงกลยุทธ์และเป้าหมายเชิงปฏิบัติการ และเอื้ออำนวยต่อการสร้างความเปลี่ยนแปลงขององค์กร

                   8) ศักยภาพองค์กร (organizational capability) องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควรทำให้เทคโนโลยีดิจิทัลเป็นหัวใจสำคัญของการทำงานและฝึกอบรมกำลังแรงงาน และสร้างบุคลากรที่มีความพร้อม (talent pipelines) ที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งและสับเปลี่ยนหมุนเวียนตำแหน่งในองค์กร และช่วยลดแรงกดดันของการคัดเลือกบุคลากร

                   9) พันธมิตร (partnership) องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควรทำงานร่วมกับภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคส่วนนอกภาครัฐและเอกชน เพื่อสร้างการบูรณาการ การเชื่อมโยงอย่างเหนียวแน่น และเน้นตัวแบบการทำงานที่ให้ความสำคัญกับผู้อยู่อาศัยในท้องถิ่นต่อการสร้างการเปลี่ยนผ่านทางเทคโนโลยีดิจิทัลของท้องถิ่นและการจัดบริการสาธารณะ

                   10) ความปลอดภัยและความยืดหยุ่น (security and resilience) เครือข่าย โครงสร้างพื้นฐาน ข้อมูล และการบริการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควรมีความปลอดภัย และท้องถิ่นควรมีความยืดหยุ่นในการรับมือกับภัยคุกคามทางไซเบอร์

                   11) บริการ (services) บริการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควรถูกออกแบบเพื่อตอบสนองความจำเป็นของผู้พักอาศัยและผู้ใช้งาน และควรสอดคล้องกับหลักการและมาตรฐานที่ภาครัฐกำหนด การบริการที่เกิดจากการนำดิจิทัลมาช่วยปรับปรุงควรเพิ่มประสิทธิภาพและความรวดเร็วให้มากขึ้นด้วย

                   12) คุณค่า (value) องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควรจัดสรรทรัพยากรอย่างมีประสิทธิผลเพื่อควบคุมให้เกิดโอกาสของเทคโนโลยีดิจิทัล[7]

                   นอกจากผลลัพท์ของการพัฒนาความเป็นดิจิทัลท้องถิ่นที่ได้กล่าวมาข้างต้น ท้องถิ่นดิจิทัลยังช่วยกำหนดชื่อเสียง (reputation) ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้งด้านการรับรู้และความคาดหวังที่ผู้คนมีต่อองค์กร ความมีชื่อเสียงดังกล่าวจะกำหนดพฤติกรรมและการกระทำของตัวองค์กร[8] แต่ทั้งนี้ต้องตระหนักว่าสภาพความเป็นดิจิทัลสามารถสร้างประโยชน์หรือเป็นภัยคุกคามทำลายชื่อเสียงขององค์กรก็ได้ ในด้านประโยชน์การมีระบบการมีชื่อเสียง (reputation systems) ผ่านช่องทางดิจิทัลที่เข้าถึงได้สามารถเป็นตัวกลางและเอื้ออำนวยให้เกิดการใช้ข้อมูลข่าวสารที่มีคุณค่าต่อการตัดสินใจ ผ่านการมีระบบสนับสนุนและการยืนยันตัวเลือกของการตัดสินใจ กล่าวคือ ความเป็นดิจิทัลจะสร้างความโปร่งใสและแสดงความเป็นสาธารณะต่อบรรดาตัวเลือกเชิงนโยบายของปัจเจกบุคคลหรือขององค์กร (เพราะประชาชนรับทราบว่าผู้บริหารหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตัดสินใจจากทางเลือกนโยบายแบบใดจากข้อมูลที่ปรากฎผ่านดิจิทัล อย่างเช่น ทำไมท้องถิ่นถึงเลือกใช้งบประมาณตัดถนนแทนที่จะสร้างสวนสาธารณะ) แต่ในอีกด้านระบบการสร้างชื่อเสียงอาจเป็นภัยคุกคาม เพราะทำให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากตัวเลือกเชิงนโยบายดังกล่าวมีความอดทนต่อผลกระทบดังกล่าวน้อยลงและมีประสบการณ์เชิงลบต่อตัวเลือกเหล่านั้น (เนื่องจากประชาชนรับรู้ข่าวสารการดำเนินงานของท้องถิ่นที่โปร่งใสมากขึ้น) ดังนั้น ระบบการมีชื่อเสียงขององค์กรผ่านดิจิทัลในอีกด้านจึงเปรียบเสมือนแบรนด์ (brand) ที่จะให้คำมั่นสัญญาถึงสิ่งที่องค์กรถูกคาดหวังว่าควรจะดำเนินการ และจากคำมั่นดังกล่าวทำให้ประชาชนคาดหวังการทำงานขององค์กรอยู่บนฐานของความเป็นจริงมากขึ้นด้วย (เพราะประชาชนรับรู้ว่าองค์กรให้สัญญาแบบใดไว้ พวกเขาจึงคาดหวังว่าองค์กรควรทำตามสัญญาแต่ก็ไม่ได้ตั้งความหวังไว้ในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้) แต่ในทางกลับกัน ระบบการมีชื่อเสียงผ่านดิจิทัลกลับเป็นประเด็นที่ท้าทายเพราะองค์กรอาจสร้างภาพลักษณ์ไว้เกินเลยกว่าความเป็นจริงก็ได้ (สิ่งที่อยู่ในอินเทอร์เน็ตสวนทางกับประสบการณ์ที่ประชาชนในพื้นที่เจอ) การสร้างภาพลักษณ์ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นย่อมมีความสำคัญในอนาคตเนื่องจากพลเมือง/ลูกค้าจะเลือกใช้บริการขององค์กรและบริการสาธารณะของท้องถิ่นหรือไม่ขึ้นอยู่กับระดับของการประกอบสร้างภาพลักษณ์ในโลกออนไลน์ในสามมิติ คือ หนึ่ง การสร้างการรับรู้ถึงความเป็นกันเองขององค์กร (niceness) สอง การสร้างความโดดเด่นในการกระทำขององค์กร (noteworthiness) และ สาม การกำหนดจุดยืนเชิงค่านิยมบนสื่อสังคมออนไลน์ (position of value)[9]

