ผลต่างระหว่างรุ่นของ "สมเด็จเจ้าฟ้า กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช"

จาก ฐานข้อมูลการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า
Suksan (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Suksan (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
 
(ไม่แสดง 2 รุ่นระหว่างกลางโดยผู้ใช้คนเดียวกัน)
บรรทัดที่ 4: บรรทัดที่ 4:
----
----


ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 อันเป็นยุคสมัยที่สยามประเทศจะต้องมีการปฏิรูปบ้านเมืองในหลายๆ ด้านพร้อมกัน เพื่อปรับปรุงบ้านเมืองให้เจริญก้าวหน้าเช่นเดียวกับนานาอารยประเทศ บุคคลผู้มีบทบาทสำคัญในการปรับปรุงและพัฒนาแผ่นดินสยามในยุคนั้นพระองค์หนึ่ง ก็คือ สมเด็จเจ้าฟ้า กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช ทรงเป็นปูชนียบุคคลที่มีความสำคัญยิ่ง ด้วยทรงมีพระปรีชาสามารถและมีพระอิจฉริยภาพหลากหลายด้าน กอปรกับการที่ทรงประกอบพระราชกิจในด้านต่างๆ จึงเป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัยในการปฏิบัติราชการแทนพระองค์ โดยทรงงานถวายพระเจ้าอยู่หัวถึง 3 รัชกาล ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ถึงรัชกาลที่ 7 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกิจการทหาร พระองค์ทรงดำรงตำแหน่งที่สำคัญๆ อาทิ เสนาบดีว่าการกระทรวงยุทธนาธิการ เสนาบดีกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการทหารเรือไทย นอกจากนี้ ทรงเป็นอธิบดีกรมไปรษณีย์เป็นพระองค์แรกของประเทศไทย โดยทรงปรับปรุงกิจการไปรษณีย์ของไทยให้มีความก้าวหน้าและทันสมัย ด้วยพระกรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อกิจการไปรษณีย์ของประเทศไทย พระองค์จึงได้รับการสดุดีพระเกียรติคุณเป็น “พระบิดาแห่งการไปรษณีย์ไทย”
ในรัชสมัย[[พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว]] รัชกาลที่ 5 อันเป็นยุคสมัยที่สยามประเทศจะต้องมีการปฏิรูปบ้านเมืองในหลายๆ ด้านพร้อมกัน เพื่อปรับปรุงบ้านเมืองให้เจริญก้าวหน้าเช่นเดียวกับนานาอารยประเทศ บุคคลผู้มีบทบาทสำคัญในการปรับปรุงและพัฒนาแผ่นดินสยามในยุคนั้นพระองค์หนึ่ง ก็คือ สมเด็จเจ้าฟ้า กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช ทรงเป็นปูชนียบุคคลที่มีความสำคัญยิ่ง ด้วยทรงมีพระปรีชาสามารถและมีพระอิจฉริยภาพหลากหลายด้าน กอปรกับการที่ทรงประกอบพระราชกิจในด้านต่างๆ จึงเป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัยในการปฏิบัติราชการแทนพระองค์ โดยทรงงานถวายพระเจ้าอยู่หัวถึง 3 รัชกาล ตั้งแต่สมัย[[รัชกาลที่ 5]] ถึง[[รัชกาลที่ 7]] โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกิจการทหาร พระองค์ทรงดำรงตำแหน่งที่สำคัญๆ อาทิ เสนาบดีว่าการกระทรวงยุทธนาธิการ เสนาบดีกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการทหารเรือไทย นอกจากนี้ ทรงเป็นอธิบดีกรมไปรษณีย์เป็นพระองค์แรกของประเทศไทย โดยทรงปรับปรุงกิจการไปรษณีย์ของไทยให้มีความก้าวหน้าและทันสมัย ด้วยพระกรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อกิจการไปรษณีย์ของประเทศไทย พระองค์จึงได้รับการสดุดีพระเกียรติคุณเป็น “[[พระบิดาแห่งการไปรษณีย์ไทย]]”


