ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ทรงวางรากฐานกิจการข้าราชการพลเรือน"
ลไม่มีความย่อการแก้ไข |
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัดที่ 1: | บรรทัดที่ 1: | ||
การเปิดโอกาสให้บุคคลที่มีความรู้ความสามารถ ได้เข้ามามีบทบาทในกิจการบ้านเมืองอย่างเท่าเทียม ด้วยการสอบแข่งขันเข้าบรรจุเป็นข้าราชการและใช้ระเบียบปฏิบัติเป็นแบบแผนเดียวกันอย่างในปัจจุบันนั้น เป็นเรื่องใหม่ของสังคมไทยเมื่อ ๘๐ ปีก่อน | การเปิดโอกาสให้บุคคลที่มีความรู้ความสามารถ ได้เข้ามามีบทบาทในกิจการบ้านเมืองอย่างเท่าเทียม ด้วยการสอบแข่งขันเข้าบรรจุเป็นข้าราชการและใช้ระเบียบปฏิบัติเป็นแบบแผนเดียวกันอย่างในปัจจุบันนั้น เป็นเรื่องใหม่ของสังคมไทยเมื่อ ๘๐ ปีก่อน | ||
เป็นผลมาจากพระราชดำริใน[[พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว]] ที่จะทรงเห็นควรมีกรรมการสอบคัดเลือกคนเข้ารับราชการ เพื่อวางรากฐานการบริหารงานบุคคลของชาติให้เป็นระบบ ซึ่งแตกต่างจากเดิมที่ใครประสงค์จะเข้ารับราชการก็ไปฝากตัวแก่หัวหน้าส่วนราชการนั้นโดยตรง | |||
หลังจากมีผู้ถวายร่าง[[พระราชบัญญัติ]]หลายฉบับ จนกระทั่ง พุทธศักราช ๒๔๗๐ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ตั้งกรรมการกลางสำหรับรักษาระเบียบข้าราชการพลเรือน มีชื่อเรียกในขณะนั้นว่า "[[คณะกรรมการรักษาพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน]]" หรือ "[[ก.ร.พ.]]" ทำหน้าที่ดูแลการบรรจุ แต่งตั้ง โยกย้าย ควบคุมให้อยู่ในระเบียบวินัยของราชการ รวมทั้งจัดการสอบเพื่อเลือกสรรผู้สมัครเข้ารับราชการ และจัดการศึกษาของ[[นักเรียนหลวงฝ่ายพลเรือน]]ที่ส่งไปศึกษาวิชา ณ ต่างประเทศ | |||
หลังจากได้มีการพิจารณาแก้ไขรายละเอียดในที่[[ประชุมเสนาบดี]]หลายครั้งก็ทรงประกาศเป็น[[พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พุทธศักราช ๒๔๗๑]] และซึ่งให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน พุทธศักราช ๒๔๗๒ ผลแห่งพระราชดำรินั้นได้สร้างความเปลี่ยนแปลง และคุณูปการแก่กิจการ[[ข้าราชการพลเรือน]]มาจนถึงปัจจุบัน | |||
ต่อมา "คณะกรรมการรักษาพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน" หรือ "ก.ร.พ." ได้เปลี่ยนชื่อเป็น | ต่อมา "คณะกรรมการรักษาพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน" หรือ "ก.ร.พ." ได้เปลี่ยนชื่อเป็น “[[คณะกรรมการข้าราชการพลเรือน]]” หรือ [[ก.พ.]]รับผิดชอบงานด้านการบริหารบุคคลของข้าราชการพลเรือนเป็นกำลังสำคัญใน[[การบริหารกิจการภาครัฐ]]เพื่อพัฒนาประเทศชาติให้ก้าวหน้ามาจนปัจจุบัน | ||
'''ที่มา ''' | '''ที่มา ''' |
รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 10:09, 10 กุมภาพันธ์ 2559
การเปิดโอกาสให้บุคคลที่มีความรู้ความสามารถ ได้เข้ามามีบทบาทในกิจการบ้านเมืองอย่างเท่าเทียม ด้วยการสอบแข่งขันเข้าบรรจุเป็นข้าราชการและใช้ระเบียบปฏิบัติเป็นแบบแผนเดียวกันอย่างในปัจจุบันนั้น เป็นเรื่องใหม่ของสังคมไทยเมื่อ ๘๐ ปีก่อน เป็นผลมาจากพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่จะทรงเห็นควรมีกรรมการสอบคัดเลือกคนเข้ารับราชการ เพื่อวางรากฐานการบริหารงานบุคคลของชาติให้เป็นระบบ ซึ่งแตกต่างจากเดิมที่ใครประสงค์จะเข้ารับราชการก็ไปฝากตัวแก่หัวหน้าส่วนราชการนั้นโดยตรง
หลังจากมีผู้ถวายร่างพระราชบัญญัติหลายฉบับ จนกระทั่ง พุทธศักราช ๒๔๗๐ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ตั้งกรรมการกลางสำหรับรักษาระเบียบข้าราชการพลเรือน มีชื่อเรียกในขณะนั้นว่า "คณะกรรมการรักษาพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน" หรือ "ก.ร.พ." ทำหน้าที่ดูแลการบรรจุ แต่งตั้ง โยกย้าย ควบคุมให้อยู่ในระเบียบวินัยของราชการ รวมทั้งจัดการสอบเพื่อเลือกสรรผู้สมัครเข้ารับราชการ และจัดการศึกษาของนักเรียนหลวงฝ่ายพลเรือนที่ส่งไปศึกษาวิชา ณ ต่างประเทศ
หลังจากได้มีการพิจารณาแก้ไขรายละเอียดในที่ประชุมเสนาบดีหลายครั้งก็ทรงประกาศเป็นพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พุทธศักราช ๒๔๗๑ และซึ่งให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน พุทธศักราช ๒๔๗๒ ผลแห่งพระราชดำรินั้นได้สร้างความเปลี่ยนแปลง และคุณูปการแก่กิจการข้าราชการพลเรือนมาจนถึงปัจจุบัน
ต่อมา "คณะกรรมการรักษาพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน" หรือ "ก.ร.พ." ได้เปลี่ยนชื่อเป็น “คณะกรรมการข้าราชการพลเรือน” หรือ ก.พ.รับผิดชอบงานด้านการบริหารบุคคลของข้าราชการพลเรือนเป็นกำลังสำคัญในการบริหารกิจการภาครัฐเพื่อพัฒนาประเทศชาติให้ก้าวหน้ามาจนปัจจุบัน
ที่มา
บทสารคดี “ปกเกล้าธรรมราชา” สารคดีเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่ในวโรกาสครบ ๑๒๐ ปี แห่งวันพระบรมราชสมภพและเป็นบุคคลสำคัญของโลก โดยองค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ประจำปี ๒๕๕๖