                   อย่างไรก็ดี ความเป็นดิจิทัลของท้องถิ่นไม่ได้เป็นสิ่งที่ทำให้ท้องถิ่นและผู้คนตัดขาดออกจากพื้นที่ทางกายภาพของเมืองอย่างการพักผ่อนในสวนสาธารณะหรือการเผชิญหน้าและสัมผัสระหว่างกันของมนุษย์ ตัวอย่างเช่นพื้นที่และบริบทของการละเล่น (play) ภายในเมืองที่เอื้อให้เมืองสามารถเกิดกิจกรรมการละเล่นได้ ดิจิทัลสามารถสร้างพื้นที่ผสมสำหรับการเล่นเกมดิจิทัลในเมือง กล่าวคือทำให้พื้นที่เมืองกลายเป็นพื้นที่ที่ผสมโลกจริงและโลกเสมือนเข้าด้วยกัน เกมส์ดิจิทัลในเมือง (urban digital games) เกิดขึ้นพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโ,ยีที่สร้างเกมดิจิทัลที่มีปฏิบัติการภายในพื้นที่แบบผสม โดยผสานเอาปฏิสัมพันธ์ของมนุษย์กับโครงสร้างพื้นฐานของเมืองในโลกจริงเข้ากับโลกเสมือนที่ผสานผ่านเทคโนโลยีโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบสมาร์ตโฟนมาใช้เพื่อสร้าง “เกมส์ที่มีปฏิสัมพันธ์กับบรรดาสิ่งของในเมือง”[10] ตัวอย่าง เช่น เกมส์โปเกมอนโก (Pokémon GO) ที่มีชื่อเสียงของบริษัท Niantic ได้นำเอาเค้าโครงจากการ์ตูนและเกมส์โปเกมอนที่ผู้จับโปเกมอนสามารถโยนมอนสเตอร์บอลเพื่อจับโปเกมอนมาดัดแปลงเป็นเกมส์เสมือนจริงที่ผู้เล่นใช้ศัพท์มือถือของตนเพื่อจับตัวโปเกมอนที่ปรากฎตามสถานที่ต่าง ๆ การละเล่นดังกล่าวจึงผสานเอาพื้นที่ในโลกจริงกับพื้นที่เสมือน ดังที่พบผู้จับโปเกมม่อนเล่นเกมส์ตามสถานที่สาธารณะของเมืองที่แตกต่างกัน หรือเกมส์อื่นอย่างเกมบีตเดอะสตรีต (Beat the Street) ของสหราชอาณาจักรที่อาศัยแนวคิดเดียวกันเพื่อพัฒนาเกมส์เพื่อเน้นการส่งเสริมสุขภาพและการลดน้ำหนักผ่านการละเล่นในพื้นที่เมือง[11] หรือเกมส์ชตัดต์ฟลูคต์ (Stadtflucht) ของเยอรมนีที่มุ่งหวังเพื่อสร้างเสริมสุขภาพ ประสบการณ์จากการเล่นเกมส์จะช่วยกระตุ้นกิจกรรมนันทนาการให้กับสภาพแวดล้อมของเมือง เอื้ออำนวยต่อการประเมินการรับรู้ของผู้เล่นเกมส์ และกระตุ้นให้ผู้เล่นให้เข้าไปมีสว่วนร่วมในกระบวนการวางแผนของเมือง สอดคล้องกับการวิจัยเชิงทดลองกับผู้เล่นเกมส์นี้ในนครแฟรงก์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนีที่การละเล่นเกมส์ดังกล่าวในพื้นที่สาธาณณะของเมือง และเสนอว่าผู้ออกแบบเมืองควรเรียนรู้จากการออกแบบเกมส์เกี่ยวกับการสร้างมโนทัศน์เชิงพื้นที่ (conception of space) ที่เอื้อให้เกิดปฏิสัมพันธ์เชิงการละเล่นและมีอิสระในสภาพแวดล้อมที่ถูกสร้างขึ้นมา[12]