==พระประวัติ==
==พระประวัติ==


สมเด็จเจ้าฟ้า กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช เป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 และสมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี และทรงเป็นพระโสทรในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ประสูติเมื่อวันพุธ เดือนยี่ แรม 4 ค่ำ ปีมะแม เอกศก จุลศักราช 1221 ตรงกับวันที่ 11 มกราคม พุทธศักราช 2402 ณ พระตำหนักที่ประทับเดิมของสมเด็จพระศรีสลาไลย ซึ่งเป็นที่ตั้งหมู่พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท พระบรมมหาราชวัง ทรงมีพระนามเดิมว่า “สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์” มีพระเชษฐาและพระเชษฐภคินีร่วมพระราชบิดาและพระราชมารดา 4 พระองค์ ดังนี้  
สมเด็จเจ้าฟ้า กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช เป็นพระราชโอรสใน[[พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว]] รัชกาลที่ 4 และ[[สมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี]] และทรงเป็นพระโสทรในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ประสูติเมื่อวันพุธ เดือนยี่ แรม 4 ค่ำ ปีมะแม เอกศก จุลศักราช 1221 ตรงกับวันที่ 11 มกราคม พุทธศักราช 2402 ณ พระตำหนักที่ประทับเดิมของสมเด็จพระศรีสลาไลย ซึ่งเป็นที่ตั้งหมู่พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท พระบรมมหาราชวัง ทรงมีพระนามเดิมว่า “[[สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์]]” มีพระเชษฐาและพระเชษฐภคินีร่วมพระราชบิดาและพระราชมารดา 4 พระองค์ ดังนี้  
   
   
1.  สมเด็จเจ้าฟ้าชายจุฬาลงกรณ์ (พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว)  
1.  สมเด็จเจ้าฟ้าชายจุฬาลงกรณ์ ([[พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว]])  


2.  สมเด็จเจ้าฟ้าหญิงจันทรมณฑลโสภณภควดี (สมเด็จเจ้าฟ้า กรมหลวงวิสุทธิกษัตริย์)
2.  สมเด็จเจ้าฟ้าหญิงจันทรมณฑลโสภณภควดี ([[สมเด็จเจ้าฟ้า กรมหลวงวิสุทธิกษัตริย์]])
   
   
3.  สมเด็จเจ้าฟ้าชายจาตุรนต์รัศมี (สมเด็จเจ้าฟ้า กรมพระจักรพรรดิพงศ์)
3.  สมเด็จเจ้าฟ้าชายจาตุรนต์รัศมี ([[สมเด็จเจ้าฟ้า กรมพระจักรพรรดิพงศ์]])
   
   
4.  สมเด็จเจ้าฟ้าชายภาณุรังษีสว่างวงศ์ (จอมพล สมเด็จพระราชปิตุลาบรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช)  
4.  สมเด็จเจ้าฟ้าชายภาณุรังษีสว่างวงศ์ ([[จอมพล สมเด็จพระราชปิตุลาบรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช]])<ref>ธำรงศักดิ์  อายุวัฒนะ. ราชสกุลจักรีวงศ์และราชสกุลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช. พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพฯ :  บรรณกิจ 1991,  2544, หน้า 100 – 101. </ref>


สมเด็จเจ้าฟ้า กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช จึงเป็นพระราชโอรสลำดับสุดท้ายในสมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี และอยู่ในลำดับที่ 45  ในบรรดาพระราชโอรสและพระราชธิดาทั้งหมด 82 พระองค์ ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
สมเด็จเจ้าฟ้า กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช จึงเป็นพระราชโอรสลำดับสุดท้ายในสมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี และอยู่ในลำดับที่ 45<ref>กรมศิลปากร. สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์, ราชสกุลวงศ์. กรุงเทพฯ : สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร. 2544, หน้า 65 – 66. </ref> ในบรรดาพระราชโอรสและพระราชธิดาทั้งหมด 82 พระองค์ ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว


