|
|
(ไม่แสดง 2 รุ่นระหว่างกลางโดยผู้ใช้ 1 คน) |
บรรทัดที่ 1: |
บรรทัดที่ 1: |
| '''ผู้เรียบเรียง''' นายรังสิทธิ์ วรรณกิจ
| |
|
| |
|
| ----
| | *[[กฎมณเฑียรบาล_(โดม_ไกรปกรณ์)|กฎมณเฑียรบาล (โดม ไกรปกรณ์)]] |
| | | *[[กฎมณเฑียรบาล_(รังสิทธิ์_วรรณกิจ)|กฎมณเฑียรบาล (รังสิทธิ์ วรรณกิจ)]] |
| '''ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ''' รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร จเร พันธุ์เปรื่อง
| |
| | |
| ----
| |
| | |
| | |
| ==บทนำ==
| |
| | |
| ประเทศไทยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขโดยตลอด ไม่ว่าราชธานีตั้งอยู่ที่ใด แม้เมื่อคราวการเปลี่ยนแปลงทางปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชมาเป็นระบอบประชาธิปไตย ใน พ.ศ. ๒๔๗๕
| |
| ก็ยังคงหลักการสำคัญคือ พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขมาจนถึงปัจจุบันนี้ พระมหากษัตริย์มีที่มาทางประวัติศาสตร์ยาวนานและสืบเนื่องโดยมีระเบียบแบบแผนไม่ว่าโดยโบราณราชประเพณี นิติประเพณีหรือโดยกฎหมายลายลักษณ์อักษรก็ตาม ทั้งมีอำนาจพระราชสิทธิและหน้าที่ต่าง ๆ ซึ่งก่อให้เกิดผลทางกฎหมายและการเมืองการปกครองประเทศได้ เมื่อคำนึงว่าสถาบันพระมหากษัตริย์ของไทยมีประวัติความเป็นมายาวนาน มีความผูกพันกับประชาชนและมีหลักเกณฑ์ต่าง ๆ ที่เป็นระเบียบแบบแผนของตัวเอง ซึ่งปรากฏอยู่ใน “กฎมณเทียรบาล” หรือ “กฎมณเฑียรบาล”
| |
| | |
| ==ความหมาย “มณเทียรบาล” หรือ “มณเฑียรบาล”==
| |
| | |
| คำว่า “มณเทียร” ตามรูปศัพท์มาจากคำภาษาสันสกฤตว่า “มณเฑียร” แปลว่า “เรือนหลวง” หรือ “เรือนของพระเจ้าแผ่นดิน” กับคำว่า “บาล” แปลว่า “รักษา” เพราะฉะนั้น “กฎมณเทียรบาล” คือ “กฎรักษาเรือนหลวง”
| |
| | |
| พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ได้ทรงอธิบายว่า “ชื่อกฎมณเทียรบาลนี้แปลว่า สำหรับรักษาเรือนพระเจ้าแผ่นดิน ในกฎนั้นได้พรรณนากำหนดพระเกียรติยศของพระเจ้าแผ่นดินและพระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการผู้ใหญ่ ซึ่งอยู่ในตำแหน่งราชการและข้อบังคับสำหรับข้าราชการที่จะประพฤติให้ถูกต้องไม่มีความผิดในพระเจ้าแผ่นดิน”
| |
| | |
| ศาสตราจารย์ ม.ร.ว. เสนีย์ ปราโมช ได้อธิบายว่า “กฎมณเทียรบาลเป็นกฎหมายรักษาวินัย ความสงบ ตลอดจนความปลอดภัยในพระบรมมหาราชวังและองค์พระมหากษัตริย์”
| |
| | |
| ในอัขราภิธานศรันท์ หมอบรัดเลย์ ให้คำจำกัดความ ๔ คำ คือ มณเทียรปราสาท หมายถึง เรือนหลวง เรียกเปนคำสูงเฉพาะนั้น มณเทียรสถาน, คือ พระที่นั่งเรือนหลวงนั้น, เช่น พระมหามณเทียร มณเทียร, คือ เรือนหลวงในพระราชวังขุนหลวงนั้น เขาเรียกว่า พระราชมณเทียร มณเฑียรบาล, เป็นชื่อขุนนางฝ่ายกรมวังนั้น ๆ
| |
| | |
| พจนานุกรมศรีพจน์ภาษาไทย (ไทย-ฝรั่งเศส-อังกฤษ) ของบาทหลวง จี.แอล,เวย์ (J.L. Vey) อธิบายว่า