                                                                                ภาพที่ 1 : เกมส์โปเกมอนโก (Pokémon GO)

                                                                                ที่มา : pokemongolive.com


                   การละเล่นของเมืองที่ผสานกับดิจิทัลข้างต้นยังเป็นประโยชน์ต่อการสร้างเมืองอัจฉริยะ (smart city) เพราะการละเล่นดังกล่าวสามารถให้ข้อมูลอันเกิดจากการละเล่นและสามารถนำมาใช้ในการออกแบบเมืองใน 3 แนวคิด คือ หนึ่ง ข้อมูลจากปฏิสัมพันธ์ผ่านการละเล่นทำให้ออกแบบเมืองอัจฉริยะที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลางมากขึ้น โปร่งใสมากขึ้น และมีความเป็นประชาธิปไตย สอง การละเล่นช่วยให้ผู้คนเข้ามามีส่วนร่วมและเข้าใจสภาพแวดล้อมของเมืองมากขึ้น ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาเมืองและสร้างเสริมสุขภาพด้วย และ สาม การละเล่นช่วยให้เมืองมีความสุขและน่าอยู่อาศัยมากขึ้น[13] 


บรรณานุกรม

Behrooz, Arman, and Albert Meijer. "E-Governance: Concept, Practive and Ethics." In Public Management and Governance Fourth Edition. Edited by Bovaird Tony and Elke Loeffler. London and New York: Routledge, 2024.

Canel, M.J., and V. Luoma-aho. Public Sector Communication: Closing Gaps between Citizens and Public Organizations: Wiley, 2018.

Local Government Association. "12 Local Government Digitalisation Outcomes." 2024. Accessed 7 June, 2024. https://www.investopedia.com/terms/p/private-sector.asp.

Miranda, Marianne Halblaub, and Martin Knöll. "Stadtflucht: Learning About Healthy Places with a Location-Based Game." Navigationen - Zeitschrift für Medien- und Kulturwissenschaften 16, no. 1 (2016): 101-18. https://dx.doi.org/10.25969/mediarep/1613.

จีรณา น้อยมณี, สุดเขต เชยกลิ่นเทศ, ณัฐวัฒน์ วรสิทธิ์ตระกูล, กฤตพันธ์ ก้าวสัมพันธ์, และ ณัฐฐา สักกะวงศ์. ท้องถิ่นดิจิทัล. กรุงเทพมหานคร: พีเอเอ็น (ไทยแลนด์), 2566.

โร, เจนนี. ให้นครเยียวยาใจ. ธาม โสธรประภากร (แปล). กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์มติชน, 2566.


[1] จีรณา น้อยมณี และคณะ, ท้องถิ่นดิจิทัล (กรุงเทพมหานคร: พีเอเอ็น (ไทยแลนด์), 2566), 12.

[2] Arman Behrooz, and Albert Meijer, "E-Governance: Concept, Practive and Ethics," in Public Management and Governance Fourth Edition, ed. Bovaird Tony and Elke Loeffler (London and New York: Routledge, 2024), 259-60.

[3] Behrooz, and Meijer,  in Public Management and Governance Fourth Edition, 261-62.

[4] จีรณา น้อยมณี และคณะ, 14.

[5] จีรณา น้อยมณี และคณะ, 20.

[6] จีรณา น้อยมณี และคณะ, 20, 24, 30.

[7] Local Government Association, "12 Local Government Digitalisation Outcomes," 2024, accessed 7 June, 2024, https://www.investopedia.com/terms/p/private-sector.asp.

[8] M.J. Canel, and V. Luoma-aho, Public Sector Communication: Closing Gaps between Citizens and Public Organizations (Wiley, 2018), 124.

[9] ดัดแปลงจาก Canel, and Luoma-aho, 122-23.

[10] เจนนี โร, ให้นครเยียวยาใจ, ธาม โสธรประภากร (แปล) (กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์มติชน, 2566), 305, 08.

[11] โร, 308.

[12] Marianne Halblaub Miranda, and Martin Knöll, "Stadtflucht: Learning About Healthy Places with a Location-Based Game," Navigationen - Zeitschrift für Medien- und Kulturwissenschaften 16, no. 1 (2016): 115, https://dx.doi.org/10.25969/mediarep/1613.

[13] โร, 312-13. index.php?title=หมวดหมู่:การปกครองท้องถิ่น index.php?title=หมวดหมู่:สารานุกรม คำศัพท์ต่าง ๆ