==การศึกษาและการับราชการ ==
==การศึกษาและการับราชการ ==
บรรทัดที่ 26: บรรทัดที่ 26:
สมเด็จเจ้าฟ้า กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช ทรงรับราชการในตำแหน่งต่างๆ ทั้งฝ่ายทหารและฝ่ายพลเรือน โดยพระองค์ทรงมีตำแหน่งที่สำคัญๆ หลายตำแหน่ง ดังนี้
สมเด็จเจ้าฟ้า กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช ทรงรับราชการในตำแหน่งต่างๆ ทั้งฝ่ายทหารและฝ่ายพลเรือน โดยพระองค์ทรงมีตำแหน่งที่สำคัญๆ หลายตำแหน่ง ดังนี้


สมัยรัชกาลที่ 5 ทรงได้รับตำแหน่งราชองครักษ์ เสนาบดีกระทรวงยุทธนาธิการ  เสนาบดีกระทรวงกลาโหม อธิบดีกรมไปรษณีย์และโทรเลขพระองค์แรก ราชทูตพิเศษเสด็จไปประเทศญี่ปุ่น  และเสด็จไปยุโรป
สมัย[[รัชกาลที่ 5]] ทรงได้รับตำแหน่งราชองครักษ์ เสนาบดีกระทรวงยุทธนาธิการ  เสนาบดีกระทรวงกลาโหม อธิบดีกรมไปรษณีย์และโทรเลขพระองค์แรก ราชทูตพิเศษเสด็จไปประเทศญี่ปุ่น  และเสด็จไปยุโรป


สมัยรัชกาลที่ 6 ทรงได้รับตำแหน่งจอมพลทหารบก จอมพลทหารเรือ ราชองครักษ์ และจเรทหารทั่วไป
สมัย[[รัชกาลที่ 6]] ทรงได้รับตำแหน่งจอมพลทหารบก จอมพลทหารเรือ ราชองครักษ์ และจเรทหารทั่วไป
   
   
สมัยรัชกาลที่ 7 ทรงดำรงตำแหน่งอภิรัฐมนตรี
สมัย[[รัชกาลที่ 7]] ทรงดำรงตำแหน่ง[[อภิรัฐมนตรี]]


สมเด็จเจ้าฟ้า ภาณุพันธุวงศ์วรเดช จึงเป็นผู้มีบทบาทที่สำคัญต่อชาติบ้านเมือง ในฐานะที่เป็นเจ้านายชั้นผู้ใหญ่ มีตำแหน่งราชการสำคัญๆ ของชาติในสมัยนั้น จึงได้รับพระสมัญญาว่า “ทรงเป็นหลักเมืองหรือหลักแผ่นดินของชาติ”  
สมเด็จเจ้าฟ้า ภาณุพันธุวงศ์วรเดช จึงเป็นผู้มีบทบาทที่สำคัญต่อชาติบ้านเมือง ในฐานะที่เป็นเจ้านายชั้นผู้ใหญ่ มีตำแหน่งราชการสำคัญๆ ของชาติในสมัยนั้น จึงได้รับพระสมัญญาว่า “ทรงเป็นหลักเมืองหรือหลักแผ่นดินของชาติ”  
บรรทัดที่ 85: บรรทัดที่ 85:


สมเด็จเจ้าฟ้า กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช เสด็จทิวงคต ในรัชกาลที่ 7 เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2471 ขณะพระชันษา 69 พรรษา  
สมเด็จเจ้าฟ้า กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช เสด็จทิวงคต ในรัชกาลที่ 7 เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2471 ขณะพระชันษา 69 พรรษา  
==อ้างอิง==
<references/>