| |
|
| |
| มณเทียร Pala’s du roi king’s palace
| |
| | |
| มณเฑียรปราสาท Pala’s du roi King’s palace
| |
| | |
| ราชมณเฑียร Pala’s du roi Kings’ palace
| |
| | |
| มณเฑียรสถาน Pala’s dud royai royal palace
| |
| | |
| มณเฑียรระบาล gardien du palais guardian of palace
| |
| | |
| พจนานุกรมฉบับพุทธศักราช ๒๔๙๓ อธิบายว่า มณเฑียรบาล หมายถึง ข้อบัญญัติพิเศษเกี่ยวกับพระราชฐานและพระราชวงศ์
| |
| | |
| พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พุทธศักราช ๒๕๔๒ ให้คำอธิบายว่า “การปกครองภายในพระราชฐาน, เรียกข้อบัญญัติพิเศษเกี่ยวกับพระราชฐาน พระราชวงศ์ และระเบียบการปกครองในราชสำนักว่า กฎมณเฑียรบาล, ผู้มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการปกครองภายในพระฐาน
| |
| | |
| ส่วนพจนานุกรรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔ ได้ให้ความหมาย “กฎมณเทียรบาล” หมายความว่า “ข้อบัญญัติพิเศษเกี่ยวกับพระราชฐาน พระราชวงศ์ และระเบียบการปกครองในราชสำนัก”
| |
| | |
| “กฎมณเทียรบาล” เป็นกฎหมายในหมวดพระราชนิติศาสต์บานแผนกมีข้อความว่า “ศุภมัศดุ ศักราช ๗๒๐ วันเสา เดือนห้า ขึ้นหกค่ำ ชวดนักสัตวศก สมเด็จพระเจ้ารามาธิบดีบรมไตรโลกนารถ
| |
| มหามงกุฎเทพมนุษวิสุทธิสุริยวงษ์องคพุทธางกูรบรมบพิตรพระพุทธเจ้าอยู่หัว”
| |
| | |
| พระราชนิติศาสตร์ เป็นหมวดหนึ่งในกฎหมายตราสามดวง ซึ่งกฎหมายตราสามดวงมีองค์ประกอบที่สำคัญดังนี้
| |
| | |
| - พระธรรมศาสตร์ (มูลคดี) คือ คัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ของไทยได้รับอิทธิพลแนวความคิดจาก “คัมภีร์มานวธรรมศาสตร์” ของศาสนาพราหมณ์
| |
| | |
| คัมภีร์ธรรมศาสตร์ของไทยเป็นแม่บทของระบบกฎหมาย และกระบวนการยุติธรรมของไทย โดยเฉพาะในเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ของตัวบทกฎหมาย หลักจริยธรรมและจรรยาบรรณ คุณสมบัติและหน้าที่ของตระลาการและผู้พิพากษา สถานภาพของพระมหากษัตริย์และแนวคิดเรื่อง “มูลคดี” คือ สาเหตุหลักที่มนุษย์วิวาทเป็นความกัน
| |
| | |
| - พระราชศาสตร์ (สาขาคดี) คือ บทกฎหมายต่าง ๆ ที่พระมหากษัตริย์ทรงบัญญัติหรือตราขึ้นไว้เป็นสาขคดี (สาขาคดี) เพื่อใช้เป็นบรรทัดฐานในการตัดสินคดีความต่าง ๆ
| |
| | |
| พระราชบัญญัติต่าง ๆ เมื่อจัดเข้าเป็นหมวดต่าง ๆ ตามมูลคดีในพระธรรมศาสตร์แล้วหมวดกฎหมายนั้นเรียกว่า “พระอัยการ”
| |
| | |
| - พระราชนิติศาสตร์ (ราชนิติคดี) คือ บทพระอัยการที่มิได้ยึดมูลคดีตามพระบรมศาสตร์ แต่เป็นกฎหมายฝ่ายบริหารปกครอง กฎเกณฑ์ที่เกี่ยวกับราชประเพณี กฎเกณฑ์เกี่ยวกับการปกครองดูแลสงฆ์
| |
| พระบรมราชวินิจฉัยอันเป็นบรรทัดฐานในอรรถคดีต่าง ๆ
| |
| | |