==บรรณานุกรม==
==บรรณานุกรม==

รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 16:06, 6 ตุลาคม 2557

ผู้เรียบเรียง : อมรรัตน์ เจือจาน

ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ : นายจเร พันธุ์เปรื่อง


ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 อันเป็นยุคสมัยที่สยามประเทศจะต้องมีการปฏิรูปบ้านเมืองในหลายๆ ด้านพร้อมกัน เพื่อปรับปรุงบ้านเมืองให้เจริญก้าวหน้าเช่นเดียวกับนานาอารยประเทศ บุคคลผู้มีบทบาทสำคัญในการปรับปรุงและพัฒนาแผ่นดินสยามในยุคนั้นพระองค์หนึ่ง ก็คือ สมเด็จเจ้าฟ้า กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช ทรงเป็นปูชนียบุคคลที่มีความสำคัญยิ่ง ด้วยทรงมีพระปรีชาสามารถและมีพระอิจฉริยภาพหลากหลายด้าน กอปรกับการที่ทรงประกอบพระราชกิจในด้านต่างๆ จึงเป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัยในการปฏิบัติราชการแทนพระองค์ โดยทรงงานถวายพระเจ้าอยู่หัวถึง 3 รัชกาล ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ถึงรัชกาลที่ 7 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกิจการทหาร พระองค์ทรงดำรงตำแหน่งที่สำคัญๆ อาทิ เสนาบดีว่าการกระทรวงยุทธนาธิการ เสนาบดีกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการทหารเรือไทย นอกจากนี้ ทรงเป็นอธิบดีกรมไปรษณีย์เป็นพระองค์แรกของประเทศไทย โดยทรงปรับปรุงกิจการไปรษณีย์ของไทยให้มีความก้าวหน้าและทันสมัย ด้วยพระกรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อกิจการไปรษณีย์ของประเทศไทย พระองค์จึงได้รับการสดุดีพระเกียรติคุณเป็น “พระบิดาแห่งการไปรษณีย์ไทย

พระประวัติ

สมเด็จเจ้าฟ้า กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช เป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 และสมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี และทรงเป็นพระโสทรในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ประสูติเมื่อวันพุธ เดือนยี่ แรม 4 ค่ำ ปีมะแม เอกศก จุลศักราช 1221 ตรงกับวันที่ 11 มกราคม พุทธศักราช 2402 ณ พระตำหนักที่ประทับเดิมของสมเด็จพระศรีสลาไลย ซึ่งเป็นที่ตั้งหมู่พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท พระบรมมหาราชวัง ทรงมีพระนามเดิมว่า “สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์” มีพระเชษฐาและพระเชษฐภคินีร่วมพระราชบิดาและพระราชมารดา 4 พระองค์ ดังนี้

1. สมเด็จเจ้าฟ้าชายจุฬาลงกรณ์ (พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว)

2. สมเด็จเจ้าฟ้าหญิงจันทรมณฑลโสภณภควดี (สมเด็จเจ้าฟ้า กรมหลวงวิสุทธิกษัตริย์)

3. สมเด็จเจ้าฟ้าชายจาตุรนต์รัศมี (สมเด็จเจ้าฟ้า กรมพระจักรพรรดิพงศ์)

4. สมเด็จเจ้าฟ้าชายภาณุรังษีสว่างวงศ์ ([[จอมพล สมเด็จพระราชปิตุลาบรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช]])[1]

สมเด็จเจ้าฟ้า กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช จึงเป็นพระราชโอรสลำดับสุดท้ายในสมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี และอยู่ในลำดับที่ 45[2] ในบรรดาพระราชโอรสและพระราชธิดาทั้งหมด 82 พระองค์ ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