| กฎมณเฑียรบาลซึ่งเป็นพระราชนิติศาสตร์มีความสำคัญเป็นพิเศษตรงที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ มีผู้เข้าใจผิดเสมอว่า กฎมณเฑียรบาล คือ กฎว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ ในความเป็นจริงแล้ว กฎมณเฑียรบาล คือ กฎรักษาเรือนหลวงหรือพระราชมณเฑียรสถาน และกฎว่าด้วยการสืบ
| |
| ราชสันตติวงศ์เป็นส่วนหนึ่งของกฎมณเทียรบาล
| |
| | |
| ==ประวัติความเป็นมา==
| |
| | |
| กฎมณเฑียรบาลของไทยนั้นน่าจะมีที่มาจากพราหมณ์ โดยเฉพาะคณะพราหมณ์พิธีต่าง ๆ ซึ่งรอบรู้โบราณราชประเพณีและมีหน้าที่รักษาโบราณราชประเพณี “เพื่อบูชาองค์พระมหากษัตริย์ที่เป็นเทวราช”
| |
| กฎและธรรมเนียมปฏิบัติเหล่านี้จึงใช้สืบต่อกันมาด้วยวาจาและความทรงจำในฐานะที่เป็นโบราณราชบัญญัติ ซึ่งก็คงจะมีการดัดแปลงแก้ไขให้เหมาะสมกับภูมิประเทศและธรรมเนียมอื่น ๆ ของไทย
| |
| | |
| ในสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี มีการประมวลความรู้ของพราหมณ์เป็นลายลักษณ์อักษรและใช้เป็นหลักราชการ เรียกชื่อว่า “กฎมณเฑียรบาล” ได้มีการประชุมปรึกษาพราหมณ์และบัญญัติ
| |
| กฎมณเฑียรบาลขึ้น โดยถือกันว่า เป็นการนำเอาความที่มีมาแต่โบราณมาเขียนเป็นลายลักษณ์อักษรมิใช่การสร้างสรรค์ขึ้นใหม่แต่อย่างใด การตรากฎมณเฑียรบาลขึ้นใช้บังคับนี้สันนิษฐานว่า ตราขึ้นในสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถตามที่ระบุพระนามไว้ในคำปรารภกฎมณเฑียรบาลซึ่งเป็นฉบับเก่าที่สุดตามที่เหลือร่องรอยให้ตรวจชำระใหม่ในสมัยรัชกาลที่ ๑ ซึ่งจะแบ่งออกเป็น ๓ แผนก คือ แผนกแรกจะเป็นแบบแผนกพระราชพิธีและพระราชานุกิจทั้งในทางปกครองและส่วนพระองค์ แผนกที่สองจะเป็นแบบแผนว่าด้วยตำแหน่งหน้าที่ราชการ และแผนกสุดท้ายจะเป็นแบบแผนว่าด้วยวิธีปฏิบัติในราชสำนัก
| |
| | |
| ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์เป็นราชธานี ในรัชกาลที่ ๑ ได้มีการตรวจชำระกฎหมายตราสามดวง ซึ่งรวมถึงกฎมณเฑียรบาลที่มีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาด้วย โดยได้ปรับปรุงแก้ไขให้เหมาะสมกับภูมิประเทศและธรรมเนียมประเพณีดังปรากฏหลักฐานในคำปรารภ “กฎมณเฑียรบาลเล่มที่ ๑๐ ของกฎหมายตราสามดวงความว่า ได้ตราขึ้นเมื่อศักราช ๗๒๐ วันเสาเดือนห้าขึ้นหกค่ำ ชวดนักสัตวศก สมเดจพระเจ้ารามาธิบดีบรมไตรโลกนารถมหามงกฎเทพมนุษวิทธิ สุริยวงษองคพุทรางกูรบรมบพิตรพระพุทธเจ้าอยู่หัว”
| |
| | |
| ภายหลังจากนี้ก็ไม่ปรากฏว่ามีการแก้ไขเพิ่มเติมกฎมณเฑียรบาลฉบับนี้แต่ประการใด จนกระทั่งกฎมณเฑียรบาลฉบับนี้ ค่อย ๆ ถูกยกเลิกเพิกถอนไปโดยตัวบทกฎหมายใหม่เป็นเรื่อง ๆ ไป ซึ่งก็มิใช่ว่าจะเลิกเสียทีเดียวทั้งฉบับ บางเรื่องก็หมดความจำเป็นหรือไม่อาจปฏิบัติได้โดยอัตโนมัติตามสภาพเศรษฐกิจสังคมและการเมืองการปกครอง
| |
| | |