การศึกษาและการับราชการ

เมื่อปี พ.ศ. 2409 พระองค์ทรงเริ่มศึกษาเล่าเรียนหนังสือเบื้องต้นจากสำนักครูผู้หญิง ต่อมาในปี พ.ศ. 2414 ทรงศึกษาหนังสือขอม ภาษาบาลี จากสำนักพระยาปริยัติธาดา จากนั้นในปี พ.ศ. 2515 ทรงเล่าเรียนวิชาทหารในสำนักกรมทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ และในปี พ.ศ. 2516 ทรงศึกษาภาษาอังกฤษในสำนักมิสเตอร์ฟรานซิส ยอร์ช แพตเตอร์สัน แห่งโรงเรียนทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ นอกจากนี้ทรงศึกษาแบบอย่างราชการ แบบธรรมเนียม พระราชประเพณีจากสมเด็จพระเจ้า บรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยาบำราบปรปักษ์ เจ้านายชั้นผู้ใหญ่ ผู้ทรงเป็นที่ปรึกษาราชการในพระองค์ จึงทำให้ทรงพระปรีชาสามารถรอบรู้และมีพระอัจฉริยภาพในด้างต่างๆ ทรงประกอบพระราชกิจจนได้รับพระมหากรุณาธิคุณ ให้เลื่อนตำแหน่งชั้นยศทั้งฝ่ายทหารและฝ่ายพลเรือนสูงขึ้นเป็นลำดับ

สมเด็จเจ้าฟ้า กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช ทรงรับราชการในตำแหน่งต่างๆ ทั้งฝ่ายทหารและฝ่ายพลเรือน โดยพระองค์ทรงมีตำแหน่งที่สำคัญๆ หลายตำแหน่ง ดังนี้

- สมัยรัชกาลที่ 5 ทรงได้รับตำแหน่งราชองครักษ์ เสนาบดีกระทรวงยุทธนาธิการ เสนาบดีกระทรวงกลาโหม อธิบดีกรมไปรษณีย์และโทรเลขพระองค์แรก ราชทูตพิเศษเสด็จไปประเทศญี่ปุ่น และเสด็จไปยุโรป

- สมัยรัชกาลที่ 6 ทรงได้รับตำแหน่งจอมพลทหารบก จอมพลทหารเรือ ราชองครักษ์ และจเรทหารทั่วไป

- สมัยรัชกาลที่ 7 ทรงดำรงตำแหน่งอภิรัฐมนตรี

สมเด็จเจ้าฟ้า ภาณุพันธุวงศ์วรเดช จึงเป็นผู้มีบทบาทที่สำคัญต่อชาติบ้านเมือง ในฐานะที่เป็นเจ้านายชั้นผู้ใหญ่ มีตำแหน่งราชการสำคัญๆ ของชาติในสมัยนั้น จึงได้รับพระสมัญญาว่า “ทรงเป็นหลักเมืองหรือหลักแผ่นดินของชาติ”

พระกรณียกิจ

ด้านการทหารความมั่นคงของชาติ

สมเด็จเจ้าฟ้า กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช ทรงมีพระนิยมในกิจการทหารและทรงมีพระปรีชาสามารถในกิจการทหารมาตั้งแต่พระชันษา 17 พรรษา โดยได้รับการโปรดเกล้าฯ ให้ทรงเป็นนายทหารพิเศษในกรมทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ เพื่อทรงศึกษาวิชาการทหารและทรงฝึกการบังคับบัญชาทหารให้ทรงมีประสิทธิภาพเป็นประโยชน์ต่อกิจการทหารสืบต่อไปในภายหน้า นอกจากนี้พระองค์ทรงเคยโดยเสด็จพระบรมเชษฐาธิราชเจ้าและเคยเสด็จเยือนชาติมหาอำนาจทางการทหาร จึงทำให้พระองค์ทรงมีพระปรีชาสามารถในการบังคับบัญชาและการปรับปรุงกิจการทหารตามพระราชประสงค์ จึงได้รับการโปรดเกล้าฯ ทรงดำรงตำแหน่งทางการทหารที่สำคัญ อาทิ ผู้บัญชาการกรมยุทธนาธิการ ผู้สำเร็จราชการรักษาพระนครในระหว่างเสด็จ พระราชดำเนินประพาสหัวเมืองในชวา เสนาบดีกระทรวงกลาโหม และทรงดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารเรืออีกตำแหน่งหนึ่ง

ด้านการบริหารราชการแผ่นดิน

สมเด็จเจ้าฟ้า กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช ทรงเป็นพระราชอนุชาที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชประสงค์ให้เป็นผู้ช่วยราชการในกิจการทั้งปวงแทนพระองค์ในอนาคต จากพระปรีชาสามารถ พระอุปนิสัย และพระอัธยาศัย ตลอดจนพระบุคลิกลักษณะของสมเด็จเจ้าฟ้า กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช ทำให้พระองค์ทรงที่ไว้วางพระราชหฤทัยในการปฏิบัติราชการแทนพระเจ้าอยู่หัวถึง 3 รัชกาล ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ถึงรัชกาลที่ 7 ในกรณีที่ทรงเสด็จพระราชดำเนินเยือนต่างประเทศหรือกรณีที่ทรงเสด็จประพาสหัวเมืองต่างๆ ตลอดจนกรณีที่ทรงมีพระราชกรณียกิจสำคัญ อันนับได้ว่า สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช ทรงปฏิบัติหน้าที่ด้านการบริหารราชการแผ่นดินแทนองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เป็นอย่างดี

นอกจากภารกิจในด้านการทหารและความมั่นคงแล้ว ทรงเป็นเป็นบุคคลแรกในการจุดประกายกิจการด้านสื่อสารไปรษณีย์ให้เกิดขึ้นในสยามประเทศ ในกรมทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ เมื่อพุทธศักราช 2418 ทรงร่วมกับพระบรมวงศานุวงศ์อีก 10 พระองค์ จัดทำหนังสือพิมพ์รายวันขึ้นฉบับหนึ่ง มีชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่า “COURT” (อ่านว่า “คอต”) ก่อนเปลี่ยนชื่อเป็นภาษาไทยในภายหลังว่า “ข่าวราชการ” เพื่อแจ้งความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับข้อราชการและความเป็นไปในราชสำนัก ข่าวเหตุการณ์บ้านเมืองเฉพาะในหมู่เจ้านายเป็นสำคัญ โดยมีสำนักงานตั้งอยู่ ณ หอนิเพทพิทยา ในพระบรมมหาราชวัง

หนังสือพิมพ์ “COURT” ได้ออกฉบับแรกเมื่อวันอาทิตย์ที่ 26 กันยายน พุทธศักราช 2418 ในชั้นต้นองค์คณะผู้ดำเนินการตั้งพระทัยจะทูลเกล้าฯ ถวายและแจกกันในหมู่เจ้านาย เป็นจำนวนมากโดยในช่วงแรกนั้น ผู้รับหนังสือต้องไปรับที่สำนักงาน ณ หอนิเพทพิทยา ในพระบรมมหาราชวัง แต่ต่อมาเกิดภาระในการจัดเก็บมากขึ้น จึงโปรดให้มีบุรุษหนังสือ หรือ “โปศตแมน” (postman) เพื่อนำส่งให้สมาชิกในตอนเช้าทุกวัน โดยคิดค่าบอกรับหนังสือปีละ 10 บาท ค่านำส่งปีละ 2 บาท พร้อมกันนั้นทรงจัดพิมพ์ “ตั๋วแสตมป์” เพื่อใช้เป็นค่าบริการส่งหนังสือที่จะจำหน่ายแก่สมาชิกผู้รับหนังสือข่าวราชการ

พระอิสริยยศ

สมัยรัชกาลที่ 4

- เมื่อมีพระราชพิธีสมโภชเดือน ในปี พ.ศ. 2402 ได้รับพระราชทานพระนามว่า “สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงษ์”

สมัยรัชกาลที่ 5

- พ.ศ. 2413 ทรงเฉลิมพระนามเป็น “สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงษ์”

- พ.ศ. 2424 ทรงเลื่อนพระอิสริยยศเป็น “สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงษ์ กรมหลวงภาณุพันธุวงศ์วรเดช” และทรงเป็นอธิบดีกรมไปรษณีย์และโทรเลขในปีนั้น