| ที่นับว่าเป็นจุดเปลี่ยนแปลงอันสำคัญคือการเปลี่ยนแปลงการปกครองใน พ.ศ. ๒๔๗๕ ซึ่งมีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขภายใต้รัฐธรรมนูญ (Constitutional Monarchy) ขึ้น เป็นเหตุให้ข้อกำหนดส่วนใหญ่ในกฎมณเฑียรบาลฉบับกรุงศรีอยุธยาไม่อาจใช้บังคับได้ต่อไป”
| |
| | |
| ในรัชกาลต่อ ๆ มา ก็มีการตรากฎมณเฑียรบาลว่าด้วยเรื่องอื่น ๆ ขึ้นใหม่อีกหลายฉบับ บางฉบับใช้ชื่อว่ากฎมณเฑียรบาล บางฉบับก็มิได้ใช้ชื่อเช่นนั้น แต่เลี่ยงไปออกเป็นกฎหมายรูปแบบอื่น เช่น ประกาศพระบรมราชโองการบ้าง พระราชบัญญัติบ้าง พระราชกฤษฎีกาบ้าง พระราชกำหนดบ้าง แต่ด้วยเหตุที่เนื้อหาสาระเป็นเรื่องที่ปกติแล้วจะพึงตราเป็นกฎมณเฑียรบาล จึงถือว่าเป็นกฎมณเฑียรบาลด้วยเช่นกัน
| |
| | |
| ในสมัยรัชกาลที่ ๔ มีการออกประกาศว่าด้วยพระราชนิยมในเรื่องต่าง ๆ อันมีพระราชประสงค์ให้ประชาชนปฏิบัติ ประกาศบางเรื่องว่าด้วยความประพฤติของข้าราชการในราชสำนัก เช่น ประกาศ จ.ศ. ๑๒๑๖ ว่าด้วยเวลากราบทูลข้อราชการและกิจธุระ ประกาศ จ.ศ. ๑๒๑๗ ว่าด้วยห้ามมิให้เรือที่โดยเสด็จตัดกระบวน ประกาศ จ.ศ. ๑๒๑๙ ว่าด้วยการยิงกระสุนทางเสด็จพระราชดำเนิน เป็นต้น ซึ่งประกาศเหล่านี้บางฉบับถือว่าเป็นกฎมณเฑียรบาลได้
| |
| | |
| ในสมัยรัชกาลที่ ๕ ได้ทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ยกเลิกธรรมเนียมหมอบกราบเวลาเข้าเฝ้า เรียกกันโดยทั่วไปว่ากฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการเปลี่ยนธรรมเนียมใหม่ นอกจากนี้ ยังมี
| |
| ประกาศพระบรมราชโองการห้ามคนแต่งกายไม่สมควรมิให้เข้ามาในพระราชฐานที่เสด็จออก ซึ่งนับว่าเป็นกฎมณเฑียรบาลอีกฉบับหนึ่ง
| |
| | |
| ในสมัยรัชกาลที่ ๖ ได้ทรงกำหนดเขตพระราชฐานว่าที่ใดเป็นที่รโหฐานอันข้าราชการจะเข้าไปมิได้ โดยมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยที่รโหฐานในพระราชสำนัก ซึ่งถือเป็นกฎมณเฑียรบาลฉบับหนึ่งด้วย และหลังจากนั้นก็ได้มีการตรากฎมณเฑียรบาลขึ้นอีกหลายฉบับ เช่น กฎมณเฑียรบาลว่าด้วยครอบครัวแห่งข้าราชการในพระราชสำนัก พระพุทธศักราช ๒๔๕๗ กฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการค้าขายแลการสมาคมแห่งข้าราชการในพระราชสำนัก กฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการเสกสมรสแห่งเจ้านายในพระราชวงศ์ และที่สำคัญก็คือ กฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ เป็นต้น
| |
| | |
| ในสมัยรัชกาลที่ ๗ ภายหลังที่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองใน พ.ศ. ๒๔๗๕ ก็ได้มีการตรากฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการเสกสมรสพระราชวงศ์ แก้ไขเพิ่มเติมพุทธศักราช ๒๔๗๕ โดยความเห็นชอบของ
| |
| สภาผู้แทนราษฎร มีประธานคณะกรรมการราษฎรเป็นผู้รับสนองพระบรมราชโอการ
| |
| | |
| ==เนื้อหากฎมณเทียรบาล==
| |
| | |
| เนื้อหาสาระกฎมณเทียรบาลจะเกี่ยวข้องกับเรื่องต่อไปนี้