- พ.ศ. 2428 เลื่อนพระอิสริยยศเป็น “สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงษ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช”

สมัยรัชกาลที่ 6

- พ.ศ. 2454 ทรงเฉลิมพระยศเลื่อนขึ้นเป็น “สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงษ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช”

สมัยรัชกาลที่ 7

- พ.ศ. 2468 ทรงเฉลิมพระนามเป็น “สมเด็จพระราชปิตุลาบรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงษ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช”

ราชตระกูล

สมเด็จเจ้าฟ้า กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช ทรงเป็นต้นราชสกุล “ภาณุพันธ์ ณ อยุธยา” ทรงมีชายาและหม่อมห้าม รวม 5 คน ได้แก่

1. หม่อมเลียม ศุภสิทธิ์ มีพระธิดา 1 พระองค์

2. หม่อมแม้น บุนนาค (หม่อมห้ามสะใภ้หลวง) มีพระโอรสและพระธิดา 3 พระองค์

3. หม่อมสุ่น ปักษีวงศา มีพระโอรส 1 พระองค์

4. หม่อมลับ จาติกรัตน์ มีพระโอรส 1 พระองค์

5. หม่อมเล็ก ยงใจยุทธ มีพระโอรสและพระธิดา 8 พระองค์แต่พระองค์สุดท้องสิ้นชีพิตักษัยขณะคลอดพร้อมกับหม่อมเล็กในวันประสูติ เมื่อวันที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2461

สมเด็จเจ้าฟ้า กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช เสด็จทิวงคต ในรัชกาลที่ 7 เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2471 ขณะพระชันษา 69 พรรษา

อ้างอิง

  1. ธำรงศักดิ์ อายุวัฒนะ. ราชสกุลจักรีวงศ์และราชสกุลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช. พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพฯ : บรรณกิจ 1991, 2544, หน้า 100 – 101.
  2. กรมศิลปากร. สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์, ราชสกุลวงศ์. กรุงเทพฯ : สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร. 2544, หน้า 65 – 66.

บรรณานุกรม

1. กรมศิลปากร. สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์. ราชสกุลวงศ์. กรุงเทพฯ: สำนักวรรณกรรมและ ประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร, 2554.

2. ธำรงศักดิ์ อายุวัฒนะ. ราชสกุลจักรีวงศ์และราชสกุลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช. กรุงเทพฯ : บรรณกิจ 1991, พิมพ์ครั้งที่ 3. 2544.

3. กัลยา เกื้อตระกูล. ราชสกุลสยาม. กรุงเทพฯ : ห้างหุ้นส่วนจำกัดภาพพิมพ์, พิมพ์ครั้งที่ 2. 2552.

4. บริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด. 125 ปี ไปรษณีย์ไทย. กรุงเทพฯ: บริษัทดาวฤกษ์ คอมมูนิเคชั่นส์ จำกัด. 2551.

5. จอมพล สมเด็จพระราชปิตุลาบรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังสีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช, แหล่งที่มา : http://www.navy.mi.th/newwww/history 150/hispdf.pdf , สืบค้นเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2557.

หนังสือแนะนำให้อ่านต่อ

1. คณะกรรมการจัดพิมพ์หนังสือที่ระลึกและจดหมายเหตุพระราชพิธีสมมงคลพระชนมายุเท่าพระบาทสมเด็จ พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช. จดหมายเหตุเรื่อง ทรงตั้งพระบรมวงศานุวงศ์กรุงรัตนโกสินทร์ เล่ม 2. กรุงเทพฯ : กรมศิลปากร, 2545.

2. ราชบัณฑิตยสภา. เรื่องเฉลิมพระยศเจ้านาย ฉบับมีพระรูป. กรุงเทพฯ: อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง, พิมพ์ครั้งที่ 2. 2538.

3. กองทัพเรือ. เรื่องเฉลิมพระยศเจ้านาย เล่ม 2. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์กรุงเทพ, พิมพ์ครั้งที่ 3. 2538.