| |
| | |
| ๑. สถานภาพแห่งองค์พระมหากษัตริย์และความศักดิ์สิทธิ์ของมณเทียรสถาน
| |
| | |
| ๒. สัญลักษณ์แห่งกษัตริยภาพ อันได้แก่ เครื่องราชประโภค ราชาศัพท์ ช้างสำคัญ ม้าสำคัญ
| |
| | |
| ๓. มาตรการรักษาความปลอดภัยแห่งองค์พระมหากษัตริย์และฝ่ายใน
| |
| | |
| ๔. กิจวัตรประจำวันที่พระมหากษัตริย์ต้องทรงปฏิบัติ (พระราชานุกิจ/พระราชนุกิจ)
| |
| | |
| ๕. สถานภาพเจ้านายฝ่ายหน้า
| |
| | |
| ๖. สถานภาพเจ้านายฝ่ายใน
| |
| | |
| ๗. สถานภาพลูกขุน ข้าทูลละออง ข้าราชการ
| |
| | |
| ๘. สถานภาพข้าทูลละอองฝ่ายใน
| |
| | |
| ๙. พระราชนิยมด้านปกครองและอื่น ๆ
| |
| | |
| ๑๐. พระราชพิธี
| |
| | |
| ๑๑. อัยการพระราชสงคราม
| |
| | |
| ๑๒. กฎระเบียบเมื่อเข้าเฝ้า
| |
| | |
| ๑๓. กฎเมื่อแขกเมืองมาเข้าเฝ้าถวายบังคม
| |
| | |
| ==กฎมณเทียรบาลหรือกฎมณเฑียรบาล ที่มีผลใช้บังคับอยู่ในปัจจุบันนี้==
| |
| | |
| ๑. กฎมณเฑียรบาลว่าด้วยครอบครัวแห่งข้าราชการในพระราชสำนัก
| |
| | |
| ๒. ประกาศเพิ่มเติมกฎมณเฑียรบาลว่าด้วยครอบครัวแห่งข้าราชการในพระราชสำนักพระพุทธศักราช ๒๔๕๗
| |
| | |
| ๓. กฎมณเฑียรบาลว่าด้วยครอบคัวแห่งข้าราชการในพระราชสำนัก เพิ่มเติม (ครั้งที่ ๓)
| |
| | |
| ๔. กฎมณเฑียรบาลว่าด้วยข้าราชการในพระราชสำนักเพิ่มเติม
| |
| | |
| ๕. กฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการค้าขายและสมาคมแห่งข้าราชการในพระราชสำนัก
| |
| | |
| ๖. กฎมณเฑียรบาลเพิ่มเติม
| |
| | |
| ๗. กฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการเสกสมรสแห่งเจ้านายในพระราชวงศ์
| |
| | |
| ๘. กฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการสมรสพระราชวงศ์แก้ไขเพิ่มเติม พุทธศักราช ๒๔๗๕
| |
| | |
| ๙. กฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์
| |
| | |
| ในบรรดากฎมณเฑียรบาลที่กล่าวมาทั้งหมด กฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ เป็นกฎมณเฑียรบาลซึ่งถือว่าสำคัญที่สุดและบุคคลทั่วไปเข้าใจว่า หากมีการกล่าวถึงกฎมณเฑียรบาล ก็จะหมายถึงเฉพาะกฎมณเฑียรว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์เท่านั้น
| |
| | |
| ==บทสรุป==
| |
| | |
| ตราบใดที่ราชอาณาจักรไทยยังคงมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ประมุขของรัฐ กฎมณเทียรบาล ก็ยังคงดำรงอยู่สืบไปอันแสดงให้เห็นประวัติศาสตร์ของชาติไทยได้เป็นอย่างดีและอาจจะมีการแก้ไขเพิ่มเติมให้เหมาะสมกับสถานการณ์ของบ้านเมืองตามกาลเวลาที่เปลี่ยนแปลงไป
| |
| | |
| ==อ้างอิง==
| |
| | |
| <references/>
| |
| | |
| ==หนังสือแนะนำให้อ่านต่อ==
| |
| | |
| ๑. วินัย พงศ์ศรีเพียร. กฎมณเทียรบาล ฉบับเฉลิมพระเกียรติ ผลงานวิจัย, กรุงเทพฯ: ห้างหุ้นส่วนจำกัดสามลดา, ๒๕๔๘.
| |
| | |
| ๒. วินัย พงศ์ศรีเพียร. กฎหมายตราสามดวง : หน้าต่างสังคมไทย. พิมพ์ครั้งที่ ๑. กรุงเทพ : ห้างหุ้นส่วนจำกัด สามลดา, ๒๕๔๙.
| |
| | |
| ๓. วิษณุ เครืองาม. กฎมณเฑียรบาลในระบบกฎหมายไทย. พิมพ์ครั้งที่ ๑. กรุงเทพ : สถาบันพระปกเกล้า, ๒๕๕๓.
| |
| | |
| ==บรรณานุกรม==
| |
| | |
| ๑. ราชบัณฑิตยสถาน. พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔. พิมพ์ครั้งที่ ๑. กรุงเทพ : บริษัท ศิริวัฒนาอินเตอร์พริ้นท์ จำกัด (มหาชน), ๒๕๕๖.
| |
| | |
| ๒. วินัย พงศ์ศรีเพียร. กฎหมายตราสามดวง : หน้าต่างสังคมไทย. พิมพ์ครั้งที่ ๑. กรุงเทพ : ห้างหุ้นส่วนจำกัด สามลดา, ๒๕๔๙.
| |
| | |
| ๓. วิษณุ เครืองาม. กฎมณเฑียรบาลในระบบกฎหมายไทย. พิมพ์ครั้งที่ ๑. กรุงเทพ : สถาบันพระปกเกล้า, ๒๕๕๓.
| |
| | |
| ๔. D.B Bradley. อัขราภิธานศรับท์ (Dictionary of the Siamese Language), ค.ศ.๑๘๗๓, หน้า ๑๕๒, อ้างถึงใน ปรีดี พิศภูมิวิถี. กฎมณเทียรบาล : ความสำคัญ โครงสร้างและเนื้อหา, ใน วินัย พงศ์ศรีเพียร บรรณาธิการ. กฎมณเทียรบาล ฉบับเฉลิมพระเกียรติ ผลงานวิจัย, กรุงเทพฯ: ห้างหุ้นส่วนจำกัดสามลดา, ๒๕๔๘.
| |
| | |
| ๕. ศรีพจน์ภาษาไทย์ ไทย-ฝรั่งเศส –อังกฤษ ฉบับบิชอบ J.LVey, ค.ศ.๑๘๙๖, อ้างถึงใน ปรีดี พิศภูมิวิถี. กฎมณเทียรบาล : ความสำคัญ โครงสร้างและเนื้อหา, ใน วินัย พงศ์ศรีเพียร บรรณาธิการ. กฎมณเทียรบาล ฉบับเฉลิมพระเกียรติ ผลงานวิจัย, กรุงเทพฯ: ห้างหุ้นส่วนจำกัดสามลดา, ๒๕๔๘
| |
| | |
| ๖. กฎมณเทียรบาล. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: http:// www.krisdika.go.th/wps/portal/general สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา. (เมื่อวันที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๕๗)
| |
| | |
| ----
| |
| | |
| [[หมวดหมู่: พระมหากษัตริย์]]
| |